ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

ถ้าอย่างนี้คนก็ไม่กลัวกรรม/ผลของกรรมซิค่ะ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 14 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 15 August 2006 - 03:35 PM

ที่มา: ข้อมูลจากพระพุทธศาสนาระดับชาวบ้าน (หน้าที่ 5)
ถ้าอย่างนี้...ถ้าอย่างนี้คนก็ไม่กลัวกรรม/ผลของกรรมซิค่ะ...แล้วก็ส่งผลให้สังคมเกิดปัญหาร้าย ๆ ตามมา dont_tell_anyone_smile.gif

QUOTE
เรื่องที่ไม่ควรสนใจ
เมื่อจะมาศึกษาธรรมะเราก็มักจะตั้งคำถามก่อนว่า ผีมีจริงหรือไม่? ตายแล้วไปไหน? นรก-สวรรค์อย่างที่เขาเชื่อกันอยู่นั้นมีจริงหรือไม่? เป็นต้น ซึ่งเรื่อนี้เป็นเรื่องที่โต้เถียงกันมานานแล้ว แต่ก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ เพราะไม่มีใครเอาของจริงมาแสดงให้เห็นจริงได้สักราย มีแต่เชื่อตามๆกันมาเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้พระพุทธองค์ทรงสอนว่า อย่าเพิ่งสนใจ เพราะมันไม่ใช่จุดเริ่มต้นของการศึกษาพุทธศาสนา จุดเริ่มต้นของการศึกษาพุทธศาสนานั้นอยู่ที่การศึกษาเพื่อดับทุกข์ของชีวิตในปัจจุบัน((หรือหลักอริยสัจ ๔) ต่อเมื่อเราเข้าใจตลอดจนเห็นแจ้งในเรื่องการดับทุกข์อย่างแท้จริงแล้ว ปัญหาต่างๆเหล่านี้ก็จะหมดไปเองเพราะเข้าใจถึงสภาวะที่แท้จริงของชีวิต ของธรรมชาติ ที่เรียกว่าเกิดความรู้แจ้งเห็นจริงขึ้นมา.
เรื่องที่ไม่ควรสนใจหรือติดใจนี้เรียกว่า อจินไตย (เรื่องไม่มีที่สิ้นสุด) ซึ่งก็มีอยู่ ๔ เรื่อง คือ
เรื่องพระพุทธเจ้าและอริยบุคคล
เรื่องเกี่ยวกับสมาธิขั้นสูง
เรื่องกรรมและการรับผลกรรม และ
เรื่องโลกๆ (เช่น ใครสร้างโลก? โลกเที่ยงหรือไม่เที่ยง ? เรื่องความเจริญทางวัตถุ? เรื่องตายแล้วไปไหน? เป็นต้น)
ดังนั้นเมื่อเริ่มศึกษาพุทธศาสนาเราจึงควรละเว้นเรื่องอจินไตย์เหล่านี้เสียก่อน ถ้ายังมัวติดอยู่กับเรื่องอจินไตย์เหล่านี้เข้าก็จะทำให้ไม่สนใจเรื่องดับทุกข์ อีกทั้งยังจะเข้าใจพุทธศาสนาไขว้เขวหรือสับสนหรือ ผิดพลาดได้โดยง่าย เพราะมาเริ่มต้นผิดนั่นเอง.


#2 r_olygold

r_olygold
  • Members
  • 55 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 August 2006 - 08:29 PM

กระผมว่า มนุษย์ยุคนี้น่าจะเอาเรื่องจริงแบบนี้ (เราจะกลัวทำไมในเมื่อเป็นเรื่องจริง) ไปบอกและแนะนำให้เขา เล่าให้เขาฟังนะครับ ส่วนใหญ๋ก็ยังกิเลสหนาปัญญาหยาบอยู่นะ ถ้าเขาได้ยินได้ฟังเรื่องจริงแบบนี้เขาก็จะร้อง อื้อหือ อ้าหา เป็นจริงอย่างว่าเหรอ? แหม มันน่าตื่นเต้นชวนศึกษาดีนะ จากนั้นครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็ค่อย ๆ ตะล่อมเข้ามาสู่แก่น ผมว่าก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะครับ...สุดท้ายพอเข้ามาถึงแก่น ก็บอกเขาว่าเห็นมั้ยล่ะ...เรื่องพวกนั้นน่ะมันแค่จิ๊บ ๆ

