ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิส มือ1ของโลก ไส่บาตรครับ
#1
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 05:27 PM
ราฟาเอล นาดาล นักเทนนิสหนุ่มสเปน มืออันดับ 1 ของโลก ตื่น 6 โมงเช้าขึ้นมาตักบาตร ณ ชายหาดโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล ก่อนลงทำการแข่งขัน "พีทีที ไทยแลนด์ โอเพน 2010" ในสัปดาห์หน้า (30 ก.ย.)
ศึกเทนนิส เอทีพี เวิลด์ ทัวร์ ระดับ 250 รายการ "พีทีที ไทยแลนด์ โอเพน 2010" ชิงเงินรางวัลรวม 608,500 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 19 ล้านบาท) จัดการแข่งขันเป็นปีที่ 8 ระหว่างวันที่ 25 ก.ย. - 3 ต.ค. ณ อิมแพ็ค อารีนา เมืองทองธานี โดย นาดาล เตรียมชิงชัยเป็นครั้งแรก ทว่าล่าสุดอยู่ระหว่างพักผ่อนที่ หัวหิน หลังจากคว้าแชมป์ ยูเอส โอเพน 2010 ที่ นิวยอร์ก เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา
โดย ช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 25 ก.ย. นาดาล ตื่น 6.00 น. เพื่อร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 18 รูป ที่เดินบิณฑบาตมายังบริเวณชายหาดด้านหน้าโรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล หัวหิน รีสอร์ท จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยมี พลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ภริยาของนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ นายกลอนเทนนิสสมาคมแห่งประเทศไทยฯ แนะนำขนมธรรมเนียมแบบไทย
ส่งผลให้ทันทีที่พระสงฆ์มาถึงในเวลา 7.00 น. นาดาลใส่ชุดแข่งขันเทนนิสสีฟ้าถอดรองเท้า และลงคุกเข่าไหว้พระ พร้อมตักบาตรได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสุขและรอยยิ้ม ก่อนกลับไปกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลภายในโรงแรมอีกด้วย
#2
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 05:45 PM
รอยยิ้ม ความมีน้ำใจของคนไทย ก็มาจากวิถีชาวพุทธทั้งนั้น มาช่วยกันเผยแผ่วิธีชาวพุทธให้กระฉ่อนไปทั่วโลกกันเถอะครับ
อนุโมทนาบุญกับเจ้าของเรื่องและผู้มีส่วนร่วมทุกท่านครับ
#3
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 05:59 PM
#4
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 06:04 PM
#6
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 06:50 PM
ขอให้สมาชิก dmc.tv เก่งและดี และมาเป็นต้นแบบการทำความดีอย่างนี้กันทุกคนนะ...
#7
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 06:56 PM
#8
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 08:20 PM
#9
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 08:39 PM
การที่มีเซเลบระดับโลกมาทำกิจกรรมแบบนี้ เป็นผลดีแก่ศาสนาพุทธพอสมควรเลยครับ
สมัยที่นักเทนนิสสาว มาเรีย ชาราโปว่า ไปพักที่หัวหิน ก็มีกิจกรรมนี้เช่นกันครับ
แต่ว่า....ตอนนั้นนักเทนนิสสาวผิวดำปฏิเสธ อ้างว่าเหนื่อย นอนดึก??? เลยไม่ขอร่วมทำกิจกรรมนี้
.....................
เพียงแต่มีเรื่องน่าคิดว่า.........
เป็นโปรแกรมไฟตว์บังคับที่ทางผู้จัดการแข่งขัน จัดให้ทำ โดยรวมอยู่ในค่าตัวพิเศษหรือเปล่าเอ๋ย ...???
