ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

มุมมองของชาวต่างชาติต่อคนไทย


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 13 March 2006 - 11:26 PM


มุมมองของชาวต่างชาติต่อคนไทย

เกรียงศักดิ์ นิรัติพัฒนะศัย

10 กันยายน 2545

เป็นข้อคิดที่ดีมากอยากให้คนไทยทุกคนได้อ่านกัน มุมมองของชาวต่างชาติต่อคนไทย
อยากให้ลองอ่านดู เป็นพฤติกรรมของคนไทยอย่างแท้จริง พอดีไปอ่านเจอในหนังสือ Business.com เห็นว่าดี
มุมมองของชาวต่างชาติ ที่ทำงานในประเทศไทยที่มีต่อชาวไทย
บทความต่อไปนี้คือบางส่วนที่คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับชาวไทย
โดยเป็นผลคำตอบหลังจากทำ Survey จากคำถามที่ว่า

"ในฐานะที่ท่านเป็นชาวต่างชาติท่านคิดว่าพฤติกรรมหรือบุคลิกเรื่องใดบ้าง
ที่เป็นจุดอ่อนของเพื่อนร่วมงานชาวไทยในที่ทำงาน ซึ่งท่านคิดว่าควรเลิก
พฤติกรรมหรือเปลี่ยนบุคลิกเหล่านั้นเสีย" และมีดังต่อไปนี้

1. ทัศนคติต่อการเปลี่ยนแปลง
- ไม่ค่อยยอมรับการเปลี่ยนแปลงชาวไทยชอบที่จะยึดติดกับวิธีการทำงานรูปแบบเดิมๆ
- การเปลี่ยนแปลงวิธีการใหม่ ๆ มักจะถูกมองว่าเป็นการสร้างความรำคาญใจและรบกวนพวกเขาเสม


2. กล้าพูด/กล้าแสดงออก/กล้าแสดงความคิดเห็น/กล้าถาม
- ไม่พูดในสิ่งที่ควรพูดเมื่อเวลาทำการเจรจาต่อรอง (น่าจะหมายความว่าขี้เกรงอกเกรงใจ ไม่กล้าเจรจาต่อรอง โดยปล่อยให้อีกฝ่ายเอาเปรียบเมื่อเจรจาต่อรอง ทั้ง ๆ ที่รู้แต่ไม่กล้าจะพูดออกมา)

3. ไม่สามารถจะพูดสิ่งที่ควรพูดออกมาในช่วงเวลาที่ควรพูด
- ไม่กล้าที่จะเสนอแนะความเห็นเพื่อให้ปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้น
- อยากให้คนไทยกล้าที่จะถามมากกว่านี้ หากสงสัย ถามหากไม่แน่ใจ โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับเป้าหมายของงาน


4. คำมั่นและความเป็นเจ้าของ (Commitment / Ownership)
- ความผูกพันรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ค่อยยอมตั้งเป้าหมายในขณะที่งานบางอย่าง
ต้องทำให้ลุล่วงภายในกำหนดเวลา
– ไม่ยอมผูกพันและรับผิดชอบเป็นลายลักษณ์อักษร
- รอให้ปัญหาเกิดแล้วค่อยแก้ แทนที่จะวางแผนป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิด (จะต้องให้มีการสั่งเสมอ)


5. คอยบอกแต่ข่าวดี
- ไม่บอกผู้บังคับบัญชาชาวต่างชาติเมื่อเกิดปัญหาขึ้นจนกระทั่งบานปลายไปเกินแก้ไขได้
• บอกในสิ่งที่คิดว่าผู้บังคับบัญชาต้องการฟัง มีแต่เรื่องดี ๆ แทนที่จะบอกเล่าไปตามความจริง เช่นว่า
"งานนี้ผมทำเสร็จแน่นอนครับ" และในความเป็นจริงไม่เคยเสร็จตามวันเวลาที่รับปากไว้
• กล้าที่จะบอกว่า มีปัญหาเกิดขึ้น


6. ไม่เป็นไร (Pro-active / Mai pen rai / Wait and See)
- รอให้ปัญหาเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยแก้
- ทักษะในการวิเคราะห์ โดยเฉพาะการวิเคราะห์ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น
- ไม่สุขุมรอบคอบ ไม่มองการณ์ไกล


7. การบริหารเวลา / ทักษะในการทำงาน
- ไม่สามารถทำงานร่วมกันเป็นทีมได้
- เรียนรู้และฝึกฝนทักษะในการทำงานเพียงเพื่อให้พอทำงานได้เท่านั้น แม้ว่าอาจจะมีรายละเอียดของสิ่งที่จะต้องเรียนรู้มากก็ตามจะไม่ค่อยพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพสูง
และไม่ค่อยมุ่งมั่น และภาคภูมิใจสู่ความเป็นเลิศเท่าใดนัก
- พนักงานชาวไทยที่ผมรู้จักส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้สึกกระตือรือร้นที่จะเรียนรู้เรื่องราวความเคลื่อนไหวของโลกเท่าใด


8. ความซื่อสัตย์
- พนักงานคนไทยควรจะมีความซื่อสัตย์และตรงไปตรงมามากกว่านี้

9. ระบบพวกพ้องและอาวุโสนิยม
- ชาวไทยมักจะนำเพื่อนฝูงมาเกี่ยวข้องกับธุรกิจเสมอ ผมไม่เคยชอบวิธีการดังกล่าวเลย ตัวอย่างเช่น
การจัดซื้อสิ่งต่าง ๆ ภายในสำนักงาน พวกเขามักจะแนะนำเพื่อน ๆ มาก่อน
โดยไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทที่ควรจะได้รับเลย นี้เป็นประสบการณ์จริงที่ประสพมา
การให้ความช่วยเหลือเพื่อนไม่ใช่เรื่องแปลก แต่การที่ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทเลย เป็นอะไรที่แย่
- ปกป้องและทำไม่รู้ไม่เห็นเมื่อเพื่อนพนักงานด้วยกันทุจริต


10. ยึดติดกับระบบอาวุโสนิยม

- เปลี่ยนทัศนคติจาก "บอกฉันมาว่าขั้นตอนเป็นอย่างไร แล้วฉันจะลงมือทำตามที่บอก
" มาเป็น "ผลลัพธ์ที่คุณต้องการให้ฉันทำคืออะไร
และฉันมีทรัพยากรอะไรบ้างเพื่อช่วยให้ฉันทำงานนั้นลุล่วงได้ตามที่เราจะตกลงกัน"
- อย่าหลับหูหลับตาทำตามที่หัวหน้าบอกทุก ๆ เรื่องโดยไม่ยอมใช้ความคิดของตนเอง
- อย่าหวังพึ่ง "พี่ชาย" ให้คอยบอกให้ทำทุก ๆ อย่า


11. แยกไม่ออกระหว่างเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว

- ไม่แยกแยะเรื่องานและเรื่องส่วนตัวออกจากกัน
- สอดรู้สอดเห็น โดยเฉพาะเรื่องส่วนตัว
– การพูดคุยกันเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวกับงานมากเกินไป บางครั้งทำให้บานปลายและนำไปสู่ข่าวลือ
และการติฉินนินทา กันภายในสำนักงาน อื่น ๆ
- ลาออกจากบริษัทโดยไม่แจ้งล่วงหน้าแต่กลับคาดหวังว่าจะได้รับผลประโยชน์เต็มที่
- ไม่ยอมรับภารกิจและความรับผิดชอบที่มีมากขึ้นในช่วงวิกฤติ
- ต้องการมากขึ้นแต่กลับไม่ค่อยสร้างคุณค่างานอะไรเพิ่มขึ้นเลย
- องค์กรควรจะมุ่งเน้นการจัดหาบุคลากรที่มีคุณสมบัติตรงกับงาน
แทนที่จะสรรหาคนที่มีคุณสมบัติสูงล้นเกินลักษณะ ของงานที่รับผิดชอบ


.....



