ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

สั่งอาหาร ซีฟู้ด โดยไม่ชี้


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 23 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 P'sai

P'sai
  • Members
  • 4 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 02:18 PM

ถ้าไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้รังเกียจว่าฆ่ามาเพื่อเรา
ก่อนเข้าร้านก็เห็นปูนึ่งแล้ว แดงแจ๊ วางกองอยู่
แต่ถ้าเราสั่งปูมากิน ก็คงมีตัวอื่น ๆ หลังจากนี้ ถูกฆ่าถูกนึ่ง มากองแทน
ถ้าเรางดกินปูวันนี้ วันนี้ก็คงไม่มีปูตายเพิ่มอย่างน้อย 1 ตัว
เอายังงัยดี
ควรกินปูหรือไม่ควรกินปู
ที่ผ่านมาสั่งแต่เนื้อปู ไม่กล้าสั่งปูนึ่งเลย
ที่ไม่สั่งน่ะ ทำถูกต้องแล้ใช่ไหม?

#2 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 02:34 PM

QUOTE
แต่ถ้าเราสั่งปูมากิน ก็คงมีตัวอื่น ๆ หลังจากนี้ ถูกฆ่าถูกนึ่ง มากองแทน
ถ้าเรางดกินปูวันนี้ วันนี้ก็คงไม่มีปูตายเพิ่มอย่างน้อย 1 ตัว
เอายังงัยดี
ควรกินปูหรือไม่ควรกินปู
ที่ผ่านมาสั่งแต่เนื้อปู ไม่กล้าสั่งปูนึ่งเลย
ที่ไม่สั่งน่ะ ทำถูกต้องแล้ใช่ไหม?

งั้นผมถามกลับนะครับ ถ้าคุณไปซื้อไก่ ซื้อหมูที่ตลาดมากิน ถ้าทำอย่างงี้ ก็ต้องมีหมูกับไก่ตัวใหม่โดนเชือดมาวางขาย แทน คุณคิดว่าไงล่ะครับ ถ้าคุณกินข้าว ชาวนาก็ต้องปลูกข้าวมาขาย แล้วใช้ยาฆ่าแมลง มีการไถนา ทำให้สัตว์พวกหนอน เพลี้ย ตั๊กแตน ไส้เดือนตาย อย่างงี้ ก็อย่ากินข้าวดีไหมครับ เพราะกินข้าวแล้วมีผลให้ชาวนาต้องฆ่าสัตว์ตาย...หรือคิดว่ายังไงเอ่ย
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#3 BOG-BOG

BOG-BOG
  • Members
  • 293 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 03:22 PM

ส่วนบ๊อกๆว่านะ กินแล้วมีความสุขกินไปเถอะ แต่ถ้าคุณรู้สึกเป็นทุกข์ก็อย่าไปกิน อย่างกินหอยต้องแกะเปลือกเปื้อนมือ บ๊อกๆเลยไม่กินหอย ส่วนปูก็จะกินแต่ข้าวผัดปู วัฎจักรของสัตว์ ปลาใหญ่กินปลาเล็ก





คนดีชอบแก้ไข คนจัญไรชอบแก้ตัว คนชั่วชอบทำลาย คนมักง่ายชอบทิ้ง คนจริงชอบทำ คนระยำชอบติ !!!!

#4 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 04:00 PM

คุณสั่งปูตัวที่ตายแล้วมากิน แต่คุณไม่ได้สั่งให้เขาไปฆ่ามาเพิ่มนี่ครับ
ถึงเขาจะไปฆ่ามาเพิ่ม มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ




#5 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 04:40 PM

QUOTE
ถ้าคุณกินข้าว ชาวนาก็ต้องปลูกข้าวมาขาย แล้วใช้ยาฆ่าแมลง มีการไถนา ทำให้สัตว์พวกหนอน เพลี้ย ตั๊กแตน ไส้เดือนตาย อย่างงี้ ก็อย่ากินข้าวดีไหมครับ เพราะกินข้าวแล้วมีผลให้ชาวนาต้องฆ่าสัตว์ตาย...หรือคิดว่ายังไงเอ่ย