#3 saowanee15

saowanee15
  • Members
  • 207 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 August 2006 - 10:31 PM

ตามจริงเรื่องนี่คงไม่ใช่เรื่องใหม่ หรอกโลกมันหมุนเวียนซ้ำรอยเดิมเสมอ
แต่ว่ายุคไหน ศีลธรรมจะเฟื่องฟู หรือ จะจมแค่นั่นเองคะ

#4 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 16 August 2006 - 04:37 AM

QUOTE
ถ้าอย่างนี้...ถ้าอย่างนี้คนก็ไม่กลัวกรรม/ผลของกรรมซิค่ะ...แล้วก็ส่งผลให้สังคมเกิดปัญหาร้าย ๆ ตามมา

nerd_smile.gif เนื้อหาที่ได้มีการ Quote ไว้ในกรอบอ้างอิงทั้งหมดนั้น กล่าวชอบแล้ว เพราะเหตุใดขุนศึกฯ จึงกล่าวเช่นนี้ เพราะเหตุว่า องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระพุทธทัศนะเกี่ยวกับธรรมะประเภทนี้ว่า ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด และเป็นอสาระธรรม อธิบายว่า เหตุที่ตรัสว่า "เป็นอสาระธรรม" เพราะหากท่านมีความสนใจธรรมะประเภทนี้ โดยที่ท่านมิได้ลงมือปฏิบัติให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตัวของท่านเองแล้ว ลำพังปัญญาอันเกิดจากการสดับตรับฟัง (สุตมยปัญญา) และการคาดคะเนด้นเดาโดยวิสัยแห่งความเป็นปุถุชน (จินตมยปัญญา) ย่อมมิอาจยังให้เกิดความกระจ่างอย่างตลอดหมดจดในธรรมนั้นได้ และมิอาจยังให้กิเลสานุสัยใดๆ ในขันธสันดานบางเบาลงแต่ประการใดเลย จึงกล่าวว่า "ไม่เป็นไปเพื่อความเบื่อหน่าย คลายกำหนัด" จากทัศนะของขุนศึกฯ ได้เล็งเห็นว่า พระพุทธองค์ทรงมีพระพุทธประสงค์ให้เหล่าพุทธสาวกของพระองค์เป็นผู้ดำรงตนอยู่กับปัจจุบันธรรม ปัจจุบันธรรมนั้นเป็นไฉน? ปัจจุบันธรรมนั้นคือ การรู้จักแยกแยะและจำแนกธรรมด้วยปัญญาอันชอบของตนว่า สิ่งใดที่เป็นสาระ และสิ่งใดที่เป็นอสาระ ซึ่งสาระธรรมตามพุทธวจนะอันเป็นปรมัตถสัจจะและเป็นเอกวจนะนั้น หมายเอาธรรมะที่เปรียบดั่งใบไม้ในกำมือนั่นเอง แล้วธรรมะที่เป็นสาระธรรมนั้นเป็นไฉน? ธรรมะที่เป็นสาระธรรมอันเปรียบได้กับใบไม้ในกำมือนั้น คือ พระธรรมคำสอน ๘๔,ooo พระธรรมขันธ์นั่นเอง เมื่อได้ทราบดังนี้แล้ว ท่านผู้เจริญในธรรมทั้งหลาย พึงขวนขวายให้แจ้งในธรรมอันเปรียบดั่งใบไม้ในกำมือเสียก่อนเถิด เพราะหากท่านยังมิได้ปฏิบัติให้รู้แจ้งในธรรมะอันเปรียบประดุจแกนแก่นธรรมที่เป็นสาระแล้วไซร้ ท่านจักทำให้แจ้งซึ่งธรรมะอจินไตย อันเปรียบดั่งใบไม้ในป่าประดู่ลายได้อย่างไรเล่า

