ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 2 คะแนน

ขอเชิญออกเดทกันครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 14 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 03 April 2008 - 05:03 PM

ทุกๆท่านไม่ว่า ช/ญ สามารถทำได้เหมือนกัน...ลองดูนะ เพื่อคนพิเศษสุด ที่ให้ทุกอย่างสำหรับเรา
>
> หลังจากที่แต่งงานมาได้ 21 ปี
> ผมก็ค้นพบวิธีใหม่ในการทำให้ความรักสดใสมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ
>
> เพราะวันหนึ่งภรรยาผมบอกว่า ผมต้องออกเดทกับผู้หญิงคนหนึ่ง
> มันเป็นไอเดียของเธอล้วน ๆ จริง ๆ นะ
>
> ' ฉันรู้ว่าคุณรัก เธอ ' ภรรยาผมว่า
>
> ' แต่ผมรักคุณนี่ ' ผมเถียง
>
> ' ฉันรู้ค่ะ แต่คุณก็รักเธอคนนี้ด้วยเหมือนกัน '
>
> ผู้หญิงคนนั้นที่ภรรยาอยากให้ผมไปหา คือ แม่ของผมเอง ซึ่งเป็นหม้ายมา 19ปีแล้ว
>
> เนื่องจากงานที่รัดตัวและต้องดูแลลูก ๆ
> ทำให้ผมไปเยี่ยมแม่เพียงบางครั้งบางคราวเท่านั้น
>
> วันที่ผมโทรไปหาแม่เพื่อชวนท่านออกไปทานข้าวเย็นและดูหนัง
>
> แม่ถามว่า ' มีอะไรหรือ ? ลูกสบายดีรึเปล่า ? '
>
> แม่ผมเป็นผู้หญิงประเภทที่คิดว่าการที่คนโทรมาหากลางดึก หรือเชิญอย่างกระทันหัน
>
> หมายความว่ามีเรื่องไม่ค่อยดีเกิดขึ้น ผ มตอบแม่ว่า
> 'ผมว่าดีออกถ้าเราได้ใช้เวลากันตามลำพังสองคน
> แม่ลูกบ้าง '
>
> แม่นิ่งคิดไปครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า ' แม่ยินดีมากเลยจ้ะ '
>
> เย็นวันศุกร์หลังเลิกงาน ผมขับรถไปรับแม่ที่บ้าน
> ผมรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
> เมื่อผมไปถึงบ้านแม่ ผมก็สังเกตได้ว่า
> แม่เองก็ตื่นเต้นเหมือนกัน
> แม่สวมเสื้อโค้ทนั่งรอผมอยู่ในบ้านเรียบร้อยแล้ว
>
> แม่ม้วนผมแล้วสวมชุดที่แม่ใส่ในวันฉลองครบรอบการแต่งงานครั้งสุดท้าย
> พลางยิ้มรับผมด้วยใบหน้าที่แจ่มใสราวกับทูตสวรรค์
>
> ' แม่บอกเพื่อนๆว่าแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกชายพวกเขาประทับใจกันใหญ่ '
> แม่พูดขณะที่กำลังก้าวขึ้นรถ
>
> ' พวกเขารอฟังแทบไม่ไหวเลย '
>
> เราไปภัตตาคารที่ถึงแม้จะไม่หรูหรา แต่ก็ดีเยี่ยมและบรรยากาศก็อบอุ่นสบาย ๆ มาก ๆ
>
> แม่ควงแขนผมเดินราวกับว่าเป็นสุภาพสตรีหมายเลข หนึ่ง
>
> หลังจากที่เรานั่งลงเรียบร้อยแล้ว ผมต้องเป็นฝ่าย อ่านเมนูอาหาร เพราะสายตาของแม ่อ่าน
> ได้เพียงตัวหนังสือตัวใหญ่ ๆ เท่า นั้น
> เมื่อผมอ่านเมนูอองเทรไปได้เพียงครึ่ง
>
> ผมเงยขึ้นมองเห็นแม่กำลังมองดูผมอยู่ด้วยรอยยิ้มระลึกถึงความหลัง
>
> 'ตอนที่ลูกยังเล็กนั้น แม่ต้องเป็นคนอ่านเมนูให้ลูกฟัง' แม่ว่า
>
> ' งั้นตอนนี้ก็ถึงเวลาแล้วที่ผมจะผลัดเวรให้แม่นั่งฟังสบาย ๆ บ้าง ' ผมตอบ
>
> ในระหว่างมื้ออาหารนั้น
>
> เราคุยกันอย่างถูกคอ - ไม่ใช่เรื่องราวพิเศษอะไร -
> เพียงแต่สลับกันถามว่าชีวิตของเรา
>
> เป็นยังไงทำอะไรที่ไหนมาบ้าง เราคุยกันสนุกมากจนไปดูหนังไม่ทัน
>
> เมื่อผมไปส่งแม่ที่บ้าน แม่พูดว่า ' แล้วแม่จะออกไปเที่ยวกับลูกอีกนะ
>
> แต่คราวนี้ลูกต้องยอมให้แม่เป็นเจ้าภาพนะจ๊ะ '
>
> ผมตอบตกลง
>
> ' ดินเน่อร์เป็นยังไงบ้าง ?' ภรรยาถามเมื่อผมกลับถึงบ้าน
>
> ' ดีเยี่ยมกว่าที่ผมคิดไว้มากเลย ' ผมตอบ
>
> ไม่กี่วันต่อมา แม่ผมเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบ พลัน
>
> มันเกิดขึ้นกระทันหันมากจนผมช่วยอะไรไม่ทันเลย
>
> หลายวันต่อมา ผมได้รับจดหมายพร้อมใบเสร็จจากภัต ตาคารที่ผมกับแม่เคยไป
>
> มีโน๊ตเล็กๆแนบมาด้วยว่า
>
> 'แม่จ่ายค่าอาหารชุดนี้เรียบร้อยแล้ว แม่รู้อยู่แล้วว่าแม่คงไปไม่ได้
> แต่อย่างไรก็ตาม แม่ก็จ่ายสำหรับสองคน คือลูกกับภรรยา
> ลูกคงเดาไม่ถูกหรอกว่าวันนั้นมีความหมายต่อแม่มาก แค่ไหน , รักลูกจ้ะ'
>
>
วินาทีนั้น ผมเข้าใจถึงความสำคัญของการกล่าวคำว่า ' รัก '
> ต่อคนที่เรารักในช่วงเวลาที่เค้าต้องการมัน
>
> ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าครอบครัวของคุณ
> จงให้เวลากับพวกเค้าในเวลาที่พวกเค้าต้องการคุณ
>
> เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่อาจผลัดวันประกันพรุ่งได้
>
> บางคนบอกว่า หลังจากที่คุณคลอดบุตรแล้วต้องใช้เวลาราว 6 สัปดาห์จึงจะคืนสู่สภาพเดิม
>
> คนนั้นไม่รู้ว่าหลังจากที่คุณได้เป็นแม่คนแล้ว ไม่มีคำว่าคนเดิมอีกต่อไป
>
> บางคนบอกว่า คนเราเรียนรู้การเป็นแม่ได้เองตามสัญชาติญาณ
>
> คนนั้นไม่เคยพาลูกสามขวบไปซูเปอร์มาร์เก็ต
>
> บางคนบอกว่า การเป็นแม่คนนั้นน่าเบื่อ
>
> คนนั้นไม่เคยนั่งรถที่ลูกวัยรุ่นขับหลังจากที่ได้ใบขับขี่มาหมาดๆ
>
> บางคน บอกว่า ถ้าคุณเป็นคนดี ลูกออกมาก็จะดีเอง
>
> คนนั้นนึกว่าเด็กคลอดออกมาพร้อมกับคู่มือการใช้และใบรับประกัน
>
> บางคนบอกว่า แม่ที่ดีไม่ควรขึ้นเสียงกับลูก
>
> คนนั้นไม่เคยเปิดประตูหลังบ้านออกมาทันได้เห็นลูกหวดลูกกอล์ฟเข้าใส่หน้าต่างครัวของเพื่อนบ้าน
> พอดิบพอดี
>
> บางคนบอกว่า การเป็นแม่คนนั้นไม่ต้องมีการศึกษาก็ ได้
>
> คนนั้นไม่เคยช่วยลูกประสมสี่ทำการบ้านเลย
>
> บางคนบอกว่า แม่รักลูกคนที่ห้าไม่เท่าลูกคนแรก
>
> คนนั้นไม่เคยมีลูกห้าคน
>
> บางคนบอกว่า ช่วงที่ยากที่สุดของการเป็นแม่คือตอนเลี้ยงและตอนคลอด
>
> คนนั้นไม่เคยยืนดูลูกขึ้นรถเมล์ไปโรงเรียนอนุบาลวัน แรก หรือขึ้นเครื่องบินไปบู๊ทแคมป์ของทหาร
>
> บางคนบอกว่า งานของแม่นั้นหมู ๆ ปิดตาสองข้าง หรือมัดมือไว้ข้างหนึ่งก็ยังได้
>
> คนนั้นไม่เคยสอนการออกเดินขายคุ๊กกี้ให้กับเหล่า ยุวนารี 7 คนที่กระจุ๊กกระจิ๊กคิกคักกันอยู่ตลอด
> เวลา
>
> บางคนบอกว่า แม่เลิกกังวลได้แล้ว หลังจากที่ลูกแต่งงานออกเรือนไป
>
> คนนั้นไม่รู้ว่าการแต่งงานคือการนำลูกชายหรือลูกสาวคนใหม่เข้ามาอยู่ในสายใยใจของแม่
>
> บางคนบอกว่างานของ แม่สิ้นสุดลงเมื่อลูกคนสุดท้ายออกจากบ้านไป
>
> คนนั้นไม่เคยมีหลานยาย หรือหลานย่า
>
> บางคนบอกว่า แม่รู้ดีอยู่แล้วว่าคุณรักท่าน เพราะงั้น ไม่ต้องบอกท่านก็ได้
>
> คนนั้นไม่เคยเป็นแม่คน
>
>
>
โปรดส่งต่อถึงทุกคนที่เป็น ' แม่ ' และทุกคนที่มี ' แม่'





#2 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 03 April 2008 - 06:39 PM

ขอบคุณเจ้าของกระทู้สำหรับเรื่องที่น่าซาบซึ้งนี้ีครับ
ขอนำไปแบ่งปันเพื่อน ๆ ต่อ นะครับ

#3 พันธุ์ตะวัน

พันธุ์ตะวัน
  • Members
  • 27 โพสต์

โพสต์เมื่อ 03 April 2008 - 08:00 PM

สาธุ .... ความกตัญญู(รู้คุณ) กตเวที (ตอบแทนคุณ) คือ เครื่องหมายของคนดี

#4 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 April 2008 - 07:24 AM

Sa Thu

#5 Nida49

Nida49
  • Members
  • 456 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 April 2008 - 08:16 AM

อ่านแล้วได้ใจดีค่ะ เสียดายที่ไม่มีโอกาสได้ทำอย่างนี้ เพราะแม่ไม่อยู่ให้เราได้โอกาส

หากใครมีโอกาส ก็อย่าปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปนะ

สาธุ..

#6 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 04 April 2008 - 08:20 AM

แม้จะเคยอ่านใน ฟอร์เวิร์ดเมล์ ที่เพื่อนส่งมา อ่านทีไรต่อมน้ำตาเอ่ออีกแล้ว 555

#7 เคยเข้าวัด

เคยเข้าวัด
  • Members
  • 1296 โพสต์
  • Interests:สร้างบุญบารมีอย่างยวดยิ่ง ตราบเท่าชีวีหมดอายุขัย

โพสต์เมื่อ 04 April 2008 - 08:58 AM

พี่สิริปโปใจร้ายจัง เล่นเอาซะผมนําตาคลอเบ้าท่ามกลางลูกน้องเลย T T
ขออนุโมทนากับบทความดีๆเช่นนี้ด้วยนะครับ

1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย

#8 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 April 2008 - 09:38 AM

อ่านจบแล้ว อยากเป็นแม่ของโลกมากกว่า
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#9 num_r

num_r
  • Members
  • 365 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 04 April 2008 - 09:42 AM

happy.gif เป็นความรักใกล้ตัวที่หลายคนลืมนะครับ

ขอบคุณครับ



#10 100กะรัต

100กะรัต
  • Members
  • 209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 April 2008 - 10:07 AM

ไม่รู้เป็นไร...อ่านบทความเกี่ยวกับแม่น้ำตาคลอเบ้าทุกทีเลย

ขอบคุณค๊ะคุณสิริปโภ นำเรื่องดีๆ มาเล่าสู่กันฟัง

อนุโมทนาบุญกับสิ่งดี ๆ ที่คุณปฎิบัติกับคุณแม่ด้วยค๊ะ สาธุ



ว่าแล้วขอแนะนำหนังสือดี ๆ ที่ทุกคนควรอ่านเกี่ยวกับ"แม่" คือหนังสือ "หยุดความเลวที่..ไล่ล่าคุณ"
โดย พ.อ.(พิเศษ) ทองคำ ศรีโยธิน และ สมคิด ลวางกูร ใครอ่านเป็นร้องไห้ทุกคน ถ้าใจแข็งหน่อยก็น้ำตาคลอเลยหละ ส่วนเราอ่านแล้วน้ำตาไหลหลาก ๆ เลยหละ มีเรื่องเกี่ยวกับความรักของพระเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จย่าด้วย เป็นหนังสือที่ดีมากๆเลยหละ รองไปหาอ่านดูน๊ะค๊ะ

100กะรัต


#11 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 April 2008 - 11:20 AM

SO GOOD.

#12 อยากมีคนอยู่กลางกาย

อยากมีคนอยู่กลางกาย
  • Members
  • 68 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 April 2008 - 04:09 PM

:'( :'( :'( น่าเศร้าจัง

๑.กุศลธัมมา แปลว่า ธาตุธรรมฝ่ายกุศล เมื่อเราเห็นจะเห็นเป็นพระธรรมกายสีขาวใส กายในกายขาวใสทั้งหมด เรียกว่าภาคพระ ภาคขาว ภาคบุญ

๒.อกุศลาธัมมา แปลว่า ธาตุธรรมฝ่ายอกุศล เมื่อเราเห็นจะเห็นเป็นพระธรรมกายสีดำ กายในกายดำทั้งหมด เรียกว่า ภาคมาร ภาคดำ ภาคบาป

๓.อัพยากตาธัมมา แปลว่า ธาตุธรรมฝ่ายอัพยากตา เมื่อเราเห็นจะเห็นเป็นพระธรรมกายสีตะกั่วตัด กายในกายสีตะกั่วตัดทั้งหมด เรียกว่า ภาคกลาง ภาคไม่บูญไม่บาป


ทั้ง ๓ ธาตุธรรมนี้ ย่อมมีต้นธาตุ ทำหน้าที่ปกครองธาตุธรรมตลอดสาย
ต้นธาตุถือเป็นผู้บัญชาการในธาตุธรรมนั้นๆ ทำหน้าที่ปกครองธาตุธรรมในนิพพาน


#13 hk_girlza

hk_girlza
  • Members
  • 580 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 April 2008 - 08:00 PM

ยิ่งบอกรัก ยิ่งมั่นคง ใช้ได้กับทุกคน ไม่มีข้อยกเว้น

รักแม่นะ ( ซ้อมไว้ๆ จะได้คล่องปาก เวลาบอกต่อหน้า red_smile.gif )

#14 พี่ต่อใหญ่

พี่ต่อใหญ่
  • Members
  • 65 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 05 April 2008 - 07:31 PM

อนุโมทนาบุญ อ่านแล้วซึ้งมาก แต่อาตมาคงต้องออกเดท กับท่านด้วยวิธีอื่นล่ะ

#15 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 April 2008 - 10:51 PM

รักแม่
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..