ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ผังพระผังมาร ช่วยตอบด้วย


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 19 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 myself

myself
  • Members
  • 170 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 December 2008 - 10:56 AM

เรื่องนี้คือเท่าที่ทราบมาว่ากายมนุษย์หยาบนี้จริงๆแล้วเป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่มีโปรแกรม 2 โปรแกรม คือโปรแกรมดีและโปรแกรมชั่ว เพราะว่าสิ่งที่อยู่เบื้อหลังคือผู้บังคับทั้งสองคือ มาร และ พระ ซึ่งทำวิชชาสู้กันอยู่ตลอดเวลาแล้วแต่ว่าใครทำวิชชาได้ละเอียดกว่า แต่ไม่เข้าใจว่าทำไมมารจึงดูเหมือนว่าจะเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะว่าคนทั้งโลกหรือในวัฎฎะสงสารล้วนตกอยู่ในน้ำมือมาร ยกตัวอย่างเช่นพระเทวทัตในสมัยพุทธกาลท่านบรรลุธรรมในระดับปุถุชนซึ่งในความเข้าใจของผมคือท่านน่าจะเห็นดวงแก้วใสหรือองค์พระแต่ยังไม่ถึงกับเป็นพระอริยเจ้า ซึ่งดวงธรรมที่ท่านเข้าถึงก็น่าจะคล้ายกับคนที่มีประสบการณ์ภายในในระดับนี้ก็มีความสุขแล้วไม่ต้องการอะไรอีกคล้ายๆกับที่หลวงปู่บรรลุหลวงปู่มีความสุขมาก แต่มารทำวิชชาบังคับเหมือนว่าท่านเป็นรถบังคับวิทยุ หรือเครื่องบินบังคับวิทยุให้ทำอกุศลกรรมแล้วให้ท่านไปรับกรรม คือบังคับเหมือนเราเคยดูหนังการ์ตูนญี่ปุ่น หรือหนังต่างๆเช่นเรื่องอะไรก็ได้ที่มีปีศาจเข้าสิงเพื่อนพระเอกให้มาทำร้ายหรืออย่างเช่นเรื่อง ที่มีมนุษย์ต่างดาวที่เหมือนแมงดาทะเลเข้ามายึดครองโลกด้วยการเข้ามาเกาะหลังแล้วผังเชลล์ไว้ที่สมองมนุษย์บังคับให้มนุษย์ตกอยู่ภายใต้อำนาจให้ทำความผิด เรื่องนี้ตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นจริงแต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงคือบังคับให้เราเดินให้ยกขาให้กล้ามเนื้อกระตุก เคยได้ยินประโยคที่ว่า"มือมันไปเอง ขามันไปเอง ฯลฯหรือเปล่า" นั่นแหละครับมันบังคับถึงขนาดนั้นได้ เหมือนเราเป็นรถบังคับอย่างนั้นอย่างนี้มันดูไม่ยุติธรรมมากเพราะว่าพระเทวทัตสามารถที่จะไปได้ไกลกว่านี้ในระดับพระอริยเจ้าหรือบรรลุอรหันต์ตามสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่มารบังคับ (บังคับในบังคับ) อย่างนี้ไม่ยุติธรรมมากแล้วเมื่อไหร่พระจะชนะหละครับ แต่เท่าที่รู้มาหลวงพ่อเคยบอกว่า เรายังไม่ชนะเขา มันหมายความว่า เราไม่ได้แพ้เขาและเราก็เหนือเขามาพอสมควรใช่หรือเปล่า เหมือนกับเขามีแรง 10 เรามีแรง 12 และสงสัยอีกว่าทำไมฝ่ายพระถึงต้องอาศัยเวลาในการที่ชนะด้วยทำไมไม่ชนะต้องแต่ตอนที่มารพยายามครอบคลุมธาตุธรรมทั้งสาม คือกุศลาธรรมา อกุศลาธรรม อพัยกตาธรรมา (ไม่รู้เขียนถูกหรือเปล่า) แล้วทำไมธาตุธรรมกุศลาธรรมาถึงไม่ครอบคลุมธาตุธรรมทั้งสามตั้งแต่แรกเริ่มเลยแหละเราจะได้ไปถึงที่สุดแห่งธรรมตั้งแต่ตอนแรกโน้นแล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลามาปราบมารอย่างนี้
ช่วยตอบด้วยครับ wacko.gif red_smile.gif

#2 พจน์เอง

พจน์เอง
  • Members
  • 44 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 December 2008 - 11:20 AM

อืม....

เรื่องบ้างเรื่อง ถ้าตั้งใจนั่งสมาธิ เเล้วพอถึงเวลาจะเข้าใจเองครับ

บ้างเรื่องที่ละเอียด ไม่ควรนำมาพุดครับ

เเละคนที่จะพูดเรื่องนี้เเละรับรู้เรื่องนี้ได้ อย่างน้อยต้องมี ดวงเเก้วครับ

เเต่ถ้าน้อยไปอีกเอาใจวางที่ 072ให้ได้ครับ

เเละพูดผู้ ถ้าไม่มีคนให้พูดก็ไม่ควรพูดน่ะครับ เพราะการพูดเเต่ละครั้งเราต้องพิจารณาว่า
พูดฟังที่รู้จะใช้เกิดประโยชน์หรือไม่ครับ เพราะบ้างสิ่งมันต้องเเลกกันครับ
ทางที่ดี เราต้องมีที่ปรึกษา happy.gif


#3 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 December 2008 - 02:19 PM

เรื่องผังแบบนี้เกินปัญญาของมนุษย์...เกินขอบเขตตำรา...ไม่เหมาะจะกล่าวในที่สาธารณะ
คำตอบและที่มาล้วนมาจากภายใน...ซึ่งละเอียดสุดๆในละอียดมากๆๆๆๆ...ทำไม...ลองฟังเพลง"สัมนาหลวงปู่"2ประโยคแรกนะ....แล้วจะพอเข้าใจว่าทำไมเรื่องนี้เข้าใจยากมากๆๆๆ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#4 เป็นหนึ่ง

เป็นหนึ่ง
  • Members
  • 354 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 December 2008 - 02:35 PM

ขอตอบสั้นๆ แบบไม่ตรงคำถาม

ผู้รู้ไม่พูด ผู้พูดมักไม่รู้

ลองพิจารณาดูเองละกันครับ
I just gotta get out of this prison cell.
Someday I'm gonna be free.

#5 ดอกอุบล

ดอกอุบล
  • Members
  • 926 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 December 2008 - 03:07 PM

อย่าอยากรู้เรื่องพวกนี้มากเลยเพราะเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่เกินขอบเขตละเอียดมากๆคนธรรมดาจะรับรู้เรื่องพวกนี้ได้ยากไม่เข้าใจจะยอมรับได้ยากจะทำให้จิตเกิดวิตกกังวลปั่นป่วนอาจมีส่วนของความเป็นบ้าได้ถ้าจะรับรู้เรื่องพวกนี้ได้ต้องมีสิ่งรองรับเรื่องพวกนี้คือให้ได้ดวงธรรมใสๆ องค์พระใสๆ พระธรรมกาย จึงสามารถซึมซับเรื่องละเอียดแบบนี้ได้อย่าสงสัยมากเลยให้สนใจแต่เรื่องทำความดี ทาน ศีล ภาวนา ค่อยเป็นค่อยไปเดินทางสายกลางเท่านั้น

#6 พักผ่อน

พักผ่อน
  • Members
  • 422 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 30 December 2008 - 04:12 PM

ธรรมชาติมันเป็นมาอย่างนั้นเอง ไม่ใช่ว่าจะเข้าใจไม่ได้เลยหรอก แต่ตั้งใจปฏิบัติธรรมให้มาก หมั่นรักษาศีล รักษากาย วาจา ใจ ให้บริสุทธิ์ ก็จะเข้าใจเหตุผลเหล่านี้ได้มากขึ้น ส่วนที่จะเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ก็คงต้องไปรู้ไปเห็นเองจึงจะดีที่สุด

#7 homer324

homer324
  • Members
  • 522 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 December 2008 - 07:31 PM

ดีครับ..ที่มีความสงสัย เป็นปฐมบท..

ก้าวต่อไป..ก็ต้องลงมือค้นคว้า (มีตั้งหลายกระบวนการ)..

ก้าวต่อไป..จึงหาผลวิเคราะห์ และผลสรุป..

ก้าวสุดท้าย..ความสว่างภายในพึงบังเกิด เป็นกัลยาณมิตรให้กับตัวเอง และผู้อื่นได้..

สู้ต่อไปครับ..(ค่อนข้างเลียนแบบโฆษณา Johnny Walker เล็กน้อย..แต่พูดเสียงดังไม่ได้ เพราะอาจจะโดน ban ได้ฮับ อิ อิ)

#8 Kodomo_kung

Kodomo_kung
  • Members
  • 323 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 30 December 2008 - 10:53 PM

อจินไตยครับ คำถามน่าสนใจนะครับแต่คงต้องเก็บความสงสัยไว้ก่อนแล้วลงมือปฎฺบัติหยุดใจให้ได้ก่อนนะครับ แล้วคุณจะพบคำตอบที่คุณสงสัยได้ด้วยตนเอง

#9 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 30 December 2008 - 11:51 PM

หยุดเป็นตัวสำเร็จ
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#10 WB

WB
  • Members
  • 267 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 December 2008 - 12:18 AM

แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร จริงหรือไม่ ใช่หรือมั่ว


พระยังไงก็ต้องชนะมารวันยังค่ำแหละ แต่เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

#11 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 31 December 2008 - 01:41 AM

เข้ามาอ่านครับ เนื่องจากไม่รู้

#12 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 31 December 2008 - 09:25 PM

แม้ในที่เหมาะสม ก็หาใช่เหมาะสมจะพูดเรื่องนี้เสมอไปไม่...
แม้ในที่เหมาะสม ก็ใช่ว่า จะหาผู้เหมาะสมมาพูดได้...
แม้ในที่เหมาะสม ก็ใช่ว่า จะหาผู้ฟังที่เข้าใจง่ายๆ ได้

จะกล่วไปใย... แม้ตัวเอง ก็ได้แต่ฟังๆ มา ให้ใช่เกิดจากการรู้เอง เห็นเอง

แต่ที่แน่ๆ เรื่องบางเรื่อง บางครั้งก็ต้องอดใจรอ.... ให้ถึงเวลา

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป


#13 ใสสว่าง

ใสสว่าง
  • Members
  • 52 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 January 2009 - 12:26 PM

น่าเห็นใจทั้งผู้ถาม และผู้ ถูกถาม เพราะ ผู้ถามก็ใคร่รุ้ ผู้ตอบก็ตอบไม่ได้เพราะ บางคนไม่ได้ไปรู้เห็นเองเพียงแค่ฟังมา ก็เกรงจะเพี้ยน หรือ เกรงว่า ผู้ฟังจะรับไม่ได้ เอาง่ายๆ ให้ฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อให้มากๆ แล้วจะมีคำตอบในนั้นเองเพราะท่านค่อยๆ เล่ามาเรือยๆ ที่ละเล็กละน้อย ตัวเองก็ยังอยากรู้เหมือนกัน แต่ก็คิดเอาเองแบบง่ายๆ ว่า พระคงจะยังไม่ชนะหรอกเพราะ เรายังไม่ถึงที่สุดแห่งธรรม ถึงเมื่อไรก็ชนะเมื่อนั้นแหละ และก็คิดเล่นๆ อีกเช่นกันว่า ประมาณว่า เหมือนน่ำ กับ ไฟ นะ ยังไง ไฟก็แพ้น้ำวันยังค่ำ ยกเว้น เมือไร น้ำน้อยก็ย่อมแพ้ไฟ ตอนนี้หลวงพ่อท่านกำลังสร้างน้ำให้เยอะๆ ในโรงงานอยุ่หรือเปล่าก็ไม่รุ้นะ ก็คิดได้ง่ายๆ แค่นี้ตามประสา ถูกผิดยังไง ก็ตอบด้วยนะคะ ผู้รู้ใจบุญทั้งหลาย สาธุ ค่ะ

#14 KINDERGARTENER

KINDERGARTENER
  • Members
  • 9 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 January 2009 - 08:28 PM

เอ่อ ไม่ขอออกความเห็นครับ

เป็นเรื่องไม่...ไม่รู้สิครับ

ไม่เหมาะสมอ่า

ผมว่าเราเอาเวลาคิดเรื่องนี้มาช่วยงานพระศาสนาให้เต็มที่เต็มกำลังให้สำเร็จดีกว่าครับ

แล้วเรื่องต่างๆก็จะตามมาเอง

#15 เคียงข้างไปดุสิตเขตใน

เคียงข้างไปดุสิตเขตใน
  • Members
  • 51 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 January 2009 - 09:19 PM

คิดเรื่องอจินไตย ทำให้ฟุ้งซ่านครับ

ไม่ได้ประโยชน์อะไร

ง่ายที่สุด ทำตามที่ คุณครูไม่ใหญ่ท่านสอน

ดีกว่าครับ ไว้เข้าถึงธรรมเมื่อไหร่ เดี่ยวก็รู้เอง

เปลี่ยนจากความสงสัยอยากรู้ มาเป็นความเพียรที่ถูก

หลักวิชาดีกว่าครับ ขอบอก.....





#16 ความสุข....อยู่ที่ใจนะครับ

ความสุข....อยู่ที่ใจนะครับ
  • Members
  • 42 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:นวมินทร์ กทม.

โพสต์เมื่อ 02 January 2009 - 03:11 PM

ดีที่สุดและแน่นอนที่สุดคือ...ทำตามอย่างที่หลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่สอนครับไม่คิดไม่สงสัย เดินลุยหน้าไปเดียวครับ...

#17 jinginsweden

jinginsweden
  • Members
  • 28 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 January 2009 - 12:35 AM

I thought like you when I was young. We have such an imagination and wonder why and why and why, right?

I guess we can not mix these two sorts of different elements into the same basin.

If Angel and Devil fight for human souls, they will end up winning or losing. We take the angel side, of course, and we must win.

That is one story.

Phra Tevatat (I do not know how to write his name) had committed his bad karma with our Great Buddha since they both were antique collectors. I'm sorry I can't remember their names in that life. It was long before or after (I'm not sure) the life which Lord Buddha had committed himself to be a Buddha. This was the first time they met.

Phra Tevatat decieved an old woman that her very old dirty tray cost nothing even though he knew that it was made of gold. He said that she wouldn't get any money for that tray, then left her. When Lord Buddha saw that tray, he told the truth and gave all money he had to that old woman for that tray. Tevatat went back to her and found out that the tray was sold to Lord Buddha, he was so furious that he had made a wish that he would destroy Lord Buddha as many times and as many lives as the grains of sand he grabbed in his hand. (You see that he had been bad from the start!)

This is the other story.

Phra Tevatat might get a 'chan' or might have seen the 'crystal ball' but what he had committed or wished had been photographed into his mind. It couldn't be changed because he wanted it that way.

I hope you can understand now. Please stop wondering and start practising what our Luang Por repeatedly teaches us so that we will be there together.

Good Luck

Anumothanaboon with everyone kha...

#18 จอมเทพ

จอมเทพ
  • Members
  • 466 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 January 2009 - 10:03 AM

อื่ม......ใช่นะ มันเป็นคำถามที่ตอบยากครับ
กุญแจวิเศษ

#19 Locked merit

Locked merit
  • Members
  • 58 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 03 January 2009 - 01:13 PM

หลายๆ ท่านอย่าไปว่าน้องเขาเลยครับ คุณตั้งใจนั่งธรรมะไปเถอะครับ เรื่องนี้ พอหลวงพ่อทำวิชชา ก็ค่อยๆ เปิดเผยมาเรื่อยๆ เองครับ นั่งธรรมะเยอะๆ ตั้งใจสร้างบารมี ให้ทานรักษาศีลเจริญภาวนา บุญกิริยาวัตถู 3 บุญกิริยาวัตถุ 10 สร้างบารมีสิบทัศน์ให้เต็มเร็วๆ มารเขาก็บังคับได้น้อยลงไปเรื่อยๆ เองแหละครับ เหมือนพระพุทธเจ้าพระ(อรหันต์ มารเขาก็ไม่สามารถเอากิเลสอาสวะมาบังคับท่านเหล่านั้นได้แล้วครับ (แต่ว่ายังอยู่ในกรอบวิชาเขาอยู่ หลวงพ่อบอก) แต่เช่นพระเทวทัตซึ่งขาดคุณธรรมสำคัญสองสามข้อคือ ความกตัญญูู และยังมีทิฏฐิมานะ ท่านได้ถึงธรรมกายแล้วนะครับ แต่ว่าพอคิดชั่วเข้าธรรมกายก็ดับวูบเลย แค่ได้ธรรมกายแต่ยังไม่เป็นธรรมกายหน่ะครับ(ธรรมกายโคตรภู) ไม่ใช่แค่องค์พระใสๆนะครับ หลวงปู่วัดปากน้ำบอกว่าพระเทวทัตนั่งธรรมะได้ดีกว่าสมัยนี้มาก แสดงอิทธิฤิทธิ์ได้ แต่ว่ามารเขาก็เอากิเลสอาสวะ ความบกพร่องมาใส่ในท่านหล่ะครับ ธรรมกายก็ดับได้ จริงเรื่องมนุษย์เป็นหุ่นให้บุญและบาปเชิด หลวงพ่อธัมมชโยท่านก็พูดอยู่บ่อยครั้งครับ คุณเองไม่ต้องคิคมากครับ แค่ทำใจให้ใสๆ ปฏิบัติธรรมตลอดเวลา นึกถึงองค์พระ ดวงแก้ว หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย คุณก็จะโดนพญามารบังคับได้น้อยลงไปทุกๆ ที เอาแค่นี้ก่อนครับ ส่วนธาตุธรรมฝ่ายๆไหนทำล่วงหน้าไปก่อน และฝ่ายๆไหนไล่ทันได้ บวชแล้วไปถามหลวงพ่ออีกทีตอนนั่งให้ใจละเอียดดีกว่า

#20 ใส ใน สว่าง

ใส ใน สว่าง
  • Members
  • 127 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 January 2009 - 06:04 PM

อื้อ หือ ... คำ นี้ มี เรื่อง ให้ คูย กัน อีก ยาว ... ^ ^

เราพรางคนอื่นได้ แต่เราพรางตนเองไม่ได้