QUOTE
กระผมว่า มนุษย์ยุคนี้น่าจะเอาเรื่องจริงแบบนี้ (เราจะกลัวทำไมในเมื่อเป็นเรื่องจริง) ไปบอกและแนะนำให้เขา เล่าให้เขาฟังนะครับ ส่วนใหญ๋ก็ยังกิเลสหนาปัญญาหยาบอยู่นะ ถ้าเขาได้ยินได้ฟังเรื่องจริงแบบนี้เขาก็จะร้อง อื้อหือ อ้าหา เป็นจริงอย่างว่าเหรอ? แหม มันน่าตื่นเต้นชวนศึกษาดีนะ จากนั้นครูบาอาจารย์ทั้งหลายก็ค่อย ๆ ตะล่อมเข้ามาสู่แก่น ผมว่าก็เข้าท่าดีเหมือนกันนะครับ...สุดท้ายพอเข้ามาถึงแก่น ก็บอกเขาว่าเห็นมั้ยล่ะ...เรื่องพวกนั้นน่ะมันแค่จิ๊บๆ

nerd_smile.gif ท่านผู้เจริญในธรรมพึงระลึกอยู่เสมอว่า การแนะนำพร่ำสอนธรรมให้แก่เหล่ากัลยาณชนทั้งปวงนั้น จริงอยู่ แม้ธรรมเหล่านั้น เป็นของจริง ของแท้ และเป็นที่รักที่ชอบใจแก่มหาชนทั้งหลาย หากแต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์แล้วไซร้ พระตถาคตเจ้าไม่ตรัสวาจานั้น ที่เป็นเช่นนี้เพราะ เป็นกุศโลบายประการหนึ่งขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงมีพระพุทธประสงค์ให้เหล่าพุทธบริษัทของพระองค์เป็นผู้หมั่นขวนขวายในสิ่งที่พึงขวนขวาย นั่นคือ การบำเพ็ญเพียรให้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมด้วยปัญญาของตนเอง อนึ่ง ธรรมะเหล่านี้ หากท่านศึกษาโดยมิได้ลงมือปฏิบัติให้รู้แจ้งเห็นจริงแล้ว ย่อมจักนำไปสู่การโจทย์ขานและโพนทะนากันในหมู่มนุษย์อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ฉะนั้น เมื่อใดที่ท่านผู้เจริญในธรรมทั้งหลาย ได้ทำให้แจ้งซึ่งธรรมที่พระตถาคตเจ้าและเหล่าพระอริยสาวกได้ทำให้เจริญขึ้นแล้ว เมื่อนั้น วิจิกิจฉาธรรมย่อมสูญสลาย อวิชชา คือ ความไม่รู้ทั้งปวงย่อมมลายไป อนึ่ง ผู้มีปัญญาพึงรู้เลือกกาละ เทศะ และจริตอัธยาศัยของบุคคลในการแสดงธรรม เพราะของสิ่งหนึ่ง อาจเป็นคุณกับบุคคลหนึ่ง แต่อาจเป็นโทษกับอีกบุคคลหนึ่ง ดังนี้

"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#5 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 August 2006 - 08:07 AM

จิตใจคนในยุคนี้มันหยาบขึ้นมาก จิตใจคนที่ระเอียดมีหิริโอตัปปะมีน้อย บางครั้งเราเอาเรื่องที่ระเอียดไปบอกเขาๆก็รับไม่ได้ ก็ต้องเริ่มต้นที่เรื่องหยาบๆก่อนให้เกิดนิสัยอยากทำบุญก่อน เมื่อจิตน้อมไปทางบุญกุศลแล้วค่อยแนะนำทางด้านการพัฒนาจิตให้สูงขึ้น
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#6 อ้วน บ่อโยก

อ้วน บ่อโยก
  • Members
  • 646 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:rayong

โพสต์เมื่อ 16 August 2006 - 08:11 AM

สาธุ พี่ ขุนศึกครับ

ตอนแรก ผมอยากจะค้านเหมือนกันว่า ปัจจุบัน คนมักใช้ปัญญาภายนอกพิจารณา
และยังไม่มีวิธีการทางวิทยาศาสตร์มาพิสูจน์พุทธศาสนาได้อย่างครอบคลุม

ดังนั้น ปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน ต้องปฏิบัติไปรู้ไปเห็นเองนะครับ

แต่พออ่านข้อความข้างต้น ทำให้เข้าใจมากขึ้นนะครับ

ขอขอบพระคุณอีกครั้งครับผม

#7 บุญโต

บุญโต
  • Members
  • 2192 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
  • Interests:ปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 16 August 2006 - 08:32 AM

สาธุค่ะ...คุณขุนศึกฯ

#8 พลุ

พลุ
  • Members
  • 23 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 August 2006 - 08:49 AM

ขออนุโมทนา กับคุณขุนศึกค่ะ .....ขอให้เจริญในธรรม ยิ่งๆ ขึ้นค่ะ

#9 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 16 August 2006 - 11:35 AM

ใครๆก็ต้องศึกษาความเป็นจริงของชีวิต
อย่างน้อยๆ ต้องศึกษาเรื่องอริยสัจ4 เรื่องกรรม
เพราะนรกมีจริง ถึงใครไม่รู้ แต่ถ้าพลาดไปทำผิดพลาด ก็มีสิทธิไปได้ทั้งนั้น
คนที่ทำผิดกฎหมาย จะมาอ้างว่าไม่รู้กฏหมาย ตำรวจก็จับเข้าคุก ลงฑัณฑ์ได้อยู่ดี

บางเรื่องซับซ้อน เข้าใจยาก บางเรื่องต้องเข้าถึงเองจึงรู้ จึงจัดไว้ในฐานะที่ยังไม่ควรคิด
แต่ลูกธนูที่เสียบคาอยู่ ต้องรีบถอนออก ก็ต้องทำแผลก่อน
คือปฐมพยาบาลก่อน แล้วค่อยรักษาโรคเรื้อรังอื่นๆที่มี

ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#10 ปลึ้มในบุญ

ปลึ้มในบุญ
  • Members
  • 52 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 August 2006 - 01:09 AM

สาธุค่ะ คุณขุนศึก อธิบายได้ลึกซึ้งและละเอียดมากค่ะขออนุโมทนาบุญนะคะ

#11 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 17 August 2006 - 11:24 AM

คุณพี่สุรัตน์ไปเรียกน้องขุนศีกฯว่าพี่ เด๋วน้องเค้าก็น้อยใจแย่หรอกครับ หุหุหุ tongue.gif
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)

#12 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 17 August 2006 - 12:18 PM

ครับ การสอนธรรมะย่อมสามารถสอนได้หลากหลายขึ้นกับจริตผู้คน

บางคน การสอนเรื่องกฏแห่งกรรมขึ้นก่อน จะเหมาะสมกว่า แต่บางคน ไม่ชอบเพราะพิสูจน์เดี๋ยวนั้นไม่ได้ ก็สามารถสอนแบบสัจธรรม เช่น อริยสัจ 4 ไปเลยก็ได้น่ะครับ เพราะสุดท้ายเมื่อทุกคนได้เข้าถึงสัจธรรมแล้ว เขาก็จะรู้แจ่มแจ้งทุกอย่างด้วยตัวเขาเองน่ะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#13 ชาร์ป

ชาร์ป
  • Members
  • 985 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ปทุมธานี

โพสต์เมื่อ 21 August 2006 - 12:14 AM

QUOTE
ที่มา: ข้อมูลจากพระพุทธศาสนาระดับชาวบ้าน (หน้าที่ 5)


ก็มันระดับชาวบ้านอ่ะ

#14 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 21 August 2006 - 12:25 AM

QUOTE
ก็มันระดับชาวบ้านอ่ะ

nerd_smile.gif คุณอย่าดูเพียงแค่หัวข้อโดยมองข้ามการพิจารณาจากเนื้อหาที่ได้มีการนำเสนอนะครับ เพราะการพิจารณาเพียงแค่นี้ ไม่อาจเอามาเป็นบรรทัดฐานในการตัดสินได้ครับ
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#15 ป่าน072

ป่าน072
  • Members
  • 371 โพสต์
  • Location:โคราช
  • Interests:การศึกษาต่อในวิชา วิทยาศาสตร์<br />วิศวะปิโตรเคมี

โพสต์เมื่อ 21 August 2006 - 04:55 PM

อนุโมทนาด้วยนะคะ สำหรับผู้ที่มีความคิดที่ดีอย่างนี้ค่ะ
เมื่อดวงตาปิดสนิมอย่างละมุน
ไม่มีลุ้นเร่งจองมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมายถึงปลายทาง