ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ทำบุญกับพระปลอมขึ้นสวรรค์ ทำบุญกับพระอรหันต์ตกนรก


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 18 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ณนนท์

ณนนท์
  • Members
  • 57 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 November 2008 - 03:12 PM

เคยได้ยินเรื่องเล่าจากพระไตรปิฏกที่มีคนทำบุญกับคนที่ปลอมเป็นพระ
แต่ในใจคนทำนั้นคิดว่าเป็นพระจริง คนทำบุญได้ขึ้นสวรรค์

ส่วนอีกคนทำบุญกับพระอรหันต์ แต่ในใจคิดว่าเป็นพระปลอมหรือเปล่า
คนทำบุญคนนี้กลับตกนรก

ใครทราบบ้างว่าเรื่องนี้ หรือเนื้อหาใกล้เคียง อยู่ในพระไตรปิฏกเล่มไหน บทไหน

#2 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 15 November 2008 - 04:18 PM

ค้นได้แต่ Link นี้ครับ
(ผมหัดฝัน ขออภัยนะครับ ที่ต้องลบ Link ออก เพราะข้อความใน Link ในส่วนท้ายๆ อาจจะไม่มีในพระไตรปิฎก เกรงว่าจะทำให้เข้าใจผิดพลาดกันภายหลังได้ครับ)
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#3 kasaporn

kasaporn
  • Members
  • 870 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 November 2008 - 06:10 PM

ขอเซฟไว้หน่อยค่ะ ลิงค์นี้ อ่านแล้วได้แง่คิดดีค่ะ

#4 ณนนท์

ณนนท์
  • Members
  • 57 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 November 2008 - 07:39 PM

ขอบคูณ นักเรียนอนุบาล หัดฝัน มากเลยครับ

แต่ว่าอยากได้ที่มาว่า เป็นเรื่องเล่าหรือว่ามีในพระไตรปิฏกจริงๆ

ถ้าอยู่ในพระไตรปิฏกอยู่ตรงไหน

#5 จอมเทพ

จอมเทพ
  • Members
  • 466 โพสต์

โพสต์เมื่อ 15 November 2008 - 08:40 PM

ใจเป็นธาตุสำเร็จครับ เรื่องทุกเรื่องจะดีหรือเลว ก็ขึ้นอยู่กับใจเราปรุงแต่งเองครับ ส่วนการจะปรุงแต่งถูกหรือผิดนั้น มันก็ขึ้นอยู่ว่า เราได้สร้างพื้นฐานของความเข้าใจในเรื่องนั้นๆมามากเพียงใด
กุญแจวิเศษ

#6 Tree

Tree
  • Members
  • 2076 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 November 2008 - 07:21 AM

ข้อที่น่าคิดคือ เราไม่ควรไปวิจารณ์พระในทางเสียๆ หายๆ ไม่ว่ากรณีใดๆ ก็ตาม



#7 koonpatt

koonpatt
  • Members
  • 616 โพสต์
  • Gender:Female

โพสต์เมื่อ 16 November 2008 - 09:31 AM

เรื่อง ทำบุญกับพระปลอมขึ้นสวรรค์ ทำบุญกับพระอรหันต์ตกนรก ที่คุณ ณนนท์ ตั้งกระทู้นั้น

พอจะหาที่มา และ แหล่งอ้างอิง ได้ดังนี้ค่ะ



ทานที่ให้ผลมาก และเรื่องของ "เศรษฐีผู้อยู่ในนรก"

ทานที่ให้ผลมากนับประมาณไม่ได้

ในข้อนี้จะเห็นได้ว่า เจตนาในการให้เป็นเรื่องสำคัญมาก จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าบุญจะได้มากหรือได้น้อย ในบางครั้งบุคคลผู้มีเจตนาดีทำบุญกับคนทุศีลได้ไปสวรรค์ บุคคลผู้มีเจตนาเสียไปทำบุญกับพระอรหันต์กลับตกนรก เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ลองมาศึกษากรณีต่อไปนี้

......พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงไว้ใน ฉฬังคทานสูตร จตุตถวรรคแห่งปฐมปัณณาสก์ อังคุตตรนิกาย ว่า


" ภิกษุทั้งหลาย ทานที่ประกอบด้วยองค์ ๖ คือ
องค์ของผู้ให้ ๓ อย่าง
องค์ของผู้รับ ๓ อย่าง

