ไปที่เนื้อหา


พงษ์พันธ์

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 13 Oct 2005
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Dec 01 2006 10:54 AM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

การ Tune ช่อง DMC ผ่าน TV

24 November 2006 - 05:13 PM

บ้านผมอยู่แถวๆ รังสิต จะปรับ TV ให้รับช่อง DMC ได้อย่างไรครับ

ตอนนี้ที่บ้านติดจานดาวธรรมแล้วแต่ดูได้แต่ชั้นบน ชั้นล่างดูไม่ได้ แนะนำหน่อยสิครับว่าจะทำอย่างไงได้บ้าง happy.gif

ใครมีรายละเอียด "ธรรมทายาทหญิง รุ่นที่ 24, ชาย รุ่น 35"

07 November 2006 - 09:54 AM

ใครมีรายละเอียดบ้างครับ ที่ผมได้มาเป็นแผ่นพับนะครับ ว่าจะชวนน้องๆ โดยส่งข้อมูลไปทาง eMail กับไป Post บน Web นะครับ
ขออนุโมทนาบุญล่วงหน้าครับ
happy.gif

คิดและทำอย่างไรจึงจะมี "สัจจะบารมี"

27 October 2006 - 09:55 AM

วิธีการสร้างสัจจะบารมีให้กับตัวเอง ต้องทำอย่างไรครับ ?
cry_smile.gif

หลวงพี่ดอยเต่าเดินทางทรหดวันละเกือบ300กม.สอนศาสนาให้วัยรุ่น

02 October 2006 - 01:48 PM

พบครูพระดอยเต่ายอดทรหด เดินทางเกือบ 300 กม.ไปสอนพระพุทธศาสนาที่โรงเรียนพณิชยการนครพิงค์ มุ่งหวังอยากให้เด็กรู้จักกับพระ รู้จักพระธรรมคำสอนพระพุทธศาสนา ศีล 5 สวดมนต์

แทรกพระธรรมคำสอนให้เด็กเห็น เช่น ข่าวการคบหากันระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย การเคารพพ่อแม่ เผย 6 โมงเช้าทุกวันศุกร์ต้องเดินเท้า 500 เมตร ออกมาจากวัดไปรอรถเมล์สีฟ้า ดอยเต่า-เชียงใหม่ ไปสอน กลับถึงวัด 2 ทุ่ม จากนั้นเตรียมการสอนภาษาอังกฤษ วันจันทร์-พฤหัสบดี ที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดฉิมพลีวิทยา ให้นักเรียน ม.1-ม.3 อีก

หลังจากผู้สื่อข่าว "คม ชัด ลึก" ได้ข้อมูลจากกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) ว่า มีครูพระรูปหนึ่งที่มาสอนโรงเรียนพณิชยการนครพิงค์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เดินทางจากดอยเต่าระยะทางมากกว่า 100 กม. จึงติดต่อไปยังครูพระรูปดังกล่าว และทราบชื่อภายหลังคือ พระสกล โชติโก ครูพระวัดฉิมพลีวุฒาราม อ.ดอยเต่า จ.เชียงใหม่ บวชมาแล้ว 7 พรรษา ปัจจุบันอายุ 29 ปี

พระสกล เปิดเผยว่า ระหว่างเรียนปีที่ 4 เอกภาษาอังกฤษ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เมื่อต้นปี 2548 ได้รับการชักชวนจากท่านเจ้าอาวาสให้ไปช่วยสอนพระพุทธศาสนาที่โรงเรียนพณิชยการนครพิงค์ เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อเด็กๆ จึงรับปากไปช่วยสอนเรื่อยมา กระทั่งเรียนจบปริญญาตรี เพื่อนครูพระชวนไปสอนที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดฉิมพลีวิทยา อ.ดอยเต่า อีก

แม้โรงเรียนทั้งสองแห่งจะอยู่ห่างไกลกันมาก เดินทางยากลำบาก แต่พระสกลก็ไม่ทอดทิ้ง รับสอนทั้งสองแห่ง เพราะสงสารเด็กๆ ไม่มีครูพระสอน และอยากให้เด็กรู้จักกับพระ รู้จักพระธรรมคำสอนพระพุทธศาสนา โดยจัดตารางการสอนตั้งแต่วันจันทร์-พฤหัสบดี สอนวิชาภาษาอังกฤษ ที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมวัดฉิมพลีวิทยา ให้แก่นักเรียน ม.1-ม.3