#2 Omena

Omena
  • Members
  • 1409 โพสต์
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

โพสต์เมื่อ 14 March 2006 - 07:18 PM

ตรงมากๆค่ะ
ชาวไทยเป็นกันเยอะ
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#3 laity

laity
  • Members
  • 214 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 March 2006 - 07:56 PM

4. คำมั่นและความเป็นเจ้าของ (Commitment / Ownership)
- ความผูกพันรับผิดชอบในงานที่ได้รับมอบหมาย โดยไม่ค่อยยอมตั้งเป้าหมาย ในขณะที่งานบางอย่าง ต้องทำให้ลุล่วงภายในกำหนดเวลา
– ไม่ยอมผูกพันและรับผิดชอบเป็นลายลักษณ์อักษร
- รอให้ปัญหาเกิดแล้วค่อยแก้ แทนที่จะวางแผนป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิด (จะต้องให้มีการสั่งเสมอ)

จริงอย่างยิ่ง..อย่างที่ ผมโพสในเว็บถามแค่ว่า "อยากทราบว่า ก่อนจะถึงปีหน้า แต่ละคนจะทำอะไรกันบ้าง ให้วัดฯ และหลวงพ่อ และจะไปอยู่ที่ไหนในวัด ในวันที่มีคนมากันหนึ่งล้าน ที่วัดฯ" มีคนวางแผนจะทำอะไรก่อนถึง แค่สี่คน จากเกือบสองร้อยคลิก คิดง่าย ๆ คือ เกือบทุกคนไม่อยากผูกพัน และรับผิดชอบเป็นลายลักษณ์ัอักษร มีแต่คนชอบพูด เก่งแต่เขียนสนุก ชอบวิจารณ์ แต่พอจะให้ต้องทำอะไร ไม่อยากรับผิดชอบและผูกพัน (คือไม่อยากทำ) ทำให้ผมสงสารพุทธศาสนา เห็นใจวัด และหลวงพ่อ ที่คิดใหญ่ขยายไปทั่วโลก เพราะว่าเจอแต่คนไม่จริง..น่าเศร้า
อย่าให้อุปสรรคใด ๆ มาขัดขวางในชีวิตการสร้างบารมี และ
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา

โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

#4 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 16 March 2006 - 12:57 AM

หากสามารถนำหลักดังกล่าวมาปรับใช้ได้อย่างจริงจังแล้วล่ะก็ ประเทศของเราคงจะเจริญก้าวหน้ามากกว่าที่เป็นอยู่ในขณะนี้อีกมากเลยครับ

#5 บุญรักษา

บุญรักษา
  • Members
  • 189 โพสต์
  • Interests:ขอชีวิตงดงามตามที่ฝัน ขอทุกวันเป็นวันอันสดใส ขอทุกก้าวคือก้าวที่มั่นใจ ขอวันใหม่ก้าวไกลไปกว่าเดิม

โพสต์เมื่อ 17 March 2006 - 01:51 AM

อ่า ในความคิดผมบางส่วนก็เห็นด้วยครับ

แต่ว่า ในสังคมประเพณีวัฒนธรรมแบบหนึ่งเอามาวัดมาตัดสินกับอีกวัฒนธรรมสังคมกัน คงยุ่งเหยิงน่าดูครับ

เช่น เรื่องความเกรงอกเกรงใจ นับถือ ความเป็นอาวุโส เหล่านี้ หากมองในด้านที่เป็นความถ่อมตน ซึ่งเป็นมงคลชีวิตข้อนึง มันทำให้สังคมบ้านเราอบอุ่นน่ะครับ

เรื่อง ไม่ซื่อสัตย์หรืออะไรต่าง ๆ ทำงานสายไม่กล้าแสดงออก หากเราช่วยกันเป็นกัลยาณมิตร
เชิญชวนกันมาศึกษาธรรมะอย่างถ่องแท้ เรื่องเหล่านี้จะไม่มีแน่นอนครับผม ส่วนระบบพวกพ้อง
คิดว่าเป็นธรรมดาในสังคมชาวเอเชียน่ะครับ ญี่ปุ่นเองก็มีระบบอาวุโสนิยม ระบบพวกพ้อง
เขายังรุดหน้าไปไกลเลย สิ่งที่เราขาดคือความสามัคคีหรือเปล่า หรือเรามีการเมืองที่ล่อแร่ ๆ มาตลอด บ้านเมืองก็สะดุดงก ๆ เงิ่น ๆ พอมีการเมืองที่เข้มแข็ง คนส่วนหนึ่งก็หวาดระแวงตีโพยตีพายไปแร่ะ ก็องศาน้อย ๆ น่ะครับ
ไม่มีสิ่งใดจะมอบให้ นอกจาก....ความจริงใจที่เต็มปรี่ เริ่มต้นผูกพันกันวันนี้ เพื่อมิตรไมตรีที่ดี..ตลอดไป เราต่างก็...มีไฟฝัน พร้อมจะสร้างสรรค์..เพื่อวันใหม่ ขอให้เรา....ต่างเป็นกำลังใจ เพื่อไปสู่จุดหมายที่...ยังรอ