แต่ถึงเป็นเช่นนั้น การกำหนดให้ทำดี ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากมายเลยครับ ถือว่าทำได้ดี ดีกว่าบังคับให้ไปประชาสัมพันธ์ทางอบายมุข หรือบันเทิง อันไร้สาระมากไป
และอยากจะแนะนำผู้จัดจริงๆเลย ว่า ให้มอบหนังสือธรรมะภาษาอังกฤษ ให้ vcd ธรรมะนั่งสมาธิ ประชาสัมพันธ์ ให้กับเซเลบเหล่านี้บ้างเถอะ อย่าเอาแต่ใส่บาตรอย่างเดียว เซเลบเขาจะอ่านจะดูหรือไม่ก็ช่างเขาเถอะ มันก็ยังดี ชาวพุทธไทยโดยมากก็แบบนี้ เน้นแต่พิธีกรรม ไม่ค่อยนำเสนอปัญญา
บางโรงแรม อย่างต่างประเทศ องค์กรณ์ทางศาสนาคริตส์นำโบร์ชัวร์และคำสอนทางศาสนาเข้าไปถึงห้องพักลูกค้าเลย เขาเอาไปวางไว้ในห้องเลย เขาทำได้ น่าจะเอาอย่างบ้างนะครับ กองอำนวยการประชาสัมพันธ์วัดเรา
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#10
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 09:41 PM
ถ้าขวัญใจนักเทนนิสเชื้อสายรัสเซีย Maria shavapova เธอมิใช่คนดำ (ชอบเธอมาก)
ส่วนที่ว่าเป็นนักเทนนิสผิวสีดำ คนเก่งอีกคนหนี่งน่าจะเป็น Serena Williams มากกว่านะครับ
ไม่ซีเรียสแต่ไม่อยากให้บางคนเข้าใจผิดพลาดได้ก็เธอ Maria ฉันชื่นชมเธอจ้า
#11
โพสต์เมื่อ 25 September 2010 - 10:12 PM
ส่วนที่ว่าเป็นนักเทนนิสผิวสีดำ คนเก่งอีกคนหนี่งน่าจะเป็น Serena Williams มากกว่านะครับ
ไม่ซีเรียสแต่ไม่อยากให้บางคนเข้าใจผิดพลาดได้ก็เธอ Maria ฉันชื่นชมเธอจ้า
แต่ว่า....ตอนนั้นนักเทนนิสสาวผิวดำปฏิเสธ อ้างว่าเหนื่อย นอนดึก??? เลยไม่ขอร่วมทำกิจกรรมนี้
ขอบคุณครับ นรอ.อารียา
ผมคงจะพิมพ์ไม่ชัดเจนครับ ขออภัย
Maria shavapova เธอร่วมกิจกรรมครับ แล้วเธอชอบมากด้วย ได้ทราบมาว่าเธอสนใจศาสนาพุทธด้วยครับ
ส่วนนักเทนนิสผิวสี Serena Williams เธออ้างว่านอนดึก เหนื่อย ไม่ขอร่วมกิจกรรม อาจจะเป็นคำปฎิเสธที่รักษามารยาทก็ได้
อิอิ นานาสาระครับ
http://www.siamsport...100103_121.html
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#12
โพสต์เมื่อ 26 September 2010 - 12:53 AM
#13
โพสต์เมื่อ 26 September 2010 - 07:56 AM
#14
โพสต์เมื่อ 26 September 2010 - 08:19 AM
สาธุ ครับผม
#15
โพสต์เมื่อ 26 September 2010 - 08:48 AM
เป็นโปรแกรมไฟตว์บังคับที่ทางผู้จัดการแข่งขัน จัดให้ทำ โดยรวมอยู่ในค่าตัวพิเศษหรือเปล่าเอ๋ย ...???
โดยปกติการที่จะมีเซเลปต่างชาติเข้ามาทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งในเมืองไทย โดยร่วมกับภาคราชการหรือภาคธุรกิจก็ตาม ทางกระทรวงการท่องเที่ยวฯ มักจะรีเควสกิจกรรมนี้เข้าไปในตารางงานของเซเลปเหล่านั้นครับ
หลักๆ ก็จะเป็นกิจกรรมที่ไม่กินเวลามากนัก เมื่อก่อนจะเป็นกิจกรรมชมวัด แต่หลังๆมานี่ จากที่ไม่รู้ว่าองค์กรมหาจักรพรรดิบุญที่ไหนที่จัดงานตักบาตรดังระดับโลกบ่อยๆ ใหญ่มากจนกลายเป็นกิจกรรมที่เหล่าเซเลปหลายๆท่านขอมาว่าอยากร่วม แต่จะให้ไปร่วมงานใหญ่ๆก็กลัวจะวุ่นวายในเรื่องการจัดระบบรักษาความปลอดภัยและเรื่องตารางเวลางานอื่นๆ
ทางที่พักก็มักจะจัดแบบนี้ให้ เพราะโรงแรมระดับโลกของไทยเราหลายๆโรงแรมจะนิมนต์พระให้ท่านผ่านมารับบิณฑบาตเป็นประจำอยู่แล้วในทุกเช้า จะแจ้งแขกที่พักชาวต่างชาติให้ทราบในกิจกรรมนี้ ถ้าต้องการร่วมก็ให้แจ้งไว้ที่ฟร้อนท์ ทางโรงแรมก็จะจัดของจัดคนไว้ให้ บางที่ก็คิดค่าบริการ บางที่ก็ไม่คิดเพราะถือว่าเป็นของที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ใส่อยู่แล้ว
ผมเคยไปเห็นที่โรงแรมดังที่หัวหิน(ค่าห้องแบบสบายๆ คืนละ 5,500.-บาท) แขกชาวต่างชาติมานั่งรอกันหน้าสลอนเลย ไม่มีแขกเซเลปคนไทยแม้แต่คนเดียว !!!
ชาวต่างชาติดูออกจะชอบด้วยซ้ำ สนุกสนานบันเทิงกันมาก เดี๋ยวคนนี้ใส่บาตร คนนี้วิ่งไปถ่ายรูป ทางโรงแรมก็จัดมุมได้สวยมาก ท่าถ่ายรูปยอดฮิตคือ พระท่านยืนอุ้มบาตรเรียงแถว วิวข้างหลังก็จะเป็นตัวตึกโรงแรม ชาวต่างชาติก็จะมานั่งคุกเข่าพนมมือข้างหน้าพระท่าน เจ้าหน้าที่ก็พยายามจัดคิวไม่ให้เยิ่นเย้อ และคอยดูแลพระท่านด้วย เพราะชาวต่างชาติผู้หญิงบางท่านร่ำๆ จะไปยืนกอดเอวถ่ายรูปกับพระท่าน !!!
คนไทยที่เข้มงวดมากๆ อาจจะดูแล้วขัดหูขัดตา แต่ผมว่า เอาน่าหยวนๆไปก่อน คนเขาเพิ่งใส่เป็นครั้งแรก ถ้าไม่เกินเลยไปนักให้ประทับใจไว้ก่อนเป็นดี
ส่วนเรื่องหนังสือหรือสื่อเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาก็มีนะครับ แต่มักจะเป็นแบบโรงแรมใครโรงแรมท่านจัดหากันเองตามแต่ศรัทธา จำได้ว่าเคยมีเรื่องนี้เข้ารัฐบาลครั้งนึง ประมาณว่าให้ทางรัฐบาลสนับสนุนในการจัดหาแบบมาตรฐานไว้ให้หรืออะไรทำนองนี้แหละ และทางโรงแรมจะจัดแจกให้กับแขกที่มาพักเอง แต่แล้วก้เงียบหายกันไป
อีกอย่างสื่อที่เป็นภาษาต่างชาติก็มีน้อยและมักจะเป็นแบบที่ทำให้คนไทยที่อ่านภาษาต่างประเทศออกอ่านเข้าใจ คือ ไม่ได้มองว่าชาวต่างชาติรับรู้ได้แค่ไหน รู้แต่ว่าหนังสือเดิมเขาเป็นแบบนี้ก็แปลมาตรงตัวเลย ชาวต่างชาติที่มาอ่านก็ตามเนื้อหาไม่ทัน ก็มักจะเบื่อ และไม่มีใครแตะ ทางโรงแรมก็มักจะเลิกไปโดยปริยาย
โรงแรมที่หัวหินดังกล่าว มีหนังสือพระพุทธศาสนาประจำห้องไว้ด้วย แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแนะนำวัดวาอารามในเชิงท่องเที่ยวซะเป็นส่วนมาก มีพระไตรปิฏกภาษาอังกฤษหนึ่งเล่มที่ผมอ่านไม่เข้าใจเพราะเหมือน Text มากกว่าหนังสืออ่านทั่วไป
ใครทำกิจกรรมโรงแรมอยู่นะครับ ลองกราบขอความเมตตาคำแนะนำดีๆจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสองท่านได้นะครับ ว่าจะเอาธรรมเข้าไปในโรงแรมได้ทางใดบ้าง รับรองไม่ผิดหวังครับ
ปล.โรงแรมไหนที่ตัดช่อง DMC ออกจากรายการเคเบิ้ลประจำห้อง(ออกมาดูข้างนอกโรงแรมกลับมีรายการของ DMC แต่ในห้องกลับไม่มี ทั้งๆที่รายการอื่นๆมีเหมือนกันหมด มีหายไปแค่ช่องเดียวเท่านั้น) ผมขึ้นบัญชีเอาไว้แล้วนะครับ จะไม่แนะนำให้ใครไปพักที่นั่นอีกเลย จนกว่าท่านจะนำ DMC กลับมา โรงแรมที่รับเฉพาะชาวต่างชาติแถวสีลม แถวสวนลุมไนท์พลาซา ยังมีช่อง DMC ให้ชาวต่างชาติดูเลย ผมเปิดให้ อัลเฟรด เพื่อนชาวเยอรมันดู เขายังบอกว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ "...SO COOL..." ถ้าจะแปลให้ตรงกับกิริยาของเขาในตอนนั้นก็ประมาณ "...เจ๋งจริงๆ..."อะไรทำนองนี้แหละ
#16
โพสต์เมื่อ 26 September 2010 - 01:27 PM
#17
โพสต์เมื่อ 26 September 2010 - 03:06 PM
#18
โพสต์เมื่อ 26 September 2010 - 03:58 PM
อิอิ "...SO COOL..." มากมาย
ต่อไป dmc จะรุกเข้าไปโรงแรมทั่วโลกเลยครับ
.......
แล้วผมก็คิดไปไกลถึงเรื่อง "วัฒนธรรมส่งออก" ซึ่งจีน ญี่ปุ่น เกาหลีทำสำเร็จมาแล้ว
จีนส่งออกวัฒนธรรมกังฟู และวัดเส้าหลิน
เกาหลีส่งออกบันเทิง และเทควันโด้
ญี่ปุ่นส่งออกทั้งบันเทิงทั้งยูโด และ "วิถีเซน" อันโด่งดัง
ธิเบตส่งออก "วิถีลามะ"
ไทยเราต้องส่งออกวัฒนธรรมกายตักบาตร นั่งสมาธิ แบบวิถีพุทธดั่งเดิม ให้ติดตลาดโลกเลยครับ(มวยไทยด้วย)
ละธรรมดำ ยังธรรมขาวให้เจริญ
ธัมมะกาโย อะหัง อิติปิ
เราตถาคต คือธรรมกาย
#19
โพสต์เมื่อ 26 September 2010 - 09:19 PM
#20
โพสต์เมื่อ 26 September 2010 - 11:51 PM
#21
โพสต์เมื่อ 27 September 2010 - 11:14 AM
อยากให้เป็นจริงเร็ว ๆจัง
ภาพสวย ๆ ทั้งนั้นเลย post บ่อย ๆ นะคะ จะได้ชี้นำวัตนธรรมกายตักบาตรไปทั่วโลก
#22
โพสต์เมื่อ 27 September 2010 - 07:40 PM
#23
โพสต์เมื่อ 28 September 2010 - 09:33 PM
#24
โพสต์เมื่อ 30 September 2010 - 07:13 PM