ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

2548-09-03: น้ำมันพรายหมดอายุ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 February 2006 - 03:13 PM

ย่อเรื่อง น้ำมันพรายหมดอายุ (3 กันยายน 2548)

เจ้าของเคสเป็นหญิงชาวมาเลเซียเชื้อสายไทย พูดภาษาไทยไม่ได้ เข้าวัดเมื่อปี 2543

แม่ของเจ้าของเคส มีสามี 2 คน สามีคนแรกคือพ่อของเจ้าของเคส เจ้าของเคสเป็นลูกคนที่2 ในจำนวน 3 คน ฐานะครอบครัวลำบากมาก เพราะอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลมาเลเซียแบ่งให้ประชาชนอยู่กันเป็นค่าย

พ่อของเจ้าของเคสป่วยเป็นวัณโรค และเสียชีวิตเมื่ออายุ 30 ปี ทำให้ผู้ชายในค่ายหลายคนมาก่อกวนแม่ บางครั้งถูกฉุดแม่ไปเพื่อจะขืนใจ แต่แม่หนีเอาตัวรอดมาได้ แม่เหนื่อยใจมาก จึงตัดสินใจแต่งงานกับสามีคนที่ 2 และมีลูกชายกับพ่อเลี้ยงอีก 2 คน

แม่มีจิตใจที่ดีงามมาก ชอบทำบุญ สร้างศาสนสถานถวายวัดไทยในมาเลเซียเสมอ พี่สาวของเจ้าของเคสตั้งครรภ์ขณะอายุ 18 ปี มีปัญหาคลอดยาก เพราะเด็กไม่กลับหัว จนเด็กตายในท้อง อีกทั้งพี่สาวก็เสียชีวิตหลังคลอด ทำให้แม่เสียใจมากจึงเริ่มดื่มเหล้าจนเมาทุกวัน ท่านดื่มจนถึงปี 2529 (ขณะนั้นท่านอายุ 63 ปี)

ลูกชายคนที่ 1 ของพ่อเลี้ยง อายุ 28 ปี เป็นโรคไหลตายขณะทำงานที่ประเทศสิงคโปร์ 3 ปีถัดมา (พ.ศ. 2532) ลูกชายคนที่ 2 ที่เกิดกับพ่อเลี้ยงป่วยเป็นไข้ตายเฉียบพลัน ขณะอายุ 28 ปีเท่ากับพี่ชายที่ตายไป ทำให้แม่และพ่อเลี้ยงเสียใจมาก ยิ่งชวนกันดื่มเหล้าหนักกว่าเดิมจนเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง เจ้าของเคสสงสารแต่ขาดปัญญา จึงดูแลท่านทั้งสองโดยจัดหาเหล้ามาให้ เวลาแม่เมาแล้วไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ต้องคอยป้อนอาหารให้ ส่วนพ่อเลี้ยงเวลาอยากเหล้ามากๆ จะตัวสั่น ต้องดื่มเหล้าจึงจะหายสั่น พ่อเลี้ยงเสียชีวิตด้วยโรคพิษสุราเรื้อรังเมื่ออายุได้ 88 ปี ปีต่อมาแม่ก็เสียชีวิตด้วยโรคเดียวกัน ขณะอายุ 73 ปี

เจ้าของเคสลำบากตั้งแต่เด็ก เรียนจบชั้นป. 2 เพราะต้องแม่ทำงานบ้านและดูแลน้อง ๆ 3 คนคือ ลูกชายเกิดกับพ่อเลี้ยง 2 คน และลูกสาวของน้องสาวพ่อเลี้ยงอีก 1 คน น้องสาวของพ่อเลี้ยงทะเลาะกับสามี ได้ทิ้งลูกที่เพิ่งคลอดไว้ที่โรงพยาบาล พ่อเลี้ยงจึงนำมาให้อยู่ด้วยกัน

เมื่อเจ้าของเคสอายุ 18 ปี แม่ พ่อเลี้ยง และญาติๆ ให้เจ้าของเคสแต่งงานกับฝ่ายชายที่เป็นญาติ (อายุ 20 ปี) ตามประเพณีชาวมาเลเซีย โดยทั้งสองไม่เต็มใจ ทำให้ทนอยู่กัน 5 เดือน ต่อมาตกลงใจแยกทางกัน หลังจากนั้นมีผู้ชายหลายคนมาชอบพอ มีคนหนึ่งอายุ 23 ปี ที่ชอบพอเจ้าของเคสจนออกนอกหน้านอกตา วันหนึ่งขณะไปเที่ยวงานวัด ตัวเจ้าของเคสไปเบียดกับเขา ทำให้เกิดหลงรักเขาขึ้นมาทันทีทันใด จนไปอยู่กับเขาตั้งแต่คืนนั้น ทุกคนเข้าใจว่าเจ้าของเคสถูกยาเสน่ห์ แม่กับพ่อเลี้ยงปล่อยเลยตามเลย เพราะเจ้าของเคสกับเขาได้เสียกันแล้ว หลังจากนั้นเจ้าของเคสตั้งท้องได้ 2 เดือนแล้วแท้งเพราะตกต้นหมาก เมื่อเวลาผ่านไป 5 เดือน เจ้าของเคสเริ่มรู้สึกว่า ความรักต่อเขาหายไปอย่างรวดเร็ว จึงขอแยกทางและไปอยู่บ้านเดิม

