ไปที่เนื้อหา


สิมโน

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 23 Dec 2005
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Mar 12 2009 04:48 PM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

MVเพลงอากาศยามเช้าในบรรยากาศทะเลสาปสวยๆครับ

09 March 2009 - 09:24 PM

MVเพลง อากาศยามเช้า ภาพจากทะเลสาป ลูกาโน่ ในประเทศสวิตส์ครับ


อุเบกขาในพรหมวิหาร ๔

14 November 2008 - 01:33 AM

บางทีเราอาจจะรู้สึกน้อยใจที่คนรอบข้างนิ่งเฉยต่อเรา หรือบางทีเรานั่นเองที่นิ่งเฉยต่อคนรอบข้าง

เมื่อไหร่ที่เราควรจะนิ่งเฉยอย่างเป็นกลาง หรือที่เรียกว่า วางอุเบกขา

อุเบกขามีอยู่ในธรรมหลายหมวดหมู่ มาทำความรู้จัก "อุเบกขาในพรหมวิหารสี่"

4 สิงหาคม 2551

อุเบกขาในพรหมวิหารสี่

รู้สึกไม่สบายใจ หวังใช้ธรรมเป็นที่พึ่ง จึงนึกถึงยาชุดที่เรียกว่า "อุเบกขา"
พอค้นไป พบว่า อุเบกขา นั้นมีอยู่ในธรรมหลายข้อ ในหลายมิติ
แต่ธรรมที่ใช้ให้เหมาะแก่เหตุ เวลานี้ น่าจะ "อุเบกขาในพรหมวิหารสี่"
ทุกข์ซึ่งเกิดจากความเศร้าหมองของจิต เนื่องจาก "กรุณา" ที่ไม่พอดี ไม่ถูกหลักธรรม


ความกรุณา คือ ความสงสารอยากจะช่วยเหลือเมื่อคนอื่นได้รับความเดือดร้อน ทุกข์ใจ อยากแก้ทุกข์ให้เค้า
ความเมตตา คือ ความปราถนาดีอยากให้เขามีความสุข อยากบำรุงสุขทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่น


เมื่อเราเจริญในธรรมทั้งสองไม่พอดี ในทำนองที่มากเกินไป อยากให้พ้นทุกข์ อยากให้มีสุข อยากมากไป โดยเริ่มเสียสมดุล จิตใจก็จะเริ่มไม่อยู่ในสภาวะกลาง ไม่นิ่ง ไม่สงบ เมื่อเขาไม่เป็นไปตามความอยากของเรา เขาไม่หายทุกข์เสียที จิตใจเราก็เริ่มเศร้าหมอง เขาไม่มีสุขเสียที จิตใจเราเองก็เริ่มขัดเคืองไม่พอใจ



สิ่งสำคัญที่ใช้กำกับในพรหมวิหารสี่ ก็คือ "อุเบกขา" คือ การวางเฉย การวางใจ ปล่อยวาง อย่างเป็นกลาง
"เป็นกลาง" ในที่นี้คือ เป็นธรรมชาติในสถานะกลางๆไม่เอนเอียง
"เป็นกลาง" โดยปราศจากความยินดีอันเป็นไปเพราะชอบ และปราศจากความยินร้ายอันเป็นไปเพราะชัง
มีใจที่หนักแน่นจนไม่ไหวเอน ไม่สั่นคลอน ไม่กระเพื่อมตามกระแสได้ง่าย นั่นคือต้องมีสติเท่าทัน มีความมั่นคงของจิต


"ปล่อยวาง" มิใช่นิ่งเฉย ไม่ใส่ใจ ไม่รู้ไม่ชี้ ใครจะทุกข์ร้อน ใครจะมีสุขช่างเขา อย่างนี้ก็มิใช่
การวางอุเบกขาย่อมใช้ปัญญาเป็นเหตุ วางด้วยความเข้าใจต่อธรรมชาติ เข้าถึงความเป็นไปแล้ว
เมื่อเราทำทุกอย่างตามหน้าที่ และปัจจัยอย่างดีที่สุดแล้ว เจริญด้วย เมตตา กรุณา มุทิตาแล้ว
เราก็ทำใจเป็นกลาง ใช้อุเบกขาวางเฉย เมื่อไม่อาจช่วยเหลือเขาได้มากกว่านั้นก็รักษาใจ เมื่อยินดีแล้วก็ไม่ลิงโลด
"เฝ้าดู" ด้วยจิตที่สงบนิ่ง ด้วยใจที่เป็นเมตตา กรุณา มุทิตา แล้วปล่อยวางก็ผลที่เกิดไปตามเหตุและปัจจัย


จบยาชุดที่ควรใช้รักษาตัวในเวลานี้ โปรดเข้าใจว่าเพื่อนคุณที่ดูเฉยเมย
อาจจะเฝ้าดูด้วยใจที่ปล่อยวางอย่างเป็นกลาง หรือกำลังเจริญธรรมในข้ออุเบกขาอยู่

_____________________________________________

links ที่เกี่ยวข้อง

http://th.wikipedia.org/wiki/อุเบกขา
http://www.nkgen.com/352.htm

ทำไมต้องบวชเพื่อตอบแทนคุณพ่อแม่?

12 November 2008 - 08:39 PM

ทำไมต้องบวชเพื่อตอบแทนคุณพ่อแม่?

โดย Grenadine1oz 12 พ.ย. 51 ขึ้น15ค่ำ เดือน11


การเป็นบุตรที่ดี ย่อมมีความกตัญญูกตเวทิตา เป็นองค์ประกอบหนึ่ง

ความกตัญญู หมายถึง การที่เรารู้จักบุญคุณท่าน ว่าท่านให้เกื้อหนุน อบรมเลี้ยงดูเรามา ทำให้เราเติบโต ได้รับความรัก ความเอาใจใส่เอื้ออาทร และพ่อแม่ให้ความเมตตาแก่บุตรอย่างไม่มีข้อจำกัด

การกตเวทิตา หมายถึง การที่เราตอบสนองแทนคุณท่าน ซึ่งทำด้วยกันได้หลายวิธี การเป็นลูกที่ดีเชื่อฟังคำสั่งสอน ให้การเลี้ยงดูท่าน เอาใจใส่ให้ความรัก ไม่ทำร้ายทำลายท่าน ด้วยกาย วาจาใจ

อนึ่ง หลักธรรมในพุทธศาสนาตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ในมงคลชีวิต ได้สรรเสริญคุณของบิดามารดาว่ามีคุณหาที่เปรียบเปรยมิได้ เพราะท่านได้ให้เราเกิดและเลี้ยงดูเรา การได้เกิดเป็นมนุษย์ มีโอกาสได้ทำความดีให้ยิ่งขึ้นไป พ่อแม่ที่มอบชีวิตจึงมีบุญคุณมาก เราเป็นบุตรจักทำอย่างไรที่จะตอบคุณท่านได้อย่างไร ท่านก็ได้ชี้แนะวิธีเอาไว้ ดังนี้




แม้เราเป็นบุตรจักแบกบิดามารดาไว้บนบ่าทั้งสองข้างของตน แล้วเลี้ยงดูท่านไว้อย่างนั้น โดยที่ท่านทำธุระทั้งหลายอยู่บนไหล่ของเรา ทั้งการกิน การนอน ตลอดจนปัสสาวะและขับถ่าย โดยมิให้ท่านได้ลงจากบ่าเลย ทำเช่นนี้ตลอดทั้ง 100 ปี มิได้ขาดสักวันเดียว ถึงอย่างนี้แล้วก็ตอบแทนคุณบิดามารดาไม่หมด

แล้วเราจักตอบแทนคุณบิดามารดาอย่างไรจึงได้ชื่อว่ากตเวทิตาอย่างแท้จริง

พระท่านก็ว่า การจะตอบแทนคุณท่านให้ได้อย่างถูกต้อง ถูกวิธี ดีที่สุด ก็คือ... การที่เราสามารถปิดประตูอบาย เปิดทางสวรรค์ให้แก่ท่าน ให้ท่านได้มีสุขทั้งชาตินี้ ชาติหน้า ไม่ตกต่ำไปในทางมิชอบ เพื่อประโยชน์สุขของท่าน ในสุขที่แท้จริง ซึ่งมีวิธีการขั้นตอนง่ายๆ โดยไม่ต้องพึ่งพาทรัพย์วัตถุมาก เหมือนที่เราเข้าใจในปัจจุบัน ว่าการเป็นลูกที่ดีนั้น ต้องขยันขันแข็งทำมาหาเลี้ยง บางครั้งก็ให้ความสำคัญกับงานมากกว่าพ่อแม่ด้วยซ้ำ โดยอ้างว่า นี่แหละคือวิธีการตอบแทนคุณบิดามารดา



นอกจากเลี้ยงดูท่านอย่างดี ให้ความเคารพ วิธีการเป็นลูกที่ดีอย่างง่ายๆ โดยถูกวิธี ถูกหลักธรรม ก็คือ...

ขั้นที่1 หากท่านยังไม่เชื่อในบาปบุญคุณโทษ ว่าทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ก็ขอให้บุตรได้ปลูกศรัทธานั้นเสีย ให้ท่านเกิดความเลื่อมใสธรรมในพุทธศาสนา ให้เคารพพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ

ขั้นที่2 หากท่านยังไม่มีศีล ยังไม่รู้จักศีลก็ขอให้บุตรได้มอบเครื่องป้องกันการทำความชั่วนี้ให้ท่าน ช่วยแนะนำท่านว่า การฆ่าสัตว์นั้นเกิดโทษ การลักทรัพย์นั้นเกิดโทษ ให้ท่านได้รักษาอย่างน้อยศีล5

ขั้นที่3 หากท่านเริ่มศรัทธาในการทำความดี การละทำความชั่วแล้ว ท่านเริ่มรู้จักศีลแล้ว ก็แนะนำให้ท่านมีเมตตา บริจาคทาน ให้ใจท่านปล่อยวางจากทรัพย์ ให้เกิดความปิติที่รู้จักการให้ ให้ได้รับสุขในเบื้องต้น ใจก็ฟูขึ้นเมื่อเราได้เป็นผู้ให้ จิตใจได้สัมผัสความดีปลดเปลื้องจากความตระหนี่คับแคบ

ขั้นที่4 ให้ท่านได้ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรมมะ จนเกิดปัญญา ด้วยการเจริญสมาธิภาวนา และการเจริญสติ ได้นำหลักธรรมมาใช้ในชีวิต และสามารถนำปัญญามาใช้เป็นหลักดำเนินชีวิตได้ถูกต้อง

ทำอย่างนี้จึงเรียกได้ว่า เราเป็นลูกที่ดี สามารถปิดประตูอบาย เปิดประตูสวรรค์ให้พ่อแม่ได้



อนึ่งไม่ว่าลูกหญิงหรือลูกชาย ก็สามารถเป็นลูกที่ดีแนะนำตามขั้นตอนดังที่กล่าวไปแล้ว พาท่านไปทำบุญใส่บาตร พาท่านเข้าวัดฟังธรรม ปฏิบัติภาวนา ตามแต่อุปนิสัยของท่าน

หากท่านเป็นลูกชาย คำที่ว่า การบวชตอบแทนคุณบิดามารดา ให้พ่อแม่ได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสวรรค์ ก็มาจากหลักการตอบแทนคุณดังที่กล่าวไปนั้นแล คือ เมื่อพ่อแม่มาบวชให้เรา ท่านก็จักปลื้ม จิตใจเบิกบาน เราในเพศสมณะ ซึ่งเป็นผู้มีศีลพร้อม ก็สามารถเปิดใจ ชักชวนพ่อแม่ให้ประกอบความดีในข้อที่ได้กล่าวไปเป็นลำดับ ให้ท่านมีศรัทธา ให้ท่านมีศีล ให้ท่านได้มาทำบุญ และให้ท่านได้ปฏิบัติธรรมจนเกิดปัญญา ได้มาทำบุญกับพระลูกชาย พระลูกชายก็มีโอกาสที่จะมอบธรรมมะตอบแทนคุณในขณะที่บวชอยู่นั้นเอง


นี่แหละ คือการบวชเพื่อให้พ่อแม่ได้เกาะชายผ้าเหลืองขึ้นสรรค์ ผู้บวชต้องบริสุทธิ์ก่อน จึงนำธรรมไปบอกพ่อแม่ได้ แล้วตอบแทนคุณท่านให้ท่านได้ทำความดี ละความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ บ่มเพาะหลักธรรมไว้ในจิตใจท่านตอนที่เราบวชนั่นเอง พ่อแม่เมื่อจิตเป็นกุศล ปลื้มปีติมากขณะวันปลงผม ลูกขออโหสิกรรม ถวายบาตร ผ้าไตรจีวร ได้มาถวายไทยธรรมกับพระลูกชาย ภาพเหล่านี้ ยามเมื่อท่านละโลก ก็จะเป็นกุศลนิมิตรเป็นภาพติดตาติดใจที่ได้ทำความดียามจิตใจชุ่มชื่น บุญก็จะพาท่านไปภพภูมิที่ดี



อีกประการหนึ่ง การบวช แม้จะเป็นการบวชระยะสั้นก็ได้ชื่อว่า เป็นผู้ต่ออายุพระศาสนา ได้มาปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ได้ศึกษาธรรมมะ ได้อบรมขัดเกลาตัวเอง ได้ทำกิเลสให้เบาบางลง ขึ้นชื่อว่าเป็นพุทธบุตร ก็นับว่าตัวเราได้บุญมาก ได้ทำความดีให้ยิ่งขึ้น พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง หมู่มิตร ที่ได้เป็นเจ้าภาพ ที่ได้อนุโมทนาในการบวชของเรา ก็จะได้อานิสงน์นี้ด้วย จักเริ่มได้ทำความดีจากเหตุในการบวชของเรา เมื่อยังมีประเพณีการบวชอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ก็เท่ากับว่า เราหนึ่งคนก็ได้ให้คนหลายคนได้มาทำความดีเนื่องจากเราปรารภที่จะบวชนั่นเอง

ดังนั้น ลูกชายของพ่อแม่ที่ยังลังเล ไม่เข้าใจว่าบวชไปทำไม ก็ขอให้ตระหนักว่าเรามีโอกาสตอบแทนคุณท่านได้ด้วยการบวชตามที่กล่าวไป ถึงจะเกิดเป็นลูกหญิง หากเราตั้งใจเป็นคนดี ชักชวนพ่อแม่ให้หมั่นทำบุญทำกุศล ย่อมปิดอบาย เปิดสุขคติภูมิ นับว่าเป็นลูกกตัญญูกตเวทีได้เช่นเดียวกัน ลูกที่มีความตัญญู ย่อมเกิดสิริมงคลในชีวิต จะทำอะไรย่อมพบแต่ความเจริญรุ่งเรือง เป็นที่รักและเลื่อมใส เป็นแบบอย่างให้แก่ประชาคมโลก