ส่วนใหญ่เป็นพระเณรที่ขาดโอกาสทางการศึกษา เช่น เด็กชาวเขา เด็กยากจน เด็กกำพร้า ประมาณ 120 คน ตรงนี้ไม่มีปัญหา เพราะโรงเรียนอยู่ในบริเวณเดียวกับวัดฉิมพลีที่จำวัดอยู่ แต่วันศุกร์ต้องเดินทางไปสอนที่โรงเรียนพณิชยการนครพิงค์ ซึ่งค่อนข้างลำบากมาก ระยะทางจาก อ.ดอยเต่า ถึง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ กว่า 140 กม. ไปกลับรวมระยะเกือบ 300 กม. ต้องใช้เวลาเดินทางเกือบ 4 ชั่วโมง

“ทุกเช้าวันศุกร์ ประมาณ 6 โมง อาตมาจะเริ่มเดินเท้าออกมาจากวัด 500 เมตร ไปถนนใหญ่เพื่อรอรถเมล์สีฟ้า ดอยเต่า-เชียงใหม่ ด้วยความที่อยู่ห่างไกล กันดาร รถสายนี้หายาก บางครั้งรอเป็นชั่วโมงจะมาสักคัน บางครั้งรอจนถึง 08.30 น. รถถึงจะมา ก็ต้องทนเอา นั่งรถจาก อ.ดอยเต่า ไปมีสภาพยากลำบากพอสมควร เพราะเป็นวันศุกร์ ญาติโยมกลับบ้านเยอะ ต้องนั่งอัดกัน โยมผู้หญิงก็เยอะ ต้องมีโยมผู้ชายมานั่งข้างด้วย ทุลักทุเลเหมือนกัน ถ้าโชคดีได้นั่งรถสีฟ้าจะถึงใน อ.เมือง แต่ถ้าไม่มีรถต้องนั่งรถสีเหลือง ดอยเต่า-ฮอด ต้องรออีกครึ่งชั่วโมงเพื่อไปต่อรถที่ อ.ฮอด อีกทอดหนึ่ง เพื่อเข้าเมือง จนไปถึงท่ารถช้างเผือก อ.เมือง ต้องต่อรถสองแถวแม่ริมเข้าไปถึงโรงเรียนพณิชยการนครพิงค์ เวลาก็ปาเข้าไป 10.00-11.00 น." พระสกล เล่าถึงการเดินทาง

ส่วนค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปกลับนั้น พระสกล บอกว่า ถ้าเป็นรถสีเหลืองซึ่งเป็นรถเอกชน จะต้องจ่ายค่าตั๋วเต็มราคาเหมือนฆราวาส ประมาณ 250 บาท แต่ถ้าเป็นรถสีฟ้าจ่ายครึ่งราคา ประมาณ 170 บาท ถ้าโชคดีเจอรถครึ่งราคาจะถูกหน่อย หลังพักเหนื่อยและฉันเพลเรียบร้อย พระสกลจะไปรอสอนลูกศิษย์ชั้น ปวช.-ปวส.ทั้งหมด 150 คน เวลา 14.00-16.00 น. อุปกรณ์สื่อการเรียนการสอนทั้งหมดจะเตรียมมาเองทุกสัปดาห์ เนื้อหา วิธีการสอน เน้นหยิบยกเหตุการณ์ปัจจุบันมาเป็นหัวข้อสนทนาสอดแทรกพระธรรมคำสอนให้เด็กเห็น เช่น ข่าวการคบหากันระหว่างผู้หญิงกับผู้ชาย การประพฤติตัว การเคารพพ่อแม่

นอกจากนี้ยังมีนิทานมาเล่าให้เด็กฟัง พระสกลมีกุศโลบายให้เด็กเรียนพระพุทธศาสนาแบบไม่เบื่อ ถ้าใครตั้งใจฟัง ตอบคำถามได้จะได้รับรางวัลเป็นเหรียญพระดังบ้าง สาลิกาลิ้นทองบ้าง เด็กจึงพากันตั้งใจฟัง แย่งกันตอบคำถาม ได้รับความสนใจจากเด็กเป็นอย่างดี บางคนมาปรึกษาเรื่องการจัดพิธีกรรมทางศาสนาแบบล้านนา บางคนปรึกษาเรื่องการตั้งสมาธิ จะรู้สึกดีใจมากถ้ามีลูกศิษย์มาปรึกษาปัญหา พอสอนเสร็จจะเดินออกไปยืนโบกรถกลับเหมือนขามา นั่งรถเป็นทอดๆ จนกลับถึงวัดเวลาประมาณ 20.00 น. เลยเวลาทำวัตรเย็น ท่านเจ้าอาวาสไม่ว่าอะไร เข้าใจดีว่าไปสอนหนังสือมา พอสวดมนต์เสร็จ ช่วงดึกต้องเตรียมการเรียนการสอนต่อ

