ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

“พล.ท.ฤกษ์ดี ชาติอุทิศ”กับภารกิจขับเคลื่อนวงล้อธรรม


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 6 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 kuna

kuna
  • Members
  • 780 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 19 July 2008 - 07:42 PM

กรุ่นกลิ่นและกลิ่นอายของเทศกาลงานบุญได้หวนกลับมาให้พุทธศาสนิกชนทุกคนได้ร่วมกันทำบุญ และลดละเลิกสิ่งของเมามัวในชีวิตกันอีกครั้งแล้ว กับวันสำคัญทางพระ พุทธศาสนาอย่างวัน “อาสาฬหบูชา” ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ซึ่งถือได้ว่าวันนี้เป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์แห่งพระพุทธศาสนาอีกวันหนึ่ง เพราะเป็นวันที่พระพุทธองค์ทรงแสดงหลักธรรมเทศนาหรือ “ธัมมจักกัปปวัตนสูตร” เป็นครั้งแรกแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 รูปคือ โกณฑัญญะ วัปปะ ภัททิยะ มหานามะ และ อัสสชิ เพื่อให้ปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 รูปนี้ดำรงและสืบทอดพระพุทธศาสนาต่อไป

เพื่อเป็นการร่วมสืบทอดพระพุทธศาสนาให้คงอยู่ไว้ พล.ท.ฤกษ์ดี ชาติอุทิศ ในวัย 70 เศษ อดีตนายทหารใหญ่หัวหน้าสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ขอเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนวงล้อของพระธรรมจักรให้คงอยู่ต่อไป ด้วยการบริจาคที่ดินเพื่อสร้าง “ธุดงคสถาน” สถานที่ที่ใช้ในการปฏิบัติธรรมและเจริญวิปัสสนาของพระสงฆ์ในช่วงเทศกาลออกพรรษา

ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีหลังจากที่เกษียณอายุราชการ ที่ พล.ท.ฤกษ์ดี ได้อุทิศตนในการสืบทอดพระพุทธศาสนาในรูปแบบต่างๆ และก็เป็นผู้หนึ่งที่ริเริ่มให้มีการสร้างสถานที่ “ธุดงคสถาน” จำนวน 77 แห่งทั่วประเทศไทย เพื่อให้พระสงฆ์ได้ใช้ประโยชน์จากสถานที่นั้นๆ ในการออกแสวงหารสพระธรรม

พล.ท.ฤกษ์ดี เริ่มเล่าถึงจุดเริ่มต้นของแนวคิดนี้ว่า เกิดจากการออกไปศึกษาและท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ จึงเห็นภาพของพระสงฆ์บางรูป ที่ตั้งปณิธานอย่างแน่วแน่ที่จะออกไปแสวงหาธรรม หรือออกไปปฏิบัติธรรมนอกวัดที่ตนเองจำวัดอยู่ เพื่อถ่ายทอดหลักธรรมคำสอนของพระศาสดาให้กับประชาชนได้รับรู้ แต่พระสงฆ์หลายรูปกลับต้องพบเจอกับปัญหาหลักคือไม่สามารถหาที่จำวัดได้

“เดี๋ยวนี้ปัญหาที่เราพบจากการออกไปธุดงค์ของพระสงฆ์ คือ ท่านไม่มีที่จำวัด เพราะสถานที่บางแห่งก็มีเจ้าของ หรือบางพื้นที่ก็เป็นเขตป่าสงวนห้ามไม่ให้ใครแม้แต่กระทั่งพระสงฆ์เข้าไปในพื้นที่ และบางที่ ซ้ำร้ายหนักกว่านั้นคือถ้าอยู่กันคนละศาสนาถึงกับไล่พระออกจากพื้นที่นั้นทันที”

เมื่อเริ่มตระหนักเห็นถึงความยากลำบากของพระสงฆ์ในการเดินทางออกไปจำวัดนอกสถานที่ อดีตนายพลทหารกล้าแห่งกองทัพไทย จึงเริ่มมีแนวคิดที่จะหาที่ดินเพื่อใช้สำหรับในการสร้างสถานที่ธุดงคสถาน จำนวน 77 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้พระสงฆ์ในเมืองไทยได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ตรงนั้น ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการสร้างไปแล้วจำนวน 10 กว่าแห่ง โดยกระจัดกระจายอยู่ตามภาคต่างๆ ของประเทศไทย ซึ่งแต่ละแห่งได้มีการพิจารณาถึงระยะทางและความเงียบสงบ

“ผมเริ่มทำโครงการนี้มาตั้งแต่อายุ 50 ปี จนตอนนี้ผมมีอายุตั้ง 70 กว่าแล้ว และผมได้บริจาคที่ดินสำหรับใช้ในการธุดงค์ของพระสงฆ์จำนวน 10 แห่ง ซึ่งแต่ละแห่งจะมีพื้นที่ประมาณ 2-3 ไร่ โดยแต่ละแห่งจะต้องอยู่ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 5 กิโลเมตรเพื่อให้พระสงฆ์ได้ออกบิณฑบาตในช่วงเช้า ซึ่งคิดว่าระยะห่างตรงนี้กำลังพอดี เพราะถ้าอยู่ใกล้เกินไปก็จะมีเสียงดังรบกวนการวิปัสสนาของท่าน หรือถ้าอยู่ไกลเกินไปพระสงฆ์ก็จะไม่สามารถออกมาบิณฑบาตได้ แต่เหนือสิ่งอื่นใดสถานที่แห่งนั้นจะต้องมีความเงียบสงัดด้วย เพราะท่านจะได้เข้าถึงแก่นแท้ของพระธรรมอย่างลึกซึ้ง”


ทว่า เขาเป็นเพียงแต่ฟันเฟืองเล็กๆ เท่านั้นจึงไม่สามารถที่จะขับเคลื่อนให้โครงการนี้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น ถึงแม้ว่าจะมีผู้มีจิตศรัทธาได้ร่วมกันยกพื้นที่สำหรับการสร้างธุดงคสถานในสถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมากก็ตามที แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าในขณะนี้มีพระสงฆ์เข้าไปใช้ประโยชน์จากสถานที่ตรงนั้นน้อยมาก เขาจึงร้องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปร่วมมือกันขับเคลื่อนโครงการนี้ให้ประสบความสำเร็จ

“ผมคิดว่าสาเหตุ ที่มีพระสงฆ์เข้าไปใช้ประโยชน์จากสถานที่ตรงนั้นน้อยเพราะว่า พระบางรูปไม่รู้ว่ามีสถานที่ใดบ้างที่ท่านจะสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ได้ ดังนั้น ผมจึงอยากที่จะวิงวอนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาประชาสัมพันธ์หรือบอกให้พระสงฆ์ท่านทราบว่า ขณะนี้เรามีสถานที่ที่ท่านสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ในการปักกรดสำหรับการออกธุดงค์ได้”

เพราะเป็นส่วนหนึ่งในการร่วมสืบทอดพระพุทธศาสนาอย่างสุดกำลังความสามารถ จึงทำให้อดีตนายพลวัย 70 ปีคนนี้ ยังคงมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรงดีจนคนหนุ่มต้องอิจฉากันเลยทีเดียว อะไรคือเคล็ดลับของนายพลท่านนี้ ?

“ผมเป็นคนที่มักคิดอะไรในแง่บวกอยู่เสมอ ในยามที่รับราชการทหารอยู่เราก็ปฏิบัติหน้าที่ของเราอย่างเต็มที่ ไม่ว่างานนั้นจะมีปัญหาเข้ามาให้ต้องสะสางมากมายสักเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าเรานำหลักธรรมทางศาสนามายึดถือปฏิบัติแล้วเรื่องราวต่างๆ ก็จะผ่านพ้นไปด้วยดี”

สำหรับหลักธรรมที่อดีตนายพลผู้นี้นำมาใช้ในการดำเนินชีวิตนั้นคือ ทางสายกลาง คือทุกอย่างจะต้องมีความพอดี ไม่มากไปและไม่น้อยไป เพราะถ้าเมื่อไรก็ตามที่มนุษย์ทำอะไรที่มันเกินตัวความวุ่นวายก็จะบังเกิดขึ้นทันที

“ผมคิดว่ามนุษย์ทุกคนที่อยู่บนโลกใบนี้ ล้วนอยากได้อยากมีและอยากเป็นในสิ่งที่ใฝ่ฝันไว้ทั้งนั้น แต่ขณะเดียวกัน เราก็ต้องรู้จักพอประมาณตัวเองว่าเรามีขีดความสามารถอยู่ในระดับใด ต้องทำอะไรให้เกิดความพอดี สมมุติว่าทำงานหาเงินมากเราก็ต้องแบ่งเงินไปทำบุญบ้าง เพื่อที่ผลบุญที่เราทำนั้นจะได้ส่งผลให้เราสามารถใช้เงินทองและสิ่งของที่มีอยู่อย่างมีความสุข”

พล.ท.ฤกษ์ดี อธิบายต่ออีกว่า ทุกวันนี้ภารกิจของเขานอกเหนือจากการเข้าวัดเข้าวาไปทำบุญและไปดูแลธุรกิจส่วนตัวเป็นครั้งคราวแล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่เขาได้ยึดถือและทำเป็นประจำคือ การศึกษาหลักคำสอนของพระศาสดาจากคัมภีร์พระไตรปิฎกจนเกือบครบทุกเล่ม

“บางครั้งผมอาจไม่ค่อยมีเวลาได้เข้าไปทำบุญที่วัด แต่สิ่งที่ผมทำและปฏิบัติเกือบทุกวันคือ การศึกษาพระไตรปิฎกเกี่ยวกับหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าในบางเรื่องที่เรายังสงสัยอยู่ เพราะผมมีความเชื่อว่า การที่เราจะเรียนรู้หลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างกระจ่างชัดในรสพระธรรมนั้น จะต้องเรียนรู้ในหลักทฤษฎีเสียก่อน เพราะถ้าเราไม่รู้หลักทฤษฏีเราก็จะปฏิบัติไม่ได้”

นอกจากนี้ เขายังได้ให้มุมมองการใช้ชีวิตสำหรับคนทั่วไปอย่างน่าสนใจอีกด้วยว่า
“การใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ผมเชื่อกฎอยู่ข้อหนึ่งที่ว่า กฎแห่งกรรม ใครทำกรรมอะไรไว้ย่อมได้รับผลกรรมเช่นนั้น ถ้าเมื่อไหร่ที่ทำกรรมดี สิ่งดีๆ ก็จะบังเกิดขึ้นกับชีวิตของทุกคน แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่กระทำสิ่งไม่ดีไม่ถูกต้อง ผลกรรมนั้นก็ย่อมที่จะมาคืนสนองผู้กระทำอย่างหลีกหนีไม่พ้น ไม่ว่าคนๆ นั้นจะรวยล้นฟ้าสักเพียงใดก็ตาม” พล.ท.ฤกษ์ดี สรุปทิ้งท้าย




ที่มา-น.ส.พ.ผู้จัดการ

#2 Boontomak

Boontomak
  • Members
  • 431 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 July 2008 - 11:21 PM

อนุโมทนาบุญครับพล.ท.ฤกษ์ดี
ทำมากได้มาก ทำน้อยได้น้อย ยายทำ ยายก็ได้ คุณก็ไม่ได้ คุณทำคุณก็ได้ เพราะฉะนั้นก็ทำมากๆ ไว้ก่อน เราทำทุกๆ วัน "ขอให้ข้าพเจ้าได้เข้าวัดตลอดชีวิต"

#3 usr17578

usr17578
  • Members
  • 161 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 July 2008 - 04:40 PM

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ

#4 เศรษฐีหน้าใส

เศรษฐีหน้าใส
  • Members
  • 177 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 July 2008 - 04:50 PM

เป็นแบบอย่างที่ดี ที่ทหารท่านอื่นๆ และพุทธศาสนิกชนน่าจะทำตาม ขออนุโมทนาด้วยครับ

#5 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 July 2008 - 09:02 AM

อนุโมทนาบุญครับ สาธุ


#6 Suk072

Suk072
  • Members
  • 430 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 24 July 2008 - 12:01 PM

ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ สาธุ

#7 หัดทำบุญ

หัดทำบุญ
  • Members
  • 47 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 August 2008 - 10:09 PM

หนูขอ อนุโมทนาบุญกับคุณลุงด้วยค่ะ

สาธุ สาธุ สาธุ


(หน่วยงานที่สามารถช่วยกระจายข่าวได้ ช่วยด้วยนะคะ เพื่อดำรงพุทธศาสนาต่อไป)