ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

เรื่องเล่าจากชาดก กับ สภาพบ้านเมืองไทยในตอนนี้


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ศรีวยาฆร

ศรีวยาฆร
  • Members
  • 184 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 November 2008 - 06:25 PM

มีเรื่องเล่าในชาดกมาฝากครับ บางที บ้านเมืองเราอาจจะเป็นอย่างนี้บ้างก็ได้



ในอดีตกาล ครั้นพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในพระนครพาราณสี ณ ที่อันไม่ไกลจากพระนครพาราณสีได้มีบ้านช่างไม้หมู่ใหญ่ มีครอบครัวอาศัยอยู่พันครอบครัว ในที่นั้นพวกช่างไม้พากันกล่าวว่า พวกข้าพเจ้าจักกระทำเตียงให้แก่พวกท่าน จักกระทำตั่ง จักกระทำเรือนให้พวกท่าน ต่างกู้หนี้ เป็นอันมากจากมือของฝูงคน แล้วไม่อาจจะทำอะไร ๆ ได้เลย ฝูงคนพากันทวงพากันเร่งเร้า กะพวกช่างไม้ที่พบเข้า ๆ พวกนั้นถูกพวกคนที่เป็นเจ้าหนี้เร่งรัดหนักเข้า พูดกันว่า พวกเราพากันไปต่างประเทศ ไปอยู่เสีย ณ ที่ใดที่หนึ่งเถอะ ชวนกันเข้าป่าตัดไม้ต่อเรือขนาดใหญ่ เข็นลงน้ำนำมาจอดไว้ในที่กึ่งโยชน์กับ ๑ คาวุตจากบ้าน ถึงเวลากลางคืนพากันมาบ้านรับลูกเมียไปสู่ที่เรือจอด พากันขึ้นสู่เรือนั้น แล่นเข้ามหาสมุทรไปโดยลำดับ เมื่อเที่ยวไปด้วยอำนาจลม พากันบรรลุเกาะแห่งหนึ่งท่ามกลางมหาสมุทร ก็แลในเกาะนั้น ผลาผลต่าง ๆ หลายอย่าง มีข้าวสาลี อ้อย กล้วย มะม่วง ข้าว ขนุน ตาล มะพร้าว เกิดเองทั้งนั้น มีอยู่ อนึ่งเล่ายังมีบุรุษเรืออับปางคนหนึ่ง ไปถึงเกาะนั้นก่อน บริโภคข้าวสาลี เคี้ยวกินอ้อยเป็นต้น มีร่างกายอ้วนท้วนเปลือยกาย มีผมและหนวดงอกงาม พำนักอยู่ที่เกาะนั้น ครั้งนั้น พวกช่างไม้แม้นั้น คิดกันว่า ถ้าเกาะนี้ จักมีรากษสคุ้มครอง พวกเราแม้ทั้งหมดจะพากันถึงความพินาศ พวกเราต้องสำรวจดูมันก่อน ทีนั้นบุรุษ ๗-๘ คนที่กล้า มีกำลัง ผูกสอดอาวุธครบ ๕ประการ จึงไปสำรวจเกาะ ขณะนั้นบุรุษนั้นบริโภคอาหารเช้าแล้ว ดื่มน้ำอ้อยแสนสุขสบาย นอนหงายในร่มอันเย็นเหนือพื้นทรายเช่นกับแผ่นเงิน ในประเทศอันน่ารื่นรมย์ เมื่อจะขับเพลงว่า ชาวชมพูทวีปพากันไถ พากันหว่านยังไม่ได้สุขเช่นนี้เลย เกาะน้อยของเรานี้เท่านั้นประเสริฐกว่าชมพูทวีป เปล่งอุทานนี้. ลำดับนั้น พระศาสดาตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายเมื่อจะทรงแสดงว่าดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุรุษเปล่งอุทานนี้ แล้วตรัสพระปฐมคาถาว่า



ชนทั้งหลายพากันไถ พากันหว่าน

เป็นมนุษย์ผู้ต้องเลี้ยงชีพด้วยผลการงาน ไม่ถึงส่วนหนึ่งแห่งเกาะอันนี้

เกาะของเรานี้แหละดีว่าชมพูทวีป.



ลำดับนั้น พวกคนที่สำรวจเกาะเหล่านั้น ฟังเสียงเพลงขับของเขาพูดกันว่า ที่พวกเราได้ยินดูเหมือนเสียงคน ต้องรู้เสียงนั้นให้ได้นะ พากันเดินตามกระแสเสียง เห็นบุรุษนั้นพากันกลัวว่าต้องเป็นยักษ์ ต่างสอดลูกศรฝ่ายบุรุษนั้นเล่า เห็นคนเหล่านั้นด้วยความกลัวจะฆ่าคนเสีย วิงวอนว่า นายเอ๋ยฉันไม่ใช่ยักษ์ดอกจ้า ฉันเป็นบุรุษโปรดให้ชีวิตทานแก่ฉันเถิด ครั้นพวกนั้นกล่าวว่า ธรรมดาคนจะเป็นคนเปลือยอย่างเจ้าไม่มีเลย อ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ให้พวกนั้นรู้ความที่ตนเป็นมนุษย์จนได้ พวกนั้นพากันเข้าไปหาบุรุษนั้น ทำสัมโมทนียกถาแล้ว ถามถึงเรื่องที่บุรุษนั้นมาในเกาะนั้น แม้เขาก็เล่าเรื่องทั้งปวงแก่พวกนั้น แล้วกล่าวว่า พวกท่านพากันมา ณ ที่นี้ด้วยบุญสมบัติของตน เกาะนี้เป็นเกาะอุดม ในเกาะนี้คนไม่ต้องทำการงานด้วยมือตนเลย ก็พากันเป็นอยู่ได้ ข้าวสาลีเกิดเอง และอ้อยเป็นต้นในเกาะนี้ไม่มีที่สิ้นสุดเลย เพราะเหตุนั้น เชิญพวกท่านอยู่กันอย่างไม่ต้องกระวนกระวายใจเถิด พวกเหล่านั้นต่างถามว่า ก็แม้อันตรายอย่างอื่นจะไม่มีแก่พวกเราผู้อยู่ในเกาะนี้บ้างหรือ ตอบว่า ภัยอย่างอื่นน่ะไม่มีดอกในเกาะนี้ แต่ว่าเกาะนี้อมนุษย์ครอบครอง พวกอมนุษย์เห็นอุจจาระ และปัสสาวะของพวกท่านแล้วพึงโกรธได้ เหตุนั้นเมื่อจะถ่ายอุจจาระปัสสาวะ พึงขุดทรายแล้วก็กลบเสียด้วยทราย ภัยในเกาะนี้มีเพียงเท่านี้อย่างอื่นไม่มี พวกท่านพึงพากันไม่ประมาทเป็นนิตย์เทอญ พวกนั้นเข้าอาศัยอยู่ในเกาะนั้น ก็ในพันครอบครัวนั้น ได้มี ช่างไม้ ๒ คนเป็นหัวหน้าคนละ ๕๐๐ ครอบครัว ในหัวหน้าทั้งสองนั้น คนหนึ่งเป็นพาลหมกมุ่นในรส คนหนึ่งเป็นบัณฑิตไม่หมกมุ่นในรสทั้งหลาย ในกาลต่อมา ครอบครัวเหล่านั้นแม้ทั้งหมด ต่างอยู่กันอย่างสบายในเกาะนั้น พากันมีร่างกายอ้วนพี คิดกันว่า สุราของพวกเราห่างเหินนักล่ะ พวกเราพากันกระทำเมรัยด้วยน้ำอ้อยดื่มกันเถอะ พวกนั้นช่วยกันทำเมรัยดื่ม พากันร้องรำเล่นประมาทไปด้วยอำนาจที่เมามัน ถ่ายอุจจาระและปัสสาวะไว้ในที่นั้นแล้วไม่กลบกระทำเกาะให้สกปรกปฏิกูล ฝูงเทวดาโกรธว่า คนพวกนี้พากันทำสนามเล่นของเราให้สกปรก คิดกันว่า ต้องให้น้ำทะเลท่วมท้นขึ้นทำการล้างเกาะเสียเถอะพากันกำหนดวันไว้ว่า วันนี้เป็นกาฬปักษ์ และสมาคมของพวกเราก็ถูกทำลายเสียแล้วในวันนี้ ในวันเพ็ญอุโบสถ วันที่ ๑๕ จากวันนี้ เวลาดวงจันทร์ขึ้นแล้วพวกเราต้องให้น้ำทะเลท่วมฆ่าพวกนี้เสียให้หมดเลยคราวนี้ ครั้งนั้นในกลุ่มแห่งเทวดาเหล่านั้น เทพบุตรองค์หนึ่งเป็นผู้ทรงธรรม สงสารว่า พวกเหล่านี้จงอย่าพินาศไปทั้ง ๆ ที่เราเห็นอยู่เลย เมื่อคนเหล่านั้นบริโภคอาหารเย็น นั่งสนทนากันสบายที่ประตูเรือน ประดับกายด้วยอาภรณ์ทั้งปวง กระทำเกาะทั้งหมดให้สว่างเป็นอันเดียวกัน ยืนอยู่บนอากาศทางทิศเหนือ กล่าวว่า ช่างไม้พ่อเอ่ย ฝูงเทวดาพากันโกรธพวกท่าน อย่าพากันอยู่ ณ ที่นี้เลย ก็ล่วงไปกึ่งเดือนแต่วันนี้ พวกเทวดาจักให้น้ำทะเลท่วมฆ่าพวกท่านเสียทั้งหมดทีเดียวพวกท่านจงพากันออกจากเกาะนี้หนีไปเสียเถิด กล่าวคาถาที่ ๒ ว่า



ในวันพระจันทร์เพ็ญ ทะเลจักมีคลื่นจัดจะท่วมเกาะใหญ่นี้ให้จมลง

คลื่นทะเลอย่าฆ่าท่านทั้งหลายเสียเลย

ท่านทั้งหลายจงพากันไปหาที่พึ่งอาศัยที่อื่นเถิด.



เทพบุตรนั้นให้โอวาทแก่พวกนั้นอย่างนี้แล้ว ก็ไปสู่สถานของตนทันที เมื่อเทพบุตรองค์นั้นไปแล้ว เทพบุตรอีกองค์หนึ่ง####มโหด กักขฬะ คิดว่าพวกนี้พึงเชื่อถือถ้อยคำของเทพบุตรองค์นี้พากันหนีไปเสีย เราต้องการห้ามการไปของพวกนั้นไว้ ต้องให้ถึงความพินาศทั้งหมดเลย ประดับด้วยอลังการอันเป็นทิพย์ กระทำบ้านทั้งหมดให้สว่างเป็นอันเดียวกัน มายืนอยู่ในอากาศทางทิศทักษิณ ถามว่า เทพบุตรองค์หนึ่งมาที่นี่หรือ ครั้นพวกนั้นตอบว่ามาเจ้าข้า กล่าวว่า เขาพูดอะไรกะเธอเล่า เมื่อพวกนั้นพากันตอบว่า เรื่องนี้ เจ้าข้า กล่าวว่า เขาไม่อยากให้พวกเธออยู่ที่นี่หรือ พูดด้วยความเคียดแค้น พวกเธอไม่ต้องไปที่อื่นดอก พากันอยู่ที่นี่เช่นเดิมเถิด ได้กล่าวคาถาสองคาถาว่า



คลื่นทะเลจะไม่เกิดท่วมเกาะใหญ่นี้ เหตุอันนั้นเราเห็นแล้ว ด้วยนิมิตเป็นอันมาก

ท่านทั้งหลายอย่ากลัวเลย จะเศร้าโศกทำไม จงเบิกบานใจเถิด.



ท่านทั้งหลายจงอยู่ยึดครองเกาะใหญ่นี้ อันมีอาหารเพียงพอ มีข้าวและน้ำมากมายเป็นที่อยู่อาศัยเถิด

เราไม่มองเห็นภัยอันใดอันหนึ่ง ซึ่งจะเกิดมีแก่ท่านทั้งหลายเลย

ท่านทั้งหลายจงเบิกบานใจอยู่ด้วยบุตรหลานเถิด.



เทพบุตรนั้นปลอบโยนพวกเหล่านั้นด้วยคาถาสองคาถาเหล่านี้แล้วหลีกไป. ในเวลาที่ เทพบุตรนั้นกลับไปแล้ว ช่างไม้ที่เป็นพาลฟังถ้อยคำของเทพบุตร ผู้ดำรงในความไม่เชื่อถือ ก็ตักเตือนช่างพวกที่เหลือว่า ชาวเราเอ๋ย เชิญฟังคำของข้าพเจ้าแล้วกล่าวคาถาที่ ๕ ว่า



เทพบุตรในทิศทักษิณนี้ ย่อมคัดค้านความเกษมสำราญ

ถ้อยคำของเทพบุตรนั้นเป็นคำจริง เทพบุตรในทิศอุดรไม่รู้แจ้งภัย

ท่านทั้งหลายอย่ากลัวเลย จะเศร้าโศกไปทำไม จงเบิกบานใจเถิด.



พวกช่างไม้ ๕๐๐ ผู้หมกมุ่นในรส ฟังคำนั้นแล้วเชื่อถือถ้อยคำของช่างไม้พาลชนนั้น. ฝ่ายช่างไม้บัณฑิตอีกคนหนึ่ง ไม่ยอมเชื่อถือถ้อยคำของช่างไม้นั้น เรียกช่างไม้เหล่านั้นมา ได้กล่าวคาถา ๔ คาถาว่า



เทพยดาเหล่านี้ ย่อมกล่าวผิดกันอย่างไร

เทวดาตนหนึ่งกล่าวว่าจะมีภัย ตนหนึ่งกล่าวว่าปลอดภัย

ดังเราขอเตือน ท่านทั้งหลายจงฟังถ้อยคำของเราเถิด

เราทั้งหมดอย่าฉิบหายเสียเร็วพลันเลย.



เราทั้งปวง จงมาช่วยกันทำเรือใหญ่ให้มั่นคงติดเครื่องยนต์ไว้พร้อมสรรพ

ถ้าเทพบุตรในทิศทักษิณพูดจริง เทพบุตรในทิศอุดรก็พูดค้านเปล่า ๆ.



เมื่ออันตรายเกิดมีขึ้น เรือของพวกเรานั้นก็จักไม่เสียหาย

อนึ่ง เราจะไม่ละทิ้งเกาะนี้ ถ้าหากว่าเทพบุตรในทิศอุดรพูดจริง เทพบุตรในทิศทักษิณก็พูดค้านเปล่า ๆ.



เราทุกคนพึงขึ้นสู่เรือนั้นทันที ข้ามไปถึงฝั่งโน้นโดยสวัสดีอย่างนี้

พวกเราไม่พึงเชื่อถือง่าย ๆ ว่าคำจริงโดยคำแรก

ไม่พึงเชื่อถือโดยง่าย ๆ ซึ่งถ้อยคำที่เทพบุตรกล่าวแล้วในภายหลังว่าเป็นจริง

นรชนใดในโลกนี้ เลือกถือเอาส่วนกลางไว้ได้ นรชนนั้นย่อมเข้าถึงฐานะอันประเสริฐ.



ก็แลครั้นกล่าวเช่นนี้แล้ว กล่าวต่อไปว่า พ่อเอย พวกเราต้องทำตามคำของเทพบุตรทั้งสอง พวกเราพึงเตรียมเรือไว้ แต่นั้นถ้าคำของเทพบุตรองค์ก่อนจักเป็นจริง พวกเราก็พากันขึ้นเรือหนีไป ครั้นคำของเทพบุตรอีกองค์หนึ่งจักเป็นจริง พวกเราก็จอดเรือไว้ข้างหนึ่ง คงอยู่ในเกาะนี้สืบไป ครั้นช่างไม้ผู้บัณฑิตกล่าวอย่างนี้ ช่างไม้ผู้พาลกล่าวว่า พ่อเอย ท่านเห็นจระเข้ในโอ่งน้ำ ช่างหลับตาเสียนานเหลือเกิน เทพบุตรองค์แรกพูดด้วยความเคียดแค้นในพวกเรา องค์หลังพูดด้วยความรัก พวกเราจักพากันทอดทิ้งเกาะอันประเสริฐ ปานฉะนี้นี่ไปไหนกันเล่า ก็ถ้าท่านอยากจะไป ก็จงควบคุมคนของท่านทำเรือเถิด พวกข้าพเจ้าไม่มีเรื่องที่จะใช้เรือ ช่างไม้บัณฑิตชวนบริษัทของตนเตรียมเรือ บรรทุกเครื่องอุปกรณ์พร้อมสรรพ พร้อมทั้งบริษัทพักอยู่ในเรือ ต่อจากวันนั้นถึงวันเพ็ญ พอเวลาดวงจันทร์ขึ้น คลื่นก็ซัดขึ้นจากท้องทะเล มีประมาณเพียงเข่า ซัดไปล้างเกาะ ผู้บัณฑิตทราบความคะนองแห่งท้องทะเล ก็ปล่อยเรือแต่ครอบครัวทั้ง ๕๐๐ ซึ่งเป็นพวกช่างไม้พาล ต่างนั่งพูดกันเรื่อยไปว่า คลื่นจากท้องทะเลซัดสาดมาเพื่อจะล้างเกาะ เพียงนี้เท่านั้น ต่อจากนั้นคลื่นในท้องทะเลก็ซัดสาดมาสู่เกาะน้อยเพียงเอว เพียงชั่วคน เพียงชั่วลำตาล บัณฑิตผู้ไม่ติด ในรสเพราะเป็นผู้ฉลาดในอุบาย ไปได้โดยสวัสดี ช่างไม้ผู้พาลไม่มองดูภัยในภายหน้า เพราะหมกมุ่นในรสถึงความพินาศพร้อมกับครอบครัวทั้ง ๕๐๐ เเล.

อนุสาสนีต่อจากนี้ เป็นพระอภิสัมพุทธคาถา ๓ พระคาถาส่องความนั้นดังต่อไปนี้



กุลบุตรผู้มีปัญญากว้างขวาง แทงตลอดประโยชน์ในอนาคตแล้ว

ย่อมไม่ให้ประโยชน์นั้นผ่านพ้นไปแม้แต่น้อย

เหมือนพวกพ่อค้าเหล่านั้น พากันไปในท่ามกลางทะเลโดยสวัสดี ด้วยกรรมของตน.



ส่วนพวกคนพาลมัวหมกมุ่นอยู่ในรสด้วยโมหะ

ไม่แทงตลอดประโยชน์อันเป็นอนาคต

เมื่อความต้องการเกิดขึ้นเฉพาะหน้า ย่อมพากันล่มจม

เหมือนมนุษย์เหล่านั้นพากันล่มจมในท่ามกลางทะเล ฉะนั้น.



ชนผู้เป็นบัณฑิตพึงรีบทำกิจที่ควรทำก่อนเสียทีเดียว

อย่าให้กิจที่ต้องทำเบียดเบียนตัวได้ ในเวลาที่ต้องการ

กิจนั้นไม่เบียดเบียนบุคคลผู้รีบทำกิจที่ควรทำเช่นนั้น ในเวลาที่ต้องการ.



พระศาสดา ทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน เทวทัตมัวเกี่ยวเกาะสุขปัจจุบันไม่มองดูภัยในอนาคต ถึงความพินาศพร้อมทั้งบริษัท ทรงประชุมชาดกว่า ช่างไม้ผู้พาลในครั้งนั้น ได้มาเป็นเทวัตผู้ติดสุขในปัจจุบัน เทพบุตรผู้ไม่ดำรงธรรมที่สถิต ณ ภาคใต้ ได้มาเป็นโกกาลิกะ เทพบุตรผู้ทรงธรรมที่สถิตทางทิศเหนือ ได้มาเป็นพระสารีบุตร ส่วนช่างผู้เป็นบัณฑิตได้มาเป็นเราตถาคตแล.



จบอรรถกถาสมุททวาณิชชาดก


#2 ศรีวยาฆร

ศรีวยาฆร
  • Members
  • 184 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 November 2008 - 07:55 AM

การอนุญาตปรุงน้ำเมา เพื่อความหายนะแก่คนจำนวนมาก

เรื่องมีอยู่ว่า

มีคนผู้หนึ่ง เป็นนายอำเภอในแคว้นกาสิกะ ห้ามการซื้อขายน้ำเมาไว้อย่างกวดขัน
ถูกมหาชนพากันถามว่า ‘เจ้านายขอรับ เมื่อก่อนนี้เป็นเวลางานมหรสพ มีชื่อว่า สุราฉัณ (สุราดื่มฉลองในงาน)
จะให้พวกกระผมทำอย่างไร
นายอำเภอกล่าวว่า ‘พวกท่านจงทำตามอย่างเดิมนั่นแหละ’

พวกมนุษย์พากันกระทำการมหรสพ ดื่มสุราเมาแล้ว ทะเลาะกันจนมือเท้าแตกหัก ศีรษะแตก หูฉีกขาด
ถูกจองจำ ถูกปรับสินไปเป็นอันมาก

นายอำเภอเห็นคนพวกนั้นแล้ว คิดว่า เมื่อเราไม่อนุญาต คนเหล่านี้ก็คงไม่ประสบทุกข์เห็นปานนี้
ถึงความสลดสังเวชใจ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ ยืนพิงช่องหน้าต่างอยู่ เจริญวิปัสสนา บรรลุปัจเจกพุทธญาณแล้ว สถิตอยู่ในอากาศ แสดงธรรมว่า ‘พวกท่านจงอย่าเป็นผู้ประมาทเถิด’


ต่อมา เมื่อมีผู้ถามถึงเหตุแห่งการบวช พระปัจเจกพุทธเจ้าได้กล่าวคาถานี้ว่า

“เมื่อก่อน ชนทั้งหลายในบ้านเมืองเรา ได้สำคัญสุราและเมรัยเหมือนน้ำหวาน
ได้ปรุงน้ำเมาเพื่อความหายนะแก่คนจำนวนมาก
เราได้ยินยอมอนุญาตให้แก่พวกเขา


เหตุนั้น ภายหลังจึงรังเกียจว่า นั้นเป็นความชั่วเราได้ทำไว้แล้ว
เราอย่าได้ทำความชั่วอีกเลย
เพราะเหตุนั้นเราจึงบวช”


อ้างอิงจาก-พระไตรปิฎกและอรรถกถา เล่ม ๖๐ หน้า ๕๖.


#3 ศรีวยาฆร

ศรีวยาฆร
  • Members
  • 184 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 November 2008 - 08:12 AM

มีพุทธพจน์มาในปาฏิกวรรค สิงคาลกสูตร ความว่า


“ดูกรคฤหบดีบุตร โทษในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท ๖ ประการนี้ คือ


ความเสื่อมทรัพย์อันผู้ดื่มพึงเห็นเอง ๑
ก่อการทะเลาะวิวาท ๑
เป็นบ่อเกิดแห่งโรค ๑
เป็นเหตุเสียชื่อเสียง ๑
เป็นเหตุไม่รู้จักละอาย ๑
เป็นเหตุทอนกำลังปัญญา ๑


ดูกรคฤหบดีบุตร โทษ ๖ ประการในการประกอบเนืองๆ ซึ่งการดื่มน้ำเมา
คือ สุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทเหล่านี้แล”



#4 ศรีวยาฆร

ศรีวยาฆร
  • Members
  • 184 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 November 2008 - 08:32 AM

ฤาษีทรงอภิญญา ดื่มสุรายังพาวิปริต


ในอดีตกาลครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ใน
กรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลอุทิจจพราหมณ์
ในแคว้นกาสี เจริญวัยแล้วบวชเป็นฤาษี ได้อภิญญาและสมาบัติ
ประลองฌาน พำนักอยู่ในหิมวันตประเทศ แวดล้อมด้วยอันเตวาสิก
ประมาณ ๕๐๐ ครั้นถึงฤดูฝน พวกอันเตวาสิก พากันเรียนท่าน
ว่า ท่านอาจารย์ขอรับ พวกเราพากันไปแดนมนุษย์ บริโภคของ
เปรี้ยว ๆ เค็ม ๆ แล้วค่อยมากันเถิด.

ฤๅษีพระโพธิสัตว์กล่าวว่า
อาวุโส เราจะคอยอยู่ในที่นี้แหละ พวกเธอพากันไป บำรุงร่างกาย
จนฤดูฝนผ่านไป แล้วจึงพากันกลับมาเถิด. อันเตวาสิกเหล่านั้น
รับคำว่า ดีแล้วขอรับ พากันกราบลาอาจารย์ไปสู่พระนคร-
พาราณสี พักอยู่ในพระราชอุทยาน ครั้นวันรุ่งขึ้นก็พากันไป
เที่ยวภิกษาจารในบ้านภายนอกประตูพระนคร ได้รับความ
เกื้อกูลอย่างดี รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่ง จึงพากันเข้าไปสู่พระนคร
พวกมนุษย์พากันชื่นชมถวายภิกษา ล่วงมา ๒-๓ วัน ก็พากัน
กราบทูลพระราชาว่า ขอเดชะ ฤาษี ๕๐๐ รูป พากันมาจาก
ป่าหิมพานต์ พักอยู่ในพระราชอุทยาน มีตบะกล้า มีอินทรีย์อัน
ชนะแล้วอย่างเยี่ยม มีศีล พระราชทรงสดับคุณของฤๅษีเหล่านั้น
เสด็จสู่อุทยาน ทรงนมัสการแล้วกระทำการปฏิสันถาร ผะเดียง
ให้อยู่ในพระอุทยานนั้นแหละตลอด ๔ เดือนฤดูฝน.

นับแต่นั้นฤๅษีเหล่านั้น ก็พากันฉันในพระราชวังแห่งเดียว พำนักอยู่ ณ
พระราชอุทยาน.

อยู่มาวันหนึ่ง ในพระนครได้มีงานนักขัตฤกษ์ ชื่อว่า
สุรานักษัตร์. พระราชาทรงพระดำริว่า สุรา พวกบรรพชิต
หาได้ยาก จึงรับสั่งให้ถวายสุราอย่างดี เป็นอันมาก พวกดาบส
ดื่มสุราแล้ว พากันกลับไปอุทยาน ต่างก็เมาสุรา บางพวก
ลุกขึ้นฟ้อนรำ บางพวกขับร้อง ครั้นฟ้อนรำขับร้องแล้ว ก็พากัน
นอนหลับทับบริขาร มีไม้คานเป็นต้น พอสร่างเมา พากันตื่น เห็น
อาการอันวิปริตของตนนั้น ต่างก็ร้องไห้คร่ำครวญว่า พวกเรา
มิได้กระทำการอันสมควรแก่บรรพชิตเลย กล่าวกันว่า พวกเรา
จากท่านอาจารย์มา พากันกระทำกรรมอันเลวถึงเพียงนี้
ทันใด
นั้นเอง ก็พากันทิ้งอุทยานกลับไปป่าหิมพานต์ เก็บบริขารไว้
เรียบร้อยแล้ว พากันไหว้อาจารย์นั่งอยู่แล้ว อันท่านอาจารย์
ถามว่า พ่อคุณทั้งหลาย พวกท่านมิได้ลำบากด้วยภิกษา พากัน
อยู่สบายในถิ่นของมนุษย์หรือไฉน อนึ่งพวกเธอยังจะอยู่กันด้วย
ความสมัครสมานสามัคคีอยู่หรือ พากันกราบเรียนว่า ท่าน
อาจารย์ขอรับ พวกกระผมอยู่กันอย่างสบาย ก็แต่ว่า พวกผม
พากันดื่มในสิ่งไม่ควรดื่ม สลบไสลไปตาม ๆ กัน ไม่อาจดำรง
สติได้ พากันขับร้องฟ้อนรำตามเรื่อง เมื่อแจ้งเรื่องนั้นแล้ว
ก็พากันยกคาถานี้เรียนอาจารย์ว่า :-

" พวกกระผมได้พากันดื่ม ได้ชวนกันฟ้อน พากันขับร้อง แล้วก็พากันร้องไห้
เพราะดื่มสุราที่ทำให้สัญญาวิปริต ยังดีแต่ที่มิได้กลายเป็นลิงไปเสียเลย " ดังนี้.


พระศาสดาทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประชุม
ชาดกว่า คณะฤๅษีในครั้งนั้น ได้มาเป็นพุทธบริษัท ส่วนศาสดา
ของคณะ ได้มาเป็นเราตถาคต


พระไตรปิฎกและอรรถกถา เล่ม ๕๖ หน้า ๒๗๖.


#5 ศรีวยาฆร

ศรีวยาฆร
  • Members
  • 184 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 November 2008 - 08:56 AM

หม้อแห่งหายนะ


“หม้อใบนี้ ไม่ใช่หม้อเนยใส ไม่ใช่หม้อน้ำมัน ไม่ใช่หม้อน้ำอ้อย ไม่ใช่หม้อน้ำผึ้ง
โทษของหม้อใบนี้มีมิใช่น้อย ท่านจงฟังโทษเป็นอันมากที่มีอยู่ในหม้อใบนี้.

บุคคลดื่มสุราแล้วเดินโซเซล้มไปยังบ่อ ถ้ำ หลุมน้ำครำ และหลุมโสโครก
พึงบริโภคของที่ไม่ควรบริโภคแม้มากได้
ท่านจงช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยสุรานั้นไว้

บุคคลดื่มสุราแล้ว ไม่เป็นใหญ่ในใจย่อมเที่ยวไปเหมือนโคกินกากสุรา ฉะนั้น
หาที่พึงมิได้ ย่อมฟ้อนรำขับร้องได้
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มด้วยสุรานั้นไว้.

บุคคลดื่มสุราแล้ว แก้ผ้าเปลือยกายเที่ยวไปตามตรอกตามถนนในบ้านเหมือนชีเปลือย
มีจิตลุ่มหลง นอนตื่นสาย
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยน้ำชนิดนั้นไว้.

บุคคลดื่มสุราแล้ว ลุกขึ้นเซไปมา โคลงศีรษะ และยกแขนขึ้นรำ เหมือนรูปหุ่นไม้ ฉะนั้น
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยสุรานั้นไว้.

บุคคลดื่มสุราแล้ว นอนจนถูกไฟไหม้ และกินอาหารที่เหลือเดนสุนัขได้
ย่อมถึงการถูกจองจำ ถูกฆ่า และความเสื่อมแห่งโภคะ
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มด้วยสุรานั้นไว้.

บุคคลดื่มสุราแล้ว พูดคำที่ไม่ควรพูดได้เปลือยกายนั่งในที่ประชุมได้
เปรอะเปื้อนจมอยู่ในอาเจียนของตน ถึงความพินาศ
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยสุรานั้นไว้

บุคคลดื่มสุราแล้ว ฮึกเหิม นัยน์ตาแดงกล่ำ สำคัญใจว่า แผ่นดินทั้งหมดเป็นของเราเท่านั้น
พระราชาแม้มีมหาสมุทร ๔ เป็นขอบขัณฑสีมา ก็ไม่เสมอเรา
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยสุรานั้นไว้.

บุคคลดื่มสุราแล้ว ถือตัวจัด ก่อความทะเลาะวิวาท ส่อเสียด กล่าวร้าย
เปลือยกายวิ่งไป คลุกคลีหมกอยู่กะพวกนักเลงเก่า
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยสุรานั้นไว้.

สุรานี้ทำตระกูลทั้งหลายในโลกนี้ อันมั่นคงบริบูรณ์มีเงินทองตั้งหลายพัน ให้ขาดทายาทได้
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยสุรานั้นไว้.

ข้าวเปลือก ทรัพย์ เงิน ทอง ไร่ นา โค กระบือในสกุลใดย่อมพินาศไป
ตระกูลที่มั่งมีทั้งหลาย ขาดสูญไปเพราะดื่มสุรา
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยสุรานั้นไว้.

บุคคลดื่มสุราแล้ว เป็นคนหยาบช้า ด่าบิดามารดาได้
แม้ถึงเป็นพ่อผัวก็พึงหยอกลูกสะใภ้ได้
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยสุรานั้นไว้

หญิงดื่มสุราแล้ว เป็นคนหยาบช้า ด่าพ่อผัวแม่ผัว และสามีได้
แม้เป็นทาส เป็นคนใช้พึงรับเป็นสามีของตนได้
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยสุรานั้นไว้.

บุคคลดื่มสุราแล้ว พึงประหารสมณะ หรือพราหมณ์ผู้ตั้งอยู่ในธรรมได้
พึงไปสู่อบายอันมีกรรมนั้นเป็นเหตุ
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยสุรานั้นไว้.

บุคคลดื่มสุราแล้ว ย่อมประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา และใจ
ครั้นแล้ว ต้องไปตกนรก
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มไปด้วยสุรานั้นไว้.

ชนทั้งหลาย แม้จะยอมสละเงินเป็นอันมาก มาอ้อนวอนบุรุษใดผู้ยังไม่ได้ดื่มสุราก่อนให้พูดเท็จ ย่อมไม่ได้
บุรุษดื่มสุรานั้นแล้วย่อมพูดเท็จได้
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มด้วยสุรานั้นไว้.

บุคคลดื่มสุราแล้ว ถูกใช้ไปในกรณียกิจรีบร้อนเกิดขึ้น
ถูกซักถามก็ไม่รู้เนื้อความ
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มด้วยสุรานั้นไว้.

บุคคลแม้จะมีใจละอายครั้นเมาสุราแล้ว ก็ย่อมจะทำความไม่ละอายให้ปรากฏได้
แม้จะเป็นคนหนักแน่นอยู่บ้าง ก็อดพูดมากไม่ได้
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มด้วยสุรานั้นไว้.

บุคคลดื่มสุราแล้ว นอนดังลูกสุกรอดอาหาร ย่อมถึงความนอนเป็นทุกข์ที่พื้นดิน
เขาต้องถึงความมีผิวพรรณทราม และความติเตียน
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มด้วยสุรานั้นไว้.

บุคคลดื่มสุราแล้วย่อมนอนคอตก หาเป็นเหมือนโคที่ถูกลงประตักฉะนั้นไม่
ฤทธิ์สุราย่อมทำให้คนอดทนได้ (ไม่กินข้าวกินน้ำ)
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มด้วยสุรานั้นไว้.

มนุษย์ทั้งหลายย่อมเว้นสุราอันเปรียบด้วยงูมีพิษร้าย
ใครคนไหนในโลก ควรจะดื่มสุราอันเสมอด้วยพิษงู
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มด้วยสุรานั้นไว้.

โอรสทั้งหลายของท้าวอันธกเวณฑะ ดื่มสุราแล้ว
พาหญิงไปบำเรออยู่ริมฝั่งสมุทร ประหารกันและกันด้วยสาก
ท่านช่วยซื้อหม้อใบนี้ซึ่งเต็มด้วยสุรานั้นไว้.

พวกอสูรดื่มสุราแล้ว เมาจนถึงจุติจากไตรทิพย์ สำคัญตัวว่าเที่ยง มีมารยา
ข้าแต่พระมหาราชา เมื่อรู้ว่าสุราเช่นนั้นเป็นน้ำเมา หาประโยชน์มิได้ จะดื่มทำไม?

ในหม้อนี้ไม่มีเนยข้น หรือน้ำผึ้ง พระองค์รู้อย่างนี้แล้ว จงขายเสีย ข้าแต่ท่านสรรพมิตร
สิ่งที่อยู่ในหม้อนี้ ข้าพระพุทธเจ้าได้กราบทูลแก่พระองค์แล้ว ด้วยประการฉะนี้.”



ที่มา-พระไตรปิฎก เล่ม ๒๗ หน้า ๔๐๔.



#6 ลีดเดอร์

ลีดเดอร์
  • Members
  • 416 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 November 2008 - 09:57 AM

ดิชั้นกำลังมองไปที่ท่านมโหสถบัณฑิต ตอนถูก ตามล่า เข้าไปอยู่ในป่าใช้ชีวิต อย่างชาวบ้านเพื่อเอาชีวิตรอด และรอจังหวะดีๆ ที่จะกลับมาอีกครั้ง เหมือนเชน ผู้ระเห็ดระเห เร่ร่อน อยู่ต่างแดน

#7 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 November 2008 - 10:41 AM

สาธุกับธรรมะของคุณศรีวยาฆรครับ เหมาะสมกับสถานการณ์ขณะนี้มาก

#8 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 19 November 2008 - 12:45 PM

อนุโมทนา ในธรรม ที่ทันสมัยทุกกาลของ คุณ ศรีวยาฆร ด้วยครับ

ขอนำไปแบ่งปันในกระดานสนทนา ที่อื่นด้วยนะครับ
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#9 Suk072

Suk072
  • Members
  • 430 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 19 November 2008 - 04:50 PM

ขออนุโมทนาบุญค่ะ สาธุ

#10 เด็กน้อย...หัดเดิน

เด็กน้อย...หัดเดิน
  • Members
  • 237 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 November 2008 - 10:41 AM

ขออนุโมทนาบุญค่ะ สาธุ

กำลังหาเรื่องนี้อ่านอยู่พอดีเชียวค่ะ

#11 usr27122

usr27122
  • Members
  • 16 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 November 2008 - 06:38 PM

คิดแบบเดียวกับคุณลีดเดอร์เลย ส่วนสถานการณ์บ้านเมืองตอนนี้ปวดหัวใจเหลือเกิน พยายามไม่อ่านข่าวนะ แต่ข่าวมาหาเอง

#12 ดอกอุบล

ดอกอุบล
  • Members
  • 926 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 December 2008 - 12:12 AM

สาธุ...อนุโมทนาบุญ