พระประธาน และกายมหาบุรุษ
#1
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 10:39 AM
ประโยคนี้เคยได้ยินบ่อย ๆ เลยเกิดสงสัยตามครับ
- ผู้ใดเข้าถึงธรรม หมายถึงธรรมกาย แล้วสามารถเห็นพระพุทธองค์ได้หมายถึง กายมหาบุรุษนั้น
ทุกคนเหมือนกันหมด หน้าตาขนาดรูปร่างหน้าตา หรือเปล่า
- เมื่อเข้าถึงธรรมกายแล้วสามารถเป็นพระพักตร์ของพระศาสดาได้ใช่หรือไม่
- พระประธานในวัด ถอดแบบจากพุทธองค์หรือไม่
#2
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 01:06 PM
ทุกคนเหมือนกันหมด หน้าตาขนาดรูปร่างหน้าตา หรือเปล่า?
เมื่อเข้าถึงธรรมกายแล้วสามารถเป็นพระพักตร์ของพระศาสดาได้ใช่หรือไม่?
พี่ทศพลก็ต้องไปถามท่านผู้เข้าถึงสิครับ ถามผมผมไม่ทราบหรอกครับเพราะผมยังไม่ได้วิชชาเลย
พี่สร้างบารมีมาปีนี้เป็นปีที่ ๑๙ แล้วนะครับ พี่คงทราบดีว่าอะไรเป็นอะไร เหตุใดจึงต้องถามใครอีกเล่า
#3
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 01:37 PM
ผมคิดว่ารูปธรรมกายนั้นคงไม่เหมือนกันหรอก เพราะผมอ้างอิงมาจากเรื่อง พญามาร
กับพระอุปคุตถ์ประลองฤทธิ์กันแล้ว พญามารพ่ายแพ้ และพระอุปคุตถ์จึงให้ พญามาร
เนรมิตกายเป็นพระศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ดู ถ้าธรรมกายของแต่ละคนเหมือนกันแล้ว
พระอุปคุตถ์คงไม่ต้องให้พญามารเนรมิตกายให้ดูหรอก ท่านคงจะไปรู้ได้ด้วยตนเองแล้ว
และการเข้าถึงธรรมกายนั้น สามารถเห็นพระพักตร์พระศาสดาได้หรือไม่ ผมเชื่อว่าไม่
เพราะพระพุทธเจ้าในอายตนะนิพพานนั้นมากกว่าเมล็ดทรายในท้องพระมหาสมุทรทั้ง ๔
ส่วนการสร้างพระประธานลักษณะนี้ ต่างจากพระประธานทั่วไปต้นแบบการสร้างน่าจะ
มาจากกายมหาบุรุษเท่านั้น ถูกไหม ? เพราะคำถามข้อแรก ๆ น่าจะตอบว่าไม่
ที่จริงแล้วผมกลัวโดนลบอยู่เหมือน เพราะทีมงานคงชั่งใจว่าอจินไตยหรือไม่ แต่ผม
คิดว่าไม่เป็นอจินไตย สามารถอ้างอิง จากพระไตรปิฏก หรือ คำพูดของผู้รู้ท่านใด ท่านหนึ่ง
ได้ พอให้หายสงสัย และอยากรู้ความเห็นอื่น ๆ ที่ไม่เหมือนกัน เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันไง..
#4
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 01:52 PM
ได้ พอให้หายสงสัย และอยากรู้ความเห็นอื่น ๆ ที่ไม่เหมือนกัน เพื่อมาแลกเปลี่ยนกันไง...
