มี 18 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

[เพียงพอ]

พ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอาครับ
ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าสมณโคดมมีความประสงค์จะดำรงพระชนชีพอยู่ถึง1กัป โดยบอกเป็นนัยแก่พระอานนท์พุทธอุปฐาก ว่า หากคัยเจริญอิทธิบาทสี่ประสงค์ให้มีชีวิตอยู่เป็นกัปก้ทำได้ แต่ขณะนั้นพระอานนท์ถูกมารดลจัยไม่ให้คิดอาราธนาพระสมณโคดมให้มีพระชนม์ชีพอยู่ต่อ พระพุทธองค์จึงต้องโดนพระยามารอาราธนาให้ปรินิพพาน โดยมีพระชนม์ชียเพียง 80 ปี

เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้ผมเกิดความคิดอย่างนึงว่า
หากเราจะเอาอทาหรณ์ บทเรียนครั้งนี้ไปใช้กับพระศรีอาริยเมตตรัยได้มั๊ย โดยที่เราจะไปอาราธนาพระศรีอารย์ให้มีพระชนม์ชีพอยู่โปรดสัตว์ต่อ อย่างเพิ่งด่วนปรินิพพาน จะมีความเป็นไปได้มั๊ย ถ้าเราทำบญทุกบุญแล้วอฐิษฐานทุกครั้งว่า ด้วยบุญนี้ขอให้ได้ไปอาราธนาพระศรีอารย์ให้มีพระชนม์ชีพอยู๋โปรดสัตว์จนกว่าโลกใบนี้จะไปแตกสลายจะเป็นไปได้มั๊ยครับ :o

ขอความกรุนาแสดงความคิดเห็นด้วยครับท่านผู้รู้

[หยุดอะตอมใจ]

พระอานนท์ผู้มีคุณธรรมคุณวิเศษสูง ในระดับพระโสดาบัน ยังถูกดลใจได้ ก็แปลว่า

- คนที่มาดลใจจะต้องมีฤทธิ์ มีอานุภาพมากมายเหลือเกิน จึงดลใจพระโสดาบันได้
- ดังนั้นการที่จะไม่ถูกดลใจได้ ก็จะต้องฝึกตนในระดับที่เค้าดลใจไม่ได้

คำถามก็คือ ทำไมพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงได้ให้นัยกับพระโสดาบัน ทั้งๆ ที่ท่านก็รู้ว่า พระโสดาบัน ยังไม่หมดกิเลส พญามารยังสามารถบังคับบัญชาได้ ผมคิดว่า ข้อตกลงก็คือ ท่านให้นัยกับพระอรหันต์ไม่ได้ เพราะถือว่าคนที่อาราธนา จะต้องเป็นผู้ที่ยังมีกิเลสอยู่ ยังต้องการให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรดอยู่ ไม่ใช่พระอรหันต์ที่บรรลุแล้ว ไม่ต้องการให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าโปรด อีกต่อไป

สำหรับตัวผมคิดว่า ในสมัยพระศรีอาริยเมตรไตรย ก็น่าที่จะเกิดเหตุการณ์แบบเดียวกันครับ หากท่านให้นัยกับปุถุชน พระโสดาบัน พระสกิทาคามี และพระอนาคามี

[extra]

เป็นความคิดที่เยี่ยมมากค่ะ แต่ต้องใช้บุญมากมายมหาศาลนะคะ
ตัวเองก็อยากเป็นไปได้เช่นนั้นค่ะ

[xlmen]

เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วทุกยุคสมัยเลยครับ พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงไปภพขอบข่ายของพญามารในเหตุในเหตุเข้าดังนั้นท่านจึงปรารถนาจะปราบมารทุกพระองค์ครับ การบอกใบ้ให้สาวกทราบเพื่อทูลอาราธนาให้มีพระชนม์ชีพนั้น พุทธประเพณีสามารถบอกใบ้ได้เพียง 16 ครั้ง 16 ตำบลเท่านั้น เหมือนอย่างที่คุณ หยุดอะตอมใจ ได้บอกมาแหละครับ และการที่พญามารร้ายถึงเพียงนี้นี่เองพระพุทธองค์จึงนำเรื่องมาเล่าเพื่อให้สัตว์โลกทั้งหลายได้ทราบเหลี่ยมของมาร ถ้าใครจะทูลอาราธนาขอก็ขอให้อธิฐานบารมีให้แก่กล้าครับ อนาคตมันต้องมีหักมุมแลกหมัดกันบ้างแหละครับ

[หัดฝัน]

แนวคิดน่าทึ่งมากครับ เหมือนกับเราเห็นว่า การเป็นหมอนั้นดี ช่วยรักษาคนไข้ จึงอธิษฐานขอให้เพื่อนที่เป็นพยาบาล ให้เขาอยากเป็นหมอ และเรียนจบหมอ เพื่อไปรักษาคนไข้ แทนที่จะแค่พยาบาล

แล้วทำไมเราไม่อธิษฐานให้ตัวเราเป็นหมอเอง หรือ ไปร่วมมือ กับคนที่เขาอยากเป็นหมอ เพื่อไปรักษาคนไข้ล่ะครับ

เช่นเดียวกัน การอธิษฐานให้ท่านเช่นนั้น ทำไมเราไม่อธิษฐานให้ตัวเราเอง ไปที่สุดแห่งธรรม (ช่วยสรรพสัตว์ได้หมด) หรือ ไปร่วมมือกับหมู่คณะที่เขาหวังจะไปสู่ที่สุดแห่งธรรมอยู่แล้วล่ะครับ

[xlmen]

อธิฐานในจิตของตนเองครับ บารมีเป็นเรื่องของแต่ละคน บารมีเป็นของเฉพาะตน ถ้าจะอธิฐานบารมีหวังให้คนอื่นคงจะยากครับ เพราะอธิฐานบารมีแท้ที่จริงก็คือการตั้งเป้าหมาย ไม่ใช่การขอ แต่เป็นความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของใจชนิดที่เรียกว่าตายเป็นตายยังงัยก็ไม่เปลี่ยนใจครับ แต่ถ้าอธิฐานขอให้ตนเองแล้วหละก็อันนี้เข้าตากรรมการครับ ถ้าใครจะอธิฐานขอให้เป็นคนหูหนักไม่หลงรู้ลวงญาณของพญามารก็ขอให้ปฏิบัติธรรมที่ทำให้เป็นคนเที่ยงตรง ใจหนักแน่นไม่หลงติดหมู่คณะ ไม่หลงติดตัวบุคคลยึดคุณธรรมภาคพระเท่านั้นเป็นสรณะ ถ้าใครบารมีเต็มขั้นเขาก็ได้อยู่ใกล้พระศรีอริยเมตตรัยพุทธเจ้าและถ้าทูลขอสำเร็จเมื่อนั้นสงครามภาคปราบแนวใหม่จะเกิดขึ้นแน่นอนครับ

[หัดฝัน]

ความจริงไม่ใช่เขาจะล่อกันในศาสนาของท่านผู้นั้น หรือ ท่านผู้นี้หรอกครับ แต่พวกเรากับเขา ล่อกันมานานแสนนานแล้ว แต่จะต้องล่อกันต่อไป จนกว่าจะสุดธรรม
ดังเพลงอาสาสมัครที่ว่า "ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์มา โลกไม่เคยมีเวลาว่างเว้นสงคราม พระกับมารปราบปรามกันอยู่ เรา(ไม่ใช่เขาที่ไหน แต่เราทุกคน) จึงต้องสู้ ไปสู่ที่สุดแห่งธรรม ... "

[MiraclE...DrEaM]

อ่า...พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตามพระไตรปิฎกมี 3 ประเภทครับ
1) พระปัญญาธิกะ ใช้เวลาสร้างบารมี 20 อสงไขยแสนมหากัป เช่น พระสมณโคดม
2) พระศรัทธาธิกะ ใช้เวลาสร้างบารมี 40 อสงไขยแสนมหากัป
3) พระวิริยาธิกะ ใช้เวลาสร้างบารมี 80 อสงไขยแสนมหากัป เช่น พระศรีอาริยเมตไตรย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 3 ประเภทนี้เมื่อบังเกิดขึ้นทีหนึ่งก็จะพาหมู่สัตว์ข้ามวัฏฏะสงสารไปได้จำนวนหนึ่งมากน้อยแตกต่างกันไป โดยทั้ง 3 ประเภทก็เป็นแบบปราบทั้งนั้นแหละครับ แต่แค่ปราบกิเลสในตัว ยังไม่ถึงต้นแหล่งของที่มาของกิเลส แล้วก็โปรดด้วย คือ สั่งสอนให้สัตว์โลกรู้จักวิธีปราบกิเลสในตัว

ส่วนปราบในความหมายของวงบุญพิเศษนี้ ก็เป็นปราบอีกแบบที่ไม่ใช่ปราบแบบพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้ง 3 ประเภทครับ ศึกษาได้จากหลักฐานเรื่องคำเทศน์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำครับ คือ "....ตลอดทั้ง 3 ภพ ทั่วแสนโกฏิจักรวาล อนันตจักรวาล ไม่มีใครรู้เรื่องปราบมารเลย"

[Nu]

สนุกจังเลย อยากทราบต่ออีก หาความรู้ต่อได้อย่างไรบ้างจ๊ะ

[หัดฝัน]

ก็เป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันไปเรื่อยๆ สิครับ แล้วเราจะได้รู้ความรู้ที่แท้จริง ที่อยู่ภายในตัวเราเอง

[เพียงพอ]

555+
คุนหัดฝันนิ จิงๆเรย
อยากคุยด้วยจัง

[MiraclE...DrEaM]

ถ้าคุณธรรมจักรอยากรู้เรื่องธรรมะละเอียดเพิ่มเติมนะครับ ลองไปบวชดูสิครับ พอจะหาฟังธรรมะพวกนี้ได้บ้าง เรื่องแบบนี้ไม่สมควรโพสในเวปบอร์ดสาธารณะด้วยประการทั้งปวง เพราะ ไม่ใช่มีแต่ลูกพระธัมฯ เท่านั้นที่เข้ามาอ่านได้ แต่มีทั้งคนทั่วไป แล้วก็คนจ้องจับผิดด้วยนะครับ

[LiL' Faery]

เห็นด้วยกับทุกท่านค่ะ แต่การที่จะทําเช่นนั้นต้องใช้บุญมหาศาล ไหวพริบเยี่ยมและมีปัญญามาก อีกอย่างสมัยพระพุทธเจ้าศรีอาริยเมตรไตรย นั้นไกลเกินไปสําหรับข้าน้อย ขอเอาใกล้ๆนี้ในศาสนาของพระพุทธเจ้าสมณโคดม ก็แล้วกันค่ะ ขอลงมารอบสองเพื่อที่จะทําวิชชาและเผยแพ่ในอีกราวๆ200ปี(?)ในรัชการที่12(?)

[เพียงพอ]

คร้าบๆขอโทดคับ

[หัดฝัน]

ถ้าคุณ ธรรมจักร อยากคุยด้วย ทุกวันอาทิตย์ถ้ามาวัด ขอเชิญมาคุยได้ที่เสา P27-28 ครับ ผมเป็นอาสาสมัครอยู่ที่แผนก ธรรมโฆษก์

[ปัจเจกชน บนทางสายกลาง]

กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