ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

The Science of Meditation


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 13 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 02:09 PM

The Science of Meditation

TIME Magazine พาดหัวข่าวไว้อย่างน่าทึ่งว่า...


“ นักวิทยาศาสตร์” ก็ “ ศึกษาวิจัย” เรื่องสมาธิ...
“ แพทย์” ก็ “ เชียร์” ให้นั่งสมาธิ...
“ ชาวอเมริกา...นับสิบล้านคน” ก็ “ นั่งสมาธิ...ทุกวัน”
ถามว่า... “ นั่งไปทำไม ?” ก็ตอบว่า...“ ก็มันดีน่ะสิ”



[attachmentid=1254]

ดาราสาว Heather Graham
ขึ้นปก นิตยสาร TIME Magazine





ในสหรัฐอเมริกาคนอเมริกันสิบล้านคน นั่ั่่ั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ เป็นสองเท่าของสิบปีก่อนสถานที่หลายแห่ง ในสหรัฐอเมริกา เช่น ที่นิวยอร์กเปลี่ี่ี่ี่ยนเป็นที่นั่งสมาธิหลายแห่ง จนคนเรียกแถบนั้นว่าเป็นแถบของชาวพุทธ นักเรียนนั่ั่ั่ั่งสมาธิก่อนเข้าห้องเรียนทุกเช้า นักกฎหมาย นักธุรกิจ คนทำงานสาขา อาชีพต่างๆ นั่งสมาธิตามที่หน่วยงานของตน จัดให้นั่งอย่างสม่ำเสมอ ดาราภาพยนตร์ นักการเมือง นักเขียน ต่างก็นั่ั่่่ั่งสมาธิ


แม้แต่นักโทษในคุกก็มีห้องนั่ั่ั่งสมาธิ ผู้พ้นโทษมาแล้วจะกลับเข้าคุกน้อยกว่าพวกที่ี่ไม่ได้นั่ั่ั่ั่ง คนไม่เชื่อเรื่ื่ื่ื่องสมาธิ กลายเป็นคนกลุ่มน้อยในสหรัฐอเมริกาไปเสียแล้ว คนเหล่านี้นั่ั่งสมาธิ เพราะสมาธิทำให้ร่างกายและจิตใจผ่อนคลาย สุขภาพดีขึ้น ขีวิตดีขึ้น ทำให้สร้างความสามัคคีปรองดองให้เกิดขึ้น


[attachmentid=1256]

การนั่ั่ั่งสมาธิทำให้ร่างกายมีสภาวะเหมือน ก่อนจะหลับแต่ไม่ได้หลับ มีสติรู้ตัวอยู่เสมอ และทำให้จิตใจ สดชื่ื่ื่น แจ่มใส สมาธิยังช่วย ขจัดความขัดแย้งในจิตใจ ทำให้ ใจอยู่นิ่ิ่ง ท่ามกลาง ความสับสนว่าจะเอาอย่างไรดี เมื่ื่ออยู่นิ่ิ่ิ่งแล้วจะเข้าใจสถานการณ ์และเรื่องราวต่างๆได้ดีขึ้ึ้ึ้น ยอมรับมันด้วย ความสงบและมีความสุขมากขึ้ึ้ึ้น และเป็นเหตุผล ที่ี่ทำให้แพทย์์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด เข้าใจว่าทำไม มนุษย์์ถึงนั่ั่งสมาธิมาหลายพันปีแล้ว แพทย์ก็แนะนำ ให้คนไข้นั่งสมาธิเป็นประจำ และสม่ำเสมอมากขึ้ึ้น เพราะผลการทดลอง ทางวิทยาศาสตร์จากการสแกนคลื่ื่ื่นสมองพบว่าสมอง จะมีระบบปิดกั้นเรื่ื่ื่องราวต่างๆ ไม่ให้เข้ามา และไม่ส่งเรื่ื่ื่องเข้าไปย่อยในส่วนลึกของเนื้อสมอง อย่างเคย แต่ทำให้้้ระบบลิมปิค ซึ่งเป็นส่วนควบคุมด้านอารมณ์ และความจำดีขึ้ี้ึ้ึ้น ทำให้้อัตราการเต้น ของหัวใจ ลมหายใจและการเผาผลาญในร่างกาย เป็นปรกติ

[attachmentid=1255]

สมาธิช่วยทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้มากขึ้ึ้ึ้น สามารถรักษาโรคร้ายแรงเรื้ื้ื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เอดส์ มะเร็ง ความดัน โลหิตสูง โรคใจสั่ั่ั่น คนไข้โรคมะเร็ง เอดส์ และเจ็บปวดเรื้ื้ื้อรัง 14,000 คน ไม่ต้องกินยาแก้ปวด สมาธิยังรักษาจิตใจ ที่ี่ปั่นป่วน กดดัน สมาธิสั้น วุ่นวาย ไม่อยู่นิ่ิ่งอีกด้วย นอกจากนี้ี้พลังของสมาธิ ยังสามารถรักษาคนไข้ที่ี่เป็นโรคผิวหนังอักเสบ ร้อนแดง ให้มีผิวใสขึ้ึ้นเป็น 4 เท่าของผู้ที่ี่ไม่ได้นั่งสมาธิ


นักเขียนที่ี่ี่เคยกินยาแก้เครียดมาเกือบจะตลอดชีวิตเมื่ื่อนั่งสมาธิก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งยาอีกต่อไปผู้กำกับการแสดง และดารา ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดก็นั่ั่ั่งสมาธิ ทำให้ลดความกดดัน จากอาชีพ และความเป็นคนดังมีชื่ื่ื่อเสียง และทำให้มีความสุขมากขึ้ึ้ึ้น รู้ตัว มากขึ้ึ้ึ้น มองเห็นสิ่ิ่งต่าง ๆ มากขึ้น พัฒนาบุคลิกภาพให้สง่างาม และดูมีอำนาจมากขึ้ึ้ึ้น มองเห็นตัวเองได้มากขึ้น และรู้ว่า ควรแก้ไขข้อบกพร่องของตัวเองได้อย่างไร เพียงแต่นั่่งเงียบ และทำจิตใจให้สงบเท่านั้ั้ั้น นักการเมืองที่ี่่มีชื่ื่อเสียง เช่น ฮิลลารี คลินตัน พูดถึงสมาธิ อัล กอร์ นั่ั่งสมาธิและแนะนำ ให้ทุกคนนั่งสมาธิด้วย

--------------------------------------------
( ไทม์ ฉบับวันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2546)

ไฟล์แนบ



#2 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 02:31 PM

สาธุวันนี้คุณนั่งสมาธิแล้วหรือยัง???
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#3 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 04:23 PM

เคยฟังคุณครูไ่ม่ใหญ่พูดถึงนานมาแล้ว

ขออนุโมทนา สาธุ

#4 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 18 January 2006 - 05:24 PM

ที่คุณครูเคยพูดไปนั่นเมื่อ 2 ปีกว่าแล้ว ตอนนี้คิดว่า คนอเมริกันที่มาสนใจฝึกสมาธิ จะมีมากกว่าเดิมอีกมากทีเดียว สังเกตจาก คุณไมเคิล นาทาสัน ที่เคยลั่นวาจาไว้ว่า ห้ามลูกๆ ไหว้พระเด็ดขาด เพราะศาสนาเขาไม่ได้สอนแบบนั้น แต่ปัจจุบัน ก็ได้มาฝึกสมาธิเรียบร้อยแล้ว แล้วก็ร่วมพิธีกรรมสงฆ์ ร่วมบุญอีกหลายๆ อย่างด้วย
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#5 Moji

Moji
  • Members
  • 24 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 January 2006 - 04:03 PM

นั่งแล้วไม่ค่อยนิ่งเลยค่ะ ฟุ้งตลอดเลย ทำยังไงดีคะ

#6 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 22 January 2006 - 07:19 AM

เท่าที่จำไม่ผิดรู้สึกว่า รายละเอียดส่วนใหญ่จะเป็นการทำสมาธิแบบ TM (Transendental Meditation) นะครับ

QUOTE
นั่งแล้วไม่ค่อยนิ่งเลยค่ะ ฟุ้งตลอดเลย ทำยังไงดีคะ?

อันนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าคุณ Moji ฟุ้งอะไรนะครับ
=> ถ้าฟุ้งเสียงก็ให้แก้ด้วยการบริกรรมภาวนา "สัมมา อรหัง"
=> ถ้าฟุ้งภาพ (ที่ทำให้ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว) ก็ให้แก้ด้วยการตรึกถึงภาพองค์พระและดวงธรรม
=> ถ้าฟุ้งสุดๆ ก็ให้แก้ด้วยการลืมตาและออกไปเดินจงกรมกำหนดสติสัก ๕-๑o นาที แล้วจึงค่อยกลับมาปฏิบัติใหม่ครับ

#7 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 22 January 2006 - 08:18 AM