ตอบ ปกติเรื่องการไม่ส่งเสริมการฆ่า กับวิธีการผลิตมันเป็นคนละเรื่องเดียวกันนะครับ อย่างกรณีพันธุ์ข้าวสมัยใหม่ที่หลวงได้พระราชทานพันธุ์ข้าวมาชนิดที่ไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงก็มีนะครับ การไม่ส่งเสริมการฆ่านั้น ถามว่าจริงๆ แล้วสัตว์ทุกชนิดมีการฆ่ากันอยู่ตลอดเวลาหรือไม่?? ก็ต้องตอบว่ามีการฆ่ากันอยู่ตลอดเวลาทุกอนุวินาที แม้แต่น้ำย่อยในกระเพาะเราก็ฆ่าสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ได้เช่นกัน

การละเว้นหรือไม่ส่งเสริมการฆ่าจะต้องค่อยเป็นค่อยไปไม่ใช่การงดเว้นแบบสุดโต่ง เพราะถ้าจะเลี่ยงไม่ฆ่าเลย 100% โน่นแหนะครับ พระอรหันต์ในนิพพานโน่นแหละครับหยุดการฆ่าของจริง

ผักที่เกษตรกรปลูกก็สามารถปลูกโดยไม่ใช้สารเคมีก็ได้ เรียกว่าผักปลอดสารพิษ แม้แต่ข้าวก็เช่นเดียวกัน เราสามารถหลีกเลี่ยงการเพาะปลูกแบบงดเว้นการฆ่าได้ ถ้าชาวนามีศีลเหมือนกับคนที่กินข้าวที่ไม่คิดส่งเสริมการฆ่า ชาวนาก็จะใช้ยาฆ่าแมลงที่น้อยลง หรือแทบไม่ใช้เลยหันไปใช้วิธีอื่นที่ดีกว่ายาฆ่าแมลง

QUOTE
ควรกินปูหรือไม่ควรกินปูที่ผ่านมาสั่งแต่เนื้อปู ไม่กล้าสั่งปูนึ่งเลยที่ไม่สั่งน่ะ ทำถูกต้องแล้ใช่ไหม?

ตอบ เอางี้ครับผมจะยกตัวอย่างให้ฟังครับ สมมุติมีร้านอาหารแห่งหนึ่งตั้งอยู่ในป่าดงดิบลึก เขานิยมการกินคนต่างถิ่นเป็นอย่างมากโดยเขาจะจับคนขังมัดแขนมัดขาเหมือนมัดปูทะเลไม่มีผิด และก็มีการสับหั่นชิ้นส่วนคนออกเป็นชิ้นๆ เรียบร้อยแล้วสำหรับลูกค้าที่ใจไม่ถึงไม่กล้าชี้นิ้วเลือกว่าอยากกินคนไหน?? เขาก็มีบริการเชือดเตรียมไว้ให้เสร็จสรรพเลย

ทันใดนั้นหญิงคนหนึ่งก็เกิดกลัวว่าตนเองจะบาป ก็เลยสั่งกับเด็กเสริฟว่า น้องๆ พี่ขอผัดกระเพรานะ เด็กเสริฟตอบว่า
ได้ครับแต่ร้านเราติดป้ายตัวใหญ่ๆ บอกแล้วนะครับว่า ร้านคนเผา ทะเลสดๆ เนื้ออื่นเราไม่มี

หญิงสาวคิดอยู่ครู่ใหญ่แล้วก็เอ่ยปากถามว่า น้องๆ มีเนื้อแบบที่ตายแล้วไหม?? เด็กเสริฟตอบมีครับ
งั้นเอาเนื้อที่ตายแล้วนั่นแหละทำมาเลยจ่ะ

