พระพุทธศาสนาไม่สอนให้คนขวนขวาย จริงหรือ
เริ่มโดย VCO, Apr 13 2006 11:18 AM
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#1
โพสต์เมื่อ 13 April 2006 - 11:18 AM
เคยมีเพื่อนถามว่า พระพุทธศาสนา ไม่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพราะว่า พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้คนขวนขวาย กระตือรือร้น ทำงานให้ก้าวหน้า มีแต่สอนให้ละทิ้งสิ่งต่าง ๆ จะตอบเขาว่าอย่างไรดี
#2
โพสต์เมื่อ 13 April 2006 - 11:43 AM
พี่ตอบเขาไปเลยนะครับว่า พระพุทธศาสนาไม่สอนให้คนขวนขวายในการทำความชั่ว หากแต่สอนให้คนขวนขวายในการสั่งสมคุณความดีด้วยการ "ละชั่ว ทำดี และทำจิตใจให้ผ่องใส" ตามหลักอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา คือ "โอวาทปาฏิโมกข์" ครับ
ถ้าเขาพูดเช่นนี้ พี่ต้องถามเขาว่า เขารู้จักอิทธิบาท ๔ คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา อันเป็นหัวใจหลักในการทำงานให้สำเร็จลุล่วงและก้าวหน้าหรือเปล่า?
QUOTE
พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้คนขวนขวาย กระตือรือร้น ทำงานให้ก้าวหน้า
ถ้าเขาพูดเช่นนี้ พี่ต้องถามเขาว่า เขารู้จักอิทธิบาท ๔ คือ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา อันเป็นหัวใจหลักในการทำงานให้สำเร็จลุล่วงและก้าวหน้าหรือเปล่า?
#3
โพสต์เมื่อ 13 April 2006 - 01:05 PM
คือเขาถามในทำนองที่ว่า พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้คนเป็นคนที่อยากจะเจริญก้าวหน้าในทางการงาน ทะเยอทะยาน ขยันทำมาหากิน หนะค่ะ สอนให้เป็นคนขี้เกียจ เช้าชามเย็นชาม เอื่อย ๆ เฉี่อย ๆ ละทิ้งตนเองไปอยู่คนเดียว ไม่เข้าสังคมอะไรทำนองนี้ด้วยค่ะ
นอกจากอิทธิบาทสี่แล้วมีอะไรที่จะช่วยทำให้แจ้งเรื่อง การไม่เข้าสังคม อะไรทำนองนี้อีกบ้างค่ะ
นอกจากอิทธิบาทสี่แล้วมีอะไรที่จะช่วยทำให้แจ้งเรื่อง การไม่เข้าสังคม อะไรทำนองนี้อีกบ้างค่ะ
#4
โพสต์เมื่อ 13 April 2006 - 01:52 PM
QUOTE
เคยมีเพื่อนถามว่า พระพุทธศาสนา ไม่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพราะว่า พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้คนขวนขวาย กระตือรือร้น ทำงานให้ก้าวหน้า มีแต่สอนให้ละทิ้งสิ่งต่าง ๆ จะตอบเขาว่าอย่างไรดี
ตอบ ไม่ให้ขวนขวาย คือการไม่ขวนขวายหาสิ่งที่เกิดกิเลส สิ่งที่ไม่ดี สิ่งที่ขวนขวายแล้วมีโทษ มีทุกข์ เป็นไปเพื่อความมักมาก ไม่รู้จักพอ พุทธศาสนาไม่สอนให้ขวนขวาย
แต่ การขวนขวายที่ขวนขวายแล้ว เป็นประโยชน์ในทางที่ดี เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ เป็นไปเพื่อความไม่ยึดมั่นถือมั่น เป็นไปเพื่อให้กิเลสต่างๆนานบรรเทาลงระงับลงดับลง อย่างนี้เราควรขวนขวาย _/\_
***********************************************************
ใ ค ร ช อ บ. . .ใ ค ร ชั ง. . .ช่ า ง เ ถิ ด
ใ ค ร เ ชิ ด. . .ใ ค ร ชู. . .ช่ า ง เ ข า
ใ ค ร เ บื่ อ. . .ใ ค ร บ่ น. . .ท น เ อ า
ใ จ เ ร า. . .ร่ ม เ ย็ น. . .เ ป็ น พ อ
. . .|2@|<_|3( )( )|\| @ |-|()T/\/\@I|_.C()/\/\. . .
ใ ค ร เ ชิ ด. . .ใ ค ร ชู. . .ช่ า ง เ ข า
ใ ค ร เ บื่ อ. . .ใ ค ร บ่ น. . .ท น เ อ า
ใ จ เ ร า. . .ร่ ม เ ย็ น. . .เ ป็ น พ อ
. . .|2@|<_|3( )( )|\| @ |-|()T/\/\@I|_.C()/\/\. . .
#5
โพสต์เมื่อ 13 April 2006 - 07:25 PM
เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องครับ คนที่คิดเช่นนี้คือคนที่ยังไม่มีความเข้าใจพุทธศาสนาแท้จริง น่าจะเป็นชาวพุทธแต่เพียงทะเบียนบ้าน น่าสงสารนะครับ
ไม่ว่าจะทำงานการอะไร ตั้งแต่วานเล็กๆ น้อย ไปจนถึงบริหารประเทศ ก็สามารถใช้หลักธรรมในพระพุทธศาสนาเป็นแนวทาง เพื่อให้เกิดความเจริญทั้งทางวัตถุและจิตใจ ผมว่าหลายคนเข้าใจผิดคำว่าสมถะ ผมว่าสมถะไม่ใด้หมายความว่าไม่ขวนขวาย เราควรขวนขวายโดยไม่เบียดเบียน ไม่โลภในสิ่งที่ไม่สมควร และไม่หลงมัวเมาในผลประโยชน์
ผมจำได้ว่าหลวงพ่อก็เคยพูดถึงประเด็นนี้ ใครพอจำรายละเอียดได้ ช่วยเล่าอีกครั้งก็ดีครับ
ไม่ว่าจะทำงานการอะไร ตั้งแต่วานเล็กๆ น้อย ไปจนถึงบริหารประเทศ ก็สามารถใช้หลักธรรมในพระพุทธศาสนาเป็นแนวทาง เพื่อให้เกิดความเจริญทั้งทางวัตถุและจิตใจ ผมว่าหลายคนเข้าใจผิดคำว่าสมถะ ผมว่าสมถะไม่ใด้หมายความว่าไม่ขวนขวาย เราควรขวนขวายโดยไม่เบียดเบียน ไม่โลภในสิ่งที่ไม่สมควร และไม่หลงมัวเมาในผลประโยชน์
ผมจำได้ว่าหลวงพ่อก็เคยพูดถึงประเด็นนี้ ใครพอจำรายละเอียดได้ ช่วยเล่าอีกครั้งก็ดีครับ
#6
โพสต์เมื่อ 13 April 2006 - 09:13 PM
QUOTE
เคยมีเพื่อนถามว่า พระพุทธศาสนา ไม่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพราะว่า พระพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้คนขวนขวาย กระตือรือร้น ทำงานให้ก้าวหน้า มีแต่สอนให้ละทิ้งสิ่งต่าง ๆ จะตอบเขาว่าอย่างไรดี
ผมเคยตั้งกระทู้เรื่องผลบุญในปัจจุบันและมี พี่หลายคนมาตอบให้ เรื่องความพยายาม แม้ว่าคนเราจะมีผลบุญในปัจจุบันน้อย
ไม่รองรับทรัพย์สมบัติแต่ถ้ามีความพยายามก็สามารถเราชนะคนที่มีวาสนาบารมีกว่าได้
ดังนั้นการกล่าวว่าพระพุทธศาสนาไม่เหมาะสมกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน เพราะว่า ไม่ได้สอนให้คนขวนขวายกระตือรือร้น
ทำงานให้ก้าวหน้า มีแต่สอนให้ละทิ้งสิ่งต่าง ๆ นั้น จึงเป็นการผิด เพราะการความพยายามขวนขวายสร้างบารมีนั้น ถ้าไม่กระตือรือร้น
และมีไม่ความพยายามแล้วย่อมทำไม่สำเร็จ จะได้อะไรแต่ละอย่างต้อง มีผลบุญประกอบด้วย ดังนั้นการสอนให้ละทิ้งสิ่งต่าง ๆ จึง
ไม่จริง แต่ถ้าเขาเข้าใจผิดว่าเรานำสิ่งต่าง ๆ ไปทำทานนั้นคือการละทิ้งก็ควรแก้ไขให้เข้าใจถูกต้องด้วย
#7
โพสต์เมื่อ 13 April 2006 - 09:22 PM
ผมก็เคยเข้าใจในทำนองนั้นเหมือนกันครับ เป็นคำถามที่ผมเคยถามหลวงพี่ฐานะเหมือนกันครับ
อย่านี้ ชวนเข้าวัดมาบวชเลยครับ คนที่ถามแบบนี้ ผมว่าเป็นคนฉลาดถามนะครับ แสดงเขามีพื้นฐานบางอย่างในพุทธศาสนาแต่ยังไม่ถูกต้อง ต้องพามาพิสูจน์ด้วยตัวเขาเองครับ อธิบายไม่ฟังหรอกครับ ต้องพามาเจอหลวงพี่ที่วัดฯ มาปุจฉาวิปัสสนาสักครั้ง
แต่ถ้าอยากค้นหาด้วยตัวเอง เพื่อตอบสำหรับตัวเอง ผมแนะนำเทปดี ๆ ของหลวงพี่ฐานะ (พระมหา ดร. สมชาย ฐานวุฑโฒ) "หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข" เกี่ยวกับอิทธิบาทสี่ ตามlink นี้ครับ
http://www.kalyanami...?Catid=7&PgNo=2
อย่านี้ ชวนเข้าวัดมาบวชเลยครับ คนที่ถามแบบนี้ ผมว่าเป็นคนฉลาดถามนะครับ แสดงเขามีพื้นฐานบางอย่างในพุทธศาสนาแต่ยังไม่ถูกต้อง ต้องพามาพิสูจน์ด้วยตัวเขาเองครับ อธิบายไม่ฟังหรอกครับ ต้องพามาเจอหลวงพี่ที่วัดฯ มาปุจฉาวิปัสสนาสักครั้ง
แต่ถ้าอยากค้นหาด้วยตัวเอง เพื่อตอบสำหรับตัวเอง ผมแนะนำเทปดี ๆ ของหลวงพี่ฐานะ (พระมหา ดร. สมชาย ฐานวุฑโฒ) "หลักธรรมที่ทำให้ชีวิตมีความสุข" เกี่ยวกับอิทธิบาทสี่ ตามlink นี้ครับ
http://www.kalyanami...?Catid=7&PgNo=2
อย่าให้อุปสรรคใด ๆ มาขัดขวางในชีวิตการสร้างบารมี และ
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา
โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา
โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
#8
โพสต์เมื่อ 14 April 2006 - 12:53 AM
ปุถุชนขยันสร้างเรือน ด้วยตัณหา คือ เครื่องผูกให้เกิดภพชาติ
พระอริยเจ้าขยันสร้างอริยทรัพย์ให้เจริญ ขยันรื้อเรือน(อวิชชา) ขยันตัดภพชาติ ขยันกำจัดกิเลสตัณหา
แต่เบื่อหน่ายและไม่ขวนขวายในการก่อภพก่อชาติครับ
พระอริยเจ้าขยันสร้างอริยทรัพย์ให้เจริญ ขยันรื้อเรือน(อวิชชา) ขยันตัดภพชาติ ขยันกำจัดกิเลสตัณหา
แต่เบื่อหน่ายและไม่ขวนขวายในการก่อภพก่อชาติครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน
#9
โพสต์เมื่อ 14 April 2006 - 05:33 AM
เพราะเพื่อนคนนั้นยังไม่รู้จักวัดพระธรรมกายนะสิครับ หุหุ
ลองพามาเป็นอาสาสมัครงานบุญใหญ่ซักรอบ รับรองจะติดใจ
เช้าตรู่จรดมือค่ำ วิ่งกันขาขวิดเลยละครับ
ลองพามาเป็นอาสาสมัครงานบุญใหญ่ซักรอบ รับรองจะติดใจ
เช้าตรู่จรดมือค่ำ วิ่งกันขาขวิดเลยละครับ
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)
#10
โพสต์เมื่อ 14 April 2006 - 09:10 PM
รู้จักพอ ก่อสุขทุกสถาน..แต่ต้องมีความเพียรความพยายามทำให้ดีที่สุดต่อไป
#11
โพสต์เมื่อ 17 April 2006 - 05:21 PM
อ๋อ ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะว่า นักวิชาการศาสนาบางกลุ่มไม่ได้สอนศาสนาแบบพระพุทธเจ้าน่ะครับ คือ พระพุทธเจ้า ท่านสอนศาสนาแบบลุ่มลึกไปตามลำดับ จากเบื้องต้นไปหาลึกซึ้ง แต่นักวิชาการบางกลุ่ม มาถึงก็ไปสอนแบบ ลึกซึ้งเลย คนบางส่วนที่ไปเรียนเลยไม่เข้าใจน่ะครับ ผมจำได้ว่า ตอนเด็กอยู่ชั้นประถมปีที่ 4 หลักสูตรพระพุทธศาสนาสอนอริยสัจ 4 แล้ว ผมว่า ผิดลำดับขั้นตอนของเด็กๆ อยู่มากๆ ทีเดียวครับ เด็กๆ เรียนไปก็ไม่ค่อยเข้าใจ แทนที่จะเริ่มจากหลักธรรมง่ายๆ ก่อน เช่น มงคลชีวิต เริ่มตั้งแต่ไม่คบคนพาล หลักสูตรนี้นำมาสอนพระพุทธศาสนาได้ดีมากๆ เลยล่ะครับ ตอนนี้ต้องขอชื่นชมโครงการตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้า ที่มีเด็กมาสอบ 4 ล้านคนแล้วตอนนี้ ทำให้เขาเข้าใจพระพุทธศาสนาตั้งแต่เบื้องต้นทีเดียว เขาจะไม่เกิดคำถามว่า พระพุทธศาสนาสอนไม่ให้สนใจโลก แต่เขาจะเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าพระพุทธศาสนาช่วยให้อยู่ในโลกอย่างมีความสุข เช่น บำรุงบิดามารดา สงเคราะห์ญาติ ฯลฯ แต่ถึงแม้อยู่ในโลกอย่างมีความสุขก็ยังไม่พ้นทุกข์อย่างแท้จริง แล้วก็มีหลักธรรมให้นำไปสู่การพ้นทุกข์อย่างแท้จริงได้ คือ การบวช เพื่อพ้นโลก เป็นต้น ถ้าอย่างนี้เขาจะเข้าใจครับ
เหมือน ลูกเสือ 2 คน คนหนึ่งได้รับการสอนจากครูในวิชาเดินทางไกลว่า ตอนเริ่มต้น ต้องศึกษาเส้นทาง ต้องสั่งสมเสบียงให้เพียงพอกับการเดินทาง แต่พอไปไกล้จะถึงแล้ว ให้รีบทิ้งเสบียงทั้งหมด แล้วรีบวิ่งเข้าเส้นชัย พอเขาฟังครูพูดอย่างนี้ เขาก็เข้าใจว่า เขาจะต้องทำตัวอย่างไร เวลาอยู่กลางทาง พออยู่ปลายทาง เขาจะต้องทำตัวอย่างไร
แต่ลูกเสือคนที่ 2 ได้รับการสอนจากครูอีกคนหนึ่งในวิชาเดินทางไกลว่า พอออกเดินทาง ให้ทิ้งทุกอย่างวิ่งเข้าเส้นชัยไปเลย เขาย่อมไม่เข้าใจว่า ทำไมครูสอนแบบนี้ ทำไมสอนให้ทิ้งโลก แล้วถ้าเหนื่อยตายก่อน มันจะไปถึงเส้นชัยได้อย่างไร
นี่แหละครับ เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ เพราะฉะนั้น ขอแนะนำ ให้น้อง และเพื่อนไปศึกษามงคลชีวิตนะครับ จะสอนตั้งแต่การมีชีวิตอยู่ในโลกอย่างมีความสุข และพอมีกำลังใจเข้มแข็งอยากพ้นทุกข์อย่างแท้จริง ก็มีคำสอนให้พ้นโลกด้วยครับ เรียกว่า ครอบคลุมทุกระดับเลยทีเดียว
เหมือน ลูกเสือ 2 คน คนหนึ่งได้รับการสอนจากครูในวิชาเดินทางไกลว่า ตอนเริ่มต้น ต้องศึกษาเส้นทาง ต้องสั่งสมเสบียงให้เพียงพอกับการเดินทาง แต่พอไปไกล้จะถึงแล้ว ให้รีบทิ้งเสบียงทั้งหมด แล้วรีบวิ่งเข้าเส้นชัย พอเขาฟังครูพูดอย่างนี้ เขาก็เข้าใจว่า เขาจะต้องทำตัวอย่างไร เวลาอยู่กลางทาง พออยู่ปลายทาง เขาจะต้องทำตัวอย่างไร
แต่ลูกเสือคนที่ 2 ได้รับการสอนจากครูอีกคนหนึ่งในวิชาเดินทางไกลว่า พอออกเดินทาง ให้ทิ้งทุกอย่างวิ่งเข้าเส้นชัยไปเลย เขาย่อมไม่เข้าใจว่า ทำไมครูสอนแบบนี้ ทำไมสอนให้ทิ้งโลก แล้วถ้าเหนื่อยตายก่อน มันจะไปถึงเส้นชัยได้อย่างไร
นี่แหละครับ เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละ เพราะฉะนั้น ขอแนะนำ ให้น้อง และเพื่อนไปศึกษามงคลชีวิตนะครับ จะสอนตั้งแต่การมีชีวิตอยู่ในโลกอย่างมีความสุข และพอมีกำลังใจเข้มแข็งอยากพ้นทุกข์อย่างแท้จริง ก็มีคำสอนให้พ้นโลกด้วยครับ เรียกว่า ครอบคลุมทุกระดับเลยทีเดียว
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร
#12
โพสต์เมื่อ 14 February 2007 - 10:15 AM
ปีนี้มีสอบ World Pec น่าอนุโมทนาสาธุการมากครับ