ขอถามความรู้สึกของทุกท่านหน่อยนะคะ
#1
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 09:38 AM
เมื่ออาทิตย์ต้นเดือน กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสไปเยี่ยมห้องปัญญา ได้ดูที่เค้าจัดนิทรรศการตรงด้านหน้าน่ะค่ะ ดูไปจนถึงแผ่นที่ว่า พอหลวงปู่มรณะภาพ หลายๆท่านที่เข้าไปฝึกทำวิชชาชั้นสูงกับหลวงปู่ ก็แยกย้ายกันไป เหลืออยู่ไม่กี่คนรวมทั้งคุณยาย แล้วพวกคุณๆทั้งหลายเนี่ยค่ะ ถ้าหลวงพ่อไม่อยู่แล้วพวกคุณจะทิ้งวัดมั๊ยคะ เพราะถึงหลวงพ่อจะบอกว่าจะอยู่สัก 200 ปี พวกเราอาจจะตายไปก่อนแล้วก็จริง แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้น (ไม่ได้ว่าหลวงพ่อนะคะ เพราะแม้แต่หลวงปู่และคุณยายซึ่งบำเพ็ญบารมีได้ถึงขนาดนั้น ยังหนีไม่พ้น อันนี้ถาม) เพราะเคยเห็นคนที่เข้าวัดรุ่นแรกๆที่รักคุณยาย เคยอยู่กับคุณยาย พอคุณยายไม่อยู่ก็เลิกเข้าวัดก็มี เลยสงสัยว่า คนที่เข้าวัดทุกวันนี้ รักหลวงพ่อ หรือรัก พุทธศาสนา เพราะทุกครั้งที่เข้าวัด จะรู้สึกว่าทุกคนที่ไปจะรอคอยหลวงพ่อ ขนาดวันอาทิตย์ต้นเดือน ตอนหลวงพ่อจะขึ้น หลวงพ่อบอกว่า อย่าเพิ่งกลับกันนะ พระอาจารย์มีอะไรจะแจ้งให้ทราบ แต่พอหลวงพ่อหันหลัง ก็ลุกกับพรึ่บเลย เลยกลัวน่ะค่ะ ว่าสักวัน เค้าเหล่านี้จะทิ้งวัด และสุดท้ายหลวงพ่อจะเสียใจที่ลงทั้งใจลงทั้งแรง ทุ่มสุดตัว แต่คนส่วนหนึ่งยึดติดกับตัวหลวงพ่อ ไม่ได้รักในพุทธศาสนา และ วิชชาธรรมกายอย่างแท้จริง
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#2
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 09:47 AM
ในความคิดผม คงต้องยึดตามพุทธวิธีน่ะครับ ตอนก่อนที่พระพุทธองค์จะปรินิพพาน พระอานนท์ถามว่า จะให้ใครมาปกครองสงฆ์ เป็นศาสดาแทน
พระพุทธองค์ท่านตอบว่า พระธรรมจะเป็นศาสดาแทนเรา
ผมไม่ได้คิดที่จะเปรียบเทียบหลวงพ่อกับพระพุทธองค์ แต่กำลังจะบอกว่า พระพุทธองค์ท่านทำให้ดูเป็นแบบอย่างแล้วว่า ให้พระธรรมเป็นใหญ่
วัดเราก็ควรที่จะยึดวิธีนี้เป็นแบบแผนโดยให้ยึดการปฏิบัติธรรมตามที่หลวงปู่ หลวงพ่อ ได้สั่งสอนมาตลอดเป็นหลักยึดไงครับ ไม่งั้นทำไมหลวงพ่อถึงเคี่ยวเข็ญให้ลูกๆ นั่งสมาธินักหนา จริงไหมครับ
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#3
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 09:50 AM
เมื่อหลวงพ่อท่านไม่อยู่แล้ว เราก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาจะยังอยู่หรือไม่
แต่อย่างน้อย เราแต่คนก็รู้ดีอยู่แล้ว ว่าตัวเราเองจะเลือกเส้นทางไหน
