ที่บ้านมี "หนู" อยากที่จะกำจัดมันไปด้วยวิธีใดได้บ้างค่ะ
#1
โพสต์เมื่อ 20 May 2006 - 09:50 PM
จู่ ๆ ช่วงนี้ มีพวก "หนู" 4-5 ตัวหล่ะมั้งค่ะ ทุกวันนี้ เวลานอนหลับในกลางดึก
ได้ยินเสียง ครึกๆๆ บนเพดานบ้าน
บางครั้ง อยากที่จะกำจัดมันทื้งไป ด้วย กาวดักหนู
แต่ศีลว่าด้วย การห้ามฆ่าสัตว์ ก็จะไม่ทำ
แล้วถ้าจะมีวิธีในการไล่มันไป หรือจะใช้เป็นวิธีแผ่เมตตา จะใช้ได้ผลอย่างไรบ้างค่ะ
ทำอย่างไร ถึงไม่บาป หล่ะค่ะ ขอบคุณค่ะ
Alert & Happy
#2
โพสต์เมื่อ 20 May 2006 - 10:02 PM
ถ้าหนูโดนกับดักหรือ อะไรที่ใช้กำจัดมันคุณก็ต้องเตรียมรับวิบากกรรมทันที เพราะผิดศีลข้อ ๑
ที่แถวบ้านที่นิยมก็คือ เลี้ยงแมว เพราะแมวจะเป็นศัตรูกับหนู แต่มีวิบากด้วยหรือไม่อันนี้ไม่แน่
ใจเหมือนกัน หนูเห็นแมวมันก็น่าจะอพยพหนีไปก่อนแล้ว
#3
โพสต์เมื่อ 20 May 2006 - 10:07 PM
#4
โพสต์เมื่อ 20 May 2006 - 10:24 PM
แล้วก็ได้ผลไม่นาน จึงมาทราบว่าติดบาปกรรม เลย ยกเลิกกันค่ะ แก้ด้วยวิธีการ
ไม่ทำให้ในบ้านมีเศษอาหาร เพราะบ้านหนูชอบทานอาหารกันดึกๆ ทำให้มีกลิน
เมื่อทานอาหารเศษจึงนำถังที่ปิดกลินได้มิดชิดมาเพื่อใส่จานหรือเศษอาหาร
ทางที่ดี อย่าให้ภายในบ้านมีกลิ่นอาหารน่ะค่ะ และไม่ทำให้รกรุงรังด้วย
หรือไม่ถ้าเจอมันลองพูดคุยกับมันดูซิค่ะ เพราะว่า ข้างในก็เป็นกายละเอียดเช่นกัน
^^
ย่อมมีแสงอรุณขึ้นก่อน
เป็นบุพนิมิตฉันใด
ความเป็นกัลยาณมิตรก็เป็นตัวนำ
เป็นบุพนิมิตแห่งการเกิดขึ้น
ของหนทางพระนิพพาน ฉันนั้น"
#5
โพสต์เมื่อ 21 May 2006 - 02:50 PM
ถ้าไม่อยากย้ายบ้านหนี อาจต้องยอม 1)รื้อฝ้าเพดาน ทำใหม่ ปิดทางเดินขึ้นของเขา (หนูไต่กำแพงไม่ได้ แสดงว่าต้องมีทางเดินขึ้นของเขา) แล้วก็ 2) จัดบ้านใหม่ไม่ให้รก หรือมีเศษอาหารเด็ดขาดค่ะ
#6
โพสต์เมื่อ 21 May 2006 - 03:09 PM
................................................
สัพเพ สัตตา
สัตว์ทั้งหลาย โดยเฉพาะหนูที่มาอาศัยอยู่ในบ้านข้าพเจ้า
ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตายด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น
อะเวรา (โหนตุ)
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กันและกันเลย อย่าได้มาอาศัยบ้านข้าพเจ้าอยู่เลยมันรบกวนการปฎิบัติธรรมของข้าพเจ้า
อัพยาปัชฌา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด ขอให้หนูทั้งหลาย ที่อยู่ในบ้านข้าพเจ้า
ไปหาที่อยู่ที่สบายแห่งใหม่เถิด อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย
อะนีฆา (โหนตุ)
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย
สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ
จงมีแต่ความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้น เถิด ฯ
.........................................................................
ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม
#7
โพสต์เมื่อ 21 May 2006 - 07:49 PM
อันนี้พูดจากประสบการณ์ที่เคยเลี้ยงแมวมานะครับ
แต่แย่หน่อยแมวบ้านผมจับหนูไม่เป็นซักตัว หนูวิ่งผ่านหลังบ้านมันก็นั่งมองเฉยเลยครับ 5555+
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#8
โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 10:42 AM
แล้วอย่าลืมเอาหนูออกจากกรงตอนที่นำไปปล่อยด้วยนะจ๊ะ
#9
โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 10:58 AM
ขั้นที่ 2.แผ่เมตตา และพูดคุยด้วยปิยวาจาว่าอย่าวุ่ยวายหรือรบกวนเจ้าของบ้าน
ขั้นที่ 3.ทำใจเฉยๆ คิดเสียว่าเพื่อนร่วมโลก
ปล.เคยมีคนทำได้ผลมาแล้ว แต่เป็น "แมลงสาบ" ค่ะ ไม่ไช่หนู
#10
โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 01:27 PM
ดูแลทำความสะอาดบ้านของคุณให้เรียบร้อย เมื่อทานอาหารเสร็จ ก็อย่าแช่ถ้วย จาน ชาม ไห ทิ้งไว้ ทานเสร็จปุ๊บ ก็ให้รีบล้างเก็บเช็ดให้แห้ง แล้วเก็บเข้าตู้ เอาขยะไปทิ้งนอกบ้าน ที่มีฝาปิด บ้านช่อง อันไหนรก ก็เก็บเข้าที่เข้าทางให้สะอาด กวาดถูทุกวัน ห้องเก็บของ ฯลฯ ก็ต้องดูแลให้สะอาดเอี่ยม ท่อระบายน้ำ ถังขยะ ก็ดูแลดีๆ ว่ามีอะไรปิดครอบไว้ไหม
เมื่อบ้านของคุณสะอาดเสมอ หนู แมลงสาป หาอาหารไม่ได้ มันก็หนีไปอยู่ที่อื่นเองค่ะ ไม่ต้องหาภาระมาเพิ่มให้ตัวเองด้วยการเลี้ยงแมว ไม่ต้องหาวิธีการอื่นให้ยุ่งยาก อีกทั้งบ้านก็สะอาด เย็นตา เย็นใจ หายใจสดชื่นอีกด้วยนะคะ
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#11
โพสต์เมื่อ 22 May 2006 - 04:01 PM
(ดึงมาจาก 100 เคล็ดลับ)
#12
โพสต์เมื่อ 23 May 2006 - 07:02 PM
หากเป็นถังขยะมีฝา แค่หยดน้ำยาแอมโมเนียลงไปที่บนฝาสัก 3-4 หยด หรือหากไม่มีฝา ก็หยดไว้บริเวณถังขยะ รับรองจะไม่มีตัวอะไรมากวนเลย
#13
โพสต์เมื่อ 24 May 2006 - 01:51 AM
เอ ทำไมค่ะ มันเหม็นเหรอ แล้วจะเป็นอันตรายต่อชีวิตมันหรือเปล่าค่ะ
น้าจี้
#14
โพสต์เมื่อ 24 May 2006 - 06:44 PM
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น
ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส
อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
[/color]
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."
พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒
"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"
"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"
#15
โพสต์เมื่อ 25 May 2006 - 04:49 PM
#16
โพสต์เมื่อ 13 June 2006 - 08:45 PM
#17
โพสต์เมื่อ 23 June 2006 - 04:22 PM
ลูกพระธรรม
#18
โพสต์เมื่อ 22 April 2008 - 10:57 AM