เมื่อเจ้าของเคสอายุ 20 ปี ได้พบรักกับผู้ชายหมู่บ้านเดียวกันซึ่งอายุ 21 ปี คบกันไม่นาน ก็ตัดสินใจแต่งงานกัน เจ้าของเคสมารู้ภายหลังว่า สามีคนที่ 3 ชอบเที่ยว ติดเหล้า ผู้หญิง และการพนัน ทำให้เจ้าของเคสทุกข์ใจมาก สามีนำเงินไปใช้จ่ายคนเดียว ไม่เคยมาจุนเจือครอบครัว ทั้งที่มีลูกด้วยกันถึง 5 คน
ลูกชายคนที่ 3 ของเจ้าของเคสเสียชีวิตเมื่ออายุ 1 เดือนเพราะสายสะดืออักเสบ ต่อมาเจ้าของเคสพาแม่และพ่อเลี้ยงมาอยู่ด้วย เพื่อดูแลท่านยามชรา แต่สามีไม่เห็นด้วย จึงดื่มเหล้ามากขึ้น และทะเลาะกับเจ้าของเคสต่อหน้าแม่และพ่อเลี้ยง แล้วแยกทางไป หลังจากแม่และพ่อเลี้ยงเสียชีวิตแล้ว สามีกลับมาขอคืนดี เจ้าของเคสยอมคืนดีด้วยเพราะเห็นแก่ลูก

เมื่อปี 2543 ลูกสาวชวนเจ้าของเคสไปร่วมงานบุญฉลองพระมหาธรรมกายเจดีย์ครั้งที่ 1 ที่วัดพระธรรมกาย ลูกสาวเล่าเรื่องวัดให้ฟังบ่อยๆ และชวนเข้าวัด เจ้าของเคสอยากมาดูให้เห็นกับตาตัวเอง จึงตัดสินใจมาร่วมงาน ทำให้เจ้าของเคสศรัทธาในวัดมาก ได้สร้างองค์พระธรรมกายประจำตัว 2 องค์และทำบุญแผ่นลานธรรม เมื่อกลับมาถึงมาเลเซีย ก็ชวนเพื่อนๆ ญาติพี่น้อง รวมทั้งชาวบ้านจัดรถมาร่วมงานบุญใหญ่กับทางวัดทุกครั้งไม่เคยขาด แต่สามีของเจ้าของเคสไม่พอใจ พูดว่าเจ้าของเคส และกล่าวหาวัด เจ้าของเคสจึงขอแยกทางกับสามี

คำถาม-คำตอบ
1. บุพกรรมใดที่ทำให้พ่อของเจ้าของเคสเป็นวัณโรคตายด้วยวัยเพียง 30 ปี ตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่อุทิศไปให้หรือไม่
ตอบ กรรมในอดีต พ่อเกิดในสังคมเกษตรกรรม ได้ฆ่าสัตว์ทำอาหาร เลี้ยงสัตว์ไว้ฆ่าขาย และไปรมควันผึ้งให้มันหนีไป อีกทั้งบางครั้งปล่อยให้สัตว์ทรมานตากแดดตากฝน กรรมดังกล่าวทั้งหมดมารวมส่งผลให้เป็นวัณโรค ตายแล้วไปเป็นภุมเทวาระดับกายละเอียดสัมภเวสี วนเวียนอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาไปเกิดเป็นมนุษย์ จึงไม่ได้รับบุญที่อุทิศไปให้ภายหลัง

2. ทำไมแม่กับพ่อเลี้ยงจึงตายด้วยพิษสุราเรื้อรัง มีกรรมร่วมกันมาอย่างไร ท่านทั้งสองตายแล้วไปไหน ได้รับบุญสร้างองค์พระหรือไม่
ตอบ แม่กับพ่อเลี้ยงหาทางออกของชีวิตอย่างผิดวิธี จึงตายด้วยโรคพิษสุราเรื้อรัง ตายแล้วทั้งคู่ไปอยู่ยมโลกด้วยกรรมดื่มสุรา ที่ไม่ได้ไปมหานรกเพราะบุญที่ทำตามประเพณีในพุทธศาสนาอยู่บ้างได้ตามมาอุ้มไว้ก่อน กำลังถูกเจ้าหน้าที่กรอกน้ำทองแดงอยู่อย่างทุกข์ทรมาน ต้องรีบทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ท่านมากๆ โดยด่วน และบ่อยๆ ตอนนี้ท่านได้รับบุญที่สร้างองค์พระไปให้แล้ว แต่ยังไม่พ้นกรรม ได้แค่รับลดหย่อนผ่อนโทษลงมา ให้เร่งทำบุญอุทิศไปให้ท่านอีก โดยเฉพาะเจ้าของเคสต้องปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกายในตัว กำลังบุญจึงจะแรง ไปตัดวิบากกรรม อุ้มท่านขึ้นมาอีกระดับหนึ่งได้

3. บุพกรรมใดที่ทำให้พี่สาวของเจ้าของเคสต้องมาตายเพราะการคลอดลูก เธอตายแล้วไปไหน ได้รับบุญอุทิศไปให้หรือไม่
ตอบ พี่สาวของเจ้าของเคสได้ฆ่าวัวท้องแก่ในชาติที่เกิดในสังคมเกษตรกรรมตามมาส่งผล ตายแล้วไปเกิดเป็นมนุษย์แล้ว จึงไม่ได้รับบุญที่อุทิศไปให้ในภายหลัง

4. บุพกรรมใดที่ทำให้น้องชายคนที่ 1 ซึ่งเกิดจากพ่อเลี้ยงต้องเป็นโรคไหลตาย ตายแล้วไปไหน ได้รับบุญหรือไม่ อย่างไร
ตอบ ในอดีต น้องชายคนที่ 1 ที่เกิดจากพ่อเลี้ยง เป็นทหารใช้แรงงานเชลยศึกทำงานจนหมดแรงตาย วิบากกรรมนี้ตามมาส่งผล ตายแล้ววนเวียนอยู่ระยะหนึ่งเป็นเหมือนกายสัมภเวสี ต่อมาได้รับบุญที่อุทิศไปให้ ในช่วงหลังจึงได้ไปเป็นภุมเทวาระดับทั่วไป


5. บุพกรรมใดน้องชายคนที่ 2 ซึ่งเกิดจากพ่อเลี้ยงต้องมาป่วยเป็นไข้ตายเฉียบพลัน ตายแล้วไปไหน ได้รับบุญหรือไม่อย่างไร เขาทั้งสองมีบุพกรรมอะไรจึงตายตอนอายุ 28 ปีเหมือนกัน
ตอบ ในอดีต น้องชายคนที่ 2 ที่เกิดจากพ่อเลี้ยงเป็นเพื่อนทหารกับน้องชายคนที่ 1 ได้ใช้แรงงานเชลยศึกทำงานจนหมดแรงตายเหมือนกัน วิบากกรรมเดียวกันตามมาส่งผล ตายแล้วก็วนเวียนเป็นสัมภเวสีอยู่นาน ต่อมาได้รับบุญที่อุทิศส่วนกุศลไปให้ในช่วงหลัง จึงได้ไปเป็นภุมเทวาระดับทั่วไป แต่อยู่คนละที่ คนละหมู่บ้านกับน้องชายคนที่ 1

6. บุพกรรมใดเจ้าของเคสจึงต้องถูกจับแต่งงานกับสามีคนแรก ทั้งที่ไม่ได้รักกันเลย แล้วก็อยู่ด้วยกันไม่ได้
ตอบ ในอดีต เจ้าของเคสเคยอยู่ในสังคมที่นิยมคลุมถุงชนและเคยจับลูกสาวของตัวเองคลุมถุง
ชน วิบากกรรมนี้ตามมาส่งผลให้ถูกคลุมถุงชนบ้าง อีกทั้งสามีคนแรกไม่ได้สร้างบุญร่วมกันมา เมื่อหมดกรรมคลุมถุงชนจึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ถ้าหากว่าสร้างบุญร่วมกันมา แม้คลุมถุงชน ก็อยู่ด้วยกันได้

7. ทำไมลูกต้องถูกสามีคนที่ 2 ทำเสน่ห์ เป็นเสน่ห์แบบไหน จึงมีอายุการใช้งานเพียงแค่ 5 เดือน แต่ว่าบางคนโดนเสน่ห์แล้วอยู่กันตลอดชีวิต
ตอบ กรรมในอดีต สมัยเจ้าของเคสเป็นผู้ชายเคยทำเสน่ห์ผู้หญิงมาก่อน เมื่อวิบากกรรมตามมาทันจึงถูกทำบ้าง โดยเป็นเสน่ห์แบบป้ายน้ำมันพราย ส่วนที่จะอยู่ด้วยกันนานหรือไม่ ขึ้นกับกรรม มากหรือน้อยในการทำเสน่ห์ ถ้ากรรมมากก็อยู่กันนาน กรรมน้อยก็อยู่กันไม่นาน ทำให้น้ำมันพรายหมดอายุการใช้งาน มันขึ้นอยู่กับวิบากกรรมเป็นหลัก ไสยเวทย์เสริม

8. กรรมใดทำให้เจ้าของเคสตกลงมาจากต้นหมากจนแท้งลูก กรรมจะเหมือนการทำแท้งหรือไม่
ตอบ กรรมในอดีต ชาติหนึ่งเป็นเด็กผู้หญิงได้เคยแกล้งแมวท้องโดยโยนให้ตกจากชานเรือนจนท้องมันกระแทกกับพื้น แต่ทั้งแม่แมวและลูกแมวไม่ตาย และอีกกรรมหนึ่ง คือ กรรมจับปลาไข่มาปรุงอาหาร สองกรรมดังกล่าวมารวมส่งผล ไม่มีกรรมเหมือนกรรมไปทำแท้งเพราะไม่มีเจตนา เจ้าของเคสตกต้นหมากจนแท้งลูก ไม่ได้เจตนาให้ลูกตาย

9. กรรมใดทำให้เจ้าของเคสมีสามีคนที่ 3 ที่ปากจัด พูดเก่ง ชอบดื่มเหล้า เจ้าชู้ เล่นการพนัน ทั้งสองเคยทำกรรมร่วมกันมาหรือไม่ อย่างไร
ตอบ ในอดีตสมัยเป็นผู้ชายชาติหนึ่ง เจ้าของเคสได้ทำกรรมกับภรรยาในชาตินั้นคล้ายกับสามีคนที่ 3 ทำกับเจ้าของเคสในชาตินี้ กรรมดังกล่าวมาส่งผล เจ้าของเคสกับสามีไม่ได้มีกรรมร่วมกัน แต่เป็นกรรมเก่าของเจ้าของเคส และเป็นกรรมใหม่ของตัวสามี

10. กรรมอะไรที่ทำให้ลูกชายคนที่ 3 ตายด้วยโรคสายสะดืออักเสบ
ตอบ ในอดีต ลูกชายคนที่ 3 ชอบฆ่าลูกสัตว์เป็นเกมกีฬาเพื่อความสนุกสนานบ้าง มาทำเป็นอาหารบ้าง ตามมาส่งผลให้ตายด้วยโรคสายสะดืออักเสบ

11. ทำไมลูกของน้องสาวพ่อเลี้ยงจึงถูกแม่ของเธอทอดทิ้ง และทำไมเจ้าของเคสจึงได้มาเลี้ยงดูเธอ ทั้งสองมีกรรมร่วมกันมาอย่างไร
ตอบ ในอดีต ลูกของน้องสาวพ่อเลี้ยงชอบทอดทิ้งลูกคล้ายกับชาตินี้ที่เธอถูกทอดทิ้ง แต่เธอมีบุญที่เคยสงเคราะห์ญาติจึงทำให้มีญาติ คือ เจ้าของเคสมารับเลี้ยงดูแลแทน แต่ไม่มีกรรมร่วมกันมา จึงเป็นบุญของเจ้าของเคสที่ได้สงเคราะห์ญาติในชาตินี้ ซึ่งส่งผลให้ภพชาติต่อไปจะมีคนมาดูแล

12. ทำไมลูกชายคนที่ 5 ไม่อยู่ในโอวาทของเจ้าของเคส
ตอบ ในอดีต บางชาติและบางครั้ง เจ้าของเคสไม่ได้ทำทานด้วยความเคารพ บางครั้งไม่อยู่ในโอวาทของบิดามารดา บางครั้งอยู่ในโอวาทของบิดามารดา กรรมดังกล่าวมาส่งผลให้ลูกบางคนเชื่อฟัง บางคนไม่เชื่อฟัง อีกทั้งลูกชายคนที่ 5 มีเชื้อดื้อติดตัวมาด้วย

13. เจ้าของเคสและลูกสาวสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร
ตอบ เจ้าของเคสและลูกสาวเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาแบบกองเสบียง

14. พระอาจารย์ 2 รูปที่ศูนย์มาเลเซียสร้างบุญมาอย่างไรจึงได้ไปรับบุญที่ต่างประเทศ และเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร
ตอบ ในพุทธันดรที่ผ่านมา พระอาจารย์ทั้ง 2 รูปได้เป็นทหารของพระราชาองค์ที่ออกบวช ได้ออกบวชตามพระราชาจนตลอดชีวิต ปฏิบัติธรรมะได้เข้าถึงพระในตัว ได้ทำหน้าที่เผยแผ่ธรรมะ อีกทั้งได้อธิษฐานจิตในชาตินั้นว่า ขอให้ได้บวชตลอดชีวิตและทำหน้าที่เผยแผ่วิชชาธรรมกายไปทั่วโลก

ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิต ตามติดไปดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ
เขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลย


#2 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 February 2006 - 02:53 AM

QUOTE
สามีคนที่ 2 ทำเสน่ห์ เป็นเสน่ห์แบบไหน จึงมีอายุการใช้งานเพียงแค่ 5 เดือน

ถึงจะไม่ใช้ไสยศาสตร์ กิเลสกามก็มีกันทุกคนอยู่แล้ว ไม่น่าทำเสน่ห์เลยครับเสียดายน้ำมันเปล่าๆ ครับ 5555

สู้เอาน้ำมันไปทอดไข่ ปาท่องโก๋ ยังจะมีประโยชน์ซะกว่า ไปทำเสน่ห์แล้วมานั่งแทะกระดูกเล่นอิ่มก็ไม่อิ่มแต่ทำไมชอบทำเสน่ห์กันจังก็ไม่รู้ครับ แปลกจริงหนอ

ตัณหายิ่งบริโภคยิ่งหิว อาหารยิ่งบริโภคยิ่งอิ่มจุก ธรรมโอสถยิ่งบริโภคยิ่งอิ่มทิพย์
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#3 gioia

gioia
  • Members
  • 593 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 February 2006 - 03:42 AM


สาธุค่ะ



#4 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 25 February 2006 - 09:54 PM

Thank you and Sathu kah!
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง

#5 **เซียนพระ**

**เซียนพระ**
  • Guests

โพสต์เมื่อ 28 July 2006 - 01:42 AM

วงการไสยศาสตร์และเครื่องลางของขลังได้กลับเข้ามามีบทบาทในสังคมคนฮ่องกงมานับหลายสิบปี
เนื่องจากชนชาวฮ่องกงมีความเชื่อเรื่องราวความลี้ลับเรื่องเทพเทวดาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
..การเข้ามาแสวงหาความศักสิทธิ์..เครื่องลางของขลัง อาจารย์สักยันต์
ได้ทวีจำนวนมากขึ้น จากจำนวนพันเป็นหมื่น จากหมื่นเป็นแสน
จนปัจจุบันมีจำนวนนับไม่ถ้วน
จนหนังสือพิมพ์ฮ่องกงฉบับหนึ่งได้สำรวจความนิยมจากประชาชนชาวฮ่องกงที่มีความสนใจในเรื่องไสยศาสตร์จำนวน1แสนคนทั่วเกาะฮ่องกง
ผลปรากฎว่าเป็นที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจนรายการสารคดีหลายๆรายการมุ่งเข้าสู่เมืองไทยเพื่อทำสารคดีเผยแพร่เรื่องราวพระเกจิอาจารย์..และอาจารย์ฆราวาสที่มีชื่อเสียงที่เป็นที่นิยม
ซึ่งข้อมูลดังกล่าวเป็นความเชื่อของคนฮ่องกงนะครับ
มิสามารถเอามาตัดสินความนิยมชมชอบและความศรัทธาในเมืองไทยได้
ส่วนตัวแล้วเคยอาศัยอยู่ในฮ่องกงมาหลายสิบปีเปิดธุรกิจพระเครื่องอยู่ที่นั่น
คนที่นั่นจะมีความศรัทธาสูงมาก
ถ้าพระรูปไหนเก่งจริง..ช่วยเขาได้จริงก็จะศรัทธามาก
ยอมถวายเงินบริจาคทีหลายแสนหลายล้านบาท ซึ่งต่างจากกับบ้านเรามากไม่เดือดร้อน
ไม่สบายใจแล้วค่อยเข้าวัด ทำบุญหนึ่งร้อยขอไปหนึ่งล้าน
ประเภทข้อให้ถูกรางวัลที่หนึ่งอะไรประมาณนั้น
มาลองดูกันกับข้อมูลที่ผมแปลมาจากภาษาจีนกลาง
คำบางคำอาจเป็นไปตามความคิดของคนทางโน้น อาจจะขัดใจกับความคิดเราบ้าง
ก็เป็นกลางไว้ละครับ ฟังหูไว้หู

พระเกจิอาจารย์ผู้เรืองวิชาและอาจารย์ฆราวาสผู้ที่ได้รับความนิยมจากจำนวนผู้ที่ลงความเห็นจำนวนหนึ่งแสนคน
รับความเห็นทางไปรษณีย์ ชิงรางวัลพระเครื่อง พระสมเด็จวัดระฆังรุ่น100ปี
จากประเทศไทย พร้อมของที่ระลึกจากประเทศไทยมากมาย
ผู้ได้รับความนิยมได้แก่
1. หลวงหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ วัดบ้านไร่ โคราช
พระเกจิอาจารย์อันดับหนึ่งของเมืองไทยและชาวฮ่องกง
มีผู้ลงคะแนนเสียงมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า
พระเครื่องของท่านประเภทเหรียญเป็นที่นิยมมาก
ไม่ว่าเหรียญรุ่นอะไรก็ตามได้รับความชื่นชอบทุกรุ่น โดยเฉพาะรุ่นกูให้มึงรวย
เป็นที่นิยมกันเป็นอันดับหนึ่งเพราะชื่อที่เป็นมงคลและประสบการณ์ที่ผู้สวมใส่บูชาต่างร่ำรวยกันทั่วหน้า
ใครที่ได้ไปไหว้ท่านหรือให้ท่านตีหัวสักครั้งกลับมามักหมดทุกข์หมดเคราะห์
ทำมาค้าขึ้น
จึงทำให้แรงศรัทธาของชนชาวฮ่องกงที่มีต่อหลวงพ่อคูณมากมายจนได้อันดับหนึ่ง
2. หลวงพ่อทิม วัดพระขาว อยุธยา
พระเกจิอาจารย์ผู้เป็นจุดศูนย์รวมของแรงศรัทธาของชนชาวนับถือศาสนาพุทธอีกท่านหนึ่ง
พระเครื่องของท่านได้รับความนิยมไม่แพ้เครื่องลางของท่านเลย
โดยเฉพาะลูกอมชานหมาก
เป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากมีประสบการณ์ด้านแคล้วคลาดเป็นอย่างดี
หลายๆท่านที่มีไว้บูชาต่างเล่าประสบการณ์กันมาอย่างมากมาย..มีผู้เขียนมาเล่าให้ฟังว่า
เธอชื่ออาหลิง
ได้บูชาลูกอมชานหมากมาจากเพื่อนชาวไทยบูชาอยู่ตลอดเวลาจนวันหนึ่งโดยสารเรือข้ามฝังเกิดเรือโดยสารชนกันเป็นข่าวดังทั่วเกาะฮ่องกงมีผู้คนตายนับสิบ
ตัวเองกลับรอดอย่างปฏิหารย์ จึงเก็บไว้บูชาเป็นอย่างดีตลอด
3. หลวงพ่อเปิ่น วัดบางพระ นครปฐม สุดยอดพระเกจิอาจารย์ทางด้านสักยันต์
มีสารคดีมากมายที่นำเสนอเรื่องราวของท่านในฮ่องกง
จนท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากในสมัยสิบปีก่อน
ใครๆถ้าเป็นคนชอบสะสมพระเครื่องเอาไว้บูชา
ถ้าพูดถึงหลวงพ่อเปิ่นละก็รู้จักทุกคน
แม้ตัวท่านได้จากชนชาวพุทธไปแล้วแต่แรงศรัทธาของท่านก็ยังไม่เสื่อมคลายจนขึ้นมาเป็นอันดับ3
4.อาจารย์เสือ แห่งศูนย์พระเครื่องเจ้าสัวตลองถม
อาจารย์ฆราวาสเพียงท่านเดียวที่ติดอันดับความนิยมของชนชาวฮ่องกง
เป็นอาจารย์ที่มีความเก่งกาจหลายด้าน
สามารถช่วยบุคคลที่มาขอความช่วยเหลือได้อย่างเห็นผล
ศึกษาวิชามาจากพระเกจิอาจารย์ชั้นนำของประเทศไทย ทำการสักยันต์ ลงนะหน้าทอง
นะสาลิกาลิ้นทองจนดโด่งดังไปทั่ว
ไม่ใช่จะได้รับความนิยมในในเฉพาะฮ่องกงเท่านั้น..แต่ต่างเป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชีย
อาจเป็นเพราะท่านมีศิษย์ที่เรียนกับท่านไปเปิดสำนักอยู่หลายแห่งในหลายประเทศ
จึงทำให้ท่านเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากที่สุด
ทุกคนถ้าได้รู้จักอาจารย์เสือย่อมรู้ดีว่าวิชาเมตามหานิยมของท่านอันดับหนึ่งเลยทีเดียวจนได้รับฉายาว่า"ยอดขุนพลทางด้านเมตตามหานิยม"
5. หลวงพ่ออุ้น วัดตาลดง เพชรบุรี
พระเกจิที่มีมูลค่าของพระเครื่องสูงอีกท่านหนึ่ง
เหรียญรุ่นหนึ่งของท่านเพียงระยะเวลาไม่ถึงสิบปีมีมูลค่าเพิ่มหลายเท่าตัว
จนทำให้วัตถุมงคลหลายๆอย่างขึ้นเป็นเงาตามตัวไปด้วย
ด้วยแรงศรัทธาไม่เฉพาะชาวไทยเท่านั้นชาวฮ่องกงเองก็เดินทางมากราบท่านบ่อยๆ
6. หลวงพ่อแย้ม วัดสามง่าม นครปฐม ผู้สืบสานตำนานกุมารทองหลวงพ่อเต๋ คงทอง
สุดยอดพระเกจิอาจารย์
ชาวฮ่องกงนิยมเลี้ยงกุมาทองมากโดยเฉพาะกุมารทองของหลวงพ่อเต๋ได้รับความนิยมเป็นอันดับหนึ่งแต่เนื่องจากจำนวนน้อยลงและราคาที่เล่นหาแพงมากจนต้องทำให้หันมาบูชาของหลวงพ่อแย้มแทนซึ่งพระพุทธคุณไม่ต่างกันเลย
7. หลวงพ่อสุภา กันตสีโลอายุ 109 ปี สร้างวัดมาแล้ว 39 วัด
(บารมีสูงสุดทางเหนือจะเรียกว่าต้นบุญ) หลวง
ปู่สุภามีอาจารย์ที่สอนท่านจริงๆ 4 องค์ คือ..1.หลวงปู่สีทัตต์
วัดพระธาตท่าอุเทน (ผู้สร้างพระธาตุท่าอุเทน ศิษย์รุ่นน้องสมเด็จลุน
ยุคเดียวกันสมเด็จโต วัดระฆัง... 2.หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า
(หลวงปู่สุภาเป็นศิษย์องค์เดียวในยุคปัจจุบัน
หลวงปู่ศุขสอนวิชาให้หลวงปู่จนหมดสิ้น)3.โยคีจากประเทศธิเบต ชื่อนารายณ์
(หลวงปู่สุภาธุดงค์ไปเรียนวิชาทางจิตสมาธิและฌาณ)4. อาจารย์เฒ่าจากวัดเส้าหลิน
ประเทศจีน
หลวงปู่สุภาธุดงค์ไปเรียนวิชาพลังภายนอกและภายใน)หลวงปู่สุภาเพรียบพร้อมไปด้วยศีลาจารย์วัตร,
ธรรมปฏิปทา , สมธิอภิญญา , พลังสติปัญญา เป็นพระที่ดี
มากในยุคปัจจุบัน เป็นพระที่ดีมากในยุคปัจจุบัน วัตถุมงคลของหลวงปู่ควรรีบเก็บ
รีบบูชาติดตัวเป็นมหามงคลแก่ชีวิต
ยากนักที่จะหาพระที่เพรียบพร้อมได้อย่างนี้อีก
8.. หลวงพ่อแล วัดพระทรง เพชรบุรี หลวงพ่อแลเป็นศิษย์สายหลวงพ่อทองศุข
วัดโตนดหลวง และหลวงพ่อเพลิน วัดหนองไม้เหลือง อดีต ๒
พระเกจิชื่อดังแห่งเมืองเพชร ซึ่งศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน
ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง คือ หลวงพ่อไสว วัดปรีดาราม จ.นครปฐม (มรณภาพแล้ว)
หลวงพ่อแผ่ว วัดโตนดหลวง (มรณภาพแล้ว) และหลวงพ่ออุ้น วัดตาลกง
ชื่อเสียงของหลวงพ่อแลโด่งดังเป็นที่รู้จักโดยทั่วไปมานานนับสิบปี เมื่อท่าน
ได้ลงมือสักยันต์ต่างๆ ทั้ง หนุมาน ลิงลม พญาหงส์
และลงนะหน้าทองให้แก่บรรดาลูกศิษย์
โดยท่านได้เน้นย้ำสั่งสอนลูกศิษย์ให้หมั่นทำความดี มีศีลธรรมอยู่เป็นประจำ
9.พระอธิการเกษม เขมจาโร หรือหลวงพ่ออั๊บ ถือกำเนิดในตระกูล “ทิมมัจฉา”
เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๔๖๔ ที่บ้านแหลมบัว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม
เป็นบุตรคนโตในบรรดาพี่น้อง ๘ คน ดังนั้นจึงต้องรับหน้าที่ดูแลน้องๆ
และช่วยพ่อแม่ทำไร่นาเพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว
การศึกษา เมื่อหลวงพ่ออายุได้ ๒๐
ปีท่านได้ตัดสินใจอุปสมบทตามแบบแผนประเพณีโบราณ โดยอุปสมบท ณ วัดทุ่งน้อย มี
“หลวงพ่อมา” เกจิอาจารย์อาคมขลังเป็นพระอุปัชฌาย์
เมื่อบวชแล้วหลวงพ่อได้มาจำพรรรษาอยู่ที่วัดท้องไทร ๙ ปี
หลังจากนั้นท่านจึงเดินธุดงค์ไปเรื่อยๆ
และสุดท้ายก็ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดวังชะโดอีก ๒ ปี จนกระทั่งปี ๒๕๐๘
หลวงพ่อจึงกลับมายังวัดท้องไทรและอยู่ที่วัดท้องไทรจนถึงปัจจุบัน
หลวงพ่ออั๊บท่านเป็นผู้ที่สนใจวิชาอาคมมาตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นฆราวาส
โดยได้ไปศึกษาวิชากับหลวงพ่อน้อย เกจิอาจารย์แห่งวัดธรรมศาลา
และยังเดินทางไปเรียนยาสมุนไพรกับบรรดาหมอยาต่างๆ
จนท่านมีความเชี่ยวชาญในด้านยาสมุนไพรเป็นอย่างมาก
มีวิชาหนึ่งซึ่งเป็นที่ขึ้นชื่อลือชาของหลวงพ่อเป็นอย่างมากก็คือ
“วิชาแช่น้ำมนต์” เพื่อรักษาโรค
โดยแต่ละวันมีผู้มาให้หลวงพ่อทำการรักษาเป็นจำนวนมาก
นอกจากนี้แล้วยังมีวิชาที่หลวงพ่อเชี่ยวชาญเป็นพิเศษอีก ซึ่งก็คือ
“วิชาลงตะกรุดกันงู” และวิชา “ลงตะกรุดนางพิม” ซึ่งจะได้กล่าวถึงต่อไป
วัตถุมงคล วัตถุมงคลที่ขึ้นชื่อที่สุดของหลวงพ่ออั๊บได้แก่ “ตะกรุดกันงู” และ
“ตะกรุดนางพิม” ซึ่งมีอุปเท่ห์และวิธีการใช้ที่เข้มขลัง
วิชาทำตะกรุดกันงูนี้หลวงพ่อได้ไปเรียนวิชามากับฆราวาสที่ชื่อ “หมอถ่าย”
เป็นชาวเขมร ซึ่งฆราวาสผู้นี้หวงวิชานี้มาก
เพราะกลัวว่าคนที่เรียนวิชานี้ไปจะไม่เอาวิชาไปช่วยรักษาคน
กลัวจะเอาไปหากินโดยการจับงูขาย แต่ในที่สุดก็ยอมถ่ายทอดให้กับหลวงพ่อ
ตะกรุดกันงูของหลวงพ่ออั๊บนั้น มีวิธีใช้คือให้ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วว่า
“พุทธังราตนา ธัมมังราตนา สังฆังราตนา” แล้วจึงผูกที่เอว
จะป้องกันพิษงูได้ทุกชนิด งูอ้าปากไม่ขึ้น
ส่วนตะกรุดนางพิมนั้น ถือเป็นสุดยอดตะกรุดเมตตาของหลวงพ่อ
คาถาที่ใช้ในการภาวนาปลุกเสกก็คือ ตั้งนะโม 3 แล้วว่า อุ กะ ปะ สะ หะ นะ พุท 9
จบ จะเป็นเมตตาอย่างเอกอุ
และมีเคล็ดสำหรับการใช้ตะกรุดนางพิมก็คือถ้าอยากให้ได้ผลเร็วให้ใช้เหล้าขาวทาที่ตะกรุดบ่อยๆ
จะเห็นผลในไม่ช้า
มูลเหตุในการสร้างตะกรุดนางพิมนั้น
เนื่องจากตอนแรกท่านไม่ได้ทำตะกรุดแบบที่เห็นในปัจจุบันนี้
แต่เป็นการสักยันต์นางพิมให้กับผู้ที่อยากได้ก่อน แต่ลูกศิษย์บางคนก็กลัวเจ็บ
บ้างก็ไม่กล้าสัก
จึงได้มีลูกศิษย์ขอให้หลวงพ่อทำเป็นตะกรุดขึ้นมาเพื่อจะได้ใช้ติดตัว
ท่านก็ลองทำดูซึ่งปรากฏว่าได้ผลดีเทียบเท่ากับการสัก
ท่านจึงได้ทำตะกรุดนางพิมตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา........
10.หลวงพ่อสาคร วัดหนองกรับ อ.บ้านค่าย จ.ระยอง ศิษย์เอกของ "หลวงปู่ทิม
อิสริโก" อดีตเกจิอาจารย์ ชื่อดังแห่งวัดระหารไร่ จ.ระยอง ต้นตำรับ
"ขุนแผนผงพรายกุมาร" อันลือลั่นสนั่นวงการ พระเครื่อง
ด้วยกันสองพิมพ์พิมพ์แรกเป็นสมเด็จรัศมีมีเนื้อผงใบลานเก่าสีดำหลวงพ่อได้นำใส่บาตรแล้วเผาไฟทำให้มีเนื
้อแกร่งและอีกพิมพ์หนึ่งเป็นรูปปั้นหลวงปู่ทิมเนื้อผงใบลานสีดำเนื้อเดียวกับสมเด็จพิมพ์รัศมี
หลวงพ่อสาครได้นำออกมาแจกแก่ญาติโยมครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ในงานทอดผ้าป่า
พระชุดนี้ได้ก่ออภินิหารอย่างมากมายช่วยคุ้มครองชีวิตแก่ผู้นำติดตัวมาแล้วหลายราย
ต่อมาในปี๒๕๒๔หลวงพ่อสาครได้นำผงปัถมัง,ผงอิทธิเจที่ท่านเขียนเลขยันต์อักขระต่างๆ
,ผงของของหลวงปู่.ทิม,ผงอิทธิเจหลวงพ่อเพ่ง
วัดละหารใหญ่,ผงปัดตลอดอาจารย์ภูเมือง,ผงพุทธคุณหลวงพ่อสิม
วัดถ้ำผาปล่อง,ผงพุทธคุณครูบาคำหล้า
จ.เชียงใหม่,ผงพุทธคุณอาจารย์มั่น,ผงวิเศษหลวงพ่อจง
วัดหน้าต่างนอกและผงของเกจิอาจารย์ต่างๆที่หลวงพ่อได้ไปศึกษามาหลวงพ่อสาครได้นำผงเหล่านี้มาสร้างเป็นสมเ
ด็จพุทธนิมิตซึ่งเป็นพระประธานในอุโบสถวัดหนองกรับหลังจากสร้างออกมาแล้วก็เป็นที่ฮือฮาขึ้นมาอีกครั้งเมื
่อทหารนาวิกโยธินนายหนึ่งได้เหยียบกับระเบิดจนตัวลอยละลิ่วเมื่อเพื่อนๆวิ่งไปดูทหารคนนั้นไม่เป็นอะไรเลย
ในคอคล้องสมเด็จพุทธนิมิตองค์เดียวเท่านั้นจึงยกโขยงมาขอสมเด็จพุทธนิมิตจากหลวงพ่อไปเป็นจำนวนมาก

หลังจากนั้นหลวงพ่อได้สร้างวัตถุมงคลขึ้นอีกหลายพิมพ์ซึ่งก็ล้วนมีประสบการณ์ทั้งสิ้นจนทำให้วัตถุมงคลเหล
่านี้หมดไปจากวัดอย่างรวดเร็ว
ในปีเดียวกัน(๒๕๒๔)หลวงพ่อสาครได้รับพระราชทานเป็นพระครูชั้นโท
หลวงพ่อได้สร้างเหรียญปิดตารุ่นฉลองสมศักดิ์ขึ้นด้านหลังเป็นยันต์ห้าเหรียญรุ่นนี้เป็นที่โจษขานกันมาอีก
รุ่นหนึ่งในบรรดาพ่อค้าแม่ค้าในจังหวัดระยองเหราะทำให้มีฐานะดีขึ้นมาทุกวันนี้เพราะเหรียญปิดตาหลวงพ่อสา
ครนี่แหละ

หลวงพ่อสาครนับว่าเป็นที่เจริญรอยตามคณาจารย์โดยแท้ด้วยศิลลาจารวัตรที่งดงามอีกรูปหนึ่งท่านเป็นพระที่สม
ถะที่มากด้วยพระธรรมวินัยมีอาคมอันแก่กล้า
หลวงพ่อสาคร มนูญโญ
วัดหนองกรับนับว่าเป็นเพชรน้ำเอกอีกรูปหนึ่งที่ประชาชนให้ความเคารพนับถือ
ท่านเป็นพระผู้สืบสานอาคมจากหลวงปู่ทิมผู้เป็นอาจารย์มิขาดตกบกพร่อง

ข้อมูลเหล่านี้เป็นข้อมูลที่เขียนขึ้นจากข้อมูลของหนังสือพิมพ์ฮ่องกงฉบับเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมาไม่ถือว่าเป็นข้อสรุปคงเป็นเพียงความชื่นชอบของบุคคลกลุ่มหนึ่งเท่านั้นสำหรับผู้ที่ต้องการไปหาท่านทั้งหลายที่เอยนามมาข้างต้นควรไปหาด้วยตัวเองกระผมไม่มีข้อมูลอะไรมากมายก็รู้พอๆกับท่านทั้งหลายมีเพียงไม่กี่ท่านในนี้ที่ผมเคยได้ไปพบเช่นหลวงพ่อเปิ่น..หลวงพ่อแล...หลวงพ่ออั๊บ..หลวงพ่อสาครและท่านอาจารย์เสือ
ทุกท่านก็เก่งหมดละครับ โดยเฉพาะท่านอาจารย์เสือ
เข้าหาง่ายหน่อยไม่โดนศิษย์หลังวัดกันท่า
โดยเฉพาะไปปรึกษาอะไรนานๆหรือเรื่องความรักก็คุยกันได้สะดวกไปหาพระท่านคุยเรื่องเสน่ห์เมตตาดูจะไม่เหมาะสม
โดยเฉพาะเมื่อเดือนที่แล้วได้พาเพื่อนมาห้าหกคนมาปรึกษาอาจารย์เสือเรื่องงานกับเรื่องความรักกลับไปทุกคนก็สมหวังทุกเรื่อง
จึงไม่น่าแปลกใจว่าท่านจะมีชื่อเสียง
ชวนท่านไปที่ฮ่องกงท่านก็ไม่ยอมไปท่านบอกธุระท่านเยอะมากไปไหนไม่ได้นาน
ดูท่านยังหนุ่มอยู่อายุไม่น่าเกิน40ปีแต่ดูบารมีท่านมีมากเหลือเกิน
แต่ผมชอบนะท่านชอบแต่งตัวสบายๆ เหมือนคนทั่วไป
ท่านบอกว่าเราก็คนนะยังต้องเดินไปที่นั่นที่นี่จะแต่งตัวแบบอาจารย์ท่านอื่นๆเข้าทำกันไม่เป็นหรอกวิชาที่ช่วยเหลือศิษย์ได้มันอยู่ที่เนื้อหา
ไม่ใช่ที่เปลือกนอก ..ผมชอบมากเลยคำนี้ ลองแวะไปหาท่านดูนะครับ
ท่านย้ายมาอยู่ที่ศูนย์การค้าทานตะวัน บาร์ซ่าร์ ตรงข้างๆเดอะมอลล์งามวงศ์วาน
ด้านเดินไปทางแยกพงศ์เพชร ถามหาอาจารย์เสือ สักยันต์ละก้อไม่พลาด
แต่ก่อนท่านอยู่ที่คลองถม
มีศิษย์ไปหาท่านเยอะมากโดยเพาะหนุ่มสาวที่มีปัญหาเรื่องความรัก
รับรองไม่ผิดหวัง