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที
#4
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 09:54 AM
ดูตัวเองขณะนี้แทบไม่มีเวลาว่าง ขนาดอยู่บ้าน เดี๋ยวเรื่องนั้นเดี๋ยวมีเรื่องนี้ ไม่ได้ว่างเลย
ทุกคนมีความเคารพรักในตัวหลวงพ่อและมโนปณิภานของท่าน
ถ้าภาะกิจทางโลกลดลงแล้ว ผมเริ่มมีความคิดจะออกบวชตามหลวงพ่อแล้วเพื่อช่วยทำวิชชา
เพราะชาตินี้ตั้งใจว่าก่อนจะถึงวัยสุดท้ายขอให้ได้เข้าถึงธรรมะ เพื่อจะได้ตามหมู่คณะกลับบ้านได้
กระทู้นี้ก็ได้ข้อคิดเหมือนกัน วันเวลาและวารี ไม่เคยคอยใคร ใครตั้งใจทำอะไรควรรีบทำเสีย
เพราะ ชีวิตไม่แน่นอน
#5
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 10:05 AM
อย่ากังวลกับอนาคต อย่าพะวงถึงอดีต จงอยู่กับปัจจุบัน ใครเขาจะเป็นอย่างไร ก็อย่าเก็บมาใส่ใจให้มาก เตือนตนก่อนเตือนคนอื่น ทำตามคำสอนของพระสัมมาฯ และมหาปูชนียาจารย์ ให้ดีที่สุดในทุกๆ ลมหายใจ ตรึงปณิธานไว้ให้มั่นในจิต รักษาธรรมเนียมปฎิบัติของผู้บำเพ็ญเพียรเพื่อละกิเลส ทำต่อไปเรื่อยๆ ตราบกระทั่งวาระสุดท้ายของชีวิต อนาคตจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยให้มันเป็นไป ตราบใดที่ทำดีย่อมได้ดี ตราบนั้น ความดีจะยังคงอยู่จนกว่าความเสื่อมจะเข้ามาแทนที่
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)
#6
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 10:33 AM
เกิด... แก่... เจ็บ... ตาย...
เป็นไปตามกฎแห่งกรรม
ดังคำสอนของหลวงพ่อท่าน ที่ว่า บุญไม่มัซื้อ-ขาย ถ้าอยากได้ก็ต้องทำเอง
และจากคำถาม ที่ถามขึ้นมา ผมพอจะสรุปได้ว่า ถ้าเราขาดเนื้อนาบุญอันยิ่งใหญ่ไป
แล้วเราจะยังมาทำบุญกับวัด(พระธรรมกาย) อีกหรือไม่ ...
โดยส่วนตัวแล้ว เคยคิดเรื่องนี้เหมือนกันนะคราบ เพราะอาจจะเห็นเหตการณ์แบบเดียวกัน
แต่ทว่า ... คนที่คิดจะหายไป ก็ต้องปล่อยเค้าไป
แต่คนที่คิดจะอยู่ก็ต้อง รีบคิดนะคราบว่า เราจะอยู่อย่างไร
ที่ทำให้เกิดแรงกุศลศรัทธาในแบบเดิมๆ ค่านิยมเดิมๆ และวัฒนธรรมเดิมๆ เหมือนตอนที่
เนื้อนาบุญอันยิ่งใหญ่ของเรายังคงมีชีวิตเป็นมนุษย์อยู่
ผู้สืบสาน คือพวกเราทุกคน เพราะพวกเราทุกคน เวลาจะกระทำการอะไรแล้ว ก็ต้อง
มีกำลังใจและแรงบันดาลใจ ข้อนี้เราคิดว่าอะไร คือ แรงและกำลัง ที่จะผลักดันตัวเราเอง
ให้เคลื่อนต่อไป ถึงแม้ว่าจะขาด สิ่งที่สำคัญตรงนั้นไป ...
ถ้าเรา พยายาม เอาคำสอนของหลวงพ่อท่านมาทบทวน และตรึกตรองใหม่ ซ้ำ ๆ ไป เรื่อย ๆ
เราก็จะพบว่า ในตัวเราเองนั้นที่เป็นแรงและกำลัง อันสำคัญมากที่สุด 072 ^^~*
ขอกราบอนุโมทนาบุญ คราบ ... สาธุ ...
