ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

ไม่น่าเชื่อ! เรื่องสวรรค์จากพระไตรปิฎก.. วิมานปูทอง


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dhamma Bot

Dhamma Bot
  • Members
  • 477 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 04 August 2008 - 11:13 PM

คุณเป็นคนหนึ่งหรือเปล่าที่ไม่เคยเปิดพระไตรปิฎกมาก่อนเลยในชีวิตทั้งๆที่เป็นชาวพุทธ?


หากคุณไม่เคย... คุณอาจไม่ทราบเรื่องเหล่านี้ นรกเป็นอย่างไร สวรรค์เป็นแบบไหน สิ่งเหล่านี้อาจเป็นเรื่องไกลตัวในยุคปัจจุบัน แต่ในสมัยที่พระพุทธเจ้ายังมีชีวิตอยู่นั้นเป็นเรื่องปกติ การเล่าเรื่องนรก เรื่องสวรรค์ เป็นของธรรมดาในสมัยนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากหลักฐานสำคัญในพระไตรปิฎก มีเรื่องราวเกี่ยวกับ “พระมหาโมคคัลลานะ” ซึ่งเป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์มากที่สุดในบรรดาสาวกของพระพุทธเจ้า ท่านมักไปเยือนสวรรค์เป็นประจำ เมื่อไปมาแล้วท่านก็ไม่ได้เก็บงำไว้เป็นความลับ แต่กลับนำมาเล่าอย่างละเอียดให้ประชาชนทั้งหลายได้ทราบด้วย เพราะอยากให้คนทำแต่ความดีแล้วไปสวรรค์ ไม่ต้องตกนรกกัน


เรื่องราว “วิมานสวรรค์ปูทอง” เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งจากเรื่องราวมากมายที่มีบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ไม่น่าเชื่อ! เพียงแค่เราถวายอาหารที่ “ทำด้วยปู” เมื่อตายแล้วเราก็มีวิมานที่ประดับด้วย “ปูทอง” จะเชื่อหรือไม่เชื่อ จะจริงหรือไม่จริง แต่สิ่งเหล่านี้ก็มาจากคำบอกเล่าของพระอรหันต์! แต่ อนิจจา! เนื่องจากพระมหาโมคคัลลานะสามารถสร้างศรัทธาให้กับประชาชนได้เป็นจำนวนมาก ทำให้คนเชื่อนรก เชื่อสวรรค์จากคำบอกเล่าของท่าน พลอยทำให้ความเชื่ออื่นเสื่อมลง ไม่มีใครนับถือ ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ไม่หวังดีจึงได้ว่าจ้างโจรให้ไปทำร้ายท่าน ซึ่งในคราวแรกๆ ท่านก็หนีไปได้ด้วยฤทธิ์ แต่เมื่อตรวจดูรู้ว่าเป็นวิบากกรรมจากการทุบตีพ่อแม่จนถึงแก่ความตายในชาติก่อนๆ ท่านจึงยอมรับกรรมให้โจรทำร้าย และในที่สุดก็มรณภาพ

เรื่องราว “วิมานสวรรค์ปูทอง” จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามได้ด้วยตัวของท่านเอง และถ้าหากท่านต้องการศึกษาเพิ่มเติม ก็สามารถอ่านได้จากพระไตรปิฎกฉบับออนไลน์ ซึ่งมีอยู่มากมายตามเว็บไซท์ต่างๆ

กักกฏกรสทายกวิมาน

โดยย่อ:

พระมหาโมคคัลลานเถระถามเทพบุตรองค์หนึ่งว่า [54] วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง 12 โยชน์ โดยรอบ มีห้องรโหฐาน 700 ห้อง โอฬาร มีเสาแก้วไพฑูรย์ ลาดด้วยเครื่องลาดที่ถูกใจ สวยงาม ท่านอยู่ ดื่ม กิน ในวิมานนั้น มีพิณทิพย์บรรเลงไพเราะ มี เบญจกามคุณ มีรสเป็นทิพย์ และเทพนารีแต่งองค์ ด้วยเครื่องทองฟ้อนรำอยู่ เพราะบุญอะไร วรรณะของ ท่านจึงเป็นเช่นนั้น เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จ แก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน. ดูก่อนเทวะผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถาม ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไร ท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ วรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ. เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า ปูทอง มีสิบขา ยืนอยู่ที่ประตูคอยเตือนสติให้ระลึก (ถึง กรรม) ได้สง่างาม เพราะบุญนั้น วรรณะของ ข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลอันนี้จึงสำเร็จ แก่ข้าพเจ้า และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดขึ้นแก่ ข้าพเจ้า เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรือง อย่างนี้ และรัศมีของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

ความเต็ม:

พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กรุงราชคฤห์ สมัยนั้น ภิกษุรูปหนึ่งเริ่มเจริญวิปัสสนา เกิดโรคปวดหูขึ้นมา ไม่อาจที่จะขวนขวายวิปัสสนาได้เพราะมีร่างกายไม่สบาย แม้ประกอบยาต่างๆ ตามวิธีที่หมอทั้งหลายบอกโรคก็ไม่สงบ ภิกษุนั้นได้กราบทูลความนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบว่า โภชนะที่มีรสปูเป็นสัปปายะ (คือช่วยบรรเทาโรคได้) แก่เขา จึงตรัสแก่ภิกษุรูปนั้นว่า ภิกษุ เธอจงไปเที่ยวบิณฑบาตที่นาของชาวมคธ.

ภิกษุนั้นคิดว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ทรงเห็นการณ์ไกล คงจักทรงเห็นอะไรๆ เป็นแน่ จึงทูลรับพระพุทธดำรัสว่า สาธุ พระเจ้าข้า ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ถือบาตรจีวรไปนาของชาวมคธ ได้ยืนบิณฑบาตที่ประตูกระท่อมของคนเฝ้านาคนหนึ่ง คนเฝ้านานั้นปรุงอาหารรสปูและหุงข้าวแล้ว คิดว่าพักเสียหน่อยหนึ่งแล้วจึงจักกิน นั่งอยู่ เห็นพระเถระจึงรับบาตร นิมนต์ให้นั่งในกระท่อม ได้ถวายภัตตาหารที่มีรสปู เมื่อพระเถระฉันภัตตาหารนั้นได้หน่อยหนึ่งเท่านั้น โรคปวดหูก็สงบ เหมือนอาบน้ำร้อยหม้อ พระเถระนั้นได้ความสบายใจเพราะอาหารเป็นสัปปายะ น้อมจิตไปโดยวิปัสสนา ยังฉันไม่ทันเสร็จ ก็ทำอาสวะให้สิ้นไปโดยไม่เหลือ ตั้งอยู่ในพระอรหัต กล่าวกะคนเฝ้านาว่า อุบาสก โรคของอาตมาสงบเพราะฉันบิณฑบาตของท่าน กายและใจสบาย แม้ท่านก็จักปราศจากทุกข์กายทุกข์ใจ ด้วยผลแห่งบุญของท่านนั้น ทำอนุโมทนาแล้วหลีกไป.

สมัยต่อมา คนเฝ้านาตายไปบังเกิดในห้องแก้วไพฑูรย์ ประดับ ด้วยห้องรโหฐาน 700 ห้อง ในวิมานทองเสาแก้วมณี 12 โยชน์ ใน สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อนึ่ง ที่ประตูของวิมานนั้น มีปูทองอยู่ในสาแหรก แก้วมุกดา ซึ่งพิสูจน์ถึงกรรมตามที่สั่งสมไว้ห้อยอยู่ ครั้งนั้นท่านพระมหาโมคคัลลานะไปในดาวดึงส์นั้น โดยนัยที่กล่าวแล้วก่อน เห็นวิมานนั้นแล้ว ได้ถามด้วยคาถาเหล่านี้ว่า วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง 12 โยชน์ โดยรอบ มีห้องรโหฐาน 700 ห้องโอฬาร มีเสาแก้วไพฑูรย์ ลาดด้วยเครื่องลาดที่ถูกใจ สวยงาม ท่านอยู่ ดื่ม กิน ในวิมานนั้น มีพิณทิพย์บรรเลงไพเราะ มี เบญจกามคุณ มีรสเป็นทิพย์ และเทพนารีแต่งองค์ด้วยเครื่องทองฟ้อนรำอยู่ เพราะบุญอะไร วรรณะ ของท่านจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน. ดูก่อนเทวะผู้มีอานุภาพมาก อาตมาขอถามท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ท่านได้ทำบุญอะไรไว้ เพราะบุญอะไรท่านจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และวรรณะของท่านจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

เทพบุตรแม้นั้นได้พยากรณ์แก่พระเถระแล้ว เพื่อแสดงความนั้น พระธรรมสังคาหกาจารย์ทั้งหลายกล่าวว่า เทพบุตรนั้นดีใจ ถูกพระโมคคัลลานะถามแล้ว ก็พยากรณ์ปัญหาของกรรมที่มีผลอย่างนี้ว่า ปูทองมีสิบขา ยืนอยู่ที่ประตู คอยเตือนสติให้ระลึก (ถึงกรรม) ได้สง่างาม เพราะบุญนั้น วรรณะของข้าพเจ้าจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญนั้น ผลนี้จึงสำเร็จแก่ข้าพเจ้า และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า. ข้าแต่ภิกษุผู้มีอานุภาพมาก ข้าพเจ้าขอบอกแก่ท่าน ครั้งเกิดเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าได้ทำบุญใดไว้ เพราะบุญนั้น ข้าพเจ้าจึงมีอานุภาพรุ่งเรืองอย่างนี้ และ วรรณะของข้าพเจ้าจึงสว่างไสวไปทุกทิศ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อุจฺจํ ได้แก่ ขึ้นสูงไป. บทว่า มณิถูณํ ได้แก่ เสาแก้วมณีมีปัทมราคทับทิมเป็นต้น. บทว่า สมนฺตโต ได้แก่ ทั้ง 4 ด้าน. บทว่า รุจกตฺถตา ได้แก่ ลาดด้วยแผ่นทอง บนพื้นที่นั้น ๆ. บทว่า ปิวสิ ขาทสิ จ ท่านกล่าวหมายน้ำดื่มที่หอมและสุธาโภชน์ ที่ใช้ตามระยะกาล. บทว่า ปวทนฺติ แปลว่า บรรเลง. บทว่า ทิพฺพา รสา กาม คุเณตฺถ ปญฺจ ความว่า เบญจกามคุณไม่น้อย มีรสเป็น ทิพย์มีอยู่ในที่นี้ คือในวิมานของท่านนี้. บทว่า สุวณฺณฉนฺนา ได้แก่ ประดับด้วยอาภรณ์ทอง. บทว่า สติสมุปฺปาทกโร ความว่า ทำให้เกิดสติ คือทำให้เกิด สติในบุญกรรม ซึ่งเป็นเหตุให้ข้าพเจ้าได้ทิพยสมบัตินี้ อธิบายว่า ทำให้ เกิดสติอย่างนี้ว่า เจ้าได้สมบัตินี้เพราะถวายอาหารรสปู. บทว่า นิฏฺฐิโต ชาตรูปสฺส ได้แก่ สำเร็จแล้วด้วยทอง ชื่อว่า ชาตรูปมยะ ปูชื่อว่า มีขา 10 เพราะปูนั้นมีขา 10 แบ่งเป็นข้างละ 5 อยู่ที่ประตูย่อมสง่างาม ปูนั้นแหละประกาศบุญกรรมของข้าพเจ้า แก่เหล่าท่านผู้แสวงหาคุณใหญ่ เช่นท่าน อธิบายว่า ในเรื่องนี้ ไม่มีคำที่ข้าพเจ้าจะต้องพูด ด้วยเหตุนั้น เทพบุตรจึงกล่าวว่า เตน เม ตาทิโส วณฺโณ เป็นต้น. คำที่เหลือมี นัยดังกล่าวมาแล้วนั่นแล. จบอรรถกถากักกฏกรสทายกวิมาน

ที่มา:
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ เล่ม 2 ภาค 1
เล่มที่ 48 หน้า 465 ถึง 468
พระไตรปิฏก และ อรรถกถาไทย ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย

ป.ล. พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า "การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง" เพียงคุณส่งข้อมูลจากพระไตรปิฎกนี้ไปให้เพื่อนๆ ได้ลองอ่านดูบ้าง บุญก็เกิดแล้วครับ ด้วยบุญนี้คุณอาจจะมีเมาส์ทองประดับอยู่ในวิมานก็เป็นได้

#2 usr20663

usr20663
  • Members
  • 65 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 August 2008 - 09:27 AM

ขออนุโมทนาครับ สาธุ

#3 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 August 2008 - 09:53 AM

ผู้ไม่รู้ (ผู้ที่ไม่เคยอ่านพระไตรปิฎก)
แล้วชี้ (ผู้ที่กล่าวตู่ว่าคำสอนแห่งพระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีจริง)

คนที่โง่แต่ขยัน แถม ไม่รู้แล้วยังชี้ นี่อันตรายนัก
หากเป็นคนใกล้ตัว ญาติพี่น้อง รู้จักกัน ก็ช่วยอธิบายให้เขาได้รู้ ได้แจ้ง ก็จะช่วยปิดนรก เปิดทางสวรรค์ให้เขาได้

ฟ้าร้างเอง ก็ได้เห็น fw mail ที่กล่าวตู่ว่าเครื่องประดับของชาวสวรรค์ไม่มีจริง เป็นเพียงเรื่องนิทานหลอกเด็ก แสวงหาโภคทรัพย์ อย่างคนเขลา คือ เพราะไม่ได้อ่านพระไตรปิฎกนั่นเอง แล้วดันขยัน สรรหาภาพ ถ้อยคำ ฯลฯ มาทำเป็น fw mail แบบนี้ อันตรายจริงๆ น่าสงสารยิ่งนัก

อนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ค่ะ
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#4 ทัพพีในหม้อ

ทัพพีในหม้อ
  • Moderators
  • 3279 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 05 August 2008 - 09:55 AM

นี่แหละครับ ถ้าเราทุกคนศึกษาพระไตรปิฎกอย่างถ่องแท้แล้ว จะทราบได้เลยว่าสิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงปู่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่ คุณยายอาจารย์ ท่านได้พร่ำสอนพวกเรามานั้น มีอยู่ในพระพุทธศาสนาจริงๆ ไม่ได้ตกแต่ง เสกสรร ปั้นเรื่องใดๆขึ้นมาทั้งสิ้น

ฉะนั้นถ้าเจอใครกล่าวหาหมู่คณะเราว่าอวดอุตริสอนอะไรนอกลู่นอกทาง ก็ยื่นพระไตรปิฎกให้เขาไปได้เลย ทุกสิ่งทุกอย่างมีอยู่ในพระไตรปิฎกหมดแล้ว

อนุโมทนาบุญกับเจ้าของเรื่องด้วยครับ
สมาชิกเว็บไซต์ทุกท่านที่เข้ามาอ่านกระทู้ สามารถร่สมกิจกรรมสะสมคะแนนเพื่อแลกรับของที่ระลึกจากทางทีมงานได้ฟรีๆ ทำตามนี้เลยครับ ..... ทุกๆ กระทู้ที่สมาชิกตั้งขึ้น เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 3 คะแนน ..... ทุกๆ การตอบกระทู้ที่เป็นการตอบแบบมีสาระทางธรรม จะได้รับคะแนนสะสมทันที่ 1 คะแนน และ 0.1 คะแนนสำหรับการเข้ามาอนุโมทนาบุญ ..... อย่าลืมมาร่วมกิจกรรมกันนะครับ

#5 สาธุธรรม

สาธุธรรม
  • Members
  • 1124 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 August 2008 - 10:38 AM

สาธู๊....ค่ะ.....

เช้านี้ได้ดู ทศชาติชาดก เรื่อง มหาพรหมนารท

ท่านมหาพรหม นารท เป็นผู้ที่ยิ่งด้วยอุเบกขาธรรมอย่างยิ่ง

แต่อุเบกขาของท่าน ไม่ได้ละเลยที่จะโปรดเลย

โปรดสัจธรรมไป ด้วยใจอันเป็นอุเบกขายิ่ง.....

อุเบกขาของท่านไม่ใช่การวางเฉยอย่างเราเคยเข้าใจ ว่าคือ การไม่สนใจ ไม่ข้องแวะ



โลกนี้.....(และ ทั้งภพสาม....)

ยังมีคนเขลาอีกมาก ทั้งที่เขลาน้อย เขลามาก เขลามากๆๆๆๆๆๆ

และนั่นคืองานของหมู่คณะเรา


อันทีจริง เราก็เคยโง่เขลามาก่อน เป็นเสมือนกุ้งหอย ปูปลา ในทะเลแห่งวัฏะ

โชคดีที่ได้หลวงพ่อโปรด ขุดดึงขึ้นมาจากความไม่รู้ปราบมารในตัวให้ละพยศ
ความเขลาลดลง ตาเริ่มสว่างด้วย ไออุ่นจากแสงแห่งธรรม



บางทีพวกเขา อาจกำลังรอ คนอันมีขันติธรรม และ อุเบกขาธรรมไปโปรดเขาก็ได้


อย่างคุณ(หรือยังเป็นหลวงพี่อยู่) เปเล่ ที่ท่านไปโปรดโซโลมอน
เพราะได้อธิษฐานไว้ว่า ขอให้โปรดคนเหล่านั้นได้ในสักชาติหนึ่งข้างหน้า

ด้วยจิตอันมีธรรมะ ความรัก กรุณาอันประเสริฐ ทำให้โซโลมอนสว่างขึ้นมาได้.....



ไม่ว่าเขาจะเชื่อหรือไม่เชื่อในวันนี้ ชาตินี้ หรือ กัปนี้

อย่างไร หลวงปู่หลวงพ่อ คุณยาย ก็จะต้องเอาพวกเขาไปให้หมดทุกคน สักชาติหนึ่ง สักกัปหนึ่ง ในอนาคต

การบอก ในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นสัมมาทิฐิ ให้เขา จะไม่หายไปไหน
แต่ติดอยู่ที่ ศูนย์กลางกาย ของเขาแ ละของเรา ข้ามภพข้ามชาติ
ที่เราทำไป ย่อมไม่สูญเปล่า แต่กลับได้บารมีตอบแทน และย่นย่อ ระยะเวลางานของครูบาอาจารย์
และได้คนที่มีสัมมาทิฐิมากขึ้นเพิ่มขึ้นมา นับว่าคุ้มนัก
มารทำหน้ามี่มาร
เราทำหน้าที่เรา
ทำได้ทำไป แต่อย่าหวังเลยว่าจะยอมแพ้


เราเป็นเหมือนกองทัพธรรมที่จะช่วยหยิบจับ กุ้งหอย ปูปลาในทะเลแห่งวัฏฏะเหล่านี้
เพื่อช่วยครูบาอาจารย์
ให้ภาระของท่าน เบามากขึ้น...

แต่ กุ้งหอย ปูปลา ก็ยังเป็นกุ้งหอยปูปลา ที่ผ่านมามีแต่คนจ้องจับมันไปฆ่ากิน

พอจะมีคนมีจับเอามันไปไว้ที่ปลอดภัย มันไม่รู้ ว่าเขาหวังดี ก็ดิ้นรน วิ่งหนี ด้วยความกลัวและความเขลา



เมื่อคืนหลวงพ่อ ได้โปรดอย่างผู้ที่ยิ่งด้วย เมตตาธรรม ขันติธรรม และ อุเบกขาธรรม อย่างยิ่ง

ลูกขอสาธุการ และ ขออธิษฐาน ให้เป็นได้อย่างหลวงพ่อบ้าง สักเศษเสี้ยวก็ยังดีเจ้าค่ะ สาธู๊
หยุดนิ่งนั้นแหละไซร้ พรหมจรรย์
พระผุดผ่านทุกวัน สะอาดเกลี้ยง
นิวรณ์หมดสุขสันต์ สดชื่น
ชีพรื่นธรรมหล่อเลี้ยง ผ่องทั้งกายใจ

สุนทรพ่อ

#6 swo

swo
  • Meditation Admin
  • 267 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:WDC

โพสต์เมื่อ 05 August 2008 - 01:35 PM

สาธุ เก่งจัง happy.gif happy.gif happy.gif happy.gif happy.gif

#7 Dhamma Bot

Dhamma Bot
  • Members
  • 477 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 05 August 2008 - 01:51 PM

ลองอ่านท่อนนี้ดูสิครับ แล้วคุณรู้สึกเหมือนกับผมหรือเปล่า?

"วิมานเสาแก้วมณีนี้สูง 12 โยชน์ โดยรอบ มีห้องรโหฐาน 700 ห้องโอฬาร มีเสาแก้วไพฑูรย์ ลาดด้วยเครื่องลาดที่ถูกใจ สวยงาม ท่านอยู่ ดื่ม กิน ในวิมานนั้น มีพิณทิพย์บรรเลงไพเราะ มี เบญจกามคุณ มีรสเป็นทิพย์ และเทพนารีแต่งองค์ด้วยเครื่องทองฟ้อนรำอยู่ เพราะบุญอะไร วรรณะ ของท่านจึงเป็นเช่นนี้ เพราะบุญอะไร ผลอันนี้จึงสำเร็จแก่ท่าน และโภคะทุกอย่างที่น่ารักจึงเกิดแก่ท่าน"

ก่อนที่จะมี DMC ผมก็เคยได้อ่านเรื่องวิมานของเทวดาในพระไตรปิฎกมาแล้วมากมาย แต่ผมก็ยังนึกไม่ค่อยออกว่าห้องรโหฐานเป็นอย่างไร เสาแก้วเป็นอย่างไร พิณทิพย์บรรเลง เทพนารีแต่งด้วยเครื่องทองฟ้อนรำเป็นอย่างไร แต่เมื่อมี DMC แล้ว คุณครูไม่ใหญ่ท่านทำให้ดูเป็นภาพ เป็นเสียง ทำให้ผมเข้าใจสิ่งที่อยู่ในพระไตรปิฎกได้ดีขึ้น อ่านแล้วเห็นภาพตามเลยครับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านทำให้เรายึดติดสวรรค์ เพราะท่านก็ให้เราตอกย้ำทุกวันผ่านทาง DMC ว่า "เราเกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้ง แสวงบุญ สร้างบารมี" ส่วนสวรรค์นั้นก็เป็นเพียงที่พักระหว่างทาง

เหมือนคนจะไปอยู่อเมริกา เขาก็ต้องทราบข้อมูลก่อนว่า จะเข้าประเทศได้อย่างไร มีความเป็นอยู่อย่างไร มีสังคม วัฒนธรรม และชีวิตความเป็นอยู่อย่างไร จะได้เตรียมตัวได้ถูก การที่หลวงพ่อท่านนำเรื่องสวรรค์มาบอกกับพวกเรา ก็ทำให้พวกเราเข้าใจชีวิตมากขึน ว่าในเมื่อเราทำความดี เราก็ต้องไปสวรรค์ เมื่อไปแล้ว ก็ต้องมีความเป็นอยู่อย่างนี้ ถึงเวลา เราก็ลงมาเกิดสร้างบารมีต่อ จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางครับ

#8 Ray

Ray
  • Members
  • 168 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 August 2008 - 03:46 PM

โดนมาแล้วเมื่ออาทิตย์ทีแล้ว ได้รับเมล์และเสียงตามสายที่วิภาควิจารย์ใหญ่ ก็เลยตอบไปแบบผู้รู้(น้อย)ว่า เขาเอาไว้นึกถึงบุญงัย เหมือนใบโมทนาบัตรในเมืองมนุษย์ แล้วก็ถามเพื่อนกลับว่าแกเคยไปสวรรค์เหรอ มันก็บอกว่าไม่เคย เลยบอกว่าถ้าไม่เคยก็อย่าไปว่าเขา หลวงพี่เคยสอนว่าให้บอกเพื่อนว่า ให้มีเมตตา เราต่างก็ลงมาสร้างบารมีด้วยกันทั้งนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่วงบุญเดียวกันก็อย่าไปว่าเขา เขาก็ทำแต่ความดีไม่เคยได้ยินสายธรรมกายว่าใครเลย แต่ทำไหมสายอื่นอื่นที่เรียกตัวว่าผู้ที่ทำแต่ความดีถึงได้วิภาควิจารย์จริงจริง ทางมากรุงเทพมีหลายทาง สายเอเซีย สายพหลโยธิน สายบางนา ตราด เยอะแยะ ก็เหมือนกันทางไปนิพานก็มีทางไปด้วยกันหลายทาง อย่าว่ากันเลย ความไม่รู้อาจจะทำให้ ทางไปนิพานกันการสร้างบารมีของเราเป็นเส้นขนานชั่วกับป์ชั่วกัล นะ

#9 usr23724

usr23724
  • Members
  • 120 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 August 2008 - 03:49 PM

น่าจะเอาไปแปะที่พันทิพย์แฮะเรื่องนี้น่าจะดีไม่น้อยอิอิ

#10 ลูกอินทรีย์หัดบิน

ลูกอินทรีย์หัดบิน
  • Members
  • 369 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 August 2008 - 01:13 AM

บางเรื่องใน พระไตรปิฎก ก็บอกไว้อย่างชัดเจน เช่น สวรรค์ นรก ทำบุญอย่างไรให้ได้บุญเยอะ แต่คนส่วนมากก็

ไม่สนใจ ไม่เชื่อ ไม่เอามาเปิดเผยพูดคุยอย่างโจ่งแจ้ง

รายการชีวิตในสังสารวัฏ

ยืนยันตัวจริงเสียงจริงเจ้าของกรณีศึกษากฎแห่งกรรม

http://video.dmc.tv/programs/life_in_samsara/page5.html


หนังสือเรียนธรรมะ DOU           http://book.dou.us/d...ya-book-gl.html

GL 101 จักรวาลวิทยา                            http://book.dou.us/gl101.html
GL 102 ปรโลกวิทยา                              http://book.dou.us/gl102.html
GL 203 กฎแห่งกรรม                             http://book.dou.us/gl203.html
GL 305 ปฏิปทามหาปูชนียาจารย์           http://book.dou.us/gl305.html


#11 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 05 November 2011 - 02:22 PM

ไอ้สัส ถ้ากูทำบุญด้วยดิลโด้ทอง ตายไปกูจะมีควยทองคำป่าววะ ชะโยโย่ 5555+