ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

แดนที่มารตามไปไม่ถึง


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 12 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ศรีวยาฆร

ศรีวยาฆร
  • Members
  • 184 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 June 2008 - 09:45 AM

happy.gif แท้จริงแล้วสรรพสัตว์ทั้งหลายในภพสาม ต่างตกอยู่ใต้อำนาจของพญามาร อยู่ในสายตาพญามารตลอด แต่มีบางที่ที่สามารถรอดพ้นจากสายตาพญามารได้ คล้ายหลุมหลบภัยที่ทหารหาญใช้พรางตาศัตรูได้
แม้อาจได้แค่ชั่วคราว แต่อย่างน้อยก็สามารถช่วยให้นักรบกล้าทั้งหลายได้มีเวลาพักผ่อนกายใจได้อย่างแท้จริง
เพื่อฟื่นฟูพละกำลังให้กลับคืนมาเข็มแข็งอีกครั้งพร้อมที่จะทำการรบพุ่งกับกองทัพมารได้อย่างเต็มที่เต็มประสิทธิภาพอีกครั้ง
ซึ่งสุดท้ายในวันหนี่งกองทัพธรรมอันเกรียงไกรนี้จะถึงชัยชนะในสมรภูมิแห่งชีวิตนี้ได้อย่างเด็ดขาด (ในขั้นสุดท้ายของข้อที่ ๙)


happy.gif พระสูตรนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็น ‘จอมทัพ’ แห่งกองทัพธรรม ได้ทรงตรัสไว้ใน ‘นิวาปสูตร’
เราลองมาศึกษาดูครับ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรบ
ของแต่ละท่านให้ถึงขีดสุด
ขอให้ท่านเป็น ‘นักรบชั้นเยี่ยม’ อยู่ในแนวหน้า รบเคียงบ่าเคียงไหล่ไปกับ ‘พระเถรานุเถระชั้นยอด’ทั้งหลายด้วยกันทุกท่านนะครับ happy.gif




แดนที่มารตามไปไม่ถึง



ภิกษุทั้งหลาย ที่ซึ่งมารและบริวารของมารไปไม่ถึง เป็นอย่างไร



(๑) คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลายแล้ว

บรรลุปฐมฌาน ที่มีวิตก วิจาร ปีติ และสุขอันเกิดจากวิเวกอยูู่่

เราเรียกภิกษุนี้ว่า ‘ได้ทำมารให้ตาบอด คือ ทำลายดวงตาของมารเสียอย่างไม่มีร่องรอย

ถึงการที่มารใจบาปมองไม่เห็น[1]




(๒) อีกประการหนึ่ง เพราะวิตกวิจารสงบระงับไป

ภิกษุบรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสในภายใน มีภาวะที่จิตเป็นหนึ่งผุดขึ้น

ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดจากสมาธิอยู่


เราเรียกภิกษุนี้ว่า ‘ฯลฯ ถึงการที่มารใจบาปมองไม่เห็น’



(๓) อีกประการหนึ่ง เพราะปีติจางคลายไป

ภิกษุมีอุเบกขา มีสติสัมปชัญญะ เสวยสุขด้วยนามกาย

บรรลุตติยฌาน ที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ‘ผู้มีอุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข’


เราเรียกภิกษุนี้ว่า ‘ฯลฯ ถึงการที่มารใจบาปมองไม่เห็น’



(๔) อีกประการหนึ่ง เพราะละสุขและทุกข์ได้ เพราะโสมนัสและโทมนัสดับไปก่อนแล้ว

ภิกษุบรรลุจตุตถฌานที่ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีสติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขาอยู่


เราเรียกภิกษุนี้ว่า ‘ได้ทำมารให้ตาบอด คือ ทำลายดวงตาของมารเสียอย่างไม่มีร่องรอย

ถึงการที่มารใจบาปมองไม่เห็น’



(๕) อีกประการหนึ่ง เพราะล่วงรูปสัญญา ดับปฏิฆสัญญา ไม่กำหนดนานัตตสัญญาโดยประการทั้งปวง

ภิกษุบรรลุอากาสานัญจายตนฌานอยู่ โดยกำหนดว่า ‘อากาศหาที่สุดมิได้’


เราเรียกภิกษุนี้ว่า ‘ได้ทำมารให้ตาบอด คือ ทำลายดวงตาของมารเสียอย่างไม่มีร่องรอย

ถึงการที่มารใจบาปมองไม่เห็น’



(๖) อีกประการหนึ่ง เพราะล่วงอากาสานัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง

ภิกษุบรรลุวิญญาณัญจายตนฌานอยู่ โดยกำหนดว่า ‘วิญญาณหาที่สุดมิได้’

เราเรียกภิกษุนี้ว่า ‘ฯลฯ ถึงการที่มารใจบาปมองไม่เห็น’



(๗) อีกประการหนึ่ง เพราะล่วงวิญญาณัญจายตนฌานโดยประการทั้งปวง

ภิกษุบรรลุอากิญจัญญายตนฌานอยู่ โดยกำหนดว่า ‘ไม่มีอะไร’


เราเรียกภิกษุนี้ว่า ‘ฯลฯ ถึงการที่มารใจบาปมองไม่เห็น’



(๘) อีกประการหนึ่ง เพราะล่วงอากิญจัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง

ภิกษุบรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌานอยู่


เราเรียกภิกษุนี้ว่า ‘ฯลฯ ถึงการที่มารใจบาปมองไม่เห็น’



(๙) ภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง เพราะล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง

ภิกษุบรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ ก็เพราะเห็นด้วยปัญญา เธอย่อมมีอาสวะสิ้นไป

เราเรียกภิกษุนี้ว่า ‘ได้ทำมารให้ตาบอด คือ ทำลายดวงตาของมารเสียอย่างไม่มีร่องรอย

ถึงการที่มารใจบาปมองไม่เห็น และข้ามพ้นตัณหา อันเป็นเครื่องข้องอยู่ในโลกได้แล้ว”



พระผู้มีพระภาคตรัสภาษิตนี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้นมีใจยินดี ต่างชื่นชมพระภาษิตของพระผู้มีพระภาค ดังนี้แล.



อ้างอิงจาก-พระไตรปิฎก (มจร.แปล) เล่มที่ ๑๒ ข้อที่ ๒๗๑ หน้าที่ ๒๙๓-๒๙๔.


[1] ทำมารให้ตาบอด หมายถึงภิกษุนั้นมิได้ทำลายนัยน์ตาของมาร แต่จิตของภิกษุผู้เข้าถึงฌานที่เป็นบาทของวิปัสสนา อาศัยอารมณ์นี้เป็นไป (เกิดดับ)เหตุนั้น มารจึงไม่สามารถมองเห็น

ทำลายดวงตาของมารเสียอย่างไม่มีร่องรอย หมายถึงทำลายโดยที่นัยน์ตาของมารไม่มีทาง หมดหนทาง ไม่มีที่พึ่ง ปราศจากอารมณ์โดยปริยายนี้

ถึงการที่มารใจบาปมองไม่เห็น หมายถึงโดยปริยายนั่นเอง มารจึงไม่สามารถมองเห็นร่างคือญาณของภิกษุผู้เข้าฌาน ซึ่งเป็นบาทของวิปัสสนานั้นด้วยมังสจักษุของตนได้ (ม.มู.อ. ๒/๒๗๑/๗๑)

--------------------

happy.gif เพียรพยายามฝึกฝนตนให้เต็มที่นะครับ
แล้วอย่าลืมรวบรวมทหารกล้ากลับดุสิตบุรีไปให้ได้มากที่สุดด้วยนะครับ
เราลงมาในมนุษยโลกเพื่อการนี้ละครับ
happy.gif


#2 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 June 2008 - 03:37 PM

Sa Thu Krub

#3 Ooy1122

Ooy1122
  • Members
  • 71 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Bkk

โพสต์เมื่อ 17 June 2008 - 08:30 PM

สาธุ ค่ะ.... smile.gif

#4 usr23843

usr23843
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 June 2008 - 05:44 PM

สาธุ คร้าบ

#5 หมอป๊อง

หมอป๊อง
  • Members
  • 761 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กทม.

โพสต์เมื่อ 20 June 2008 - 10:46 PM

happy.gif สาธุ สาธุ สาธุครับ

#6 นักรบเผ่าพันธุ์ตะวัน

นักรบเผ่าพันธุ์ตะวัน
  • Members
  • 380 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 23 June 2008 - 01:00 PM

สาธุ สาธุ สาธุ ครับ
เพราะเป้าหมายของพวกเราคือ "ที่สุดแห่งธรรม"

#7 WB

WB
  • Members
  • 267 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 11:48 AM

สู้ เพือ่นวันชนะมาร

#8 Ray

Ray
  • Members
  • 168 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 05:57 PM

satu ja

#9 usr21238

usr21238
  • Members
  • 233 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 June 2008 - 07:22 PM

สาธุ สาธุ

#10 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 June 2008 - 11:35 AM

สาธุ.. สาธุ.. สาธุ.. happy.gif
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#11 ดินสอสีใส

ดินสอสีใส
  • Members
  • 21 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 June 2008 - 04:37 PM

อนุโมทนาค่ะ สาธุ
"จะขอเป็นทหารหาญ"
ตามติดไปถึงสุด...สุดแห่งธรรม

#12 kun

kun
  • Members
  • 28 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 June 2008 - 04:41 PM

สาธุ สาธุ สาธุ คะ

#13 usr24336

usr24336
  • Members
  • 8 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 February 2009 - 12:55 PM

ขออนุโมทนาสาธุการ กับธรรมะด้วยนะคับ