ปล. เราทุกคน ก็ต้องมีฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด จากกันไปก่อน เราจะได้เจอกัน และได้ร่วมกันสร้างบารอีกเมื่อไหร่นั้น เราก็ยังไม่รู้ แต่ตอนนี้ที่เราทุกคนรู้คือ จะทำอย่างไรให้ติดตามทันกัน ไปถึงที่สุดแห่งะธรรมโดยไม่ได้พลัดพลากจากกันไป (จากคำสอนของหลวงพ่อท่าน) เราต้องเตรียมตัวและหัวใจไว้ให้พร้อมเมื่อเวลานั้นมาถึง ...
เ มื่ อ เ ร า ส ว่ า ง * * * โ ล ก * * * ก็ ส ว่ า ง ด้ ว ย ^^~*
ส า ธุ . . . ค รั บ ^^~*
#7
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 10:57 AM
ชีวิตนี้เกิดมาสร้างบารมี
ต้องพยายามทำความดีให้เต็มที่
ถ้าต้องการจะสร้างบารมีให้ได้ดีจริง ๆ ต้องติดธรรมะ อย่าติดบุคคล แล้วจะสร้างบารมีไปได้ตลอด จะนำความเจริญมาสู่ตัวเองและหมู่คณะด้วย ให้มีสติสอนตัวเองอยู่เสมอ
ถ้าติดบุคคลแล้ว จะสร้างบารมีไปไม่ได้ตลอด จะเดือดร้อนในภายหลัง ทั้งตัวเองและหมู่คณะด้วย
ถ้าติดธรรมะ มีธรรมะเป็นที่พึ่ง จะชนะมิจฉาทิฐิได้ เพราะจะได้บุญที่สะอาดบริสุทธิ์ติดตัวไปทุกวัน
จำเอาไว้ให้ดี แล้วเอาไปปฏิบัตินะ
ยายอายุมากแล้ว แก่เข้าไปทุกวัน เมื่อยังมีแรงพูด ก็จะสอนไปเรื่อย ๆ
ขอให้นำไปปฏิบัติ จะได้เอาตัวรอด
คุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง
ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย
ในสมัยที่หลวงพ่อวัดปากน้ำทำวิชชาอยู่
ท่านเคยถามทุก ๆ คน ที่ทำวิชชา ถามว่า รู้ไหม เราทำวิชชานี้เพื่ออะไร ?
ถามเรียงตัวเลย ให้ตอบทีละคน บางคนก็ตอบว่า... ทำเพื่อพระศาสนา... ทำเพื่อวัด... ทำเพื่อหลวงพ่อ
ตอบในทำนองนี้ทุกคน จนถามมาถึงยาย ยายก็ตอบหลวงพ่อว่า ที่มาทำวิชชาอยู่นี้ ลูกทำเพื่อตัวเอง
เป็นคำตอบที่หลวงพ่อท่านพอใจที่สุด
ท่านบอกว่า เออ ! ต้องอย่างนี้สิ จึงจะใช้ได้
ที่มาทำอยู่นี่ก็เพื่อช่วยตัวของตัวเอง
ใครจะไปช่วยใครได้
ทำไปก็เพื่อช่วยตัวเองให้พ้นทุกข์
พ้นจากการเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร
คุณยายอาจารย์ มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง
ผู้ให้กำเนิดวัดพระธรรมกาย
Someday I'm gonna be free.
#8
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 11:50 AM
คำสอนยายแจ่มแจ้งที่สุดค่ะ
ในวันนี้เราเองก็ต้องมองโลกให้เห็นในทุกด้าน ตรงไปตามความเป็นจริง
ว่าคนมีหลายประเภท แต่ละคนก็มีภาระกิจต่างๆกัน
มีระดับความเลื่อมใสศรัทธา และทัศนคติที่แตกต่างกัน
อินทรีย์อ่อนแก่ไม่เท่ากัน
การที่ใครจะอยู่ หรือจะไป ก็ต้องอาศัยองค์ประกอบดังที่กล่าวมาเบื้องต้น
กระทู้นี้มีข้อดีในแง่ของการกระตุ้นเตือนให้เราหันมามองตัวเอง
ว่าในวันนี้ เรา"ยึด" อะไร ในการมาวัด เละ "ทำเพื่อใคร" ในการมาวัด
เมื่อตอบคำถามได้แล้วก็มุ่งทำความดีต่อไป เราสร้างกรอบให้ตัวเองได้
แต่การไปสร้างกรอบหรือขีดทางให้คนอื่นเดินคงยากนะคะ
อันนี้..คือคำรำพึงส่วนตัวน่ะค่ะ...
เรื่องดีๆเกิดขึ้นได้ทุกวัน
#9
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 02:02 PM
#10
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 02:07 PM
จริงๆกระทูนี้ก็น่าคิดนะค่ะ แต่ทุกสิ่งย่อมมี เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดาของสัตว์โลก
แต่ถ้าเราทุกคนมีธรรมะอยู่ในใจ อะไรทุกอย่างก็คงจะเหมือนเดิม
#11
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 03:03 PM
เพราะอ่านแล้ว..ใจหายค่ะ คงเป็นนิวรณ์เก่า
เรียกสติกลับมาก่อน...
เอาเป็นว่า
อย่าไปวิตกกับเรื่องที่มาไม่ถึงจนเกินไป พลอยให้คนอื่นเป็นไปด้วย
วันนี้เป็นลูกที่ดี ทำตามพระพ่อ
ถามตัวเองทุกวันก่อนว่า วันนี้เราเป็นลูกที่ดีไหม
...ถ้าทุกคนทำแบบนี้ทุกวัน แล้วทุกอย่างจะดีเองค่ะ
#12
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 03:14 PM
จริงไหมคะ ถ้าได้คิดก็คิดได้
#13
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 04:36 PM
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#14
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 06:03 PM
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=5438
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา
*********************
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว
เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
#15
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 07:38 PM
....ให้ทุกคนทำงานที่แท้จริงนะครับ...
#16
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 08:10 PM
#17
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 09:53 PM
1. วัดที่มีเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในด้านวัตถุมงคลของขลัง
2. วัดที่มีเกจิอาจารย์สอนปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิเจริญภาวนา
วัดในรูปแบบที่ 1 นั้นจะรุ่งเรื่องในยุคของท่านเกจิอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่ พอมีปัจจัยที่ได้จากการบูชาวัตถุมงคลก็จะนำมาสร้างวัด บำรุงวัดให้ใหญ่โตได้ แต่ถ้าหมดหลักยึดสำคัญไป วัดก็จะเสื่อมอย่างรวดเร็ว
วัดในรูปแบบที่ 2 นั้นจะรุ่งเรื่องในยุคของท่านเกจิอาจารย์ยังมีชีวิตอยู่เช่นเดียวกัน แต่มักจะเป็นวัดที่สงบ เป็นสถานที่สัปปายะ เหมาะในการปฏิบัติธรรมเจริญภาวนา วัดเหล่านี้ถึงแม้จะสิ้นบุญหลวงพ่อ ก็มักจะดำรงสืบสานต่อไปได้ แต่สาธุชนก็ไม่เนื่องแน่นเหมือนเดิม แต่ก็ไม่ถึงไม่มีเลย
แล้ววัดเราล่ะ? เคยได้ยินมาว่าต่อเดือน มีค่าใช้จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าบำรุงสถานที่ ค่าอาหารของ พระ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา และสาธุชนทั้งหลาย ยังไม่รวมค่าก่อสร้างอื่นๆ นะครับ ก็ตกราวๆ 30 ล้านบาท พอเห็นตัวเลขแทบตกใจเพราะสูงมากๆ แล้วถ้าไม่มีคนมาใช้สถานที่ที่หลวงพ่อตั้งใจทำให้เป็นศูนย์รวมของพระพุทธศาสนาล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าทุกคนทิ้งวัดแค่สักเดือน กับเนื้อใหญ่โตขนาดนี้ หญ้าวัชพืชต่างๆขึ้นแค่ เดือนเดียวก็เต็มวัดแล้ว ผมเคยไปวัดที่พัทยาเป็นวิทยาลัยสงฆ์ ยุคหนึ่งมีความรุ่งเรื่องมาก แต่ปัจจุบันเนื้อที่ไม่มีการนำมาใช้เป็นกิจกรรม ก็มีแต่หญ้าลกชัดเต็มไปหมด สถานที่ที่กำลังก่อสร้างแล้วสร้างไม่เสร็จถูกทิ้งร้าง ที่ไม่สวยงามตาเลย
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่หลวงพ่อทัตตชีโว ได้เทศน์ว่าบารมีธรรมของหลวงพ่อธรรมนั้นยิ่งใหญ่มากทุกวันอาทิตย์หลวงพ่อลงเทศน์ช่วงบ่าย ก็จะมีสาธุชนเบียดกันแน่นแย่งก็นำปัจจัยไปถวายหลวงพ่อ แต่พออาทิตย์ไหนท่านไม่มา ก็จะมีพระลูกวัดมาแทนนั้น อาทิตย์นั้นจะมี สาธุชนถวายปัจจัยน้อยมากๆ ดังนั้นจะเห็นได้ว่าถ้า..........น่าคิดนะครับ
ผมคนหนึ่งละจะไม่ทิ้งวัด.....และจะสอนลูกหลานยังไงให้รักษาสถานที่ให้เป็นสัปปายะ เป็นสถานที่น่าอยู่ น่ามาปฏิบัติธรรม
กราบอนุโมทนาบุญทุกๆคนที่ร่วมกันสร้างวัด สร้างพระ สร้างคนให้เป็นคนดี ทุกๆท่านนะครับ
#18
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 09:55 PM
อยากให้ไปศึกษาให้ละเอียด ในส่วนของวัดปากน้ำหลังสิ้นหลวงปู่ไปแล้ว เคยอ่านมาว่า หลังสิ้นพระเดชพระคุณไปแล้ว วัดปากน้ำก็โดนกระแสเศรษฐกิจ อ่วมเหมือนกัน ไหนจะภัตตาหารพระเณร ส่วนบริหารโรงเรียนพระปริยัติธรรม ค่ำน้ำ ค่ำไฟ ฯลฯ
บางส่วนก็ออกไปเผยแผ่วิชชาธรรมกาย นอกวัดปากน้ำ
บางส่วนจบการศึกษาปริยัติธรรมแล้ว กลับวัดไปเป็นครูบาอาจารย์ สอนบาลี
บางส่วนไปเป็นเจ้าคณะปกครอง เป็นเจ้าอาวาสบ้าง
การปกครองของวัดปากน้ำไม่ได้เหมือนวัดพระธรรมกาย ครับ ขอเน้นย้ำนะครับ และหลวงปู่คุมความประพฤติพระเณร อย่างเข้มงวด ถ้าขาดปาฏิโมกข์โดยไม่มีเหตุจำเป็น ก็นิมนต์ไปหาวัดใหมกันเลย และผมยกย่องพระเดชพระคุณมากในเรื่องของการเปิดโรงเรียนพระปริยัติธรรม และรับพระเณรทั่วไปมาเรียน บาลี เมื่อเรียนจบ แล้ว ก็กลับวัดที่บวชเรียนมา ไปพัฒนาวัดต่าง ๆ ทำให้เกิด เป็นสายใย สายสัมพันธ์ในสังฆมณฆล อย่างคาดไม่ถึง
ส่วนคำถามเรื่องคนที่มาทันยาย อยากคุณต้องได้สัมผัสคนที่ได้ใกล้ชิดยาย จริง แล้วจะเข้าใจเอง ต้องหาแบบที่ทราบว่า ถ้ามีเรื่องราวอย่างนี้ ยายจะคิดอย่างไร ตัดสินอย่างไร แล้วคุณจะเข้าใจเรื่องนี้กระจ่างแจ้งเอง แต่ผมมั่นใจว่า ยายจะไม่ทิ้งลูกหลานของท่านไปไหนหรอก ครับ
อยากให้ไปศึกษากันใหม่ และคิดทบทวนอีก สักที แล้วผมยินดีจะมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นด้วยครับ
#19
โพสต์เมื่อ 13 July 2006 - 10:55 PM
เรื่องสถานที่ มีคนพูดกันมาก เช่น บางท่านเคยบอกผมว่า โบสถ์ วัด ศาลา เจดีย์ อนาคตก็ต้องผุพัง เสื่อมโทรมไปตามกาลเวลา แล้วสร้างไปทำไม สร้างไปเพื่ออะไร