สำหรับวิธีที่ใช้ในการแก้ฟุ้งนั้น ยังมีอีกวิธีหนึ่ง คือ การกำหนดจิต/นิมิต (องค์พระ/ดวงธรรม) ให้เดินไปตามฐานต่างๆ แบบเป็นอนุโลม (จากฐานที่ ๑ ไป ฐานที่ ๗) - ปฏิโลม (จากฐานที่ ๗ ไปฐานที่ ๑) โดยทำไปเรื่อยๆ จนกระทั่งจิตหายฟุ้งครับ สำหรับการแก้นิวรณ์ ๕ ท่านสามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดได้ที่ http://www.kalyanami...400;topic=263.0

#8 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 22 January 2006 - 03:44 PM

การบ้านสิบข้อ..แบบฉบับโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน.ลดฟุ้งได้ดีมาดครับ..
...................................................
แต่......ต้องทำทุกๆๆวันนะครับ..และในหนึ่งชั่วโมงขอ 1 นาที ....
ท่านก็ผ่าน 1 เดือนไปแล้ว เพิ่มเป็น 5 นาทีครับ..แบบนี้ดีมากเลยครับ..
.............จริงๆๆ นะจะบอกให้..
อนุโมทนาบุญนะครับ.....ขอให้ตัดนิวรณ์ได้โดยเร็วพลัน..ครับ..

ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#9 101

101
  • Members
  • 7 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 January 2006 - 09:57 AM

www.dmc.tv

#10 joey

joey
  • Members
  • 164 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 February 2006 - 01:59 PM