องค์ของผู้ให้ ๓ อย่าง ( เจตนา ๓ ) คือ
๑. ก่อนให้ก็ดีใจ
๒. กำลังให้ก็มีใจผ่องใส
๓. ครั้งให้เสร็จแล้วมีความเบิกบานใจ

องค์ของผู้รับ ๓ อย่าง คือ
๑. เป็นผู้ปราศจากราคะ หรือปฎิบัติเพื่อความไม่มีราคะ
๒. เป็นผู้ปราศจากโทสะ หรือปฎิบัติเพื่อความไม่มีโทสะ
๓. เป็นผู้ปราศจากโมหะ หรือปฎิบัติเพื่อความไม่มีโมหะ

ทานที่ประกอบด้วยคุณลักษณะ ๖ ประการนี้ เป็นบุญใหญ่ นับไม่ได้ ประมาณไม่ได้ ยิ่งใหญ่นัก

เหมือนน้ำในมหาสมุทร นับหรือคำนวณไม่ได้ว่ามีขนาดเท่าใด ทานที่พรั่งพร้อมด้วยคุณลักษณะเหล่านี้

ย่อมเป็นที่หลั่งไหลแห่งบุญ หลั่งไหลแห่งกุศล นำความสุขมาให้ให้อารมณ์เลิศด้วยดี มีวิบากเป็นสุข

เป็นไปพร้อมเพื่อการเกิดขึ้นในสวรรค์ ( มีบุญที่สะสมไว้ดีแล้ว มากพอที่จะเกิดในสวรรค์ )

ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์ที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ "


.......ดังนั้น ถ้าเราต้องการทำทานให้ได้บุญมาก ให้เกิดบุญอย่างจะนับจะประมาณไม่ได้ ก็ควรที่จะประกอบเหตุแห่งทานให้ครบองค์ ๖ ดังที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสอนไว้ข้างต้น ในองค์ ๖ ที่กล่าวมานั้น เป็นส่วนของผู้ให้ ๓ อย่าง เป็นส่วนของผู้รับ ๓ อย่าง ถ้าเราได้ผู้รับที่ดี แต่เจตนาเราไม่ดี บุญย่อมหกย่อมหล่นไปแต่ถ้าเจตนาเราดี บุญย่อมเกิดขึ้นเต็มที่

ในข้อนี้จะเห็นได้ว่า เจตนาในการให้เป็นเรื่องสำคัญมาก จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าบุญจะได้มากหรือได้น้อย ในบางครั้งบุคคลผู้มีเจตนาดีทำบุญกับคนทุศีลได้ไปสวรรค์ บุคคลผู้มีเจตนาเสียไปทำบุญกับพระอรหันต์กลับตกนรก เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร ลองมาศึกษากรณีต่อไปนี้


พระราชาทำบุญกับคนทุศีล

.......สามีภรรยาคู่หนึ่ง เป็นคนยากจนมาก หาเลี้ยงชีพด้วยการขอทาน เดินทางมาอาศัยอยู่ที่ศาลาแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง ในขณะที่พักอยู่นั้น ภรรยาซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ เกิดอาการแพ้ท้อง อยากจะบริโภคอาหารที่พระราชาเสวย จึงอ้อนวอนสามีให้ไปหามาให้ บอกว่าหากมิได้บริโภคอาหารที่ต้องการนี้จะต้องตายเป็นแน่แท้ ฝ่ายสามีผู้มีกรรมทนคำอ้อนวอนต่อไปไม่ไหว และเกรงว่านางจักตาย จึงคิดอุบายปลอมตัวเป็นพระภิกษุ และด้วยความที่ปลอมตัวมาใหม่ๆ จึงระมัดระวังตัวมาก ดูเหมือนเป็นผู้สำรวม เดินอุ้มบาตรไปในพระราชวัง เพื่อรับบิณฑบาต

ขณะนั้นเป็นเวลาที่พระราชาจักเสวยพระกระยาหารพอดี เมื่อทอดพระเนตรเห็นพระภิกษุเดินด้วยกิริยาอาการสำรวมมากเช่นนั้น ทรงจินตนาการว่า " ภิกษุนี้มีกิริยาอาการสำรวมน่าเลื่อมใสเป็นหนักหนา คงเป็นพระที่ทรงคุณวิเศษสักอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นแม่นมั่น " จึงเกิดพระราชศรัทธา ทรงนำพระกระยาหารอันเลิศรสที่จะเสวยใส่ลงในบาตรจนหมด ด้วยจิตที่เลื่อมใสยิ่ง

เมื่อพระภิกษุปลอมรับอาหารแล้วเดินจากไป ด้วยความเลื่อมใสอันมีอยู่มากมายในพระทัยของพระราชาจึงรับสั่งอำมาตย์คนสนิทให้รีบสะกิดรอยตามไป เพื่อให้รู้ว่าพระท่านมาจากไหน จะไปพักที่ไหน เพื่อว่าวันต่อไปจะนิมนต์มารับบาตรในพระราชวังอีก

.......ฝ่ายพระภิกษุปลอมนั้น เมื่อได้อาหารเต็มบาตรสมความปรารถนาแล้วก็ดีใจ รีบเดินไปจนสุดกำแพงพระราชวังเมื่อเห็นว่าปลอดผู้คนแล้ว จึงเปลื้องจีวรและสบงออกเป็นเพศคฤหัสถ์ตามเดิม แล้วนำเอาพระกระยาหารนั้นไปให้ภรรยาแพ้ท้องบริโภคตามความประสงค์

อำมาตย์ซึ่งสะกดรอยติดตามมาได้เห็นพฤติการณ์นั้นโดยตลอด ก็บังเกิดความตกใจและสังเวชใจคิดว่ามาเจอคนที่ปลอมตัวเป็นพระเสียแล้ว นี่ถ้าหากพระราชาทรงทราบเรื่องนี้เข้าจะต้องเสียพระทัยเป็นอย่างมากและผลบุญที่ได้ก็จะตกหล่นไป เพราะอปราปรเจตนา คือ เจตนาหลังจากที่ให้แล้วไม่สมบูรณ์ เมื่อคิดดังนี้แล้วก็เดินทางกลับไปเฝ้าพระราชา

พระราชาจึงตรัสถามว่า " ได้ความว่าอย่างไร บอกมาเร็วๆ พระนั้นอยู่วัดไหน ? " อำมาตย์จึงใช้กุศโลบายเพื่อรักษาศรัทธาของพระราชาไว้ กราบทูลว่า " ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ข้าพระพุทธเจ้าได้สะกดรอยตามพระรูปนั้นไป จนออกนอกกำแพงพระราชวัง พอตามไปสุดพระราชวังโน้น ท่านก็หายวับไปทันที "( ในที่นี้หมายถึงหายจากความเป็นพระกลายเป็นคฤหัสถ์ไป )

พระราชาได้ฟังดังนั้นทรงโสมนัสมาก มิได้ซักความเพิ่มเติมอีก ทรงคิดเอาเองว่า " บุญของเราแท้ๆ ที่ได้ถวายทานแด่พระอรหันต์ทรงคุณวิเศษ ท่านเป็นพระอรหันต์จริงๆ ปาฎิหาริย์หายตัวได้ทานที่ได้ถวายท่านในวันนี้มีอานิสงส์มาก เป็นทานที่ประเสริฐอย่างแน่ๆ " พระราชาทรงบังเกิดความปีติเบิกบานใจในบุญที่ได้ทำเป็นยิ่งนัก

พระราชาพระองค์นี้มีเจตนาทั้ง ๓ ระยะครบบริบูรณ์ และมีความเข้าใจว่าปฎิคาหกสมบูรณ์ด้วยองค์ ๓
ผลบุญที่ได้จึงมากมาย ส่งผลให้พระราชาเมื่อถึงคราวสวรรคตแล้ว ได้ไปบังเกิดในสุคติโลกสวรรค์ ยิ่งถ้าหากพระรูปนั้นเป็นพระจริง และปฎิบัติตามองค์ของผู้รับ ๓ ได้อย่างสมบูรณ์ ผลบุญที่พระราชาได้จะมากมายมหาศาลยิ่งขึ้น เพราะทำทานครบองค์ ๖ ซึ่งจะให้ผลมากนับประมาณมิได้




ส่วนข้อที่ว่า ทำบุญกับพระอรหันต์แล้วตกนรกนั้น มีเรื่องเล่าดังนี้

อปุตตกเศรษฐี

........ในอดีตกาล ครั้งเมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี มีเศรษฐีผู้หนึ่งไร้ความศรัทธา ทั้งตระหนี่เหนียวแน่นแสนหนักหนา อยู่มาวันหนึ่งเมื่อเศรษฐีจะไปเข้าเฝ้าพระราชา ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้านามว่า ตครสิขี กำลังเที่ยวบิณฑบาตอยู่ เกิดใจดี จึงสั่งคนรับใช้ให้นิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้า ไปรับอาหารที่บ้านของตน แล้วรีบรุดไปเฝ้าพระราชา ส่วนคนรับใช้นั้น เมื่อนำพระปัจเจกพุทธเจ้าไปถึงเรือนของเศรษฐีแล้วจึงบอกกับภรรยาเศรษฐีตามคำสั่งที่ได้รับมาทุกประการ

ฝ่ายภรรยาผู้มีศรัทธาเลื่อมใสในการทำบุญอยู่แล้ว พอได้ยินคำนั้นก็ดีใจว่า " เป็นเวลานานทีเดียว กว่าที่เราได้ยินคำว่า ทำบุญถวายทาน จากปากของเศรษฐี ความตั้งใจของเราจะเต็มเปี่ยมในวันนี้ เราจักได้ถวายทาน " นางจึงรีบจัดแจงโภชนาหารอันประณีตครบทุกอย่าง แล้วได้ถวายอาหารอันประณีตแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์นั้น ฝ่ายพระปัจเจกพุทธเจ้าพอรับอาหารแล้วก็เดินจากไป ด้วยสีหน้าเบิกบานผ่องใสเป็นปกติ

เศรษฐีครั้นเฝ้าพระราชากลับมาแล้ว ได้สวนทางกับพระปัจเจกพุทธเจ้านั้น มีความเข้าใจว่าท่านคงรับบิณฑบาตที่บ้านตนมาแล้ว จึงดูยิ้มแย้มแจ่มใส ทำให้สงสัยว่าจะต้องมีอาหารอะไรพิเศษแน่ ว่าแล้วก็ขอดูในบาตร ครั้นเห็นอาหารในบาตรมีความประณีตมาก จึงเกิดความร้อนใจเสียดายขึ้นมา แล้วคิดในใจว่า " ให้พวกทาสหรือกรรมกรกินอาหารนี้ยังดีกว่า เพราะพวกเขากินแล้วจะทำการงานให้เราได้ ส่วนสมณะนี้เมื่อบริโภคอาหารอันประณีตนี้แล้วก็มิได้ทำการงานใด อาหารที่เราถวายไปจะเปล่าประโยชน์ " เมื่อคิดอย่างนี้จึงไม่อาจจะรักษาเจตนาระยะสุดท้ายให้บริบูรณ์ได้


.......อีกคราวหนึ่ง เศรษฐีได้ฆ่าหลานชายคนหนึ่งของตน ( พ่อของหลานชายเป็นพี่ชายได้ไปบวชเป็นดาบส )เพราะความโลภในสมบัติ เนื่องจากหลายชายชอบพูดว่า " ยานพาหนะนี้เป็นของพ่อฉัน โคนี้เป็นของอา "พอเศรษฐีได้ยินคำนี้จึงโกรธ เกิดความริษยาและคิดว่า " ตอนนี้หลานยังเล็กอยู่ ยังพูดถึงขนาดนี้ ถ้าโตขึ้นจะไม่พูดถึงสมบัติยิ่งกว่านี้หรือ " จึงลวงหลานไปในป่า แล้วฆ่าทิ้งเสีย

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเล่าบุพกรรมนี้ให้แก่พระเจ้าปเสนทิโกศลทราบ แล้วตรัสว่า " มหาบพิตร ด้วยผลแห่งกรรมที่เศรษฐีได้ถวายบิณฑบาตแด่พระปัจเจกพุทธเจ้านั้น ทำให้ได้เข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ๗ ครั้ง และผลที่เป็นเศษกรรมทำให้เข้าถึงความเป็นเศรษฐี ๗ ครั้ง

ผลกรรมที่ถวายทานแล้วร้อนใจ เสียดายในภายหลัง ( กระแสกิเลสบังคับใจให้คิดตระหนี่ถี่เหนียว ) ทำให้จิตใจของเศรษฐีนั้นไม่น้อมไปเพื่อบริโภคอาหาร เพื่อใช้เครื่องนุ่งห่ม เพื่อใช้ยานพาหนะ เพื่อความสุขสบายอย่างเต็มที่ ( คือไม่สามารถใช้สมบัติที่ตนมีอยู่ได้อย่างเต็มที่ และความสุขที่จะได้จากสมบัตินั้นก็ไม่เต็มบริบูรณ์ )

ด้วยกรรมที่เศรษฐีนั้นฆ่าหลานชายจึงเข้าถึงอบายภูมิเป็นเวลานาน ผลที่เป็นเศษกรรมทำให้ถูกยึดสมบัติเข้าพระคลังหลวง ดูก่อนมหาบพิตร ด้วยว่าบุญเก่าของเศรษฐีหมดแล้ว และบุญใหม่ก็ไม่ได้สั่งสมไว้ดังนั้นในวันนี้เศรษฐีนั้นจึงยังอยู่ในมหาโรรุวนรก "

พระศาสดาตรัสว่า " มหาบพิตร บุคคลผู้มีปัญญาทรามได้โภคะแล้ว ย่อมไม่แสวงหาพระนิพพาน อนึ่ง ตัณหาเกิดขึ้นเพราะอาศัยโภคะทั้งหลาย ย่อมฆ่าคนเหล่านั้นตลอดกาลนาน "


.......ฉะนั้นบุญที่ได้ถวายทานกับพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เป็นพระอรหันต์ มีองค์แห่งผู้รับครบทั้ง ๓ ประการแล้ว

ถ้าผู้ให้รักษาเจตนา ๓ ได้ครบด้วย จะเกิดผลบุญอย่างจะนับจะประมาณไม่ได้ และบุญส่งต่อไปให้มีความสุข

ต่อเนื่องตลอดไป ดังเรื่องที่เล่านี้ เศรษฐีได้พบพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เป็นเนื้อนาบุญที่เลิศ ที่บริสุทธิ์ แต่ไม่รักษา

เจตนาให้บริบูรณ์ โดยเฉพาะเจตนาระยะสุดท้าย คือ เกิดความร้อนใจ เสียดายทรัพย์ ไม่สามารถตัดความตระหนี่

ขาดจากใจ บุญจึงหกหล่นไป ส่งผลไม่บริบูรณ์ ไม่เต็มที่ และบุญที่จะส่งต่อเกื้อกูลให้ทำความดียิ่งๆ ขึ้นไปก็ไม่มี

ทั้งยังมีใจที่โลภ ริษยา จึงเป็นเหตุให้ฆ่าหลานชาย และต้องตกนรกไปในที่สุด



.......บุคคลให้ทานไม่ได้ด้วยเหตุผล ๒ อย่าง คือ

ความตระหนี่ ๑

ความประมาท ๑

บัณฑิตผู้รู้แจ้งเมื่อต้องการบุญ พึงให้ทานแท้

คนผู้ตระหนี่กลัวความยากจน จึงไม่ให้อะไรๆแก่ผู้ใดเลย ความกลัวยากจนนั่นแหละจะเป็นภัยแก่ผู้ไม่ให้ คนตระหนี่ย่อมกลัวความอดอยาก ข้าว น้ำ ความกลัวนั่นแหละจะกลับมาถูกต้องคนพาล ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า

เพราะเหตุนั้น บัณฑิตพึงครอบงำมลทิน กำจัดความตระหนี่เสียแล้ว พึงให้ทานเถิด

เพราะบุญย่อมเป็นที่พึงของสัตว์ทั้งหลายในโลกหน้า

....( ๔๒ / ๔๒๕ พิลารโกสิชาดก )

จึงยังคง เชื่อมั่นและศรัทธาใน "รัก" เหมือนอย่างที่เคย...เสมอมา...และจะตลอดไป
แด่
เธอ...ผู้นำแสงสว่างสู่...กลางใจ

#8 253555

253555
  • Members
  • 66 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 November 2008 - 06:18 PM

เราเคยอ่านในหนังสืออ่า..

#9 ณนนท์

ณนนท์
  • Members
  • 57 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 November 2008 - 07:15 PM

ขอบพระคุณอย่างสูงครับ
นักเรียนอนุบาล koonpatt
สำหรับข้อมูลที่แบ่งปัน

#10 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 November 2008 - 09:07 PM

เท่าที่อ่านในกระทู้นี้ทั้งหมดแล้ว

สรุปได้ว่า เขาตกนรกเพราะ " ฆ่าหลาน "

ไม่ใช่ตกนรกเพราะ " เสียดายที่ทำบุญ "

ดังนั้น คำพูดที่ว่า " ทำบุญกับพระอรหันต์ตกนรก " จึงเป็นคำพูดที่ " ไม่ถูกต้องและผิดจากเนื้อหาสาระความเป็นจริงอย่างที่สุดและบาปอย่างมหันต์ด้วย " ที่เอาพระอรหันต์มาเล่นคำสัมผัสคล้องจองอย่างผิดๆ ผิดอย่างยิ่งยวดอย่างถึงแก่นของสาระ

อย่าสักแต่ว่า " กลอนพาไปด้วยความคึกคะนองใจและปาก อย่างผิดๆ "

แม้ได้ยินจากคนอื่นมา ก็ไม่ควรพูดต่อๆกันไป"โดยไม่เป็นประโยชน์"

ลองคิดถึงอนาคตดูว่า มันจะกลายเป็นคำพูดติดปากคนทั่วไป เหมือน " ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป "

แล้วคนทั่วๆไปก็จะ " เชื่ออย่างยิ่ง " ในคำพูดติดปากทั้งหลาย

นานวันไป คนก็จะคุ้นเคยกับ " ทุภาษิต "

และเพราะ " ความคุ้นเคยเป็นญาติอย่างยิ่ง "

" ทุภาษิต " ก็จะกลายเป็น " สุภาษิต "

จะยกตัวอย่าง " ทุภาษิตทั้งหลาย " เช่น

" แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร "

" ช่วยไม่ได้ มือใครยาวสาวได้สาวเอาซิวะ "

" ไม่เห็นแก่ตัว ฟ้าดินลงโทษ "

" ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ "

" ดื่มเหล้าเพื่อเข้าสังคม ไม่เป็นไร "

ฯลฯ

เห็นและรู้สึกกันหรือยังว่า " ทุภาษิต " กำลังจะกลายเป็น " สุภาษิตในชีวิตประจำวันของคนทั่วๆไป "

ก็เพราะ " ทุภาษิต " เหล่านี้(มีทุกชาติทุกภาษา) " โลกถึงพัง "

ดังนั้น ทุกท่าน เมื่อเห็นความคิดหรือคำพูดที่ " ชั่วร้าย " แม้เพียงเล็กน้อย

ก็ต้อง " ฉุกคิด " แล้วช่วยกัน กำจัดมัน, ห้ามมัน, ทำลายมัน

จะปล่อยตามยถากรรม,หยวนๆ,มาๆฮู,ม่ายเปนไร,เลยตามเลย,ไม่ได้เด็ดขาด

เพราะหายนะใหญ่ๆก็เกิดจากการรวมตัวกันของความชั่วเล็กๆจำนวนมาก(เหมือนไวรัส)

ดังนั้น เม็ดเลือดขาวๆ(ชุดอุบาสกอุบาสิกา)ทั้งหลาย ต้องรู้รักสามัคคีคือพลัง (อันนี้ก็กลอนพาไป แต่พาไปดี ok?)

#11 บ่าวอุบล

บ่าวอุบล
  • Members
  • 632 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 12:30 PM

คุณ DJ ลองเข้าไปอ่านใน link ที่คุณหัดฝันให้ไว้สิครับ ผมว่าตรงประเด็น เคยได้ยินพระอาจารย์เทศน์ก็ประมาณนี้นะครับ

#12 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 03:51 PM

คุณบ่าวอุบล ช่วยพิมพ์ทั้งสองกระทู้ ไปกราบเรียนถามพระอาจารย์รูปใดก็ได้ ว่าผมพูดถูกไหมนะครับ

http://www.dmc.tv/fo...showtopic=18671

#13 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 04:46 PM

ขอบคุณคุณ DJ ที่ให้มุมมองให้ผมอาจไม่ทันคิดด้วยครับ ส่วน Link ที่ผมได้มา ผมยังไม่เจอจากพระไตรปิฎกโดยตรง ก็ยังไม่ปักใจว่าจะต้องเป็นเช่นนั้นน่ะครับ

เพราะตามที่เคยได้ยินคือ ทำบุญกับโจรได้ขึ้นสวรรค์ อย่างเดียว ซึ่งอันนี้จริงแท้แน่ว่า สนับสนุนการทำดีได้ดี เพียงแต่ได้ดีมากหรือน้อยนั้นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งพระพุทธเจ้าท่านก็เทศน์ไว้ชัดเจนว่า ให้ทานกับสัตว์เดรัจฉานก็ได้บุญ ให้ทานกับคนทุศีลก็ได้บุญ (ซึ่งคนทุึศีลก็คือ พวกโจร เป็นต้นนั่นเอง) แต่ก็เป็นบุญมากน้อยลดหลั่นกันไป

แต่ตรงทำบุญกับพระอรหันต์ลงนรก ตามที่มีอยู่ใน Link ที่ผมหามาเองนี้ ยอมรับว่าผมก็พึ่งได้อ่านเหมือนกัน เดี๋ยวผมต้องลองไปค้นท่อนนี้ในพระไตรปิฎกก่อนนะครับ ตอนนี้ยังไม่ยืนยัน

นี่มีกัลยาณมิตร ช่วยชี้แนะ มันก็ดีอย่างนี้เอง ขอบคุณคือ คุณ DJ อีกครั้งครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#14 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 06:40 PM

ด้วยความยินดีครับ คุณหัดฝัน

จากที่ได้ดูน้องหัดฝันใน dmc , นอกจากเป็นกัลยาณมิตรแล้ว ยังเป็นรุ่นพี่(หลายปี)วิดยาจุฬาด้วย

สาธุรวบยอดกับคุณหัดฝันที่ตอบหลายๆกระทู้อย่างดีเยี่ยม

ส่วนเรื่องกระทู้นี้ บอกได้เลยว่า เขาอาศัยสัมผัสกลอนทำเรื่องเสีย

นิสัยคนไทย ขอแค่สัมผัสไพเราะ ก็จะพูดติดปากสนุกสนาน โดยไม่สนว่าเป็นเท็จและโทษมหันต์ ขอแค่มันส์ปากenjoyอย่างเดียว มีตัวอย่างมากมาย ขี้เกียจพิมพ์

แต่ประโยคชื่อกระทู้นี้ อันตรายสุดๆเลย ถ้าติดปากเป็น word of mouth เมื่อไรละก็

" ชาวบ้านจะไม่ใส่บาตร แล้วพระพุทธศาสนาจะอยู่ได้อย่างไร "

พี่จึงต้องอธิบายอย่างเต็มที่ ด้วยความหวังดีต่อทุกคน ไม่มีอคติต่อใครเวลาตอบกระทู้ เอาสาระcontentเป็นหลัก

เพื่อพระพุทธศาสนาเท่านั้น ไม่เอาใจใครและไม่กัดใครครับ

พี่ต่างหากที่ต้องขอบใจน้องหัดฝันที่กลับมาช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้ทันท่วงที เพราะดูๆจากน้องๆสมาชิกหลายๆคนที่มาตอบ , ยังไม่ get the right concept , ยังเข้าใจประเด็นผิดพลาด , ซึ่งผมเป็นห่วงมาก ยังปล่อยวางไม่ได้ เพราะเป็นประเด็นที่จ่อคอหอยพระพุทธศาสนาเลยทีเดียว

ได้อ่าน link ของหัดฝันแล้ว, เนื้อเรื่องตอนท้ายทะแม่งๆ, ผมคิดว่าคงไม่ได้มาจากพระไตรปิฎกโดยตรง, น่าจะเป็นสำนวนใหม่ที่นักเขียนหลังๆประพันธ์ขึ้นโดยอาศัยโครงเดิมแล้วต่อเติม, ความผิดพลาดคลาดเคลื่อนย่อมมีได้แน่นอน

#15 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 07:18 PM

เท่าที่อ่านเนื้อหา จากลิ้งค์ของ พี่ หัดฝัน , พระสูตรที่ koonpatt นำเสนอ และทัศนะของ น้า DJ

เห็นด้วยกับ น้า DJ
ทั้ง เรื่องการที่คนตกนรก ไม่ใช่เพราะทำกุศลกับพระอรหันต์
และเรื่องหายนะของการใช้ถ้อยคำที่ทำให้ความหมายบิดเบี้ยว ในทางเสียหาย ต่อคุณของพระรัตนตรัย
ครับ

ส่วนทัศนะเรื่อง สโลแกน ที่สร้างค่านิยมผิดๆ บิดเบี้ยว กระทั่งก่อความเสียหายในสังคม น่าสนใจดีครับ


ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#16 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 November 2008 - 07:47 PM

ขอบใจดีดีที่มาตอบ นึกว่าไปนั่งสมาธิ๗วัน เห็นหายไป

ได้กำลังใจแล้วค่อยอยากอธิบายต่อ เผื่อให้คนอื่นๆได้อ่านด้วย

เรื่องจิตวิทยามวลชนนั้น ไม่มีอะไรที่บังเอิญ ทุกอย่างล้วนวางแผนกันหลายๆสิบปี จัดตั้งทั้งนั้น

พูดแล้วยาว โดยสรุปคือ ต้องฉลาดทั้งในอุบายแห่งความเสื่อมและความเจริญ

มองโลกทุกแง่ ไม่ใช่แง่ดีอย่างเดียว

ตอนนั่งสมาธิ ต้อง innocence , แต่ตอนไม่ได้นั่งสมาธิ ต้อง make sense.

#17 ณนนท์

ณนนท์
  • Members
  • 57 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 November 2008 - 07:48 PM

อ่านข้อความของคุณ DJ แล้วไม่สบายใจ

เพราะเจตนาของกระทู้คือต้องการถามว่ามีไหม

ไม่ได้เล่นคำอะไรทั้งใน

อยากให้เปิดใจให้กว้างด้วยนะครับ

#18 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 20 November 2008 - 09:46 PM

คุณ ณนนท์ อย่ากังวลใจเลยครับ
เพราะที่มาของถ้อยคำนั้น มีมานานแล้ว
คุณ ณนนท์ ไม่ได้บัญญัติ เอง และไม่มีเจตนาในทางอกุศลต่อภาพรวมของพระพุทธศาสนา

ผมเข้าใจว่า การที่ คุณ DJ กล่าวไว้ นั้น

มาจากความห่วงใยในภาพรวมของพระพุทธศาสนา
เพราะ การขยาย เผยแผ่ ถ้อยคำ ที่ว่า
QUOTE
ทำบุญกับพระปลอมขึ้นสวรรค์
ทำบุญกับพระอรหันต์ตกนรก

เท่านั้นครับ
เพราะ
เป็นความความเข้าใจที่ผิดพลาด คลาดเคลื่อน จับประเด็นกฎแห่งกรรมไม่ถูกต้อง
หรือเข้าใจผิด ใ้นการส่งผลของทานกุศล

เมื่อ มีคนเข้าใจผิดตาม การพูดตาม ๆ กันต่อ ๆ ไป

กระทั่งอาจทำให้คนจำนวนมาก
มีค่านิยม ทัศนะคติที่สับสนในการการทำความดี

ก็จะเป็นเหตุให้คนจำนวนมาก ที่เข้าใจผิด จับประเด็นกฎแห่งกรรมผิด
และ้การส่งผลของทานกุศล แบบผิ ด ๆ
โดยฉพาะเมื่อทำทานกุศลกับภิกษุและหมู่สงฆ์

อาจก่ออกุศลกรรมบทอื่น ๆ ตามมาได้

เหมือน วลี ถ้อยคำ สโลแกนอื่น ๆ ที่มีคนพูดกันบ่อย ๆ มีมานาน
เช่น ทำดีได้ดี มีที่ไหน ทำชั่วได้มีมีถมไป

ด้วยวลีดังตัวอย่างที่ยกมานี้

ทำให้เมื่อคนมีโอกาสและสถานการณ์ สมควรทำความดี
กลับไม่กล้าทำความดี

แต่เมื่อมีโอกาสและสถาการณ์ให้ทำชั่ว จึงไม่กลัวกา่รทำชั่ว

แล้วก็ทำความชั่วกันมากมาย

คุณ ณนนท์ คงพอทราบมาบ้างนะครับ

ดังนั้น คุณ ณนนท์ คลายความกังวลใจเถิดครับ
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#19 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 November 2008 - 12:00 AM

สบายใจได้เลยครับ คุณ ณนนท์ , ผมเข้าใจเจตนาดีของคุณครับ , คนอื่นในอดีต เป็นคนเล่นคำนี้ครับ , ไม่เคยแม้แต่จะนึกตำหนิคุณเลย , สบายใจได้เต็มที่เลยนะครับคุณณนนท์.
ขอโทษที่มาตอบช้า เพิ่งว่างมาดูของเก่าๆครับ.
ต้องขอขอบใจดีดีอีกครั้ง อีกหลายๆครั้ง คุณดีกับน้ามาก ตอบได้ดีกว่าน้าตอบเองซะอีก ขอบใจหลายๆเด้อ.