ผมจึงย้อนถามเขาบ้างว่า มหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศ เช่น ธรรมศาสตร์ จุฬาฯ มหิดล เชียงใหม่ อนาคตก็ต้องกลายเป็นซากปรักหักพัง แล้วสร้างมหาวิทยาลัยเหล่านี้ไปทำไม เขาก็อึ้งไป
ผมจึงต่อให้ว่า เขาไม่ได้สร้างให้คนอนาคตเป็นหลัก แต่สร้างให้คนปัจจุบันเป็นหลัก ให้คนปัจจุบันได้ศึกษาวิชาชีพ วิชาความรู้เป็นประโยชน์กับแต่ละคนในอนาคต เช่นเดียวกัน โบสถ์ วิหาร ศาลา เขาไม่ได้สร้างให้คนอนาคตเป็นหลัก แต่เขาสร้างให้คนในปัจจุบันได้ศึกษาวิชชาชีวิต เมื่อรู้วิชชาชีวิตแล้ว ก็จะดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง ทำปัจจุบันให้ดี เมื่อคนปัจจุบันดี เดี๋ยวคนอนาคตก็จะดีเอง แล้วก็จะดูแลสิ่งก่อสร้างที่ดีๆ ในปัจจุบันให้เป็นประโยชน์กับคนในอนาคตต่อไปเองนั่นแหละ
สำคัญที่สร้างนิสัยที่ดีให้กับคนปัจจุบัน ถ้าปัจจุบันดี อนาคตจะดูแลตัวเองให้ดีเอง
#20
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 01:13 AM
เพราะฉะนั้นไม่ว่าหลวงพ่อจะอยู่หรือไม่อยู่ก็ตาม เป้าหมายและมโนปนิธานของพวกเราจะต้องไปเลี่ยนแปลง และที่แน่ๆ หลวงพ่อท่านก็ไม่ได้ไปไหน ท่านอยู่กับพวกเราตลอดเวลา ท่านอยู่กับลูกๆของท่านตลอดเวลา อยู่ในใจพวกเรา เหมือนหลวงปู่ และคุณยาย ท่านก็อยู่ในใจพวกเรา ที่ฐานที่ 7 นี่ไงค่ะ
ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้ค่ะ ไม่มีอะไรน่าห่วงและคิดเลยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะมันเกินความคิดของคนเรา ทุกอย่างถูกจัดไว้อย่างลงตัวแล้ว นั่งหลับตาเข้าถึงธรรมกันดีกว่า ในพรรษานี้ ให้พ่อได้ชื่นใจกันเถอะค่ะ
น้าจี้
#21
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 02:07 AM
จะมาเร็วมาช้าไม่สำคัญ สำคัญว่าใครจะอยู่เป็นคนสุดท้าย
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#22
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 09:05 AM
ส่วนตัวแล้ว เรื่องโปรเจ็กต่างๆ นั้นก็พร้อมที่จะให้ความร่วมมืออยู่แล้ว ไม่ต้องให้ถึงมือพระเดชพระคุณหลวงพ่อหรอกค่ะ อยากให้ท่านไ้ด้ทำงานที่ท่านอยากทำมากกว่า
#23
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 04:27 PM
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ
#24
โพสต์เมื่อ 14 July 2006 - 09:47 PM
ดังนั้นเราจะรักวัด รักในมโนปณิธานของคุณครูไม่ใหญ่
รักในการปฏิบัติธรรม
อย่างไรก็ตาม ใดใดในโลก ล้วนอนิจจัง
เราเองอาจจะหลงทางออกไปอีกก็ได้
ถ้าเรามีความไม่แน่นอนเกิดขึ้น
แล้วเราอยากเป็นผู้หนึ่งหลงทางออกไปอีกหรือครับ
เราไม่รู้ว่า เราจะมีโอกาสกลับมาเส้นทางนี้อีกหรือไม่
เมื่อไร นานแค่ไหน
เวลาที่หายไป เพื่อน ๆ ท่านอื่น อาจมีการพัฒนาการปฏิบัติธรรมจนเข้าถึงธรรมขั้นสูงกว่าก็ได้
แล้วเราจะเป็นอย่างนี้หรือ
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ผมนะครับ