เคยอ่านเจอคำว่า นางสี แล้วไม่เข้าใจ
เลยอยากรู้ว่านางสี คือหญิงที่มีลักษณะอย่างไร
นางสี
เริ่มโดย KAMOLPORN, Sep 21 2008 01:14 PM
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 21 September 2008 - 01:14 PM
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ทำดีได้กับตัว ทำชั่วไม่ได้ดี
ทำดีได้กับตัว ทำชั่วไม่ได้ดี
#2
โพสต์เมื่อ 21 September 2008 - 05:51 PM
เพิ่มรายละเอียดให้หน่อยซิครับ ผมหาคำนี้ไม่เจอเลย ไม่ว่าจากที่ไหน เป็นชื่อคน คนหนึ่งหรือเปล่า
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ .....
ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน .....
ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ .....
อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ
#3
โพสต์เมื่อ 21 September 2008 - 06:00 PM
ใช่ "สีทนได้"หรือเปล่าอ่า ถ้าใช่ก็คือ สี4Season น่ะครับ ^ ^"
มุขไม่ฮาพาเอาเครียดอีกละ - -"
มุขไม่ฮาพาเอาเครียดอีกละ - -"
1) พระปัญญาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 20 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 4 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน คือ พระสมณโคมสัมมาสัมพุทธเจ้า (อย่างน้อยที่สุด)
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
2) พระศรัทธาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 40 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 8 อสงไขย กับ แสนมหากัป) (อย่างน้อย)
3) พระวิริยาธิกพุทธเจ้า สร้างบารมีรวม 80 อสงไขย กับอีก แสนมหากัป (รวมระยะเวลาสร้างบารมีหลังรับพุทธพยากรณ์ คือ 16 อสงไขย กับ แสนมหากัป) เช่น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ต่อไป คือ พระศรีอาริยเมตไตรยสัมมาสัมพุทธเจ้า (เป้าหมาย
#4
โพสต์เมื่อ 21 September 2008 - 08:31 PM
ขอโทษคะรีบไปหน่อย จริง ๆแล้วเป็น"นางทาสี"คะ
จะหมายถึงอาชีพทาสีป่าวคะ (ถามแบบซื่อๆ)
ถ้าเป็นอาชีพก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย
แล้วทำไมถึงจัดอยู่ใน อาภัพ 18 ประการคะ
เคยเจออีกครั้งในหนังสือเล่มไหนจำไม่ได้แล้วเรื่องก็มีประมาณว่า
พระเจ้าอโศกทรงตรัสถามพระอนุชิตพระเจ้าวีตโศกที่เลื่อมใสศาสนาพุทธ
และกำลังออกบวชว่า อาหารที่ได้ ก็มาจากนางทาสีบ้าง พวกจัณฑาณบ้าง เจ้าจะกินได้หรือ
(ประมาณนี้นะ จำไม่ได้ทุกคำ)
ก็เลยสงสัยคะ
ความอาภัพ ๑๘ ประการ มีดังนี้
๑. ไม่เป็นคนมีจักษุบอดมาแต่กำเนิด
๒. ไม่เป็นคนหูหนวกมาแต่กำเนิด
๓. ไม่เป็นคนบ้า
๔. ไม่เป็นคนง่อยเปลี้ย
๕. ไม่เป็นคนใบ้
๖. ไม่เกิดในประเทศป่าเถื่อน
๗. ไม่เกิดในท้อง "แห่งนางทาสี "
๘. ไม่เป็นคนมีความเห็นผิดเป็นนิยตมิจฉาทิฐิ
๙. ไม่เป็นสตรีเพศ
๑๐. ไม่ประกอบกรรมอันเป็นอนันตริยกรรม
๑๑. ไม่เป็นคนมีโรคเรื้อน
๑๒. เมื่อไปเกิดในกำเนิดแห่งสัตว์เดียรฉาน ย่อมเป็นสัตว์ที่จัดอยู่ในประเภทมีกายไม่เล็กกว่านกกระจาบ และมีกายไม่ใหญ่กว่าช้าง
๑๓. ไม่ไปเกิดในกำเนิดแห่งขุปปิปาสิกเปรต นิชฌามตัณหิกเปรต แลกาลกัญชิกาสุรกาย
๑๔. ไม่ไปเกิดในอเวจีมหานรก และโลกันตนรก
๑๕. เมื่อไปเกิดเป็นเทวดาในกามาวจรสวรรค์ คือสวรรคเทวโลก ๖ ชั้น ก็ไม่เกิดเป็นเทวดาซึ่งนับเนื่องเข้าในเทวดาจำพวกหมู่มาร
๑๖. เมื่อเกิดเป็นองค์พระพรหม ณ เบื้องบรมรูปาพจรพรหมโลก ก็ไม่ไปเกิดในปัญจสุทธาวาสพรหมโลก ทั้งนี้ก็เพราะว่าพรหมโลกชั้นปัญจสุทธาวาสนี้ เป็นภูมิที่อยู่แห่งพรหมอนาคามีอริยบุคคลโดยเฉพาะ
๑๗. ไม่ไปเกิดใน อรูปพรหมโลก เลยเป็นอันขาด
๑๘. ไม่ไปเกิดในจักรวาลอื่นเลยเป็นอันขาด
อ่านจาก http://www.dmc.tv/fo...showtopic=13617
จะหมายถึงอาชีพทาสีป่าวคะ (ถามแบบซื่อๆ)
ถ้าเป็นอาชีพก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลย
แล้วทำไมถึงจัดอยู่ใน อาภัพ 18 ประการคะ
เคยเจออีกครั้งในหนังสือเล่มไหนจำไม่ได้แล้วเรื่องก็มีประมาณว่า
พระเจ้าอโศกทรงตรัสถามพระอนุชิตพระเจ้าวีตโศกที่เลื่อมใสศาสนาพุทธ
และกำลังออกบวชว่า อาหารที่ได้ ก็มาจากนางทาสีบ้าง พวกจัณฑาณบ้าง เจ้าจะกินได้หรือ
(ประมาณนี้นะ จำไม่ได้ทุกคำ)
ก็เลยสงสัยคะ
ความอาภัพ ๑๘ ประการ มีดังนี้
๑. ไม่เป็นคนมีจักษุบอดมาแต่กำเนิด
๒. ไม่เป็นคนหูหนวกมาแต่กำเนิด
๓. ไม่เป็นคนบ้า
๔. ไม่เป็นคนง่อยเปลี้ย
๕. ไม่เป็นคนใบ้
๖. ไม่เกิดในประเทศป่าเถื่อน
๗. ไม่เกิดในท้อง "แห่งนางทาสี "
๘. ไม่เป็นคนมีความเห็นผิดเป็นนิยตมิจฉาทิฐิ
๙. ไม่เป็นสตรีเพศ
๑๐. ไม่ประกอบกรรมอันเป็นอนันตริยกรรม
๑๑. ไม่เป็นคนมีโรคเรื้อน
๑๒. เมื่อไปเกิดในกำเนิดแห่งสัตว์เดียรฉาน ย่อมเป็นสัตว์ที่จัดอยู่ในประเภทมีกายไม่เล็กกว่านกกระจาบ และมีกายไม่ใหญ่กว่าช้าง
๑๓. ไม่ไปเกิดในกำเนิดแห่งขุปปิปาสิกเปรต นิชฌามตัณหิกเปรต แลกาลกัญชิกาสุรกาย
๑๔. ไม่ไปเกิดในอเวจีมหานรก และโลกันตนรก
๑๕. เมื่อไปเกิดเป็นเทวดาในกามาวจรสวรรค์ คือสวรรคเทวโลก ๖ ชั้น ก็ไม่เกิดเป็นเทวดาซึ่งนับเนื่องเข้าในเทวดาจำพวกหมู่มาร
๑๖. เมื่อเกิดเป็นองค์พระพรหม ณ เบื้องบรมรูปาพจรพรหมโลก ก็ไม่ไปเกิดในปัญจสุทธาวาสพรหมโลก ทั้งนี้ก็เพราะว่าพรหมโลกชั้นปัญจสุทธาวาสนี้ เป็นภูมิที่อยู่แห่งพรหมอนาคามีอริยบุคคลโดยเฉพาะ
๑๗. ไม่ไปเกิดใน อรูปพรหมโลก เลยเป็นอันขาด
๑๘. ไม่ไปเกิดในจักรวาลอื่นเลยเป็นอันขาด
อ่านจาก http://www.dmc.tv/fo...showtopic=13617
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
ทำดีได้กับตัว ทำชั่วไม่ได้ดี
ทำดีได้กับตัว ทำชั่วไม่ได้ดี
#5
โพสต์เมื่อ 21 September 2008 - 10:19 PM
โถ โถ โถ เล่นเอาเรางงซะ
นางทาสี คือ ทาสที่เป็นผู้หญิงครับ
ในเรื่องคือ การเกิดจากการที่มีแม่ที่เป็นทาสในเรือนนั้นๆเป็นความอาภัพสุดๆประการหนึ่ง เพราะทำให้ไม่สามารถมีสิทธิ์ใดๆได้ เกิดมาปุ๊บก็เป็นทาสปั๊บ ทางไทย จะเรียกทาสในเรือนเบี้ย ตกเป็นสมบัติของเจ้าของทาสโดยตรง ไม่สามารถเป็นไทแก่ตัวได้ถ้าผู้เป็นนายไม่ประกาศให้สาธารณะชนรับรู้ ไม่สามารถรับราชการได้ ใช้ทรัพย์ไถ่ตัวเองไม่ได้ จะฆ่าจะแกงจะย่ำยียังไงก็ได้เพราะถือว่าเป็นของสิ่งหนึ่งของนายทาสเท่านั้นไม่ผิดกฏหมาย
คนเป็นแม่(ทาส)อาจจะหาทรัพย์มาไถ่ตัวได้ ถ้านายทาสไม่ยอมก็สามารถฟ้องร้องได้ แต่ตัวลูกที่เกิดจากนางทาสถ้านายทาสไม่ยอม ใครๆก็ไม่สามารถช่วยให้พ้นจากการเป็นทาสได้ อาภัพไหมล่ะครับ
ใครที่โกงกินบ้านเมือง กินป่า กินภูเขา กินทะเล คดโกงเอารัดเอาเปรียบ คอรัปชั่น ระวังไว้เถอะ การเกิดเป็นทาสนั้นเป็นแค่เศษกรรมระดับปลายๆเท่านั้น จากนรกซ้ำซ้อน เป็นเปรต เป็นอสูรกาย เป็นเดรัจฉานชั้นต่ำอาศัยกินสิ่งปฏิกูล เป็นเดรัจฉานให้เขาเลี้ยงฆ่ากิน เป็นเดรัจฉานใช้แรงงาน เป็นเดรัจฉานไม่มีคนเลี้ยง เป็นทาสในเรือน เป็นทาสแรงงาน เป็นคนไม่มีแผ่นดินจะอยู่ด้วยเหตุต่างๆ เป็นคนเข็ญใจ เป็นคนรับใช้ เป็นลูกจ้างลูกน้อง ถ้าไม่มีกรรมซ้ำเข้ามาอีกค่อยเกิดเป็นคนธรรมดามีเวลาหายใจได้นึกถึงบุญถึงกุศลกันบ้าง
แต่ไม่ต้องตกใจไป แค่บูชาบุคคลที่ควรบูชาด้วยสิ่งที่มีค่าสูงสุดในยุคนั้นๆก็ตัดวิบากกันได้โขอยู่ มามุขนี้รู้ใช่ไหมว่าผมชวนทำอะไร เหอ เหอ
อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
นางทาสี คือ ทาสที่เป็นผู้หญิงครับ
ในเรื่องคือ การเกิดจากการที่มีแม่ที่เป็นทาสในเรือนนั้นๆเป็นความอาภัพสุดๆประการหนึ่ง เพราะทำให้ไม่สามารถมีสิทธิ์ใดๆได้ เกิดมาปุ๊บก็เป็นทาสปั๊บ ทางไทย จะเรียกทาสในเรือนเบี้ย ตกเป็นสมบัติของเจ้าของทาสโดยตรง ไม่สามารถเป็นไทแก่ตัวได้ถ้าผู้เป็นนายไม่ประกาศให้สาธารณะชนรับรู้ ไม่สามารถรับราชการได้ ใช้ทรัพย์ไถ่ตัวเองไม่ได้ จะฆ่าจะแกงจะย่ำยียังไงก็ได้เพราะถือว่าเป็นของสิ่งหนึ่งของนายทาสเท่านั้นไม่ผิดกฏหมาย
คนเป็นแม่(ทาส)อาจจะหาทรัพย์มาไถ่ตัวได้ ถ้านายทาสไม่ยอมก็สามารถฟ้องร้องได้ แต่ตัวลูกที่เกิดจากนางทาสถ้านายทาสไม่ยอม ใครๆก็ไม่สามารถช่วยให้พ้นจากการเป็นทาสได้ อาภัพไหมล่ะครับ
ใครที่โกงกินบ้านเมือง กินป่า กินภูเขา กินทะเล คดโกงเอารัดเอาเปรียบ คอรัปชั่น ระวังไว้เถอะ การเกิดเป็นทาสนั้นเป็นแค่เศษกรรมระดับปลายๆเท่านั้น จากนรกซ้ำซ้อน เป็นเปรต เป็นอสูรกาย เป็นเดรัจฉานชั้นต่ำอาศัยกินสิ่งปฏิกูล เป็นเดรัจฉานให้เขาเลี้ยงฆ่ากิน เป็นเดรัจฉานใช้แรงงาน เป็นเดรัจฉานไม่มีคนเลี้ยง เป็นทาสในเรือน เป็นทาสแรงงาน เป็นคนไม่มีแผ่นดินจะอยู่ด้วยเหตุต่างๆ เป็นคนเข็ญใจ เป็นคนรับใช้ เป็นลูกจ้างลูกน้อง ถ้าไม่มีกรรมซ้ำเข้ามาอีกค่อยเกิดเป็นคนธรรมดามีเวลาหายใจได้นึกถึงบุญถึงกุศลกันบ้าง
แต่ไม่ต้องตกใจไป แค่บูชาบุคคลที่ควรบูชาด้วยสิ่งที่มีค่าสูงสุดในยุคนั้นๆก็ตัดวิบากกันได้โขอยู่ มามุขนี้รู้ใช่ไหมว่าผมชวนทำอะไร เหอ เหอ
อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ .....
ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน .....
ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ .....
อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ
#6
โพสต์เมื่อ 23 September 2008 - 01:10 PM
สาธุ คับ