อยากรู้เทคนิคนั่งสมาธิของพี่ๆครับ พจน์จะได้เอามาลองปรับเปลี่ยนให้ตัวเองนั่งสมาธิได้ดีขึ้นยิ่งๆไปครับ ใครใจดีบอกเทคนิคหน่อยน่ะครับ
ส่วนของพจน์ก็
คิดว่าตัวเองกำลังจะตายเเล้วไม่ต้องการสิ่งใดอีกครับ
ใครมีวิธีคิดอะไรดีๆมั้งครับ
ช่วยเเนะนำหน่อย
อยากรู้เทคนิคนั่งสมาธิครับ
เริ่มโดย honghong, Jan 29 2008 09:57 PM
มี 8 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 29 January 2008 - 09:57 PM
#2
โพสต์เมื่อ 30 January 2008 - 09:25 AM
สติ กับ สบายจ๊ะ เจ๋งที่สุด พี่นั่งมานาน มาจับหลักได้เพราะมีพระอาจารย์เมตตานำซีดี หลวงพ่อมาให้ฟัง แค่มีสติ กับมีความสบายก็พอแล้ว สุดสุด ไม่เคยรู้สึกอย่างนี้มาก่อน
ขอบพระคุณพระอาจารย์ กับหลวงพ่อ
สาธุ
ขอบพระคุณพระอาจารย์ กับหลวงพ่อ
สาธุ
#3
โพสต์เมื่อ 30 January 2008 - 10:54 AM
เทคนิคของผมไม่มีอะไรมากครับ ก็แค่
หลับตาเบาๆ ผ่อนคลายสบาย วางใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย
กลั่นดวงตะวันกระจ่างใสเย็นภายใน ความสุขที่แท้จริง อย่างไม่มีใดปาน
เทคนิคไม่สำคัญหรอกนะ สำคัญอยู่ที่ว่าเรารักและขยันแค่ไหนมากกว่าครับ
เหมือนกับการบวกเลข คิดได้หลายแบบหลายวิธีจะหน้าไปหลังหรือหลังไปหน้าก็ได้ แต่จะคิดได้เร็วแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับการตั้งใจและหมั่นฝึกฝนครับ
หลับตาเบาๆ ผ่อนคลายสบาย วางใจหยุดนิ่งที่ศูนย์กลางกาย
กลั่นดวงตะวันกระจ่างใสเย็นภายใน ความสุขที่แท้จริง อย่างไม่มีใดปาน
เทคนิคไม่สำคัญหรอกนะ สำคัญอยู่ที่ว่าเรารักและขยันแค่ไหนมากกว่าครับ
เหมือนกับการบวกเลข คิดได้หลายแบบหลายวิธีจะหน้าไปหลังหรือหลังไปหน้าก็ได้ แต่จะคิดได้เร็วแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับการตั้งใจและหมั่นฝึกฝนครับ
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#4
โพสต์เมื่อ 30 January 2008 - 11:50 AM
ในการบ้าน10ข้อของหลวงพ่อ ช่วยได้เยอะครับ
คือหมั่นตรึกองค์พระ ดวงแก้วหรือหลวงปู่ ไว้กลางท้องตลอดเวลาแบบสบายสบาย
แล้วเวลานั่งสมาธิ เน้นจับ "อารมณ์สบาย"
รู้สึกดีมาก นิ่งได้เร็ว แม้ว่ายังไม่สว่าง แต่ขยัน สู้ สู้
วันนึงคงสว่างแน่นอน
อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุ
คือหมั่นตรึกองค์พระ ดวงแก้วหรือหลวงปู่ ไว้กลางท้องตลอดเวลาแบบสบายสบาย
แล้วเวลานั่งสมาธิ เน้นจับ "อารมณ์สบาย"
รู้สึกดีมาก นิ่งได้เร็ว แม้ว่ายังไม่สว่าง แต่ขยัน สู้ สู้
วันนึงคงสว่างแน่นอน
อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุ
#5
โพสต์เมื่อ 30 January 2008 - 05:11 PM
หากรู้จักพระอาจารย์ในวัด ก็เข้าหาเพื่อเรียนให้ท่านทราบประสบการณ์ภายใน
แล้ว ท่านจะแนะนำ ได้ตรงกับประสบการณืของคุณพจน์ได้มากกว่าค่ะ
เพราะเท่าที่อ่านมา ไม่แน่ใจว่ามีเป้าหมายคืออะไร
ดับทุกข์
ความสบาย
ดวง
องค์พระ
ดุสิต
หรือ อะไร
จึงคิดว่าถามส่วนตัวจะมีประโยชน์สูงสุดแก่คุณพจน์มากกว่าน่ะค่ะ
อันที่จริง แม้ว่าประสบการณ์ภายในยังไม่ดีเท่าใจเรา แต่เราก็ก้าวหน้าทุกวันอยุ่แล้ว
ยิ่งหากเราปฏิบัติทุกวัน บุญเกิดขึ้นอยู่แล้ว
การคาดหวังจะให้ประสบการณ์ดี อาจจะเป็นโทษเสียด้วยซ้ำ โดยที่เราไม่รู้ตัว
(นี่แหละ เขาสอดแทรกมาทุกแบบ แบบไม่ให้เรารู้)
อย่างไรก็ตาม ขอเอาใจช่วยเต็มที่นะคะ
ทำเต็มที่ทั้ง ทาน ศีล ภาวนา
ให้สวดมนต์ บทปัจจเวก บ่อยๆ ค่ะ
ตัวดิฉันเอง ก็เคยตายค่ะ
คิดว่าคงเคยตกนรกมาแล้วเหมือนกัน
ก็ขนาดพระพุทธเจ้าท่านยังเคยตกนรกเลยค่ะ
ความตายเป็นการเริ่มต้นชีวิตในภพใหม่ค่ะ
หากเราเชื่อมั่นว่าเราต้องไปดี เพราะเราทำดี ทำใจให้ใส
พยายามระงับทุกขเวทนาของสังขาร
และตั้งสติ ระลึกถึงพระรัตนตรัยเป็นอารมณ์
ไม่หวาดหวั่นว่าจะอะไรจะเกิดในวันข้างหน้า
เพราะรู้อยู่แล้วว่า เราไปดีแน่ เพราะเรากำลังปฏิบัติดีอยู่ กำลังพูดดีอยู่ และ กำลังคิดดีอยู่
ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องคิดอะไร นอกจากคิดถึงแต่บุญค่ะ
แต่หากจะกลัวให้กลัวว่า วันนี้ใจของเราหมองเกินไปหรือเปล่า??? ก็พอ
เพื่อให้เรามีกำลังใจที่จะขัดใจของเราให้ใสสะอาดยิ่งๆขึ้น
ใครจะเป็นอย่างไร ก็ช่าง เอาตัวเองให้รอด(คำสอนคุณยาย)
คือ ทำอย่างไรก็ได้ ใครใจขุ่นก็ช่าง เราใจใสไว้ก่อน
ตรึกระลึกถึงบุญบ่อยๆ อธิษฐานรวมบุญตั้งแต่ปฐมชาติปฐมกัปป์บ่อย แม้ว่าเรานึกไม่ออก ก็ให้นึกอย่างนี้
อธิษฐานลงไปที่ศูนย์กลางกายว่า ขอให้พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งนำทางแก่ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อยังสุคติในโลกหน้า
อย่านึกถึงบาป แม้สักเล็กน้อยก็ต้องตัดทิ้งไปนะคะ
สู้ สู้ ค่ะ......
หลวงพ่อ คุณครูไม่ใหญ่ตอนที่อยู่ดอยสุเทพ ท่านเคยผ่านต้นไม้ต้นหนึ่งแล้วถามพระเณรว่า
" นั่นต้นอะไรจ๊ะ"
" ต้นท้อ..ครับ"
" อืมห์.....ลูกท้อ แต่ พ่อไม่ท้อ"
คนท้อ ไม่แท้----คนแท้ ไม่ท้อ ค่ะ
แล้ว ท่านจะแนะนำ ได้ตรงกับประสบการณืของคุณพจน์ได้มากกว่าค่ะ
เพราะเท่าที่อ่านมา ไม่แน่ใจว่ามีเป้าหมายคืออะไร
ดับทุกข์
ความสบาย
ดวง
องค์พระ
ดุสิต
หรือ อะไร
จึงคิดว่าถามส่วนตัวจะมีประโยชน์สูงสุดแก่คุณพจน์มากกว่าน่ะค่ะ
อันที่จริง แม้ว่าประสบการณ์ภายในยังไม่ดีเท่าใจเรา แต่เราก็ก้าวหน้าทุกวันอยุ่แล้ว
ยิ่งหากเราปฏิบัติทุกวัน บุญเกิดขึ้นอยู่แล้ว
การคาดหวังจะให้ประสบการณ์ดี อาจจะเป็นโทษเสียด้วยซ้ำ โดยที่เราไม่รู้ตัว
(นี่แหละ เขาสอดแทรกมาทุกแบบ แบบไม่ให้เรารู้)
อย่างไรก็ตาม ขอเอาใจช่วยเต็มที่นะคะ
ทำเต็มที่ทั้ง ทาน ศีล ภาวนา
ให้สวดมนต์ บทปัจจเวก บ่อยๆ ค่ะ
ตัวดิฉันเอง ก็เคยตายค่ะ
คิดว่าคงเคยตกนรกมาแล้วเหมือนกัน
ก็ขนาดพระพุทธเจ้าท่านยังเคยตกนรกเลยค่ะ
ความตายเป็นการเริ่มต้นชีวิตในภพใหม่ค่ะ
หากเราเชื่อมั่นว่าเราต้องไปดี เพราะเราทำดี ทำใจให้ใส
พยายามระงับทุกขเวทนาของสังขาร
และตั้งสติ ระลึกถึงพระรัตนตรัยเป็นอารมณ์
ไม่หวาดหวั่นว่าจะอะไรจะเกิดในวันข้างหน้า
เพราะรู้อยู่แล้วว่า เราไปดีแน่ เพราะเรากำลังปฏิบัติดีอยู่ กำลังพูดดีอยู่ และ กำลังคิดดีอยู่
ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องคิดอะไร นอกจากคิดถึงแต่บุญค่ะ
แต่หากจะกลัวให้กลัวว่า วันนี้ใจของเราหมองเกินไปหรือเปล่า??? ก็พอ
เพื่อให้เรามีกำลังใจที่จะขัดใจของเราให้ใสสะอาดยิ่งๆขึ้น
ใครจะเป็นอย่างไร ก็ช่าง เอาตัวเองให้รอด(คำสอนคุณยาย)
คือ ทำอย่างไรก็ได้ ใครใจขุ่นก็ช่าง เราใจใสไว้ก่อน
ตรึกระลึกถึงบุญบ่อยๆ อธิษฐานรวมบุญตั้งแต่ปฐมชาติปฐมกัปป์บ่อย แม้ว่าเรานึกไม่ออก ก็ให้นึกอย่างนี้
อธิษฐานลงไปที่ศูนย์กลางกายว่า ขอให้พระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งนำทางแก่ชีวิตที่เหลืออยู่เพื่อยังสุคติในโลกหน้า
อย่านึกถึงบาป แม้สักเล็กน้อยก็ต้องตัดทิ้งไปนะคะ
สู้ สู้ ค่ะ......
หลวงพ่อ คุณครูไม่ใหญ่ตอนที่อยู่ดอยสุเทพ ท่านเคยผ่านต้นไม้ต้นหนึ่งแล้วถามพระเณรว่า
" นั่นต้นอะไรจ๊ะ"
" ต้นท้อ..ครับ"
" อืมห์.....ลูกท้อ แต่ พ่อไม่ท้อ"
คนท้อ ไม่แท้----คนแท้ ไม่ท้อ ค่ะ
ไฟล์แนบ
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ
สุนทรพ่อ
#6
โพสต์เมื่อ 30 January 2008 - 06:42 PM
ขอบคุณพี่ๆทุกๆคนมากเลยครับ ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ พจน์จะเอาไปใช้ลองปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมดูครับ
#7
โพสต์เมื่อ 31 January 2008 - 11:18 PM
ดีครับ สาธุครับ
#8
โพสต์เมื่อ 01 February 2008 - 05:36 PM
สาธุ..อนุโมทนาบุญกับทุกท่านค่ะ ขวัญมณีนั่งสมาธิแบบไม่มีความคิด ปล่อยวางความคิดทุกเรื่องตั้งแต่เริ่มที่จะนั่ง มองศูนย์กลางกายไปเรื่อยๆ ไม่หวังผลที่จะได้หรือไม่ได้รับ แล้วผลรับก็คุ้มค่าค่ะ กำลังใจดีๆลองแวะ บันทึกผลการปฎิบัติธรรม ทีหน้าแรกแต่ละท่านมีพัฒนาการให้อ่านค่ะ
#9
โพสต์เมื่อ 01 February 2008 - 07:07 PM
หลับตาเบาๆ พอสบายๆ