หากคุณไม่เคย... คุณอาจไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ นรกเป็นอย่างไร สวรรค์เป็นแบบไหน สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเรื่องไกลตัวในยุคปัจจุบัน แต่ในสมัยที่พระพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่นั้นเป็นเรื่องปกติ การเล่าเรื่องนรก เรื่องสวรรค์ เป็นของธรรมดาในสมัยนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากหลักฐานสำคัญในพระไตรปิฎก มีเรื่องราวเกี่ยวกับ “พระมหาโมคคัลลานะ” ซึ่งเป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์มากที่สุดในบรรดาสาวกของพระพุทธเจ้า ท่านมักไปเยือนสวรรค์เป็นประจำ เมื่อไปมาแล้วท่านก็ไม่ได้เก็บงำไว้เป็นความลับ แต่กลับนำมาเล่าอย่างละเอียดให้ประชาชนทั้งหลายได้ทราบด้วย เพราะอยากให้คนทำแต่ความดีแล้วไปสวรรค์ ไม่ต้องตกนรกกัน
เรื่องราว “วิมานสวรรค์ปูทอง” เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งจากเรื่องราวมากมายที่มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ไม่น่าเชื่อ! เพียงแค่เราถวายอาหารที่ “ทำด้วยปู” เมื่อตายแล้วเราก็มีวิมานที่ประดับด้วย “ปูทอง” จะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะจริงหรือไม่จริง แต่สิ่งเหล่านี้ก็มาจากคำบอกเล่าของพระอรหันต์! แต่ อนิจจา! เนื่องจากพระมหาโมคคัลลานะสามารถสร้างศรัทธาให้กับประชาชนได้เป็นจำนวนมาก ทำให้คนเชื่อนรก เชื่อสวรรค์จากคำบอกเล่าของท่าน พลอยทำให้ความเชื่ออื่นเสื่อมลง ไม่มีใครนับถือ ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ไม่หวังดีจึงได้ว่าจ้างโจรให้ไปทำร้ายท่าน ซึ่งในคราวแรกๆ ท่านก็หนีไปได้ด้วยฤทธิ์ แต่เมื่อตรวจดูรู้ว่าเป็นวิบากกรรมจากการทุบตีพ่อแม่จนถึงแก่ความตายในชาติก่อนๆ ท่านจึงยอมรับกรรมให้โจรทำร้าย และในที่สุดก็มรณภาพ
เรื่องราว “วิมานสวรรค์ปูทอง” จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามได้ด้วยตัวของท่านเอง และถ้าหากท่านต้องการศึกษาเพิ่มเติม ก็สามารถอ่านได้จากพระไตรปิฎกฉบับออนไลน์ ซึ่งมีอยู่มากมายตามเว็บไซท์ต่างๆ
โดยย่อ:
พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า [54] วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง 12 โยชน์ โดยรอบ มีห้องรโหฐาน 700 ห้อง โอฬาร มีเสาแก้วไพฑูรย์ ลาดด้วยเครื่องลาดที่ถูกใจ สวยงาม ท่านอยู่ ดื่ม กิน ในวิมานนั้น มีพิณทิพย์บรรเลงไพเราะ มี เบญจกามคุณ มีรสเป็นทิพย์ และเทพนารีแต่งองค์ ด้วยเครื่องทองฟ้อนรำอยู่ เพราะบุญอะไร วรรณะของ ท่านจึงเป็นเช่นนั้น เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จ แก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน. ดูก่อนเทวะผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถาม ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ วรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ. เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า ปูทอง มีสิบขา ยืนอยู่ที่ประตูคอยเตือนสติให้ระลึก (ถึง กรรม) ได้สง่างาม เพราะบุญนั้น วรรณะของ ข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลอันนี้จึงสำเร็จ แก่ข้าพเจ้า และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดขึ้นแก่ ข้าพเจ้า เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง อย่างนี้ และรัศมีของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
ความเต็ม:
พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเริ่มเจริญวิปัสสนา เกิดโรคปวดหูขึ้นมา ไม่อาจที่จะขวนขวายวิปัสสนาได้เพราะมีร่างกายไม่สบาย แม้ประกอบยาต่างๆ ตามวิธีที่หมอทั้งหลายบอกโรคก็ไม่สงบ ภิกษุนั้นได้กราบทูลความนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า โภชนะที่มีรสปูเป็นสัปปายะ (คือช่วยบรรเทาโรคได้) แก่เขา จึงตรัสแก่ภิกษุรูปนั้นว่า ภิกษุ เธอจงไปเที่ยวบิณฑบาตที่นาของชาวมคธ.
ภิกษุนั้นคิดว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงเห็นการณ์ไกล คงจักทรงเห็นอะไรๆ เป็นแน่ จึงทูลรับพระพุทธดำรัสว่า สาธุ พระเจ้าข้า ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ถือบาตรจีวรไปนาของชาวมคธ ได้ยืนบิณฑบาตที่ประตูกระท่อมของคนเฝ้านาคนหนึ่ง คนเฝ้านานั้นปรุงอาหารรสปูและหุงข้าวแล้ว คิดว่าพักเสียหน่อยหนึ่งแล้วจึงจักกิน นั่งอยู่ เห็นพระเถระจึงรับบาตร นิมนต์ให้นั่งในกระท่อม ได้ถวายภัตตาหารที่มีรสปู เมื่อพระเถระฉันภัตตาหารนั้นได้หน่อยหนึ่งเท่านั้น โรคปวดหูก็สงบ เหมือนอาบน้ำร้อยหม้อ พระเถระนั้นได้ความสบายใจเพราะอาหารเป็นสัปปายะ น้อมจิตไปโดยวิปัสสนา ยังฉันไม่ทันเสร็จ ก็ทำอาสวะให้สิ้นไปโดยไม่เหลือ ตั้งอยู่ในพระอรหัต กล่าวกะคนเฝ้านาว่า อุบาสก โรคของอาตมาสงบเพราะฉันบิณฑบาตของท่าน กายและใจสบาย แม้ท่านก็จักปราศจากทุกข์กายทุกข์ใจ ด้วยผลแห่งบุญของท่านนั้น ทำอนุโมทนาแล้วหลีกไป.
สมัยต่อมา คนเฝ้านาตายไปบังเกิดในห้องแก้วไพฑูรย์ ประดับ ด้วยห้องรโหฐาน 700 ห้อง ในวิมานทองเสาแก้วมณี 12 โยชน์ ใน สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อนึ่ง ที่ประตูของวิมานนั้น มีปูทองอยู่ในสาแหรก แก้วมุกดา ซึ่งพิสูจน์ถึงกรรมตามที่สั่งสมไว้ห้อยอยู่ ครั้งนั้นท่านพระมหาโมคคัลลานะไปในดาวดึงส์นั้น โดยนัยที่กล่าวแล้วก่อน เห็นวิมานนั้นแล้ว ได้ถามด้วยคาถาเหล่านี้ว่า วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง 12 โยชน์ โดยรอบ มีห้องรโหฐาน 700 ห้องโอฬาร มีเสาแก้วไพฑูรย์ ลาดด้วยเครื่องลาดที่ถูกใจ สวยงาม ท่านอยู่ ดื่ม กิน ในวิมานนั้น มีพิณทิพย์บรรเลงไพเราะ มี เบญจกามคุณ มีรสเป็นทิพย์ และเทพนารีแต่งองค์ด้วยเครื่องทองฟ้อนรำอยู่ เพราะบุญอะไร วรรณะ ของท่านจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน. ดูก่อนเทวะผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไรท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
เทพบุตรแม้นั้นได้พยากรณ์แก่พระเถระแล้ว เพื่อแสดงความนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์ทั้งหลายกล่าวว่า เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า ปูทองมีสิบขา ยืนอยู่ที่ประตู คอยเตือนสติให้ระลึก (ถึงกรรม) ได้สง่างาม เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า. ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ข้าพเจ้าขอบอกแก่ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าได้ทำบุญใดไว้ เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ วรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุจฺจํ ได้แก่ ขึ้นสูงไป. บทว่า มณิถูณํ ได้แก่ เสาแก้วมณีมีปัทมราคทับทิมเป็นต้น. บทว่า สมนฺตโต ได้แก่ ทั้ง 4 ด้าน. บทว่า รุจกตฺถตา ได้แก่ ลาดด้วยแผ่นทอง บนพื้นที่นั้น ๆ. บทว่า ปิวสิ ขาทสิ จ ท่านกล่าวหมายน้ำดื่มที่หอมและสุธาโภชน์ ที่ใช้ตามระยะกาล. บทว่า ปวทนฺติ แปลว่า บรรเลง. บทว่า ทิพฺพา รสา กาม คุเณตฺถ ปญฺจ ความว่า เบญจกามคุณไม่น้อย มีรสเป็น ทิพย์มีอยู่ในที่นี้ คือในวิมานของท่านนี้. บทว่า สุวณฺณฉนฺนา ได้แก่ ประดับด้วยอาภรณ์ทอง. บทว่า สติสมุปฺปาทกโร ความว่า ทำให้เกิดสติ คือทำให้เกิด สติในบุญกรรม ซึ่งเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าได้ทิพยสมบัตินี้ อธิบายว่า ทำให้ เกิดสติอย่างนี้ว่า เจ้าได้สมบัตินี้เพราะถวายอาหารรสปู. บทว่า นิฏฺฐิโต ชาตรูปสฺส ได้แก่ สำเร็จแล้วด้วยทอง ชื่อว่า ชาตรูปมยะ ปูชื่อว่า มีขา 10 เพราะปูนั้นมีขา 10 แบ่งเป็นข้างละ 5 อยู่ที่ประตูย่อมสง่างาม ปูนั้นแหละประกาศบุญกรรมของข้าพเจ้า แก่เหล่าท่านผู้แสวงหาคุณใหญ่ เช่นท่าน อธิบายว่า ในเรื่องนี้ ไม่มีคำที่ข้าพเจ้าจะต้องพูด ด้วยเหตุนั้น เทพบุตรจึงกล่าวว่า เตน เม ตาทิโส วณฺโณ เป็นต้น. คำที่เหลือมี นัยดังกล่าวมาแล้วนั่นแล. จบอรรถกถากักกฏกรสทายกวิมาน
ที่มา:
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม 2 ภาค 1
เล่มที่ 48 หน้า 465 ถึง 468
พระไตรปิฏก และ อรรถกถาไทย ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย
ป.ล. พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง" เพียงคุณส่งข้อมูลจากพระไตรปิฎกนี้ไปให้เพื่อนๆ ได้ลองอ่านดูบ้าง บุญก็เกิดแล้วครับ ด้วยบุญนี้คุณอาจจะมีเมาส์ทองประดับอยู่ในวิมานก็เป็นได้