“ถามว่าเหนื่อยไหม ทำไปทำไม ทำไมไม่เลือกสอนโรงเรียนใกล้ๆ อาตมาอยากจะบอกว่า การสอนพระพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่อาตมาอยากทำ อยากช่วยเหลือเด็ก อาทิตย์หนึ่งอยากให้เขาเจอพระสักครั้งหนึ่งก็ยังดี อย่างน้อยเด็กจะได้รู้จักพระ รู้จักพระพุทธศาสนามากขึ้น แม้เด็กบางกลุ่มไม่ค่อยสนใจพระพุทธศาสนา บ่นว่าน่าเบื่อ แล้วหันหน้าไปอยู่กับวัตถุ เงิน ถามโทรศัพท์มือถือมีกี่รุ่นตอบได้หมด แต่พอถามว่าศีล 5 บทสวดมนต์มีอะไรบ้างกลับตอบไม่ได้เลย แต่ก็มีเด็กบางกลุ่มให้ความสนใจมาก ตั้งใจเรียน ตรงนี้ทำให้มีกำลังใจ ถ้าเหนื่อย เพลีย ก็พักดื่มน้ำชา กำลังใจอีกส่วนหนึ่งมาจากญาติโยม อนุโมทนาให้ทำไปเถอะหลวงพี่ ได้บุญได้กุศล โยมพ่อโยมแม่อาตมาก็รู้สึกภูมิใจในตัวอาตมา เท่านี้อาตมาก็มีแรงไปสอนได้สบายแล้ว” พระสกล กล่าว

ส่วนเงินนิตยภัตรที่สำนักงานวัฒนธรรมเชียงใหม่โอนเข้าบัญชีให้เดือนละ 2,000 บาทนั้น ส่วนใหญ่ใช้ไปกับค่ารถ สร้างสื่อการสอน หนังสือ นิทานดีๆ สักเล่มหนึ่ง ค่าอาหารเพล ถ้าไม่วางแผนการใช้ก็เกือบไม่พอเหมือนกัน ดีที่มีเงินเดือนจากการสอนที่โรงเรียนพระปริยัติธรรมตามวุฒิปริญญาตรีอีกเดือนละ 5,000 บาท มาช่วยไว้ ทั้งนี้ทั้งนั้น เงินไม่ใช่ปัญหาใหญ่ พระสกล บอกและว่า จะยังเดินหน้าสอนพระพุทธศาสนาต่อไป หวังให้เด็กไม่ทิ้งศาสนา ค่อยๆ สอนไปคงได้ผลบ้างไม่มากก็น้อย

รศ.ดร.พรชุลี อาชวะอำรุง อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หัวหน้านักวิจัยโครงการการศึกษา ทบทวน โครงการครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน ประจำปี 2549 กล่าวว่า ผลจากการปฏิบัติงานของครูพระทำให้นักเรียนเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน มีมารยาท พูดจาสุภาพ ลดพฤติกรรมก้าวร้าว มีเมตตา มีนักเรียนจำนวนหนึ่งตัดสินใจบวชเรียนทางปริยัติธรรม บวชสามเณรภาคฤดูร้อน รู้จักสวดมนต์ สวดสรภัญญะจนได้รับรางวัลระดับชาติ โรงเรียนบางแห่งสอบธรรมะศึกษา ตรี โท เอกได้ถึง 100% ที่สำคัญยังชักชวนผู้ใหญ่ที่เคยห่างวัดและหมกมุ่นกับอบายมุขหันมาเข้าวัด ฟังเทศน์ฟังธรรม และลดละเลิกอบายมุขด้วย

ที่มา คมชัดลึก
http://www.hunsa.com...=19271&catid=87

โครงการอุปสมบทหมู่ 1,000 รูป ของกลุ่ม NetworkTwentyone

13 July 2006 - 09:23 AM

จำนวนผู้ที่จะบวชที่ได้สมัครแล้วมีจำนวน 750 คน แล้วครับ
ผมปลื้มใจจริงๆ ผมตั้งใจว่าจะต้องชวนคนบวชในโครงการนี้ให้ได้อย่างน้อย 1 คน
แต่ใจจริงๆ อยากบวชด้วยมากกว่าเพราะครั้งที่บวชปีที่แล้วรุ่น 124 รู้สึกได้เลยว่า
เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตตั้งแต่เกิดมาเลย happy.gif