#6 BOG-BOG

BOG-BOG
  • Members
  • 293 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 June 2006 - 10:03 AM

นิสัยของคนไทย





คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว คนชั่วชอบทำลาย คนมักง่ายชอบทิ้ง คนจริงชอบทำ คนระยำชอบติ !!!!

#7 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 31 July 2006 - 11:20 PM

มีมุมมองของชาวอังกฤษ ที่มองเห็นความโชคดีของคนไทย 3 ประการ

คัดลอกมาจาก

คนไทยกับคำสอนในหลวง.

โดยเปลว สีเงิน คอลัมน์ คนปลายซอย หน้า ๕ นสพ.ไทยโพสต์ ฉ. 5 พค.49
www.######.com/cafe/wahkor/topic/X4...3/X4569673.html

....ผมจะนำบทสัมภาษณ์ นายมาร์ติน วีลเลอร์. ชาวอังกฤษ ผู้มีปริญญาตรีเกียรตินิยมจากมหาวิทยาลัยลอนดอน แต่มาปักหลักเป็น เกษตรกรไทย.
มีลูก-มีเมียเป็นคนไทยอยู่ขอนแก่นขณะนี้ ให้อ่านเพื่อได้คิดกัน
ซึ่งหนังสือ เราคิดอะไร. ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๔๗ เขาตีพิมพ์ไว้ โดยเริ่มจากตอน

นิยามความรวยกับความจน

มันเป็นเรื่องแปลกนะที่ประเทศไทยคนยากจนมีหนี้สินเยอะ ที่อังกฤษมีแต่คนรวยที่เป็นหนี้สิน คนจนไม่มีหนี้
เพราะเขาไม่ให้คนจนยืมเงิน เนื่องจากกลัวจะไม่มีปัญญาใช้คืน จึงไม่มีสิทธิ์มีหนี้สิน

แต่คนรวยยืมเงินได้ คำว่ารวยกับคำว่าจน มันคืออะไรกันแน่
ที่ขอนแก่นเขาว่าผมบ้าบ้าง ฝรั่งยากจนบ้าง ฝรั่งตกอับบ้าง ฝรั่งขี้นก ฝรั่งไม่มีเงิน
แต่ผมบอกว่าไม่ใช่ ผมรวยนะ
เขาถามว่ารวยได้ยังไง ผมบอกว่า

๑.ผมมีบ้าน ผมทำบ้านเล็กๆ เป็นกระท่อมน้อยๆ เอาหญ้ามามุงหลังคา ชาวบ้านเขาเรียกว่า เถียงนา.
ไม่ใช่บ้านหรอก ผมบอกว่าใช่ มันบ้านของผม ไม่ใช่บ้านเจ้านาย ราคาหนึ่งหมื่นสองพันบาท อยู่ได้ครับ
มันกันแดดกันฝนได้ แค่นั้นผมก็รวยแล้ว

๒.มีที่ดินแค่ ๖ ไร่เท่านั้นเอง ที่นั่นเขาบอกว่ากระจอก มีนิดเดียว
แต่สำหรับฝรั่งมันเยอะมาก จริงๆผมคิดว่ามันเป็นเรื่องสำคัญ เป็นพื้นฐานของชีวิตเราต้องมีที่อยู่อาศัยเป็นของเรา
ไม่ใช่ของเจ้านาย เพราะว่าถ้ามันเป็นของเจ้านาย เราต้องไปหาเงินให้เขา
ถ้าเราไม่มีเงินเขาก็ไล่เราออก
เราไม่มีที่อยู่นะ เพราะฉะนั้น ต้องมีบ้านเป็นของตัวเองไว้ก่อน
ซึ่งผมก็มีบ้าน คิดว่าลูกของผมจะต้องมีบ้านแน่ๆด้วย

เรื่องเกษตรผมทำไม่เก่ง แต่ที่ทำได้ง่ายคือปลูกต้นไม้ ไม้ประดู่ ไม้สะเดา ไม้ยาง ปลูกไว้ให้ลูกสร้างบ้าน
ประเทศไทยอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้โตเร็วมาก แค่ ๒๕-๓๐ ปี ตัดได้แล้ว ไม่เหมือนอังกฤษ ๒๐๐ ปี ได้เท่านี้เอง
เพราะอากาศเย็น

เป็นเรื่องแปลกที่คนไทยจะบ่น โอ๊ย....มันร้อนๆ ผมว่ากลับเป็นเรื่องดี
แสงแดดเยอะจะทำการเกษตรได้ตลอดเวลา ๑ ปี ทำได้ทุกวัน
แต่คนไทยจะบ่นว่าร้อนๆๆ ไม่เอา...ไม่เอา..อยากเป็นคนผิวขาวดีกว่า

แต่คนอังกฤษเขาถือคนผิวขาวเป็นคนจน เพราะว่ามันไม่มีปัญญาจะไปเมืองนอก
ซึ่งกลับกันเลย แม้แต่พ่อของผม เขาก็ยังมีเครื่องอาบแดดเพื่อให้ผิวเป็นสีแทน ให้ดูแบบคนมีสตางค์
แต่คนไทยกลับอยากมีผิวขาว

วิธีคิดไม่ธรรมดาของมาร์ติน วีลเลอร์

ผมมีลูก ๓ คน ชาย ๒ หญิง
สิ่งสำคัญที่สุด ๒ เรื่องในชีวิตของเราคือ

๑. ต้องมีบ้านเป็นของตนเองให้ได้ จึงจะถือว่าชีวิตประสบความสำเร็จ
๒. ต้องมีงานทำทุกวัน ไม่ได้จำกัดว่าเป็นงานอะไร แต่ขอให้มีงานทำทุกวัน ชีวิตจึงจะไม่สูญเปล่า

วิธีเดียวที่รับประกันได้ว่าลูกมีงานทำ คือการมีที่ทำกินให้เขา และเราต้องช่วยให้เขาทำเป็น

ผมคิดว่าคนชนบทจริงๆ ใครมีที่ดินทำกินแล้วจะไม่ตกงาน เว้นแค่คนขี้เกียจ
ซึ่งบางคนมีที่ดินเยอะ แต่ไม่ยอมทำ ถ้าเราสั่งสอนให้ลูกรู้จักทำมาหากิน เขาก็ไม่ตกงาน

ผมถือว่างานที่อิสระและมีประโยชน์มากที่สุดคืองานเกษตร ซึ่งช่วยให้เรากินอิ่มทุกวัน
คนอังกฤษกินไม่อิ่มเยอะมากนะ ผมไม่อยากให้ลูกของผมอดอาหาร
อยากให้ลูกกินอิ่มในลักษณะที่ส่งเสริมสุขภาพด้วย กินอาหารที่ไม่มีสารพิษ กินอาหารแบบเรียบง่ายก็ได้
แต่อิ่มทุกวัน เมื่อมีบ้าน มีงาน มีอาหาร ลูกของผมก็จะรวยที่สุด....ฯลฯ

จุดอ่อน-จัดแข็งของคนไทย

ผมคิดว่าคนไทยส่วนมากยังไม่เข้าใจระบบทุนนิยม เห็นฝรั่งที่ไหนก็คิดว่ารวยหมด
คิดว่าการพัฒนาในระบบทุนนิยม จะทำให้ทุกคนมีเงิน ไม่เข้าใจว่าประเทศที่พัฒนาระบบทุนนิยมนานแล้ว
เช่น อังกฤษ สหรัฐ มีปัญหาเยอะมาก
แต่คนไทยก็คิดว่าเมืองนอกดีกว่า อันนี้จุดอ่อนครับ

คือคนไทยสนใจเมืองนอก ไม่ได้สนใจประเทศไทย
ผมเป็นฝรั่ง คุณเลยนั่งฟังผม ถ้าผมเป็นชาวบ้าน คุณจะไม่สนใจผม
อันนี้เป็นจุดอ่อน


แต่จุดแข็งคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
แผ่นดินประเทศไทยอุดมสมบูรณ์มากๆ มีดินเยอะมาก น้ำเยอะมาก
แสงแดดเยอะมาก ทำเกษตรอยู่รอดแน่ ใครๆก็อยากได้ประเทศไทย
ผมก็ได้ถึง ๖ ไร่

คนไทยโชคดีมากๆ ที่ได้ในหลวงเป็นผู้นำ
พระองค์ท่านเป็นคนที่ทำงานหนักมาก เพื่อช่วยให้คนได้คิด
ช่วยให้คนอยู่ได้ จะหากษัตริย์ในประเทศอื่นไม่ค่อยมีแบบนี้

ปัญหาคือคนไทยส่วนมากนับถือในหลวง แต่ไม่ยอมปฏิบัติตามคำสอนของในหลวง

พระองค์ท่านบอกว่า ๒๗ ปี ถึงเศรษฐกิจพอเพียง แต่คนไทยไม่รู้จักพอเพียง
เอาอย่างเดียว ถึงยกมือไหว้ในหลวง แต่เวลาดำรงชีวิต ไม่ได้ทำตาในหลวง
ก็ในหลวงบอกไว้แล้วว่าไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นเสือ ขอให้มีอยู่มีกินไว้ก่อน

ถ้าทุกคนเริ่มคิดจริงๆถึงสิ่งที่ในหลวงพูด เราน่าจะช่วยให้ประเทศไทยอยู่ได้
เพราะความคิดของในหลวงเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง ต้องอาศัยพลังแผ่นดิน ทำได้เฉพาะประเทศไทยนะ

เศรษฐกิจพอเพียง ที่อื่นทำไม่ได้หรอก เพราะเขาไม่มีที่ดิน ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติเยอะเหมือนประเทศไทย

พวกคุณโชคดีที่ได้แผ่นดินดีๆ ได้ผู้นำ(ในหลวง)ที่ดีด้วย

และเรื่องที่ ๓ เรื่องศาสนาผมคิดว่า
ศาสนาพุทธมีความสำคัญมากๆ สำหรับคนไทย ไม่ใช่แค่นับถือไหว้พระ แค่นั้นไม่พอ แต่อยู่ที่การปฏิบัติด้วยนะ
มักน้อย สันโดษ พอเพียง ธรรมะคือธรรมชาติ เป็นเรื่องง่ายๆ พึ่งตนเองก็ได้ ปรัชญาของศาสนาพุทธ ทำได้นะ

แต่คนไทยจำนวนน้อยที่เข้าใจ จริงๆ แล้วศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่ออกแบบให้เหมาะสมสำหรับคนบ้านนอก
ให้ใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติ โดยไม่ทำลาย ไม่เอาเปรียบ แต่ให้เราเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ

อยากบอกอะไรคนไทย

คุณโชคดีมากๆที่เกิดในประเทศไทยที่อุดมสมบูรณ์ ไม่ต้องไปรบกับใคร ไม่ต้องไปเอาน้ำมันจากใคร
ไม่ต้องไปเบียดเบียนคนอื่น ประเทศไทยอยู่ได้ กินอิ่ม มีเหลือแจกด้วย
อย่าไปคิดเรื่องเงินอะไรมาก อย่าลดคุณค่าความเป็นไทยของตัวเองลง
คนไทยส่วนมากนิสัยดีจริงๆ คนไทยมีน้ำใจ หายากนะ


คนไทยมี
พระเจ้าอยู่หัว
มีแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์
มีศาสนาพุทธที่ดีมาก


ทั้ง ๓ อย่างนี้ พยายามรักษาเอาไว้ให้ได้
ชีวิตที่ไม่ทะเยอทะยานเกินไป คือชีวิตที่มีคุณภาพ ชาวบ้านทุกคนทำได้
ผมเองถึงยังทำไม่สำเร็จ แต่มั่นใจว่าจะทำได้แน่ในอนาคต

ถ้าผมทำได้ คนอื่นก็คงทำได้ง่ายกว่าผมเยอะ ทุกอย่างอยู่ที่เรา
ถ้าเราไม่อยากได้อะไรมากเกินไปในชีวิต ชีวิตมันก็ง่าย
พยายามทำชีวิตให้มันง่ายขึ้น อย่าให้มันสับสน อย่าให้มันลำบาก พยายามรักษาสิ่งแบบนี้ให้ดี

และอย่าเชื่อฝรั่งมากเกินไป.............

ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม