เพราะอะไรจึงทรงทำนายว่า...พระธรรมของพระพุทธเจ้าจะอยู่ห้าพันปี
#1
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 11:15 AM
#2
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 11:29 AM
#3
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 11:30 AM
๑๐๐๐ ปีแรก มีพระอรหันต์ผู้ได้บรรลุปฏิสัมภิทา
๑๐๐๐ ปีที่สอง มีเพียงพระอรหันต์ประเภทสุกขวิปัสสกะ
๑๐๐๐ ปีที่สาม มีเพียงพระอริยะขั้นพระอนาคามี
๑๐๐๐ ปีที่สี่ มีเพียงพระอริยะขั้นพระสกทาคามี
๑๐๐๐ ปีที่ห้า มีเพียงพระอริยะขั้นพระโสดาบัน
เลย ๕๐๐๐ ปีนั้นไป พระภิกษุในพระพุทธศาสนาจะละทิ้งแม้กระทั่งการเล่าเรียนพระธรรมวินัย ได้ชื่อว่าเป็นพระเพียงแค่โกนศีรษะครองผ้ากาสาวพัสตร์เท่านั้น
(วินย.อ. ๓/๔๐๓/๔๐๗ ฉบับมหาจุฬาเตปิฏกํ)
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#4
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 11:33 AM
#5
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 12:27 PM
#6
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 01:12 PM
แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป
แต่..
เ ป้ า ห ม า ย ไ ม่ เ ป ลี่ ย น แ ป ร
#7
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 02:27 PM
ถาม
1. พระผู้สำเร็จ ถือว่าอยู่ในประเภทสุกขวิปัสสกะ รึเปล่า ?? (เขาว่ายังมีอยู่อีกเยอะ)
2. ช่วยอธิบายความแตกต่างของพระอรหันต์ทั้งสองประเภทนี้หน่อยค่ะ
2.1. ๑๐๐๐ ปีแรก มีพระอรหันต์ผู้ได้บรรลุปฏิสัมภิทา
2.2. ๑๐๐๐ ปีที่สอง มีเพียงพระอรหันต์ประเภทสุกขวิปัสสกะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#8
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 04:06 PM
1. พระผู้สำเร็จ ไม่ใช่ พระอรหันต์แบบสุกขวิปัสสกะน่ะครับ พระอรหันต์แบบสุขวิปัสสกะ หมายถึง พระอรหันต์ที่บรรลุธรรมอย่างเดียว แต่ไม่มีฤทธิ์ใดๆ น่ะครับ ส่วนพระผู้สำเร็จนั้น จะมีฤทธิ์อยู่ในอภิญญา 5 (อาจมี 1 ข้อ 2 ข้อ หรือทั้ง 5 ข้อ) ได้แก่ หูทิพย์ ตาทิพย์ ล่องหนหายตัว เหาะเหินเดินอากาศ แปลงกาย รู้ใจผู้อื่น ฯลฯ แต่ไม่มีอภิญญาข้อที่ 6 คือ หมดกิเลสน่ะครับ (อย่าไปฟังเขาว่าเลยครับ ให้ฟังครูไม่ใหญ่ดีกว่า)
2.1 บรรลุปฏิสัมภิทา หมายถึง ปฏิสัมภิทาญาณ 4 ได้แก่ 1. ปัญญาแตกฉานในอรรถ (เนื้อความใจความ) 2. ปัญญาแตกฉานในธรรม 3. ปัญญาแตกฉานในภาษา 4. ปัญญาแตกฉานในไหวพริบปฏิภาณ พระอรหันต์ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา หมายถึง พระอรหันต์ผู้มีความสามารถในการสอนธรรม แสดงธรรมนั่นเอง
2.2 บรรลุสุขวิปัสสกะ หมายถึง หมดกิเลสอย่างเดียว ไม่มีฤทธิ์ ไม่มีปัญญายิ่งในการสอนธรรมะน่ะครับ
#9
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 04:22 PM
๑๐๐๐ ปีที่สอง มีเพียงพระอรหันต์ประเภทสุกขวิปัสสกะ
๑๐๐๐ ปีแรก มีพระอรหันต์ผู้ได้บรรลุปฏิสัมภิทา
บรรลุปฏิสัมภิทา
ปฏิสัมภิทา ความแตกฉาน, ความรู้แตกฉาน,
ปัญญาแตกฉาน มี ๔ คือ
๑. อัตถปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในอรรถ
๒. ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในธรรม
๓. นิรุตติปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในนิรุกติ คือ ภาษา
๔. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในปฏิภาณ
๑๐๐๐ ปีที่สอง มีเพียงพระอรหันต์ประเภทสุกขวิปัสสกะ ขอคำอธิบายเพิ่มเติมค่ะ
อรหันต์ = ผู้สำเร็จธรรมวิเศษสูงสุดในพระพุทธศาสนา, พระอริยบุคคลชั้นสูงสุด ผู้ได้บรรลุอรหัตตผล,
พระอรหันต์ ๒ ประเภท คือ พระสุกขวิปัสสก ? กับพระสมถยานิก;
พระอรหันต์ ๔ คือ
๑. พระสุกขวิปัสสก ?
๒. พระเตวิชชะ (ผู้ได้วิชชา ๓)
๓. พระฉฬภิญญะ (ผู้ได้อภิญญา ๖)
๔. พระปฏิสัมภิทัปปัตตะ (ผู้บรรลุปฏิสัมภิทา ๔);
ท่านผู้รู้กรุณาขยายความด้วยค่ะ
#10
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 04:37 PM
ข้อมูลส่วนหลังนี้ได้มาจากรพะไตรปิฏกหรือเปล่าครับ
รบกวนผู้รู้ช่วยอธิบายขยายความแบบเปรียบเปรยให้ฟังหน่อยก็คงจะดีครับ
#11
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 04:52 PM
1. พระสุกขวิปัสสก หมายถึง พระที่หมดกิเลสอย่างเดียว แต่ไม่มีฤทธิ์ และไม่ฉลาดยิ่งในการเทศน์สอนน่ะครับ เกิดจากการบำเพ็ญวิปัสสนาเป็นหลัก สมถะเป็นรอง ขยายความก็คือ ไม่เน้นนั่งสมาธิ นั่งนิดหน่อยจนใจหยุดระดับหนึ่ง แต่เน้นมีสติพิจารณาสิ่งต่างๆ ว่าไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาบ่อยๆ น่ะครับ คือ เน้นหมดกิเลสโดยเร็วนั่นเอง
2. พระสมถยานิก แปลว่า ผู้มีสมถะเป็นยาน หมายถึงผู้เน้นสมถกรรมฐาน (นั่งสมาธิจนใจหยุดนิ่งเต็มที่) แล้วค่อยเจริญวิปัสสนาน่ะครับ ซึ่งจะมีผลทำให้ บรรลุธรรม พร้อมด้วยฤทธิ์ หรือปฏิสัมภิธานญาณ (แล้วแต่บารมีที่สั่งสมมา) คือ เน้นหมดกิเลสด้วย ขอมีฤทธิ์ด้วยน่ะครับ จึงจะต้องทำให้บรรลุช้ากว่าแบบแรก
ความหมายของพระอรหันต์ 4 ประเภท คือ
1. พระสุกขวิปัสสก หมายถึง เหมือนข้างต้น
2. พระเตวิชชะ ผู้ได้วิชชา 3 ก็คือ ได้บรรลุ 1.ญาณระลึกชาติตัวเองได้ 2.ญาณระลึกชาติผู้อื่นได้ 3.ญาณประหารกิเลส
3. พระฉฬภิญญา ผู้ได้อภิญญา 6 ก็คือ 1.แสดงฤทธิ์ได้ เช่น เหาะ, หายตัว, ดำดิน ฯลฯ 2.มีหูทิพย์ 3.รู้ใจผู้อื่น 4.ระลึกชาติตัวเองได้ 5.ตาทิพย์(รวมระลึกชาติผู้อื่น) 6.หมดกิเลสน่ะครับ
4. พระปฏิสัมภิทัปปปัตตะ ผู้ได้ปฏิสัมภิทา 4 ก็ดังที่คุณ gioia โพสมานั่นแหละครับ คือ ฉลาดยิ่งในการสอนธรรม แสดงธรรม
#12
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 05:03 PM
สมมุติ ถ้าแก้วตกแตก ผู้ที่มีจริตแบบนี้ จะคิดว่า ของที่มีความเสื่อมเป็นธรรมดา ได้แตกแล้ว จิตรู้หนอ ว่าแล้วก็บำเพ็ญวิปัสสนาต่อไป แต่ถ้าเป็นผู้บำเพ็ญเพื่อสั่งสอนผู้อื่นด้วย ถ้าแก้วแตก เขาจะคิดว่า เอ๊ะใครทำแตก แล้วก็ไปอบรมสั่งสอนคนใช้ให้ล้างจานด้วยความระมัดระวัง จะได้ไม่ทำแก้วแตก เป็นต้นน่ะครับ
ที่นี้คุณอาจคิดต่อว่า อ้าวก็พอเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็ค่อยไปฝึกฝนฤทธิ์ต่างๆ ก็ได้นี่ ผมก็เคยคิดเช่นนี้ครับ แต่ต่อมามีผู้รู้แนะนำผมว่า ตอนผมเป็นเด็กๆ ชอบเล่น ทอยเส้นใช่ไหม ผมก็บอกว่า ก็ชอบอยู่
เขาก็บอกต่อว่า แต่เด็กบางคน ก็ไม่ชอบเล่นทอยเส้น เห็นว่าไร้สาระใช่ไหม เขาจะตั้งใจเรียนให้จบอย่างเดียวใช่ไหม ผมก็บอก เด็กแบบนี้ก็มีอยู่
เขาจึงถามต่อว่า ถ้าเด็กพวกนี้โตเป็นผู้ใหญ่เรียนจบ เขาจะทอยเส้นเป็นไหม ผมก็บอกว่า ทอยไม่เป็น
เขาจึงถามต่อว่า แล้วคิดผู้ใหญ่พวกนี้ จะไปฝึกทอยเส้นไหม ผมก็บอกว่า ย่อมไม่ฝึกเพราะเห็นว่าไร้สาระ
เขาจึงบอกผมว่า เช่นเดียวกัน ฤทธิ์อภิญญาสำหรับผู้เรียนจบเช่นพระอรหันต์ ย่อมเห็นว่าเป็นของไร้สาระ เหมือนเด็กๆ เล่นทอยเส้น นั่นเอง แต่พระอรหันต์บางองค์ที่มีฤทธิ์ก็เพราะ ฝึกฤทธิ์มาก่อนหมดกิเลส เหมือนเด็กที่ทอยเส้นตั้งแต่เด็ก โตขึ้นมาเขาก็ยังคงทอยเป็นอยู่
แหล่งอ้างอิง จากพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ โรงพิพม์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
กรุงเทพมหานคร 2538 โดยพระธรรมปิฎก (ปยุตฺโต)
สุกขวิปัสสก พระผู้เจริญวิปัสสนาล้วนสำเร็จพระอรหัต มิได้ทรงคุณวิเศษอย่างอื่นอีก เช่นไม่ได้ฌานสมบัติไม่ได้
อภิญญา เป็นต้น
#13
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 06:13 PM
อนุโมทนาบุญครับ...สาธุ สาธุ สาธุ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#14
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 10:03 PM
#15
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 10:17 PM
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.
#16
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 10:18 PM
#17
โพสต์เมื่อ 15 July 2006 - 04:22 AM
ขอถามอีกหน่อยค่ะ แล้วถ้าพระผู้สำเร็จ ไม่ใช่พระอรหันต์ แล้วท่านสำเร็จอะไรค่ะ สำเร็จเพื่ออะไรแล้วไปนิพานได้ไหมค่ะ
น้าจี้
#18
โพสต์เมื่อ 15 July 2006 - 07:46 AM
อ้างอิง: 20/10/2548
พระผู้สำเร็จต้องสั่งสมบารมีแล้วตั้งความปราถนา แล้วก็จะเจอผู้สำเร็จถ่ายทอดความรู้ให้ ถ้าหากบารมียังอ่อนๆ อยู่ก็จะเป็นผู้สำเร็จเล็กๆคืออายุยืนร้อยปี ร้อยกว่าปี พอบารมีแก่กล้าก็อายุเพิ่มขึ้นเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งอายุได้สามารถอยู่ถึงพบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ฟังธรรมและได้บรรลุมรรคผลนิพพาน
บางพวกมีเป้าหมายที่จะบรรลุธรรมแต่ก็ติดอยู่ในฤทธิ์ก็มี แต่บางพวกก็ไม่มีเป้าหมายในการบรรลุธรรมเพราะยังติดในฤทธิ์แค่นั้น คือสามารถทำอะไรที่เหนือมนุษย์ได้เหนือธรรมชาติได้ บางพวกก็ปราถนาให้อายุยืนเพื่อรอพบพระพุทธเจ้าองค์หน้า บางพวกตายแล้วก็ไปเป็นวิทยาธรก็มี บางพวกที่มีฌาณชั้นสูงตายแล้วก็ไปพรหมโลกก็มี
อนุโมทนาบุญครับ
#19
โพสต์เมื่อ 15 July 2006 - 08:31 AM
พระองค์ทรงพยากรณ์ว่าพุทธศาสนาจะมีอายุถึง ๕๐๐๐ ปี จะค้นพบแต่ในคัมภีร์มิลินทร์
ที่อธิบายไว้ละเอียด แต่ในพระไตรปิฏกบางที่ก็มี
นอกจากนี้บางเล่มยังได้มีละเอียดถึงพุทธดำรัสก่อนปรินิพานว่าใครบ้างจะเป็นผู้สืบทอด
พระพุทธศาสนาของพระพุทธองค์ ให้ครบ ๕๐๐๐ ปีได้ ผมจำได้จะพยายามค้นให้เจอและ
พอดีสอดคล้องกับการลงมาสร้างบารมีของหมู่คณะด้วย
#20
โพสต์เมื่อ 15 July 2006 - 07:49 PM
#21
โพสต์เมื่อ 16 July 2006 - 07:43 PM
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย
ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง
#22
โพสต์เมื่อ 18 August 2006 - 10:44 PM
ท่านผู้รู้ช่วยตอบให้ด้วยนะค่ะ เพราะตอนนี้ก็ยังงง อยู่
#23
โพสต์เมื่อ 26 August 2006 - 01:33 PM
#24
โพสต์เมื่อ 31 August 2006 - 09:56 PM
#25
โพสต์เมื่อ 21 May 2007 - 12:25 AM
#26
โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 11:55 PM