แล้วพี่จะอ้างอิงจากองค์ความรู้ส่วนไหนเหรอครับ? ก็ในเมื่อสิ่งที่พี่ถามน่ะ เป็นความรู้ในภาคปฏิบัติ ส่วนความรู้ในพระไตรปิฎกนั้น เป็นความรู้ทางภาคปริยัติ อีกอย่างผมขอถามพี่ด้วยเหตุและผลว่า มาตรฐานของความน่าเชื่อถือมันอยู่ตรงไหนเหรอครับ? ก็ในเมื่อผู้ที่มาโพสต์ตอบกระทู้ยังไม่รู้ ไม่เห็น ไม่เป็นธรรมกายเลย มาตรฐานมันอยู่ตรงไหนเหรอ? พี่ช่วยบอกผมทีซิ
#5
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 02:04 PM
เป็นพระอรหันต์ แน่นอนต้องเข้าถึงธรรมกายพระอรหันต์แน่ ก็เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย
แล้วยังต้องให้พญามารเนรมิตกายให้ดู นั่นย่อมแสดงว่าท่านไม่สามารถเห็นกายมหาบุรุษ
ของพระศาสดาได้ ใช่ไหม
#6
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 02:17 PM
แล้วแน่ใจหรือครับว่า "ตรรกะวิทยา" (ในวิสัยแห่งปุถุชน) นั้น เป็นหลักของเหตุและผลที่มีความสมบูรณ์ ๑oo% ในเมื่อรู้ๆ กันอยู่อย่างเต็มอกว่ามันคือ การด้นเดา
#7
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 02:30 PM
ครับ ตรรกะวิทยาคือการค้นเดา ที่มีหลักการ แบบไม่มั่วและเป็นทางค้นหาคำตอบที่แท้จริง คำพูดต่าง ๆ ในหลักตรรกะ
วิทยานั้นเพื่อไม่ให้โต้แย้งได้( ถ้าตรรกะถูก T ) แต่เป็นวิสัยของปุถุชน แต่ ถ้าเป็นทางศาสนาผมก็ยอมรับเหมือนกันว่าหลักนี้
อาจจะใช้ไม่ได้เสมอไป... ดังนั้นเห็นทีต้องยอมให้ลบครับ
#8
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 02:43 PM
#9
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 02:47 PM
#10
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 02:56 PM
เป็นพระอรหันต์ แน่นอนต้องเข้าถึงธรรมกายพระอรหันต์แน่ ก็เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย
แล้วยังต้องให้พญามารเนรมิตกายให้ดู นั่นย่อมแสดงว่าท่านไม่สามารถเห็นกายมหาบุรุษ
ของพระศาสดาได้ ใช่ไหม
ตอบ พระอุปคุตท่านเห็นเฉพาะธรรมกายในตัวของท่านขาวใสเป็นเพชรเกตุดอกบัวตูม แต่ยังไม่เคยเห็น
กายเนื้อของพระพุทธองค์ที่มีลักษณะจอมกระหม่อมยกสูงไม่ใช่เกตุบัวตูมครับ ที่เป็นกายเนื้อครับ
ท่านจึงขอให้พญามารเนรมิตกายเนื้อของพระพุทธองค์ให้ดูหนะครับ
ทุกคนเหมือนกันหมด หน้าตาขนาดรูปร่างหน้าตา หรือเปล่า
ตอบ ถ้าจะตอบแบบอุปมาก็เหมือนกับตอบว่า แม่พิมพ์เดิมเป็นเช่นไรแบบที่หล่อออกมาจากกำเนิดเดิมของแม่พิมพ์ก็เป็นเช่นนั้นครับ หรืออย่างต้นมะม่วงออกผลมามีเมล็ดมะม่วง ไม่ว่าจะออกมากี่ครั้งก็ออกมาเป็นมะม่วงถ้ากำเนิดเดิมของมันคือมะม่วง
แต่สาเหตุที่ทำให้มะม่วงกลายพันธุ์นั้นมีหลายอย่างเช่น สภาวะแวดล้อมบ้าง ดิน น้ำ แสงแดด ความเป็นกรด-ด่างของดินบ้าง การเข้าไปยุ่งกับระบบพันธุกรรมศาสตร์ในกำเนิดเดิมของพันธุ์พืช หรือ GMO บ้าง
ถ้าจะเปรียบรูปร่างหน้าตาของมนุษยชาติในโลกนี้ก็เหมือนกับมะม่วงที่กลายพันธุ์ไปด้วยอำนาจของบุญและบาปที่คอยมาส่งผลครับ ถ้าบุญส่งผลมากมีเหตุและปัจจัยทางธรรมชาติเกื้อหนุนดีก็จะได้รูปภายนอกที่สมบูรณ์ ถ้าเป็นมะม่วงก็อาจจะได้พันธุ์ใหม่ที่ดีกว่าพันธุ์เดิมเช่น ลูกใหญ่โตมาก หวานมาก มันมาก เมล็ดเล็กเนื้อเยอะบ้าง
ในทางตรงกันข้ามบุคคลที่ประกอบเหตุมาไม่ดีกายเนื้อหรือกายหยาบย่อมไม่ต่างอะไรกับมะม่วงที่กลายพันธุ์ลง การเข้าถึงกำเนิดเดิมของมะม่วงคือจุดสมดุลย์ของพันธุกรรมที่ไม่ว่าจะเป็นมะม่วงพันธุ์ไหนผลไหนก็จะต้องมีเอกลักษณ์หรือพันธุกรรมพื้นฐานที่บ่งชี้ว่านี่คือมะม่วงเหมือนๆ กันนั่นเองครับ
ตอบ มีช่างปั้นอยู่ 3 คน คนที่หนึ่งชอบปั้นรูปคนแบบสมบูรณ์ตามสัดส่วน คนที่สองชอบปั้นรูปคนแบบ Emotion ผิดรูปทรงไม่มีสัดส่วนแหวกแนวมีรูปที่แสดงอารมณ์รัก เศร้า โกรธ หวาดกลัว เจ้าเล่ห์ ดุดัน เคลิบเคลิ้ม เต็มไปด้วยอารมณ์ คนที่สามชอบปั้นรูปแบบมีสัดส่วนและมีอารมณ์แทรก บางครั้งก็ปั้นไม่เป็นรูปเป็นร่างไม่สื่ออารมณ์ใดๆ เลย
ช่าง 3 คนจะคอยสร้างผลงานประติมากรรมมนุษย์ให้เกิดมามีรูปร่างที่ผิดแผกแตกต่างกันออกไปครับ
ดังนั้นการที่ใครก็ตามจะได้ผลงานประติมากรรม ณ ภายในที่สมบูรณ์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเรานี้จะไว้วางใจให้ช่างแบบไหนเข้ามาทำผลงานชิ้นนี้ ถ้าเรานิยมแนวแปลกประหลาดดำมืด ประติมากรรม ณ ภายในก็จะต้องออกมาแปลกประหลาดเช่นกันครับ
แต่ถ้าเรานิยมแนววิจิตรก็ต้องหาช่างผู้มีจิตใจสะอาดละเมียดมาเป็นผู้สรรสร้างผลงานถึงจะได้ในสิ่งที่เลิศนั่นเองครับ
#11
โพสต์เมื่อ 08 May 2006 - 11:31 PM
พอเข้าใจแล้ว กายเนื้อตอนตรัสรู้ นั้นไม่เหมือนกายธรรมข้างใน ดังนั้นพระอุปคุตถ์จึง
ต้องให้พญามารเนรมิตให้ดูเพราะเลื่อมใสอยากเห็นกายเนื้อพระพุทธเจ้าตอนมีชีวิต
ธรรมกายข้างในเป็นรูปพระพุทธรูปเกตุดอกบัวตูมนั้น ต้นแบบเหมือนกัน ผู้เข้าถึงเห็น
เหมือนกันหมด
และเป็นต้นแบบของพระประธานในวัดนั่นเอง พระพุทธรูปที่เราเห็นทั่วไปที่อื่น ๆนั้นน่าจะ
พยายามปั้นจากกายเนื้อของพระพุทธองค์มากกว่า เพราะรูปทรงต่างกันมาก
ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต เพราะเราตถาคตคือธรรมกาย เป็นเช่นนี้เอง
#12
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 02:04 AM
และเพราะความเคารพรักในพระบรมศาสดาเป็นอันมากนี่เอง ภาพที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดำเนินไปโปรดสัตว์พร้อมกับบรรดาสาวกในทุกย่างก้าวอันงดงามนั้น เป็นภาพที่คุณอยากเห็นหรือเปล่าล่ะครับ
ที่จริงต้องบอกว่า แทบจะอดใจไม่ไหวทีเดียว เป็นผมก็ไม่ลังเลที่จะอยากเห็นหรอกครับ อย่างเรา ๆ ในสมัยนี้ก็เถอะ อยากเห็นไหมครับ สมัยพุทธกาลที่พระพุทธองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่
#13
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 11:23 AM
สาธุครับ
#14
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 12:37 PM
#15
โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 04:39 PM
หลังพุทธกาลไปแล้ว 1500 ปี พระเจ้าศรีธรรมปิฏกเจ้าแผ่นดินแห่งเมืองเชียงแสน
คิดจะหล่อพระประธานประดิษฐาน ณ.เมืองพิษณุโลก ได้ทำการหล่ออยุ่ถึง ๓ ครั้งก็ไม่สำเร็จ
เบ้าหลอมไม่สามารถ หล่อให้ทองไหลเต็มได้ ก็ปรากฏมีชีปะขาวคนหนึ่งเป็นใบ้พูดไม่ได้มา
ทำการช่วยหล่อ ทั้งวันทั้งคืนไม่ได้หยุด
เมื่อทำเบ้าหลอมเสร็จ เททองสัมฤทธิ์ ปรากฏเป็นพระปฏิมา งดงามสมบูรณ์ครบถ้วน ก็ตาม
ชีปะขาวนั้นไม่พบ ชีปะขาวนั้นได้หายไปที่บ้านปะขาวหายเมืองพิษณุโลก หลังจากนั้นก็ทำ
พิธีสมโภชน์ทั้ง ๗วัน ๗ คืน และบันทึกไว้ว่าเทพดาลงมาช่วยหล่อ
เป็นพระประติมากร ที่มาลักษณะมหาบุรุษ งดงาม สังเกตุดูนิ้วทุกนิ้วยาวเท่ากัน นิ้วมือและ
นิ้วเท้า หน้าผากมีอุณาโลม ซึ่งเป็นลักษณะของกายมหาบุรุษพร้อม ด้านบนเป็นจอมกระหม่อม
และมีรัศมีเปลว
คนเป็นอันมาสำคัญมีเทวดารักษาและบางจำพวก
สำคัญเห็นเป็นแน่ว่า พระพุทธชินราช พระพุทธชินศรีสองพระองค์นั้น งามแหลมแก่ตามากกว่าพระพุทธรูปใหญ่น้อย
บรรดามี ในแผ่นดินสยามทั้งปักษ์ใต้ฝ่ายเหนือ และตลาดกาลนานมาถึง 900 ปีมีผู้เลียนปั้นเอาอย่างไปก็มากมาย
หลายตำบล จะมีพระพุทธรูปที่คนเป็นอันมาก ดูเห็นว่าเป็นดีเป็นงามกว่า พระพุทธชินราชพระพุทธชินศรี สองพระองค์นี้
ไปก็ไม่มี จึงคาดเห็นว่าเมื่อทำชรอยช่างที่เป็นผีสางเทวดา ที่นับถือพระพุทธศาสนาและมีอายุยืนมา ได้เคยเห็นพระพุทธเจ้า
จะเข้าไปสิงในตัวฦาดลใจช่างผู้ทำ ให้ทำไปตามน้ำใจของมุนษย์ดัง นึ่งประขาวที่ว่าก่อนนั้น ถ้าจะเป็นของมนุษย์ทำ
ก็จะคล้ายละม้ายกันกับพระพุทธรูปอื่นโดยฝีมือช่างในเวลานั้น ดังรูปพรรณพระเหลือ ซึ่งประดิษฐานอยู่ในปฏิมาฆระสถาน
วิฟารน้อยที่โพธิ์สามเส้า ที่หล่อพระพุทธรูปสามพระองค์นั้น ก็เป็นฝืมือช่างในครั้งคราวเดียวกัน แต่รูปพรรณก็ละม้าย
คล้ายกับพระพุทธรูปสามัญ ที่เป็นฝีมือช่างเมืองพิษณุโลกไม่แปลกไปเพราะฉะนั้นจึงมีที่มีสติปัญญา ซึ่งได้เห็นได้
พิจารณาศิริวิลาส พระพุทธชินราช พระพุทธชินศรี ยินดีนิยมนับถือด้วยกันเป็นอันมากไม่วางวาย และคนที่เป็นประขาว
มานั้น ก็เห็นปรากฏชัดว่ามิใช่มนุษย์ เพราะฉะนั้นจึงเห็นว่าพระพุทธรูปทั้งสามพระองค์นี้มีเทวดาทำ ชนทั้งปวงจึงได้นับถือ
บูชาเป็นอันมากมาจนทุกวันนี้แล
ข้อความที่คัดมานี้เป็นตำนานว่าพระพุทธชินราชอาจจะสร้างจากกายเนื้อของพระบรมศาสดา
ไฟล์แนบ
#16
โพสต์เมื่อ 16 June 2006 - 11:30 AM
-----อยากรู้มานานแล้ว
#17
โพสต์เมื่อ 27 March 2007 - 10:36 PM
MYTH IS A MAN MADE STORY FOR SOME REASON KIDS.
MAY BE YOU WANT FIRE ABOVE YOUR HEAD.
#18
โพสต์เมื่อ 24 June 2007 - 08:17 PM
#19
โพสต์เมื่อ 25 June 2007 - 08:48 AM
#20
โพสต์เมื่อ 10 May 2008 - 09:35 PM
แต่ขี้เกียจอ่านต่ออ่ะ
นั่งสมาธิดีกว่าจ้า
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..