ขอนำธรรมะที่คุณครูไม่ใหญ่เคยพูดเรื่องนี้ไว้มาให้อ่านกันนะค่ะ

อเมริกัน ๑๐ ล้านคนฝึกสมาธิ

ความสุขที่แท้จริงมนุษย์ไม่รู้จักกันว่ามีลักษณะอย่างไร มีอาการอย่างไร อยู่ที่ตรงไหน จะเข้าถึงได้ด้วยวิธีการใด พื้นฐานของชีวิตมนุษย์มีความทุกข์ และมนุษย์ก็เบื่อหน่ายเอือมระอากับความทุกข์ อยากจะดับทุกข์ได้ อยากจะเข้าถึงความสุขก็ค้นหากันไป บางพวกก็ค้นหาทางวัตถุ บางพวกก็ค้นหาทางใจ ทางใจบางทีก็บำเพ็ญทุกขกิริยา แสวงหาความสุขด้วยการทรมานตัวเองบ้าง อย่างนี้เป็นต้น มนุษย์จึงไม่พบความสุขเลยและก็ไม่รู้จัก จนกระทั่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นในโลกนั่นแหละ แต่เดิมท่านก็เป็นอดีตมนุษย์ที่มีความทุกข์เหมือนชาวโลกทั่ว ๆ ไป ต่างแต่ว่าท่านอยากจะพ้นทุกข์อย่างแรงกล้า จึงขนขวายศึกษา หาหนทางที่จะพ้นทุกข์ พบความสุขที่แท้จริง ที่เป็นบรมสุข ที่เป็นอมตะ ก็ปลีกตัวออกจากหมู่คณะ ออกจากครอบครัว จากภาระกิจหยาบ แสวงหาผู้รู้ที่จะบอกได้ แนะได้ สอนได้ ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหน ใช้เวลาทั้งหมดถึง ๖ ปี แสวงหาแต่ก็ยังไม่เจอความสุขที่สมบูรณ์เลย จนกระทั่งบารมีของท่านเต็มเปี่ยมขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์นั่นแหละ เมื่อท่านสละชีวิตว่า ถ้าไม่เจอความสุขที่แท้จริง ไม่ลุกจากที่ เนื้อเลือดจะแห้งเหือดหายไป เหลือแต่กระดูกหนังช่างมัน ไม่ได้ตายเถอะ จะต้องค้นให้พบให้ได้ และที่สุดท่านก็ค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ที่มนุษย์และเทวดาปราถนาอยากเจอ ก็คือความสุขที่แท้จริง ซึ่งท่านสรุปว่า ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่หยุดกับนิ่ง มีบาลีรับรองเอาไว้ว่า นัตถิ สันติ ปรมัง สุขัง สุขอื่นนอกจากหยุดจากนิ่งไม่มี หยุดนิ่งคือสุข เป็นบรมสุข เมื่อใจหยุดนิ่ง การพบสุขอย่างนี้ถือว่าสมปราถนาในชีวิต
ทีนี้จะไปหยุดนิ่งอย่างนี้ได้ต้องทิ้งสิ่งที่เขยื้อน เคลื่อนไหวทั้งความคิดคำพูดและการกระทำ ต้องทิ้งสิ่งเหล่านั้น แล้วกลับมาทำตรงกันข้ามคือ ไม่เขยื้อน ไม่คิดไม่พูดไม่ต้องทำอะไรเลย หยุดนิ่งได้ก็จะมีความสุขเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสุขที่แท้จริงอย่างสมบูรณ์ที่เรียกว่า บรมสุข คือการขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้น ทำพระนิพพานที่มีอยู่แล้ว แต่ถูกบดบังด้วยกิเลสอาสวะให้มันแจ้งขึ้นมา แต่ต้องอาศัยการหยุดการนิ่ง
เมื่อ ๒-๓ วัน ที่แล้วได้พูดถึงว่าใคร ๆ เดี๋ยวนี้เขาก็สนใจการหยุดการนิ่งแล้ว หรือใช้คำว่าวิทยาศาสตร์ของสมาธิ MEDITATION ในนิตยสาร TIME MAGAZINE ที่มียอดจำหน่ายมากทีเดียว สมาชิกประจำ ๔ ล้านคน วางที่แผงอีก ๔ ล้าน กับสมาชิกที่อ่านกันที่ตาม internet และตามที่ต่าง ๆ อีกหลายล้านคน ได้มีนักเขียนเขาได้ลงทุนไปทำสกู๊ปพิเศษเกี่ยวกับเรื่อง MEDITATION ซึ่งวันนี้เราก็จะได้รับฟังกันตอนต่อไป The Science of Meditation แล้วนี่ใครว่าเรื่องสมาธิเชยนี่ ที่ไม่ได้ศึกษา ไม่ได้ปฏิบัติต่างหากเชย เชยอย่างไรเดี๋ยวฟังดู เพราะคราวที่แล้วครูได้เกริ่นเรื่องราวใน TIME MAGAZINE ฉบับวันที่ ๔ สิงหาคม ที่ผ่านมา ที่ทำสกู๊ปพิเศษเรื่อง MEDITATION โดยเฉพาะ ทำให้พวกเราเห็นการตื่นตัวเรื่องการทำสมาธิของชาวอเมริกันทุกสาขาอาชีพ ซึ่ง ณ วันนี้จากการสำรวจพบว่ามีชาวอเมริกันเป็นจำนวนมากถึง ๑๐ ล้านคน ที่ได้นั่งสมาธิเป็นประจำ ๑๐ ล้านคนนี่ตั้งเป็นประเทศได้แล้วนะ ทุกสาขาอาชีพนั่งสมาธิ บางประเทศมีประชากรเพียง ๕-๖ แสนคน บางประเทศล้านเศษ บางประเทศ ๒ ล้านเศษ นี่ ๑๐ ล้านคนเศษ เพราะฉะนั้นในเมืองไทยเรานี่กำลังจะเชยกันแล้วนะ ทั้ง ๆ ที่เราเป็นแหล่งแห่ง MEDITATION ถ้าใครไม่ได้ปฏิบัติ MEDITATION คนนั้นเชย
๑๐ ล้านคนที่ได้นั่งสมาธิเป็นประจำซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าตื่นเต้นพอสมควรทีเดียว เพราะพวกเขาถือว่าการทำสมาธินั้นเป็นกิจวัตรประจำวันอย่างหนึ่ง ซึ่งขาดไม่ได้เหมือนกับการหายใจ หรือการกินหรือว่าการนอน เพราะฉะนั้นใครยังหายใจ ยังกิน ยังนอนอยู่ ก็ต้อง MEDITATION ไม่งั้นห้ามหายใจ ห้ามกิน ห้ามนอน เพราะเชยซะแล้วนะจ๊ะ ถ้าเป็นป้าก็ป้าเชย ถ้าเป็นลุงก็ลุงเชย มันจะเชยกันใหญ่
ในวันนี้เราก็จะได้มาติดตามของนักข่าวท่านหนึ่งของ TIME MAGAZINE ซึ่งมีชื่อว่า JOEL STEIN ผู้ที่ได้ไปเข้าคอร์สโยคะสตูดิโอแห่งหนึ่งในอมเริกา ในห้องนั้นมีโยคะสมาชิกถึง ๔๐ คน ในต่างประเทศนั้นถ้าจะชวนใครไปนั่งสมาธิเพียงอย่างเดียว ก็จะชวนยากสักหน่อย แต่ถ้าได้ออกโยคะกันซะก่อน มีการออกกำลังกายที่สอดคล้องกับการฝึกสมาธิที่เรียกว่าโยคะ พอจิตใจสงบแล้วก็สามารถชวนนั่งสมาธิต่อได้ง่ายขึ้น ซึ่งคุณอีริค (ERIC) ชาวอเมริกันยิว ที่ครูเคยเล่าให้นักเรียนฟัง ก็ใช้เทคนิคนี้กับลูกค้าของเขาจนประสบผลสำเร็จมาแล้ว ในประเทศฮ่องกง สิงคโปร์และไต้หวัน คุณอีริค ท่านทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องฟิตเนส มีสาขาอยู่ทั่วโลกหลายร้อยแห่งในหลาย ๆ ประเทศ ท่านยังฝึกสมาธิ เพราะฉะนั้นถ้าใครเป็นอเมริกันยิวแล้วยังไม่ฝึกนี่เชย คุณโจส์ (JOEL)ของเราตอนแรกก็สองจิตสองใจ เพราะคิดว่ามันเป็นเรื่องเสียเวลาที่จะมาทำสมาธิ อีกอย่างหนึ่งในห้องโยคะนั้นมีหญิงสาวหลายคน แต่ละคนแต่งกายรัดรูป เลยทำให้คุณโจส์ชักไม่แน่ใจว่าตนเองจะนั่งสมาธิได้เรื่องหรือเปล่า กลัวว่าจะไปได้เรื่องอื่น เพราะนักเรียนในห้องแต่งกายรัดรูปทั้งนั้น แล้วแต่ละรูปเป็นรูปที่ชวนมอง ไม่ใช่เป็นรูปถังน้ำ
คุณโจส์ก็ได้เล่าให้ฟังอย่างภูมิใจว่า มันเป็นการเริ่มต้นที่ดีทีเดียว ที่ผมสามารถทำเฉย ๆ ไม่นึกถึงเรื่องราวหญิงสาวรัดรูปพวกนั้น และเรื่องราวต่อจากนี้ไปจะทำให้เราเห็นวิวัฒนาการของคนใหม่อย่างคุณโจส์ที่ได้ทดลองนั่งสมาธิเป็นครั้งแรกในชีวิต เขาก็เขียนคำว่าผม ในที่นี้หมายถึงคุณโจส์นะ
“ผมก็เริ่มด้วยการจดจ่อกับเสียงที่อยู่ภายนอกตัว แล้วก็หันมาจดจ่อกับลมหายใจ เพียงครู่เดียวเท่านั้นเอง สิ่งที่คาดการณ์ไว้แล้วก็เกิดขึ้นคือ เลือดได้แห้งเหือดหายไปจากขาข้างขวาของผม ขาผมแข็งทื่อแต่ก็ไม่เป็นไรหรอก ผมก็ปล่อยความรู้สึกปวดนั้นให้มันผ่านมัน และผมก็ค่อย ๆ ปล่อยเรื่องความคิดสาว ๆ สวย ๆ ผ่านไปด้วยเช่นกัน แล้วผมก็ลืมอดีต แล้วก็ลืมอนาคต แล้วก็ลืมไปก่อนว่ากำลังจะเขียนเรื่อง เรื่องนี้ออกมาอย่างไรให้มันดีที่สุด ผ่านไปได้ไม่นานได้เกิดความรู้สึกไร้ขอบเขตหรือ infinity ท่ามกลางความมืด รู้สึกใจกับกายแยกออกจากกัน มันเป็นสภาวะเดียวกันกับตอนที่จะหลับ แต่ทว่าผมยังตื่นอยู่ ๑๐๐% มันเป็นอะไรที่ดีนะคุณคือมันคล้ายๆ จะหลับแต่ตื่นอยู่ ๑๐๐% “
คุณโจส์ของเราก็นั่งได้ดีทีเดียวสำหรับการนั่งครั้งแรก แม้ว่าสมาธิจะยังมืดอยู่ก็ตาม เขาก็สามารถเข้าถึงสภาวะเหมือนหลับแต่ไม่หลับ แต่กลับมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ๑๐๐% เทคนิคของคุณโจส์ที่ลองนั่งนั่นก็คืออาณาปาณสติเบื้องต้นนั่นเอง นี่ถ้าหากว่าคุณโจส์ได้รู้จักศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำสอนไว้ ก็ไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พอนั่งไปได้ ๒๐ นาที อาจารย์สอนนั่งสมาธิก็บอกให้พัก คุณโจส์ก็ได้รำถึงออกมาด้วยความฉงนว่า “ ทำไมต้องมีเบรคด้วยล่ะ ไม่เห็นจำเป็นจะต้องพักเลย เพราะการนั่งสมาธิก็ไม่ต้องทำอะไรอยู่แล้ว” ก็กลับเป็นสิ่งที่น่าสงสัยสำหรับผู้ที่เข้าไปฝึกใหม่ ใจมันหลุดออกไปจากความสับสนวุ่นวายไปสู่ที่โล่ง ๆ กว้าง ๆ
ก็ถูกของคุณโจส์ที่การปฏิบัติธรรมสมาธิเป็นการพักอยู่แล้ว เมื่อเราพักอยู่แล้ว แล้วเราทำไมต้องหยุดพักจากการที่เราพักอยู่แล้วอีกทำไมล่ะ เพราะฉะนั้นนักเรียนอย่าไปพักบ่อยเกินไป นั่งทั้งทีก็ต้องนั่งให้มันนาน ๆ สำหรับตอนต่อไปนี้ TIME MAGAZINE จะพานักเรียน ไปรับรู้บรรยากาศและกลิ่นไอที่อบอุ่นของ MEDITATION ที่กำลังเบ่งบานไปทั่วโลกอย่างสหรัฐอเมริกาต่อไป



