ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

สวรรค์กับนรก


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 21 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 พุทธบุตร

พุทธบุตร
  • Members
  • 23 โพสต์
  • Interests:หนทางใดเล่าประเสริฐอันเกิดผล ทำให้ตนพ้นทุกข์อสุขี<br />หนทางนั้นใช่ฝันอันตามมี เป็นหนทางที่ก้าวไปให้ถึงเอย

โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 11:58 AM

อยากทราบว่าทำบุญเท่าไหร่ถึงจะไปสู่สวรรค์แล้วทำบาปเท่าไรจึงตกนรก มีอะไรใช้เป็นเกณฑ์การตัดสินเป็นเครื่องชี้วัดครับ

ด้วยตัวข้าปัญญายังน้อยนิด ใคร่ขอท่านให้ข้อคิดเห็น
ปัญญาทานนั้นร่มเย็น เมื่อได้เห็นเป็นสุขใจ

#2 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 12:06 PM

QUOTE
อยากทราบว่าทำบุญเท่าไหร่ถึงจะไปสู่สวรรค์แล้วทำบาปเท่าไรจึงตกนรก มีอะไรใช้เป็นเกณฑ์การตัดสินเป็นเครื่องชี้วัดครับ

ใจใสไปสุคติ ใจหมองไปทุกคติไงครับ ทำบุญจนใจใสนั้นแหละครับ ทางสวรรค์ก็เปิด ใสมากก็ไปสูงมาก ใสน้อยก็ไปสูงน้อยๆ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#3 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 12:07 PM

QUOTE
อยากทราบว่าทำบุญเท่าไหร่ถึงจะไปสู่สวรรค์แล้วทำบาปเท่าไรจึงตกนรก มีอะไรใช้เป็นเกณฑ์การตัดสินเป็นเครื่องชี้วัดครับ

nerd_smile.gif เกณฑ์ที่เป็นเครื่องบ่งชี้ก็คือ ปริมาณของบุญและบาปที่มีอยู่ในตัวเรานั่นแหละครับ ว่าพอเหมาะพอสมกับภพภูมิที่เป็นสุคติหรือทุคติ ถ้าพอเหมาะพอสมกับทุคติภูมิ อายตนะของทุคติภูมิก็จะดึงดูดให้ไปปฏิสนธิเกิดขึ้นตามกำลังแห่งดวงบาปที่มีอยู่ในตัว อาทิเช่น คนที่ทำอนันตริยกรรม ๕ ประการ เมื่อทำกาละแล้วปริมาณแห่งดวงบาปมีความพอเหมาะพอสมกับอายตนะของมหานรกขุมอเวจี อายตนะนั้นก็จะดึงดูดเอากายละเอียดให้ไปเสวยทุกข์โทษในอเวจีมหานรกทันที นี่ของฝ่ายบาป ฝ่ายบุญก็เช่นเดียวกัน ถ้าปริมาณดวงบุญมีความสัมพันธ์กับสุคติภพในระดับใด ก็จะดึงดูดเอากายทิพย์ให้ไปบังเกิดในสุคติภพตามแต่ระดับและปริมาณความเข้มข้นของดวงบุญที่มีอยู่ในตัวเช่นเดียวกันครับ
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#4 หยุดอะตอมใจ

หยุดอะตอมใจ
  • Members
  • 729 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 12:07 PM

ความใสของใจตอนจะละโลกเน้อ

จิตเต สงฺกิลิฏเฐ ทุคติ ปาฏิกงฺขา
เมื่อจิตเศร้าหมองไม่ผ่องใส ทุคติเป็นที่ไป

จิตเต อสังกิลิฏเฐ สุคติ ปาฏิกังขา
เมื่อจิตผ่องใส ไม่เศร้าหมอง สุขคติเป็นที่ไป



อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

นรก และศึกชิงภพ
http://www.dmc.tv/pa...ide/page07.html

อ่านหนังสือเรื่องศึกชิงภพ ได้ที่นี่
http://www.kalyanami...ok.asp?bookid=9
QUOTE

ตายแล้วไปไหน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสเรื่องนี้เอาไว้ถึง ๓ ประเด็นใหญ่ว่า เมื่อตายแล้ว
๑) บางพวกตกนรกหรือไปนรก
๒)บางพวกไปสวรรค์
๓) บางพวกหมดกิเลสแล้วไปนิพพาน


ฟังเสียงพระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตชีโว เรื่องศึกชิงภพ ได้ที่
http://www.kalyanami...ing.asp?catid=5


แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง


#5 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 12:33 PM

nerd_smile.gif ถ้าเช่นนั้น ผมขอสรุปเลยละกันว่า มีปัจจัยสำคัญอยู่ด้วยกัน ๒ ประการที่ใช้เป็นเกณฑ์ในการตัดสิน ได้แก่
๑. ความหมองหรือใสของใจในขณะใกล้มรณาสันวิถี
๒. ปริมาณของดวงบุญและดวงบาปที่มีอยู่ในตัว

nerd_smile.gif nerd_smile.gif nerd_smile.gif เกี่ยวกับนรก
=> http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=3358
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#6 พุทธบุตร

พุทธบุตร
  • Members
  • 23 โพสต์
  • Interests:หนทางใดเล่าประเสริฐอันเกิดผล ทำให้ตนพ้นทุกข์อสุขี<br />หนทางนั้นใช่ฝันอันตามมี เป็นหนทางที่ก้าวไปให้ถึงเอย

โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 12:42 PM

ขอขอบคุณที่ให้ความรู้ความเข้าใจครับ แล้วใจใสนี้หมายถึงการปฏิบัติเช่นไรครับ ถึงจะเรียกว่าใจใสใจไม่หมองครับ
ด้วยตัวข้าปัญญายังน้อยนิด ใคร่ขอท่านให้ข้อคิดเห็น
ปัญญาทานนั้นร่มเย็น เมื่อได้เห็นเป็นสุขใจ

#7 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 12:52 PM

QUOTE
ขอขอบคุณที่ให้ความรู้ความเข้าใจครับ แล้วใจใสนี้หมายถึงการปฏิบัติเช่นไรครับ ถึงจะเรียกว่าใจใสใจไม่หมองครับ

nerd_smile.gif เราสามารถทำใจของเราให้ใสได้โดยการตั้งจิตชอบด้วยการบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญภาวนาอยู่อย่างสม่ำเสมอ เมื่อทำได้ดังนี้ จิตของเราย่อมเสพคุ้นอยู่กับความดีจนกระทั่งกลายเป็นนิสัยที่หยั่งรากลึกลงสู่ขันธสันดาน เมื่อนั้น ความผ่องใส ความปีติปราโมทย์ใจ อันเกิดจากการตั้งตนและการเป็นผู้มีจิตตั้งมั่นชอบย่อมเกิดขึ้นแก่เราอยู่อย่างตลอดเวลาครับ
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#8 เป็นหนึ่ง

เป็นหนึ่ง
  • Members
  • 354 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 01:52 PM

QUOTE(พุทธบุตร)
ขอขอบคุณที่ให้ความรู้ความเข้าใจครับ แล้วใจใสนี้หมายถึงการปฏิบัติเช่นไรครับ ถึงจะเรียกว่าใจใสใจไม่หมองครับ


ตามหลักไตรสิกขาครับ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา

I just gotta get out of this prison cell.
Someday I'm gonna be free.

#9 ปุฉฉา13

ปุฉฉา13
  • Members
  • 104 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 08:32 PM

เข้ามาในนี้ก็เริ่มใสแล้วครับ...สาธุ

#10 dhamma_072

dhamma_072
  • Members
  • 45 โพสต์
  • Location:4/864 หมู่ 7 ถนนนวมินทร์ แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ 10230
  • Interests:ต้องการมีความรู้ในเรื่องพระพุทธศาสนาให้มากที่สุด (ในปัจจุบันนี้) เพราะในอดีตไม่เคยสนใจ ดำเนินชีวิตผิดพลาดและประมาทมามากแล้ว!

โพสต์เมื่อ 17 July 2006 - 11:05 PM

ศีล ๕...ก็น่าจะใช้วัดบุญและบาป ที่จะไปนรก-สวรรค์ ได้เหมือนกันนะครับ
และการละอบายมุขทุกๆ อย่าง ก็เป็นตัวชี้วัดได้ด้วยนะ...สาธุ

#11 นิ่งๆ นุ่มๆ

นิ่งๆ นุ่มๆ
  • Members
  • 618 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 12:12 AM

ค่ะ รักษาศีล5ได้ ก็ปิดประตูนรกแล้วละค่ะ
อย่าทำตัวเหมือนเรือ ที่เก็บขยะในมหาสมุทร ใครเขาจะพูดอะไร จะว่าอะไรเราให้ใจขุ่น ก็อย่าไปสนใจ ปากก็ของเขา ความคิดก็ของเขา อย่าเอามาแบกไว้ เพราะสุดท้ายเรือจะล่มอยู่กลางมหาสมุทร ไปไม่รอด
น้าจี้

#12 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 08:48 PM

ปฏิบัติอย่างไรจึงเรียกว่า ใจใส

เราก็ต้องเข้าใจก่อนน่ะครับว่า ใจจะเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส เกิดจากอะไร ใจนั้นจะเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส ก็ด้วยอำนาจกิเลส คือ ความโลภ โกรธ หลง

ลองสังเกตุใจเราสิครับ
ถ้ามีความโลภ อยากได้ทรัพย์ บุตร ภรรยา ยศ ตำแหน่งของผู้อื่น ใจเราเศร้าหมองหรือผ่องใส
ถ้ามีความโกรธ อยากทำร้ายไม่สิ้นสุด ใจเราเศร้าหมองหรือผ่องใส
ถ้ามีความหลง หลงในลาภ ยศ ตำแหน่งที่เรามีว่าจะให้ความสุขกับเราตลอดไป แล้วยึดติดในสิ่งเหล่านั้น หวงแหนสิ่งเหล่านั้น ใจเราเศร้าหมองหรือผ่องใส ถ้าต้องพลัดพรากจากสิ่งเหล่านั้น ก็เสียใจ ใจเราเศร้าหมองหรือผ่องใส

เมื่อเราทราบว่า ใจเราเศร้าหมองด้วยกิเลส คือ โลภ โกรธ หลง เราก็จะเข้าใจทันทีว่า ใจเราจะผ่องใส เมื่อพ้นจากอำนาจ กิเลส คือ โลภ โกรธ หลง
เราจะละจาก โลภ ได้ ก็ด้วยการปฏิบัติ คือ ทำทาน (การให้)
เราจะละจาก โกรธ ได้ ก็ด้วยการปฏิบัติ คือ รักษาศีล
เราจะละจาก หลง ได้ ก็ด้วยการปฏิบัติ คือ ภาวนา

ดังนั้น ทาน ศีล ภาวนา จึงทำให้ใจเราผ่องใส ด้วยประการฉะนี้แล
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#13 นิ่งๆ นุ่มๆ

นิ่งๆ นุ่มๆ
  • Members
  • 618 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 July 2006 - 11:04 PM

QUOTE
เข้ามาในนี้ก็เริ่มใสแล้วครับ...สาธุ

แค่เข้ามาเห็นรูป หมีไหว้พระ ของคุณ หยุดอะตอมใจ แค่นี้ก็ ใจใสแล้วละค่ะ อิ อิ ชอบจริงๆ
อย่าทำตัวเหมือนเรือ ที่เก็บขยะในมหาสมุทร ใครเขาจะพูดอะไร จะว่าอะไรเราให้ใจขุ่น ก็อย่าไปสนใจ ปากก็ของเขา ความคิดก็ของเขา อย่าเอามาแบกไว้ เพราะสุดท้ายเรือจะล่มอยู่กลางมหาสมุทร ไปไม่รอด
น้าจี้

#14 gioia

gioia
  • Members
  • 593 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 July 2006 - 05:05 PM

QUOTE
อยากทราบว่าทำบุญเท่าไหร่ถึงจะไปสู่สวรรค์แล้วทำบาปเท่าไรจึงตกนรก


ทำบุญเท่าที่ทำให้ใจใสค่ะ ถึงได้ไปสวรรค์
แล้วทำบาปที่ทำให้ใจหมองค่ะ ก็จะตกนรก

QUOTE
มีอะไรใช้เป็นเกณฑ์การตัดสินเป็นเครื่องชี้วัดครับ


ความใส-หมองของใจตอนก่อนตายเป็นเกณฑ์ค่ะ

QUOTE
แล้วใจใสนี้หมายถึงการปฏิบัติเช่นไรครับ ถึงจะเรียกว่าใจใสใจไม่หมองครับ


ใจใส คือใจสบายค่ะ
ทำอะไรแล้วสบายใจ ตัวโล่ง ปลื้ม คิดถึงแล้วยิ้มได้ นี่คือสิ่งที่ทำให้ใจใสค่ะ

ส่วนสิ่งที่ทำแล้วก่อให่เกิดความไม่สบายใจ หงุดหงิด น้อยใจ เสียใจ คิดถึงแล้วใจหวิวๆ อยากร้องไห้
หรืออยากกลับไปแก้ไขใหม่ นั่นคือ สิ่งที่ทำแล้วทำให้ใจหมองค่ะ






#15 เฉย เฉย

เฉย เฉย
  • Members
  • 618 โพสต์
  • Gender:Female
  • Interests:เรื่องกฎแห่งกรรม การกระทำ สมาธิ

โพสต์เมื่อ 19 July 2006 - 06:44 PM

อยู่ที่ใจว่าใสหรือหมอง ตอนกำลังจะละโลกไปถ้าใจใสก็ไปสวรรค์ก่อน ถ้าใจหมองก็จะไปอบาย
แม้มืดตื้อ..มืดมิด..ก็มีสิทธิ์เข้าถึงธรรม

#16 light mint

light mint

    ขออนุโมทนาบุญค่ะ

  • Members
  • 1423 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:THAILAND
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 19 July 2006 - 08:17 PM

นึกถึงบุญที่เราทำไว้ บ่อยๆ ใจจะได้ใส
ทำการบ้าน 10 ข้อ ที่คุณครูไม่ใหญ่ให้ไว้ จะช่วยให้ใจใสได้สม่ำเสมอ

ละบาปกรรมทุกอย่าง ไม่ทำอีกแม้แต่นิดเดียว
ความผิดพลาด กรรมไม่ดีที่เคยทำในอดีต ลืมไปให้หมด

ทำบุญบ่อยๆ ทำทุกวัน ให้เป็นอาจิณกรรม
ทำความดีจนจำได้ตนเองติดตาติดใจ

หมั่นแผ่เมตตาให้ทั้งคน สัตว์ แผ่เมตตาก่อนนอน
อย่าโกรธ เมื่อเกิดความหงุดหงิด ขัดใจ ก็รีบยิ้มและตรองดูดีๆ อย่าให้พัฒนาไปจนเป็นความโกรธ

ยิ้มบ่อยๆ
นั่งสมาธิทุกวัน
ใจจะใสๆ
ขออนุโมทนาบุญนะคะ สาธุ


#17 ชาร์ป

ชาร์ป
  • Members
  • 985 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ปทุมธานี

โพสต์เมื่อ 20 July 2006 - 03:28 PM

ความผ่องใสของใจครับ...

#18 Tanay007

Tanay007
  • Members
  • 616 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 July 2006 - 09:12 PM

ไม่อยากให้ใช้คำว่า "ทำบุญเท่าไหร่" เลยครับ เพราะดูเผินๆ อาจจะถูกมองแบบจับผิดจากผู้ที่ไม่เข้าใจก็ได้ (บอร์ดสาธารณะดูได้ทั่วโลก)
ส่วนคำแนะนำคนอื่นๆ นั้นผมเห็นด้วยครับ

#19 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 11:30 AM

nerd_smile.gif "บุญเท่าไหร่"คงไม่ใช่เครื่องชี้วัด

เกณฑ์การตัดสินว่าในภพหน้าจะไปลงอบาย หรือ เสวยสุข อยู่ที่คตินิมิตก่อนละโลก ว่า dry.gif "หมอง"หรือ wink.gif "ใส"
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#20 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 01 August 2006 - 12:39 PM

QUOTE
"บุญเท่าไหร่"คงไม่ใช่เครื่องชี้วัด

เกณฑ์การตัดสินว่าในภพหน้าจะไปลงอบาย หรือ เสวยสุข อยู่ที่คตินิมิตก่อนละโลก ว่า "หมอง"หรือ "ใส"

nerd_smile.gif nerd_smile.gif nerd_smile.gif พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า "ธรรมทั้งหลายย่อมมีมาแต่เหตุ" ฉะนั้น ความหมองและความใสของดวงจิตก็เช่นเดียวกัน ล้วนมีเหตุมีปัจจัยอยู่เบื้องหลังเป็นเครื่องอุดหนุน เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงคุณภาพของจิต ณ เวลาใกล้มรณาสันวิถี ซึ่งก็คือ ปริมาณของดวงบุญและดวงบาปที่มีอยู่ในตัวนั่นเอง กล่าวคือ หากมนุษย์ผู้นั้น มีปริมาณของบุญกุศลที่ตนได้สั่งสมมาอย่างมากเพียงพอ กรรมนิมิตที่ย้อนมาฉายให้เห็นย่อมเป็นเหตุให้ดวงจิตของเขาประภัสสร (ใจใส) นอกจากนี้ ยังเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงคตินิมิตในปรโลกอีกด้วยว่า เมื่อทำกาละแล้ว เขาย่อมไปสู่สุคติ ดังนั้น จากปัจจัยสำคัญ ๒ ประการดังกล่าวอันได้แก่

๑. ความหมองหรือใสของใจในขณะใกล้มรณาสันวิถี
๒. ปริมาณของดวงบุญและดวงบาปที่มีอยู่ในตัว

จึงสามารถสรุปได้ว่า ปัจจัยที่ ๒ เป็นเครื่องอุดหนุน เป็นเครื่องบ่งชี้ และเป็นเครื่องกำหนดปัจจัยที่ ๑ ครับ
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#21 สาคร

สาคร
  • Members
  • 764 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 August 2006 - 12:28 PM

พี่ขุนศึกครับ ผมรู้สึกอายตัวเองยังไงไม่รู้ คือผมขอบคุณพี่มากๆเลยครับ ผมยอมรับครับว่าพี่รู้จริง อนุโมทนาสาธุครับ
ความรักความเมตตาและการให้อภัยเป็นสิ่งที่คนดีเขามีกัน


[email protected]

#22 ด.ช.วิชญ์พล ลูกพระธัม

ด.ช.วิชญ์พล ลูกพระธัม
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2008 - 10:48 AM

ให้ทาน


อืมผมอยากนั่งสมาธิแล้วเห็นองค์พระแล้วไปนรกสวรรค์ได้http://www.dmc.tv/programs/case_study/files/510502case.wmv