ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

มีคำถามค่ะ ..เรื่องเจริญอิทธิบาท 4


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 15 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 KATCH

KATCH
  • Members
  • 105 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 09:28 PM

laugh.gif

บังเอิญไปอ่านเจอเกี่ยวกับ ตอนที่พระพุทธเจ้าให้นัยยะพระอานนท์ เรื่องการเจริญอิทธิบาท 4 แล้วจะมีอายุยืนนาน เป็นกัปๆ หรือเท่าไหร่จำไม่ได้ ( แต่อายุยืนมากกกก ) เลยจะถามว่า
1. พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเจริญธรรมข้อนี้เจริญอย่างไรคะ ( อธิบายเป็นรูปธรรมได้ไหมคะ)
2. ธรรมข้อนี้ทำไมจึงทำให้มีอายุยืนนาน
3. สามารถกำหนดเวลาที่จะอายุยืนด้วยตัวเอง นานแค่ไหนก็ได้ใช่หรือไม่
4. แล้วธรรมข้อนี้พระอรหันต์หรือบุคคลท่านอื่นจะเจริญธรรมข้อนี้ได้หรือไม่
5. แล้วทำไมพระอานนท์จะเป็นคนอาราธนา ท่านจะเจริญเองไปเลยไม่ได้เหรอคะ ohmy.gif หรือว่าเป็นเงื่อนไข
( ในเรื่องละเอียดอ่ะ )

อนุโมทนาจ้า

#2 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 09:37 PM

QUOTE
แล้วธรรมข้อนี้บุคคลอื่นจะเจริญข้อนี้ได้หรือไม่

มิใช่วิสัยของบุคคลธรรมดาสามัญที่จะสามารถกระทำเช่นนั้นได้ครับ ส่วนข้ออื่นๆ ผมไม่ขอตอบนะครับ เพราะเกินภูมิรู้ภูมิธรรมตัวเองครับ ปฏิบัติให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเอง ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดอยู่แล้วนี่ครับ ผมเองก็คอยย้ำเตือนพวกคุณบนบอร์ดอยู่เสมอมิใช่หรือครับ?

"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#3 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 May 2006 - 11:21 PM


วิธีเจริญอิทธิบาท ๔ สามารถเข้าไปอ่านได้ในเวพด้านล่างนี้เลยครับ (ยาวนิดนึงนะครับ)
http://84000.org/tip...9&A=6907&Z=7002

ฤทธิ์สำเร็จได้เพราะเจริญอิทธิบาท
http://84000.org/tip...9&A=6453&Z=6471

แสดงฤทธิ์ได้หลายอย่างเพราะเจริญอิทธิบาท ๔
http://84000.org/tip...9&A=6864&Z=6882

ผู้ปรารภอิทธิบาทชื่อว่าปรารภอริยมรรค
http://84000.org/tip...9&A=6424&Z=6434

เจริญอิทธิบาท ๔ เพื่อความสิ้นทุกข์
http://84000.org/tip...9&A=6435&Z=6443

เจริญอิทธิบาท ๔ เพื่อความหน่าย
http://84000.org/tip...9&A=6444&Z=6452

เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะเจริญอิทธิบาท
http://84000.org/tip...9&A=6522&Z=6529

การเจริญอิทธิบาท ๔ ทำให้อายุยืน
http://84000.org/tip...9&A=6549&Z=6637

ได้เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติเพราะเจริญอิทธิบาท
http://84000.org/tip...9&A=6491&Z=6521

ฤทธิ์สำเร็จได้เพราะเจริญอิทธิบาท
[๑๑๗๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในอดีตกาลเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก สมณะหรือพราหมณ์ทั้งหมดนั้น เป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก เพราะเป็นผู้เจริญ กระทำให้มาก ซึ่งอิทธิบาท ๔ สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในอนาคตกาล จักมีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก สมณะหรือพราหมณ์ทั้งหมดนั้น จักเป็นผู้มีฤทธิ์มากมีอานุภาพมาก เพราะเป็นผู้เจริญ กระทำให้มาก ซึ่งอิทธิบาท ๔ สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในปัจจุบัน เป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก สมณะหรือพราหมณ์ทั้งหมดนั้น เป็นผู้มี
ฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก เพราะเป็นผู้เจริญ กระทำให้มาก ซึ่งอิทธิบาท ๔ อิทธิบาท ๔ เป็นไฉน?
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิและปธานสังขาร ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิริยสมาธิ ... จิตตสมาธิ ... วิมังสาสมาธิและปธานสังขาร.

[๑๑๗๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในอดีตกาลเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก สมณะหรือพราหมณ์ทั้งหมดนั้น เป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมากเพราะเป็นผู้เจริญ กระทำให้มาก ซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง
ในอนาคตกาล จักเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก สมณะหรือพราหมณ์ทั้งหมดนั้น จักเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก ก็เพราะเป็นผู้เจริญ กระทำให้มาก ซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในปัจจุบัน ย่อมเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก สมณะหรือ
พราหมณ์ทั้งหมด ย่อมเป็นผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก เพราะเป็นผู้เจริญ กระทำให้มาก ซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล.

ที่มา : http://84000.org/tip...6845&w=อิทธิบาท


แสดงฤทธิ์ได้หลายอย่างเพราะเจริญอิทธิบาท ๔
[๑๑๗๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในอดีตกาลแสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ ... ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้ สมณะหรือพราหมณ์ทั้งหมดนั้น แสดงฤทธิ์ได้หลายอย่างเช่นนั้น เพราะเป็นผู้เจริญ กระทำให้มาก ซึ่งอิทธิบาท ๔ สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง

ในอนาคตกาล ... สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในปัจจุบัน แสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ ...
ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้ สมณะหรือพราหมณ์ทั้งหมดนั้น แสดงฤทธิ์ได้หลายอย่างเช่นนั้น ก็เพราะเป็นผู้เจริญ กระทำให้มาก ซึ่งอิทธิบาท ๔ อิทธิบาท ๔ เป็นไฉน?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิและปธานสังขาร ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิริยสมาธิ ... จิตตสมาธิ ... วิมังสาสมาธิและปธานสังขาร.

[๑๑๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในอดีตกาลแสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ ... ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้ สมณะหรือพราหมณ์ทั้งหมดนั้น แสดงฤทธิ์ได้หลายอย่างเช่นนั้น ก็เพราะเป็นผู้เจริญ กระทำ
ให้มากซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในอนาคตกาล ... สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง ในปัจจุบัน แสดงฤทธิ์ได้หลายอย่าง คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ ... ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้ สมณะหรือพราหมณ์ทั้งหมดนั้น แสดงฤทธิ์หลายอย่างเช่นนั้น ก็เพราะเป็นผู้เจริญ กระทำให้มาก ซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล.

ที่มา : http://84000.org/tip...6865&w=อิทธิบาท


ได้เจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติเพราะเจริญอิทธิบาท
[๑๑๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ เพราะเป็นผู้เจริญ กระทำให้มาก ซึ่งอิทธิบาท ๔ อิทธิบาท ๔ เป็นไฉน?

ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิและปธานสังขาร ย่อมเจริญอิทธิบาทอัน
ประกอบด้วยวิริยสมาธิ ... จิตตสมาธิ ... วิมังสาสมาธิและปธานสังขาร ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุกระทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ เพราะเป็นผู้เจริญ กระทำให้มาก ซึ่งอิทธิบาท ๔ เหล่านี้แล.

ที่มา : http://84000.org/tip...6884&w=อิทธิบาท



เนื่องจากคำถามตอบได้ยากมากครับ เป็นพุทธวิสัยครับถ้ายังงัยก็คงจะต้องอ่านเนื้อหาเอง
ในพระไตรปิฎกแหละครับดีที่สุดครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#4 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 27 May 2006 - 12:28 AM

พี่ xlmen ได้ตอบคำถามของคุณ KATCH ในข้อที่ ๑ และ ๒ ไปเรียบร้อยแล้วนะครับ ผมขออนุโมทนาบุญกับพี่ด้วยครับ สาธุ...
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#5 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 27 May 2006 - 01:04 AM

QUOTE
สามารถกำหนดเวลาที่จะอายุยืนด้วยตัวเอง นานแค่ไหนก็ได้ใช่หรือไม่?

ขอตอบแบบฟันธงลงไปเลยว่า ณ เวลานี้ ยังไม่มีสิ่งใดที่สามารถมาเอาชนะหรือต่อกรกับกฎแห่งกรรม และกฎของพระไตรลักษณ์ได้เลยนะครับ ดังนั้น แม้พระพุทธองค์จะทรงมีพุทธประสงค์ที่จะมีพระชนมายุยิ่งยืนนานเพียงใด ก็สามารถทำได้ภายในช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น มิอาจที่จะกระทำให้พระชนม์ชีพของพระองค์ยืนยงคงกระพันตั้งอยู่อย่างถาวรได้ดอกครับ

"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#6 KATCH

KATCH
  • Members
  • 105 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 May 2006 - 02:03 AM

สาธุค่ะ

#7 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 27 May 2006 - 02:06 AM

เจตนาของผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะครับ หากผมทำให้คุณรู้สึกเช่นนั้น ก็ต้องขออภัยด้วยเป็นอย่างสูงครับ แต่สิ่งที่ผมต้องการจะสื่อถึงก็คือ อะไรคือแก่นแท้ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอน? ต่างหากล่ะครับ แล้วเหตุผลที่ว่า ต้องคอยย้ำเตือนกันอยู่บ่อยๆ ก็เพราะ ถ้าไม่ย้ำประเดี๋ยวก็ลืมแล้วครับ
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#8 KATCH

KATCH
  • Members
  • 105 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 May 2006 - 02:55 AM

อนุโมทนาค่ะ คุณ ขุนศึกฯ

#9 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 May 2006 - 06:15 AM

ผมเคยตั้งกระทู้ ทำนองนี้เหมือนกัน ลองไปหาอ่านหรือ ดูคลิปวิดิโอ case study
เรื่อง พระบังบดผู้สำเร็จ ดูจะได้คำตอบมาบ้าง เรื่องพระที่พยายามเจริญอิทธิบาทธรรมเพื่อ
จะไปบรรลุธรรม ในสมัยพระศรีอาร์ย
หยุดคือตัวสำเร็จ

#10 เพียงพอ

เพียงพอ

    I |\|EE|) S()|\/|E |3()DY |_()\/E.

  • Members
  • 724 โพสต์
  • Location:ไม่มีข้อมูล
  • Interests:ไม่มีข้อมูล

โพสต์เมื่อ 27 May 2006 - 03:15 PM

QUOTE
1. พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเจริญธรรมข้อนี้เจริญอย่างไรคะ ( อธิบายเป็นรูปธรรมได้ไหมคะ)
2. ธรรมข้อนี้ทำไมจึงทำให้มีอายุยืนนาน
3. สามารถกำหนดเวลาที่จะอายุยืนด้วยตัวเอง นานแค่ไหนก็ได้ใช่หรือไม่
4. แล้วธรรมข้อนี้พระอรหันต์หรือบุคคลท่านอื่นจะเจริญธรรมข้อนี้ได้หรือไม่
5. แล้วทำไมพระอานนท์จะเป็นคนอาราธนา ท่านจะเจริญเองไปเลยไม่ได้เหรอคะ

1.ฉันทะ พอใจที่จะมีอายุยืน 2.วิริยะ มีความพยายามทำตามวิธีที่ทำให้มีอายุยืนได้
3จิตตะมีใจจดจ่อที่จะมีอายุยืน 4.หาทางหาวิธีที่จะทำให้อายุยืน หาที่บกพร่องว่ายังปฏิบัติไม่ถูกตรงไหน
-----
2.อิทธิบาทสี่ เป็นธรรมที่ช่วยทำให้ความปราถนาของเราสำเร็จได้
------
3.ใช่
---
4.เจริญได้ พระพุทธเจ้าเคยตรัสกับพระอานนท์ว่า ถ้าใครปราถนาจะมีอายุยืนเป็นกัปหรือมากกว่านั้น เจริญอิทธิบาทสี่ ก็ทำได้
--------
5 ต้องมีคนอาราธนา เพราะถ้าท่านเจริญเอง ก็แสดงว่าท่านยังมีกิเลสอยู่สิ
--------------

เพียง. . .เพื่อดำรงชีวิตอยู่ให้มีคุณค่า
พอ. . .แล้วกับความรู้สึกที่ว่าอยากมีอยากเป็น
One word will suffice.

เพียงพอ


#11 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 May 2006 - 03:31 PM

QUOTE
4.เจริญได้ พระพุทธเจ้าเคยตรัสกับพระอานนท์ว่า ถ้าใครปราถนาจะมีอายุยืนเป็นกัปหรือมากกว่านั้น เจริญอิทธิบาทสี่ ก็ทำได้
--------
5 ต้องมีคนอาราธนา เพราะถ้าท่านเจริญเอง ก็แสดงว่าท่านยังมีกิเลสอยู่สิ

รบกวนคุณธรรมจักรอ้างถึงที่มาของคำตอบด้วยครับ เพราะผมไม่เคยได้ยินนะครับ หรือว่า ผมอ่านไม่เจอ ยังไงรบกวนบอกถึงที่มาด้วยครับ ผมจะได้ไปศึกษาเพิ่มเติมครับ แต่ที่ผมได้ยินมาคือ

[๑๑๒๔] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จเข้าไปยังปาวาลเจดีย์ ประทับนั่งบนอาสนะที่
ท่านพระอานนท์ปูถวาย ส่วนท่านพระอานนท์ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคตรัสกะท่านพระอานนท์ว่า ดูกรอานนท์ เมืองเวสาลีเป็นที่น่ารื่นรมย์
อุเทนเจดีย์ก็เป็นที่น่ารื่นรมย์ โคตมกเจดีย์ก็เป็นที่น่ารื่นรมย์ สัตตัมพเจดีย์ก็เป็นที่น่ารื่นรมย์
พหุปุตตกเจดีย์ก็เป็นที่น่ารื่นรมย์ สารันททเจดีย์ก็เป็นที่น่ารื่นรมย์ อิทธิบาท ๔ อันผู้ใดผู้หนึ่ง
เจริญแล้ว
กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดุจยาน กระทำให้เป็นที่ตั้ง ให้คล่องแคล่วแล้ว
สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ผู้นั้น เมื่อจำนงอยู่พึงดำรงอยู่ได้กัลป์หนึ่ง หรือเกินกว่ากัลป์หนึ่ง

ดูกรอานนท์ อิทธิบาท ๔ อันตถาคตเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดุจยาน
กระทำให้เป็นที่ตั้ง ให้คล่องแคล่วแล้ว สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ตถาคตนั้น เมื่อจำนงอยู่
พึงดำรงอยู่ได้กัลป์หนึ่งหรือเกินกว่ากัลป์หนึ่ง.


ในตอนแรกพระองค์กล่าวว่า ผู้ใดที่ทำอิทธิบาทธรรมให้เจริญแล้ว แต่ต่อมาท่านก็บอกว่า ผู้ที่ทำให้เจริญแล้วผู้นั้น คือ ตถาคต

ดังนั้นเป็นไปได้ไหมว่า ผู้ที่จะสามารถเจริญอิทธิบาทธรรมเพื่อให้มีอายุยืนได้กัลป์หนึ่ง มีเพียงพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะท่านเป็นเอกบุรุษ ได้กายที่เป็นสุดยอดของมนุษย์คือ กายมหาบุรุษ

ส่วนคำว่าผู้ใดผู้หนึ่งนั้น เป็นไปได้ไหมว่า หมายเอา บุคคลผู้ใดก็ตามที่เจริญอิทธิบาทธรรมจนเต็มเปี่ยม ซึ่งก็ต้องคือ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งหลายนั่นเอง
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#12 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 May 2006 - 04:07 PM

QUOTE
4. แล้วธรรมข้อนี้พระอรหันต์หรือบุคคลท่านอื่นจะเจริญธรรมข้อนี้ได้หรือไม่

ตอบ
QUOTE
อิทธิบาท ๔ อันผู้ใดผู้หนึ่ง
เจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว กระทำให้เป็นดุจยาน กระทำให้เป็นที่ตั้ง ให้คล่องแคล่วแล้ว
สั่งสมแล้ว ปรารภดีแล้ว ผู้นั้น เมื่อจำนงอยู่พึงดำรงอยู่ได้กัลป์หนึ่ง หรือเกินกว่ากัลป์หนึ่ง


สำหรับเรื่องการนิมนต์พระพุทธองค์ให้มีพระชนชีพด้วยอิทธิบาทธรรม น่าจะเป็นพุทธประเพณีนะครับไว้มีโอกาสผมจะลองค้นมาเสริมอีกทีครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#13 KATCH

KATCH
  • Members
  • 105 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 May 2006 - 09:12 PM

สาธุทุกท่านค่ะ ^__^ ที่เข้ามาช่วยกันตอบ

#14 vior

vior
  • Members
  • 14 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 May 2006 - 01:25 AM

ขอบังอาจตอบสักหน่อยแล้วกันนะครับ

ประเด็นที่อยู่ได้เป็นกัปล์นั้น ไม่ต้องสงสัย เป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงตรัสเอง ส่วนจะทำอย่างไงนั้น ก็คงต้องมีพุทธบารมีอย่างท่านละครับ อันนี้ ในฝันในฝัน ที่หลวงพ่อเคยพูดไว้ก็มีอยู่คงต้องไปหาฟังกันเอาเอง
ท่านว่าเรื่อง การเดินจิตเช่นไร น่ะครับ ลองไปฟัง

ส่วนเรื่อง ทำไมต้องอารธนา ถ้าทุกท่านยังจำพุทธประวัติได้ ตอนที่พญามารมาทูลเชิญให้ปรินิพพาน ครั้งหลัง แล้วพระพุทธเจ้าทรงตอบว่า เมื่อใดพุทธบริษัทสี่ยังไม่ตั้งมั่น ก็ยังไม่นิพพาน อันนี้เป็นข้อตกลงกันนะครับ

พอคราวที่พุทธบริษัทสี่ตั้งมั่นแล้ว ท่านทราบว่า ถึงเวลาแล้ว แต่การรื้อสัตว์ขนสัตว์เพิ่งทำได้นิดเดียว แต่หากมีใครอาราธนาให้อยู่ต่อก่อน ก็อยู่นอกข้อตกลง อาศัยตรงนี้ ซึ่งในคัมภีร์ ว่าไว้ว่า พญามารก็ทราบ ก็เข้าสิงจิตพระอานนท์ไม่ให้เข้าใจ

พระอานนท์เป็นผู้เลิศ ห้าอย่าง เป็นองค์เดียวในศาสนานี้ ที่เป็นเอตทักคะ ถึงห้าด้านด้วยกัน ถ้าพระอานนท์ฟังแล้วไม่เข้าใจ คนอื่น เป็นไม่ต้องสงสัย

ดังนี้แล
*********************************************
ควรมิควร ก็ขออภัยไว้ด้วย
หวังว่า มีใครสักคน
อธิษฐานจิต ให้เมื่อได้เห็นนัยยะดังนี้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในอนาคต ได้ทราบความต้องการ แล้วสามารถทูลเชิญได้ทุกพระองค์ไป
สาธุ ตอนนี้ผมก็อธิษฐานไปก่อนแล้วกัน

#15 ลูกพระธัมฯ Merry Ma

ลูกพระธัมฯ Merry Ma

    The STRONGEST is the GENTLEST!!!

  • Members
  • 891 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Bangkok, Thailand

โพสต์เมื่อ 28 May 2006 - 02:02 AM

ช่วงนี้ไม่ค่อยมีเวลาเข้ามาดู DMC ค่ะ กระทู้นี้น่าสนใจมากค่ะคุณKatch อยากร่วมตอบด้วย
มีหลายท่านที่ตอบได้ดีไปเรียบร้อยแล้ว สาธุกับคุณ XLmen, ขุนศึกฯ นะคะ

The Strongest is The Gentlest!

ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด

#16 BOG-BOG

BOG-BOG
  • Members
  • 293 โพสต์

โพสต์เมื่อ 28 May 2006 - 09:26 PM

สงครามความรักและน้ำตา
มนุษย์จะไม่มีวันอายุยืนได้เลยถ้ายังไม่สามารถหยุดการเข่นฆ่า การแย่งชิงอำนาจ ความรักและน้ำตา อำนาจที่มาพร้อมกับความลุ่มหลง มายาที่มาพร้อมกิเลส คือมนต์ดำที่คอยหลอกล่อให้คนเราต้องห้ำหั่นเบียดเบียนกันสงครามไม่เคยสร้างรอยยิ้มให้กับเด็กน้อย สงครามมีเพียงน้ำตาของเด็กน้อย และหญิงสาว สงครามเต็มไปด้วยเลือดและน้ำตาของเหล่าผู้กล้าผู้กล้าที่สละได้ทุกอย่างในโลกนี้คือผู้ที่กล้าที่จะอยู่เหนือกิเลส และตัณหาทั้งปวง เขาคือผู้กล้าที่พิชิตอำนาจของแหวนบาปศักดิ์สิทธิ์ ไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของมารร้ายใดๆ เขาผู้นั้นคือ ฮีโร่ เขาผู้นั้นก็คือ Buddha และเหล่าทหารกล้าแห่งกองทัพธรรมนั่นเอง



บังเอิญดูหนังมาเลยรู้สึกว่าคล้ายกันกับธรรมะข้อนี้เลยเอามาผสมในการออกความเห็นค่ะ
ถ้ามนุษย์ทุกคนมีศีล 5 ไม่เข่นฆ่ากันก็จะทำให้มีอายุยืนเหมือนมนุษย์สมัยต้นกัปได้คะ





คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว คนชั่วชอบทำลาย คนมักง่ายชอบทิ้ง คนจริงชอบทำ คนระยำชอบติ !!!!