#11 joey

joey
  • Members
  • 164 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 February 2006 - 03:07 PM

ผ่าตัดสมองด้วยสมาธิ

คราวนี้ก็มาเรื่องราว The Science of Meditation วิทยาศาสตร์ของสมาธิ ตอนที่ ๓ ก็คัดมาจากหนังสือ TIME MAGAZINE ซึ่งเราก็ได้รับทราบกันว่าเดี๋ยวนี้ชาวอเมริกันเขาตื่นตัวในการฝึกสมาธิโดยไม่จำกัด เชื้อชาติ ศาสนา หลาย ๆ เผ่าพันธุ์ไปอยู่ในอเมริกานะหลาย ๆ ศาสนา หลาย ๆ ศาสนิก เพราะ MEDITATION จะเป็นจุดกลางที่จะเชื่อมโยงความหลากหลาย ให้ไปสู่ความเหมือน เมื่อใดความเหมือนกันปรากฏ ความแตกต่างมันก็หมดไป ตรงนี้ไม่เกี่ยวกับศาสนา ไม่เกี่ยวกับความเชื่อ คุณจะเชื่ออะไรก็ได้ ตราบใดที่คุณมีความเชื่อสิ่งใด คุณก็ฝึกสมาธิได้ จะเชื่อจิ้งจก ๒ หาง แมว ๒ หัว วัว ๕ ขา ก็ MEDITATION ได้ จะไปเชื่อต้นไม้ ภูเขา จอมปลวก ไปเชื่ออะไรดวงดาวก็ว่ากันไป คุณก็ MEDITATION ได้ เพราะฉะนั้นไม่เกี่ยวกับความเชื่อ ความเชื่อเอาไว้บนหิ้งแต่ความจริงเราต้องมาพิสูจน์กัน ว่าความจริงแท้มันคืออะไร อะไรคือความแตกต่าง อะไรคือความเหมือน โดยผ่าน MEDITATION เพราะฉะนั้นในอเมริกาตอนนี้ ๑๐ ล้านคนเข้าไปแล้ว
เดี๋ยวนี้ MEDITATION เหมือนอากาศที่ขาดไม่ได้ เพราะว่าเราได้เรียนรู้ว่า อากาศขาดไม่ได้ อาหารขาดไม่ได้ การนอนก็ขาดไม่ได้ การขับถ่ายก็ขาดไม่ได้ทั้งนั้นแหละ MEDITATIONก็ขาดไม่ได้ การฝึกสมาธิคือชีวิตจิตใจทีเดียว อยู่ในน้ำก็ฝึกได้ อยู่ในอวกาศก็ฝึกได้ อยู่ตรงไหนก็ฝึกได้ มีความคิดก็ฝึกได้ ที่ไหนมีความคิดที่นั่นก็ฝึกจิตได้ ที่ไหนไม่มีความคิดที่นั้นก็ฝึกจิตได้ ฝึกได้หมดทั้งมีและไม่มี
เมื่อคราวที่แล้วครูได้พานักเรียนไปรับรู้การนั่งสมาธิครั้งแรกของนักข่าว TIME MAGAZINE ที่ชื่อคุณ JOEL STEIN ที่ท่านได้ใช้เทคนิคจดจ่ออยู่กับลมหายใจ ซึ่งเพียงไม่กี่นาทีนักข่าวท่านนี้ก็ได้รับรสความสุข ในระดับที่ว่าสุขเหมือนจะหลับแต่กลับมีสติเต็มร้อย จนถึงกับกล่าวสำทับว่ามันเป็นอะไรที่วิเศษทีเดียว สำหรับวันนี้คุณโจส์จะพาเราไปพบกับสังคมจริงของชาวอเมริกัน เกี่ยวกับกระแสความนิยมการนั่งสมาธิ ซึ่งตอนนี้ได้เกิดการตื่นตัวการยกใหญ่ทีเดียว สถานการณ์สมาธิกับสังคมอเมริกันมีหลายมุมมองด้วยกัน ตัวอย่างเช่น ชาวอเมริกันปัจจุบันนี้เครียดกว่าเดิม ต่างกับยุคที่คนยังรีดนมวัว ทำสบู่เคี่ยวเนย ซึ่งไม่มีอะไรให้เครียดมากนัก ยิ่งมีไฮเทคเท่าไหร่ยิ่งเครียด ทำให้ชาวอเมริกันแสวงหาหนทางที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น และสมาธิก็เป็นสิ่งที่เขาเลือก (คือเขาเลือกมาหลาย ๆ ทางแล้ว ปีนเขา ดำน้ำ โดดบันจี้จ๊ำ ) TIME MAGAZINE ให้ความสำคัญเกี่ยวกับสมาธิมาก ถึงกับเขียนประโยคหนึ่งว่า มันยากขึ้นเรื่อย ๆ แล้วที่คุณจะปฏิเสธสมาธิประจำวัน หมายความว่าเมื่อคุณเครียดและมีปัญหา ถ้าคุณไม่นั่งสมาธิคุณก็จะไม่พบทางออก เพราะฉะนั้นอย่างไรเสียไม่มีอะไรดีเท่ากับคุณนั่งสมาธิอยู่ดีนั่นแหละ มันไม่มีทางเลือก เมื่อไม่มีทางเลือกก็ต้องหาทางรอด สมาธิคือทางรอด
ในสมัยก่อนสมาธิเป็นสิ่งที่ลึกลับเต็มไปด้วยสิ่งที่อธิบายไม่ได้และก็เป็นศาสตร์เฉพาะกลุ่ม แต่เดี๋ยวนี้ได้กลายเป็นกระแสหลักของสังคมไปซะแล้ว สิ่งใดที่เป็นกระแสหลักย่อมหมายความว่า ใคร ๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้นแหละ ถ้าใครคนนั้นไม่ทำคนนั้นก็ไม่ in trend ถือว่าผิดปกติ
ยุคก่อนนั้นจะนั่งสมาธิครั้งใด ก็ต้องจุดกำยาน คือให้เกิดความรู้สึกลึกลับ ศักดิ์สิทธิ์และเข้มขลัง ยุคนี้หรือนาน ๆ จะหาคนจุดกำยานทำสมาธิได้สักคน จนกระทั่งไม่รู้จักว่ากำยานมันคืออะไร ยุคก่อนนั้นจะทำสมาธิก็ต้องเดินทางหลีกเร้นเข้าไปในป่า ไปหาครูที่มีหนวดเคราท่วมใบหน้า เดี๋ยวนี้หรือห้องนั่งสมาธิได้ถูกจัดไว้ตามทำเลที่หลากหลาย ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้คน โรงเรียนก็นั่งได้ โรงพยาบาลก็นั่งได้ สำนักงานทนายความก็นั่งได้ สถานที่ราชการก็นั่งได้ บริษัทก็นั่งได้ ห้างร้านเอกชนก็นั่งได้ เรือนจำก็นั่งได้ และที่ไม่น่าเชื่อถือคือในสนามบินบางแห่งบาง airport เปิดห้องสมาธิให้บริการผู้โดยสารแล้ว (อีกหน่อยแม้แต่สุสานนี่แหละสัปเหร่อจะต้องเปิดห้องบริการนั่งสมาธิ เพราะเห็นแล้วปลงตกแล้ว ต้องรีบนั่งก่อนที่จะไปนอนตรงนั้น)
เมื่อปีที่แล้วมหาวิทยาลัยเวสป๊อย เมืองนิวยอร์กอันโด่งดังด้านวิชาการทหารของสหรัฐ ได้บรรจุวิชา MEDITATION ไว้ในหลักสูตรการศึกษาของสถาบัน สถิติระบุชัดเจนว่าชาวอเมริกันที่เป็นผู้ใหญ่นั่งสมาธิเป็นประจำถึง ๑๐ ล้านคน ยังไม่นับเด็ก เนื่องจาก MEDITATION ไม่ได้เป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาติอเมริกา ดังนั้นอเมริกาจึงต้อง import นำเข้าเทคนิคการทำสมาธิมากมายหลายตำราด้วยกัน อย่างเช่น สมาธิเซนของญี่ปุ่น วิปัสนาแบบอาณาปาณสติ เดินจงกรมหรือ working meditation ( คือเดินแก้เมื่อยกับเดินให้เมื่อย มันมี ๒ อย่าง ถ้าเดินเป็นสมาธินี่เขาเรียกว่าเดินแก้เมื่อยใช้ใจเป็นสมาธิ แต่ถ้าไม่รู้จะทำอะไรเขาเรียกว่าเดินให้เมื่อย เดินซะกลมดิ๊กเลย) TM ของท่านมหานิชิจากอินเดีย concentration meditation สมาธิของฑิเบธ แล้วก็ศูนย์กลางกายฐานที่ ๗ จาก THAILAND
ที่ผ่านมาเป็นเพียงการเริ่มต้นของ TIME MAGAZINE ฉบับนี้เท่านั้น ต่อไป TIME MAGAZINE จะพาเราไปเรื่องราวการค้นพบของทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ จิตวิทยาและศาสตร์แขนงต่าง ๆ เสียดายเรียงแถวกันออกมายืนยันว่า สมาธิจะกลายเป็นสิ่งจำเป็น ต่อการดำรงชีวิตของมวลมนุษยชาติ ที่ใคร ๆ มิอาจปฏิเสธได้อีกต่อไป ก่อนจบตอนของวันนี้ครูขอยกตัวอย่างของตอนหน้าสักเล็กน้อยเพื่อเป็นการบอกว่า ตอนหน้าอย่าพลาด
นักวิทยาศาสตร์ที่เชี่ยวชาญเรื่องเส้นประสาทในสมอง ถึงกับตกตะลึงเมื่อพบว่า MEDITATION สามารถแก้ไขเปลี่ยนแปลงสิ่งที่อยู่ในเนื้อสมองได้โดยไม่ต้องผ่าตัด (อีกหน่อยการผ่าตัดนี่นะเลิกเลย เครื่องมือผ่าตัดต้องไปลงในเข่ง เพราะว่า MEDITATION ผ่าให้เรียบร้อยแล้ว) เมื่อคนไข้นั่งสมาธิจุดที่เคยอุดตันในสมองก็ถูกเคลียร์ออก คนไข้จึงหายป่วยได้เองโดยไม่ต้องผ่าตัดสมอง (ไม่ต้องไปพับนกกระเรียน ไปนั่งนึกถึงสัตว์เดรัจฉาน ตอนนี้เลิกแล้ว มานั่งพับดาวแทน ที่จริงถ้าเปลี่ยนจากนั่งพับดาว มานับดาวในตัวซิผุดขึ้นมาทีละดวงซิ พอจะมีสิทธิ์บ้าง) ให้เจ็บตัวเสี่ยงตายและจ่ายค่าผ่าตัดราคาแพงลิบ ถึงกับมีประโยคเด็ดว่า เมื่อเทียบกับค่าผ่าตัดแล้ว นั่งลงบนฟูกถูกกว่ากันเยอะเลย ตอนต่อไปอย่าพลาด



#12 Omena

Omena
  • Members
  • 1409 โพสต์
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

โพสต์เมื่อ 15 February 2006 - 09:19 AM

สาธุ

ว่าแล้วก็ต้องเพิ่มเวลานั่งเสียแล้ว
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#13 ป่าน072

ป่าน072
  • Members
  • 371 โพสต์
  • Location:โคราช
  • Interests:การศึกษาต่อในวิชา วิทยาศาสตร์<br />วิศวะปิโตรเคมี

โพสต์เมื่อ 23 August 2006 - 08:48 AM

นั่งสมาธิดีเสมอค่ะ
เมื่อดวงตาปิดสนิมอย่างละมุน
ไม่มีลุ้นเร่งจองมองที่หมาย
ก็จะพบผู้รู้อยู่กลางกาย
ธาตุอ่อนแก่มากมายถึงปลายทาง

#14 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 23 October 2006 - 06:36 PM

ยิ่งนั่งยิ่งใสอ่ะ
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี