เห็นกระทู้ก่อนหน้านี้ถามถึงการระลึกชาติ ก็เลยมีข้อสงสัยนิดนึงค่ะ จำได้ว่าตอนขึ้นไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์ พระอาจารย์ท่านแนะนำว่าถ้าอยากรู้เกี่ยวกับเรื่องจิต เรื่องสมาธิ เพิ่มเติมในแบบที่ชาวตะวันตกเขาศึกษาให้ไปอ่านจากในหนังสือ เช่นของ Brian L. Weiss ก็เลยไปหามาอ่านค่ะ มีหลายเล่มทีเดียว พออ่านแล้ว ก็เลยรู้ว่าเขาศึกษาเกี่ยวกับการระลึกชาติ โดยการสะกดจิตค่ะ เช่นมีคนไข้ของเขามีอาการปวดที่ไหล่ซ้าย ไปหาหมอแล้วก็หาสาเหตุไม่พบ คุณหมอ Brian ท่านนี้เลยรักษาโดยการสะกดจิต พบว่าชาตินึงในอดีตคนไข้คนนั้นเคยเป็นทหารแล้วถูกศัตรูแทงตรงไหล่ซ้าย หลังจากที่ระลึกชาติแล้ว อาการของผู้ป่วยก็ดีขึ้นเป็นลำดับอย่างน่าอัศจรรย์ อ่านแล้วก็เลยสงสัยค่ะว่า การระลึกชาติด้วยวิธีสะกดจิตนี้มันเหมือนกับว่าคนนั้นได้บรรลุบุพเพนิวาสานุสติญาณ ได้หรือเปล่าค๊ะ แล้วถ้าเป็นอย่างนี้คนที่ไม่ได้นั่งสมาธิ แต่เขาอยากรู้อดีตชาติก็แค่ไปให้เขาสะกดจิตให้รือค๊ะเนี่ย
ขอถามเรื่องการระลึกชาติอีกนิดค่ะ
เริ่มโดย Minnie, Feb 28 2006 09:01 AM
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 28 February 2006 - 09:01 AM
#2
โพสต์เมื่อ 28 February 2006 - 11:02 AM
ผมก็เคยอ่านครับ เป็นคำถามที่ดีครับเืรื่องการสะกดจิตระลึกชาติ แต่ที่ผมจำได้คือประสบการณ์ที่เขาสะกดจิตระลึกชาติได้ เกิดขึ้นแค่บางคนไข้เท่านั้นนะครับ และน้อยรายมาก ๆ ที่ผ่านมา และเป็นการระลึกชาติในช่วงระยะเวลาพันสองพันปี ซึ่งเท่ากับแค่เวลาน้อยนิดมากในสวรรค์ หรือนรก ขณะที่การระลึกชาติในพุทธศาสนา พระอรหันต์ท่านระลึกชาติถึงเป็นกัปป์ อสงไขย ซึ่งระยะเวลานานกว่าพันปี มาก ๆๆๆๆๆๆ มหาศาล ดังนั้นยังไ่ม่มีข้อพิสูจน์ที่ชัดเจน มีแต่ในพระไตรปิฏกครับ ที่เป็นหลักฐานยืนยันพิสูจน์ทราบ ว่าการระลึกชาติไปได้ไกลกว่านั้นมาก ๆๆๆๆๆ ซึ่งต้องเริ่มต้นจากการนั่งสมาธิครับ
ผมเองแค่ใช้บทความเขา สนับสนุนว่า คนเราเวียนว่ายตายเกิดหรือไม่ งานเขียนเขา พิิสูจน์ให้ทราบว่าคนเราเวียนว่ายตายเกิด ดังนั้นเมื่อคนเราเวียนว่ายตายเกิด การเกิดการตาย ่ย่อมเท่ากับวันนี้และวันวาน ดังนั้นเหตุแห่งวันวาน ย่อมสนับสนุนผลของวันนี้ และสนันสนุน เรื่อง กรรมมีจริงและผลแห่งกรรมมีจริง ครับ
ผมเองแค่ใช้บทความเขา สนับสนุนว่า คนเราเวียนว่ายตายเกิดหรือไม่ งานเขียนเขา พิิสูจน์ให้ทราบว่าคนเราเวียนว่ายตายเกิด ดังนั้นเมื่อคนเราเวียนว่ายตายเกิด การเกิดการตาย ่ย่อมเท่ากับวันนี้และวันวาน ดังนั้นเหตุแห่งวันวาน ย่อมสนับสนุนผลของวันนี้ และสนันสนุน เรื่อง กรรมมีจริงและผลแห่งกรรมมีจริง ครับ
อย่าให้อุปสรรคใด ๆ มาขัดขวางในชีวิตการสร้างบารมี และ
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา
โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา
โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
#3
โพสต์เมื่อ 28 February 2006 - 02:00 PM
เรื่องของจิตเป็นของสากลครับ การสะกดจิตก็เป็นการกระตุ้นจิตใต้สำนึกระดับลึกของเราให้ทำงาน ถ้าจะว่าไปแล้วจิตในจิต ณ ภายในนั้นก็เหมือนเครื่องบันทึกชั้นเยี่ยมครับ ภาพเหตุการณ์หรือสิ่งใดที่เข้ามาแล้วจะไม่มีการสูญหายของข้อมูลครับ
มีเพียงจิตสำนึก หรือจิตของกายมนุษย์หยาบเท่านั้นที่เกิดมาแล้วก็จำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ แม้แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาเพียงไม่กี่วันบางครั้งเรายังลืมๆ กันเลยครับ
ดังนั้น การสะกดจิตก็ดี การฝึกสมาธิก็ดี เมื่อจิตสงบระดับที่จิตสำนึก หรือความรู้สึกที่เกี่ยวเนื่องด้วยกายเริ่มดับไปยิ่งมากเท่าใด จิตใต้สำนึก หรือจิตละเอียด ณ ภายในก็จะเริ่มตื่นขึ้นมามากเท่านั้น ดังนั้นการเห็นภาพในอดีต ด้วยจิตใต้สำนึกก็ดี ด้วยจิตของกายละเอียด ณ ภายในก็ดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกมหัศจรรย์แต่ประการใดครับ
วิธีทดสอบการระลึกชาติแบบเร่งด่วน คือ ขณะที่จิตเริ่มสงบเป็นสมาธิ ให้เราลองนึกถึงภาพเหตุการณ์ใดก็ได้เหตุการณ์หนึ่งที่เราเพิ่งทำมาและประทับใจ เช่น เมื่อวานนี้มีเพื่อนมาหาชวนไปกินก๋วยเตี๋ยว ภาพที่เราเห็นในขณะนั้นเป็นยังงัย กินแล้วรู้สึกรสชาติเป็นยังงัย นึกให้ชัดเหมือนลืมตาเห็น ถ้าเราสามารถนึกเรื่องราวเมื่อวานนี้ได้อย่างต่อเนื่องประติดประต่อโดยสมบูรณ์มากจึงค่อยฝึกย้อนนึกเรื่องราวในวัยเด็กสมัยเรียนหนังสือดูครับว่า บรรยากาศ ทิวทัศน์ของโรงเรียนเก่าสมัยที่เราเรียนเป็นยังงัย เป็นต้น
มีเพียงจิตสำนึก หรือจิตของกายมนุษย์หยาบเท่านั้นที่เกิดมาแล้วก็จำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ แม้แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาเพียงไม่กี่วันบางครั้งเรายังลืมๆ กันเลยครับ
ดังนั้น การสะกดจิตก็ดี การฝึกสมาธิก็ดี เมื่อจิตสงบระดับที่จิตสำนึก หรือความรู้สึกที่เกี่ยวเนื่องด้วยกายเริ่มดับไปยิ่งมากเท่าใด จิตใต้สำนึก หรือจิตละเอียด ณ ภายในก็จะเริ่มตื่นขึ้นมามากเท่านั้น ดังนั้นการเห็นภาพในอดีต ด้วยจิตใต้สำนึกก็ดี ด้วยจิตของกายละเอียด ณ ภายในก็ดี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกมหัศจรรย์แต่ประการใดครับ
วิธีทดสอบการระลึกชาติแบบเร่งด่วน คือ ขณะที่จิตเริ่มสงบเป็นสมาธิ ให้เราลองนึกถึงภาพเหตุการณ์ใดก็ได้เหตุการณ์หนึ่งที่เราเพิ่งทำมาและประทับใจ เช่น เมื่อวานนี้มีเพื่อนมาหาชวนไปกินก๋วยเตี๋ยว ภาพที่เราเห็นในขณะนั้นเป็นยังงัย กินแล้วรู้สึกรสชาติเป็นยังงัย นึกให้ชัดเหมือนลืมตาเห็น ถ้าเราสามารถนึกเรื่องราวเมื่อวานนี้ได้อย่างต่อเนื่องประติดประต่อโดยสมบูรณ์มากจึงค่อยฝึกย้อนนึกเรื่องราวในวัยเด็กสมัยเรียนหนังสือดูครับว่า บรรยากาศ ทิวทัศน์ของโรงเรียนเก่าสมัยที่เราเรียนเป็นยังงัย เป็นต้น
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#4
โพสต์เมื่อ 01 March 2006 - 01:59 AM
คนที่สามารถจดจำสิ่งต่างๆได้อย่างรวดเร็ว และละเอียดนี่ มีอะไรที่เป็นเหตุสนับสนุนบ้างคะ
#5
โพสต์เมื่อ 01 March 2006 - 02:12 AM
เหตุหลักที่เกื้อหนุนให้บุคคลพิเศษเหล่านั้นมีความสามารถดังกล่าว คือ การเป็นคนรักษาคำสัตย์ (ไม่โกหก) => พูดอย่างไร ทำอย่างนั้น ทำอย่างไร พูดอย่างนั้น ครับผม
#6 *ผู้มาเยือน*
โพสต์เมื่อ 01 March 2006 - 05:16 PM
การสะกดจิต คือการทำให้ไม่มีสติ การเห็นขณะไม่มีสติ จึงเป็นสิ่งที่ ไม่ชัดเจน และไม่แม่นยำ แล้วแต่ความฟุ้งฝัน ไม่อาจมาเปรียบกับการทำสมาธิ ในระดับ ฌาน ได้ ยิ่งวิชชาบุพเพนิวาสานุสติญาน แล้วยิ่งลึกไปกว่านั้นเยอะนะ แต่ก็ทำให้เห็นว่า ฝรั่ง เริ่มคิดถึงการเวียนว่ายตายเกิด มีความเชื่อเรื่องเกิด ซึ่งขัดกับหลักศาสนาเดิมเค้าไว้นะ
#7
โพสต์เมื่อ 29 June 2007 - 11:40 AM
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ...สาธุ