สรุปก็คือ คนจะรู้สึกว่าตนเองไม่บาปถ้าคิดว่าสัตว์นั้นหรือปูนั้นเป็นแค่สัตว์ไม่ใช่อดีตชาติของคนนั่นเองครับ
เวลาจะกินปูนะครับให้ลองนึกว่าปูทั้งหมดเป็นอดีตคนแล้วมองให้เห็นภาพคนกำลังถูกสับอยู่ ถามว่าเราอยากจะกินญาติของเราอยู่อีกไหมหละครับ

#6 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 04:47 PM

โดยส่วนตัว ถ้าไปเข้าร้านอาหารทะเลสดๆ จะไม่สั่งอาหารที่คิดว่า เขาต้องฆ่าสดๆ มาเพื่อเราเลยแม้ซักครั้งเดียวค่ะ จะสั่งแต่ประเภท กุ้งแห้ง ปลาเค็ม หรือพวกหมู ไก่ อะไรแบบนี้มากกว่า เพราะรู้ชัวร์ว่าเป็นเนื้อที่ตายแล้วแน่ๆ ปลอดภัยไว้ก่อนค่ะ หรือถ้าไปกับคนอื่น แต่คนอื่นสั่งพวกปูเผา หรือปลาเผา ซึ่งเราเห็นเลย ว่ามันถูกมัดมีชีวิตมาจากหน้าร้าน แบบนั้น ก็ไม่ทานเช่นกันค่ะ

ปลอดภัย(จากกรรม)ไว้ก่อน
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#7 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 05:34 PM

QUOTE
โดยส่วนตัว ถ้าไปเข้าร้านอาหารทะเลสดๆ จะไม่สั่งอาหารที่คิดว่า เขาต้องฆ่าสดๆ มาเพื่อเราเลยแม้ซักครั้งเดียวค่ะ

ดีมากเลยครับ เจตนางดเว้นไม่เบียดเบียนไปได้ส่วนหนึ่งแล้วครับ

เล่าเรื่อง อีแร้งกินซาก ให้ฟังดีกว่าครับ
1.ถามว่าอีแร้งกินซากสัตว์ที่ตายไปแล้ว อีแร้งฆ่าสัตว์นั้นเองหรือไม่??
ตอบ อีแร้งไม่ได้ฆ่าเอง

2.อีแร้งส่งเสริมให้สัตว์กินเนื้อฆ่าสัตว์อื่นมาเพื่อตนเองหรือไม่??
ตอบ ก็ไม่อีกนั่นแหละครับ

3.สัตว์ที่ฆ่าสัตว์อื่นเช่น เสือ สิงโต หมาไน หรือไฮยีน่า จรเข้ ฯลฯ เมื่อฆ่าสัตว์นั้นๆ กินแล้วมีจิตคิดที่จะฆ่าสัตว์ต่างๆ เพื่อนำมาขายให้อีแร้งหรือไม่??
ตอบ ไม่เลยครับ

ดังนั้นสัตว์กินเนื้อเพื่อหวังได้ผลประโยชน์จากนกแร้งก็เป็นอันไม่มีครับ

กลับมาที่คนบ้าง
มีครอบครัวหนึ่ง เลี้ยงหมูไว้ตัวนึง บังเอิญวันนั้นมีแขกมาเต็มบ้านแขกทั้งหลายมามือเปล่าไม่มีสิ่งใดมาให้ทำนองมาเยี่ยมเฉยๆ เจ้าบ้านเลยตัดสินใจเชือดหมูเลี้ยงแขก

1.ถามว่าแขกที่มาบ้านมีผลตอบแทนใดๆ ให้เจ้าบ้านหรือไม่??
คำตอบคือ ไม่มีครับแขกมาเยี่ยมมากินแล้วก็จากไปครับ

2.แขกที่มากินสนับสนุนให้เจ้าบ้านฆ่าหรือก็ป่าว เจ้าบ้านฆ่าหมูตัวนั้นเอง ถามว่าแขกที่กินหมูจะบาปไปด้วยไหม??
ตอบ ไม่บาปครับ ถ้าแขกไม่รู้ว่าเจ้าบ้านจะเชือดหมูเพื่อตน แต่ถ้าแขกรู้อยู่เต็มอกว่าเจ้าบ้านจะฆ่าหมูตัวนี้เพื่อเลี้ยงตน
แต่แขกกลับไม่ห้าม ยิ่งเสนอเมนูเด็ด หรือทำเป็นนิ่งเฉยเสียแบบนี้ก็บาปด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายครับ

ดังนั้นการบริโภคที่ไม่ถือว่าเป็นบาปก็คือการบริโภคที่ผู้บริโภคได้มาแบบปราศจากผลประโยชน์แลกเปลี่ยนนั่นเองครับ
โดยไม่มีผลประโยชน์ในเรื่องของเงินตราหรือของแลกเปลี่ยนนั่นเองครับ

กล่าวคือ ถ้าลูกค้าซื้ออาหารและบริการที่ผู้ขายได้ทำการขายเนื้อสัตว์เพื่อแลกกับเงินตราหรือผลกำไร ก็จัดว่าเป็นการส่งเสริมการฆ่าครับ

แต่ถ้าคนกินได้อาหารนี้มาด้วยการให้หรือบริจาค โดยคนกินไม่ได้มีสิ่งใดตอบแทนหรือมีสิ่งกระตุ้น หรือสิ่งจูงใจให้คนฆ่าได้ผลประโยชน์หรือกำไรตามมาก็ไม่ถือว่าบาปครับ

สรุปคือ การกินเนื้อถ้ากินฟรีไม่เสียตังส์ก็ไม่บาปนั่นเองครับ เพราะเขาให้เรามาเองเราไม่มีสิ่งใดให้เขาตอบแทน เขาอยากฆ่าก็เป็นกรรมของเขา แต่เราไม่ส่งเสริมเขาเพราะเราไม่มีสิ่งตอบแทนคือเงิน ให้กินแบบนี้จึงจะไม่บาปครับ

แต่ถ้าคนขายได้ตังส์แล้วยิ่งขายเอาขายเอา ยิ่งรวยมากยิ่งขายมากยิ่งสั่งฆ่ามาก แบบนี้เรียกว่าส่งเสริมการฆ่าเต็มๆ ครับ

#8 gioia

gioia
  • Members
  • 593 โพสต์

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 06:27 PM

QUOTE
ดังนั้นการบริโภคที่ไม่ถือว่าเป็นบาปก็คือการบริโภคที่ผู้บริโภคได้มาแบบปราศจากผลประโยชน์แลกเปลี่ยนนั่นเองครับ
โดยไม่มีผลประโยชน์ในเรื่องของเงินตราหรือของแลกเปลี่ยนนั่นเองครับ


... Xlmen คุณทำให้ gioia กินข้าวไม่อร่อย รู้ตัวไหมคะ
เป็นเวลานานพอสมควรที่เป็นโรคกินอะไรก็ไม่อร่อย(ไม่ใช่เบื่ออาหารนะ)
คือมีความอยากที่จะกินของอร่อยๆ แต่กินอะไร อย่างไรก็ไม่อร่อย
จึงเป็นการกดดันเล็กๆที่อยากกินของที่อร่อยๆเท่านั้น แต่กินทีไรก็ไม่อร่อยทุกที

แต่จากการโพสต์ของคุณ..ทำให้ตัดใจได้ค่ะ
ไม่ได้ติดในรสชาติอีกแล้ว กินอะไรก็ได้ที่จะไม่ต้องมีวิบากกรรมติดตัวไป
(เพราะอย่างไรเสีย ก็หาของอร่อยไม่เจอ)
ขอกินเพื่ออยู่ค่ะ กินเพื่อบำรุงสังขาร อันทรยศนี้ก็พอ เพื่อจะได้สร้างบารมีต่อไปนานๆ
เพราะแม้จะบำรุงบำเรอสังขารให้ดีอย่างไร ก็ไม่วายจะเจ็บป่วยอยู่เป็นประจำ
ช่าง(ชาติ)ทรยศแท้ๆ เพราะกับใคร ก็ทรยศเขาไปหมด

ได้หลักในการบริโภคมากขึ้นค่ะ อนุโมทนาบุญ


#9 Jengiskhan

Jengiskhan
  • Members
  • 560 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กุงเท่

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 09:50 PM

คำตอบเหมือนๆกัน กับความคิดผมเลย

#10 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2006 - 02:58 AM

ถึงอย่างไร ร้านที่เขาช้อนกุ้งปูปลาหอย มาทำสด ๆ นั้น เราก็ต้องเห็นอยู่ดี คิดว่าควรจะ
ไปร้านที่เราไม่เห็นว่าสัตว์เป็น ๆ ถูกนำมาฆ่าเพื่อเราดีกว่า

หยุดคือตัวสำเร็จ

#11 wir

wir
  • Members
  • 290 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2006 - 11:38 AM

ขอความกระจ่างหน่อยนะค่ะ

ที่คุณ Xlmen บอกว่า การที่เราซื้ออาหารเช่นเนื้อสัตว์ โดยใช้เงินเป็นการแลกเปลี่ยนมาทาน เป็นการส่งเสริมการฆ่า ถ้าเราจะเลี่ยงไม่อยากติดในส่วนแห่งบาปนั้น ก็ต้องงดเนื้อสัตว์ เลิกทาน แม้แต่เพียงซื้อทานสำเร็จรูปก็ไม่ได้หรือค่ะ

แล้วที่เราซื้อมาเพื่อประกอบอาหารทำถวายพระ เราก็มีบุญปนบาปซิค่ะ

แต่เราไม่ได้เป็นผู้ลงมือฆ่าแต่กลับเป็นผู้สนับสนุนการฆ่า
(หลวงพ่อบอกว่าบาปแม้เพียงนิดอย่าคิดทำ บุญแม้เพียงนิดให้ทำเถิดจะเกิดผล)

มีข้อมูลให้เข้าใจมากกว่านี้ไหมค่ะ

#12 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2006 - 02:14 PM

QUOTE
ที่คุณ Xlmen บอกว่า การที่เราซื้ออาหารเช่นเนื้อสัตว์ โดยใช้เงินเป็นการแลกเปลี่ยนมาทาน เป็นการส่งเสริมการฆ่า ถ้าเราจะเลี่ยงไม่อยากติดในส่วนแห่งบาปนั้น ก็ต้องงดเนื้อสัตว์ เลิกทาน แม้แต่เพียงซื้อทานสำเร็จรูปก็ไม่ได้หรือค่ะ

ตอบ ถูกต้องเลยครับ ค่อยๆ ลดละเลิกไปทีละน้อยดีกว่าครับ อย่าเพิ่งหักดิบตัดใจทีเดียวเดี๋ยวจะกลายเป็นอัตกิลมถาลิกานุโยคครับ
คือดำรงตนให้ลำบากเกินไป กล่าวคือ ให้คิดไว้เสมอว่าเราจะเลี่ยงไม่บริโภคเนื้อได้ถ้าจำเป็น แต่ถ้าสุดวิสัยผักหากินยาก บนโต๊ะอาหาร หรือในร้านค้ามีแต่เนื้อเราก็จะกินแบบมีสติไม่ติดใจในรสชาติของอาหาร ถ้าต้องซื้อเราก็จะซื้อเนื้อมาเพียงเพื่อยังอัตภาพเฉกเช่นเดียวกับอีแร้ง แม้จะต้องปนบาปบ้างก็ต้องยอมกันหละครับ เพราะเรายังหักดิบไม่ได้ครับ เพราะท่านที่จะหักดิบได้จริงจะต้องมีญาณทัศนะมองเห็นเนื้อทุกชิ้น มีที่มาที่ไป จนท่านกินไม่ลง หรือถ้ากินลงก็สักแต่ว่ากิน แต่ถ้าจะให้ท่านที่มีญาณทัศนะไปซื้อมากินอันนี้เห็นทีจะยากครับ

QUOTE
แล้วที่เราซื้อมาเพื่อประกอบอาหารทำถวายพระ เราก็มีบุญปนบาปซิค่ะ

ตอบ ถูกต้องแล้วครับ ส่วนใหญ่มนุษย์ทุกคนในโลกใบนี้และในวัฎฎะสงสารล้วนแล้วแต่ทำบุญปนบาปด้วยกันทั้งสิ้นครับ
เพียงแต่จะปนบาปมากบ้างน้อยบ้างกันตามส่วนครับ
ถ้าสมมุติว่าเรามีอนาคตังสญาณแล้วถอยหลังไปดูเนื้อที่เราซื้อมาว่าก่อนที่เราจะไปซื้อมานั้นเนื้อชิ้นนี้เคยเป็นเนื้อของสัตว์ตัวใดมาก่อน ถอยไปเรื่อยๆ เป็นเนื้อของสัตว์ชนิดไหน ก่อนมาเกิดเป็นสัตว์เขาเคยเกิดเป็นคนหรือไม่? และเขาเคยเกิดเป็นคนที่เรารู้จักหรือไม่? จะทราบได้ว่าสัตว์โลกทั้งหลายล้วนเป็นพี่น้องกันทั้งนั้นครับ

จากคำถาม ปกติแล้วคนเรามักจะเสพคุ้นกับการบริโภคเนื้อจนติดเป็นนิสัยครับ การบริโภคจนติดเป็นนิสัยนี่แหละที่ทำให้มนุษย์ในยุคปัจจุบันไม่สามารถก้าวเข้าสู้อายุขัยที่เป็นวิวัฎฎะได้ครับ อย่างกรณีมนุษย์ในยุคต้นกัปนั้นก็ไม่ได้มีการเข่นฆ่าสัตว์กินเป็นอาหารเพียงแค่กินง่วนดิน กินผักผลไม้ ก็สามารถยังอัตภาพได้แล้ว ภายหลังจิตมนุษย์เป็นบาปหนักเข้าจึงมองเห็นเนื้อสัตว์ทั้งหลายเป็นอาหาร พอบาปสั่งสมหนักเข้าไปอีกก็มีการกินคนด้วยกันเองตามมาครับ

เรื่องซื้อเนื้อมาทำอาหารใส่บาตรนั้นอย่าได้ซีเรียสมากจนเกินไปครับ เพราะถึงแม้ว่าเราจะซื้อผักมาทำอาหารถ้าผักนั้นมีหนอนก็ต้องเผลอฆ่าหนอนอีกอยู่ดีแหละครับ ขอให้คิดแบบนี้ดีกว่าครับ เหมือนพระจักขุบาลที่ท่านเหยียบแมลงตายเป็นบรือ มีพระด้วยกันทูลพระพุทธองค์ว่าพระจักขุบาล(พระอรหันต์) ทำปาณาติบาตพระพุทธองค์ตรัสว่าถ้าไม่มีเจตนาคิดฆ่าก็ไม่บาปครับ (ยกเว้นอนันตริยกรรม) คำว่าเจตนาหมายรวมถึงเธอมีจิตยินดีในการฆ่า หรือเธอมีจิตยินดีในการเสพหรือไม่ ถ้ามีจิตยินดีในการฆ่าหรือการเสพปรับเป็นอาบัติเป็นบาปครับ

การซื้อเนื้อกับการทำกับข้าวไม่เหมือนกันนะครับ คนซื้อเนื้อรู้อยู่เต็มอกว่าเนื้อนี้มาจากสัตว์ที่เคยมีชีวิตถือว่ารู้อยู่แก่ใจ ตั้งใจซื้อก็แสดงว่าตั้งใจอุดหนุนสนับสนุนให้เขาขายเนื้อฆ่าสัตว์ถือว่าเจตนาผิดศีลชัดเจน แต่คนทำกับข้าวนั้นก็ทำตามหน้าที่ได้บุญไป คนใส่บาตรก็ใส่บาตรทำบุญไม่เกี่ยวกับบาปขณะซื้อก็ได้ทานบารมีไป รวมถึงคนกินก็ต้องกินด้วยจิตที่เป็นกลางๆ กินเพื่ออยู่ ไม่ยินดีในรสชาติหรือติดในการกินจึงจะไม่เป็นบาปครับ

สรุปคือ การกินเนื้อเราสามารถกินได้ถ้าเราไม่บริโภคเนื้อด้วยตัณหา ไม่บริโภคเพื่อความอร่อย กินสักแต่ว่ากิน แบบนี้กินเนื้อได้ไม่บาป เหมือนกับพระท่านก่อนที่จะบริโภคอาหารจะต้องพิจารณาอาหาเรปฏิกูลสัญญา เพื่อป้องกันจิตเป็นบาปเพราะตัณหาคือความอยากกินกำเริบครับ

#13 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 17 May 2006 - 05:40 PM

ตอบคุณ wir

ไม่ใช่เช่นนั้นครับ
1. ถ้าเป็นพุทธวาจาของพระพุทธเจ้า การซื้อเนื้อสัตว์ที่ตายแล้ว ไม่ได้ทำให้มีส่วนแห่งบาปครับ เพราะการตายของสัตว์นั้น เกิดจากวิบากกรรมในอดีตมาส่งผล และเมื่อมันตายกลายเป็นซากศพไปแล้ว ปล่อยทิ้งไว้ก็เน่า ถ้าเรานำซากศพนั้น มาเป็นประโยชน์เป็นเรี่ยวแรงให้กับเราเอง แล้วนำเรี่ยวแรงนั้นไปทำความดี อุทิศส่วนกุศลให้สัตว์ทั้งหลายเหล่านั้น ก็จะเป็นบุญกับเรา และสัตว์ทั้งหลาย(ที่สามารถรับบุญได้) ด้วยครับ

2. การซื้อเนื้อมาประกอบอาหารถวายพระ ไม่ใช่บุญปนบาปครับ แต่เป็นบุญล้วนๆ ครับ สิ่งที่จะเป็นบาปคือ การฆ่าสัตว์ ด้วยตัวเราเอง หรือสั่งให้คนอื่นฆ่าให้ แล้วเอาเนื้อสัตว์นั้นมาทำอาหารถวายพระน่ะครับ ดังตัวอย่างเรื่องราวของพระมเหสีองค์หนึ่งที่เป็นพระโสดาบัน ถูกนางสนมยั่วให้ฆ่าไก่ พระมเหสีไม่ยอมฆ่าไก่นั้นเลย แล้วนางสนมก็ให้คนใช้ฆ่าไก่นั้น เอามาให้พระมเหสี ปรากฏว่าพระมเหสี ท่านรับประทานครับ ทำให้นางสนมตู่ว่า พระโสดาบันทำบาป คือ ไม่ยอมฆ่าไก่ แต่พอไก่ตาย กลับเอามากิน พระโสดาบัน ท่านก็แก้ตามที่ผมบอกมาข้างต้นนั่นแหละครับว่า สัตว์นั้นตายแล้ว ทิ้งไว้ก็เน่า เอามาเป็นเรี่ยวแรงในการทำความดีของเรา แล้วอุทิศบุญให้สัตว์นั้นดีกว่า วิบากกรรมจะได้เบาบางลง
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#14 gioia

gioia
  • Members
  • 593 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2006 - 06:21 PM

QUOTE
สรุปคือ การกินเนื้อเราสามารถกินได้ถ้าเราไม่บริโภคเนื้อด้วยตัณหา ไม่บริโภคเพื่อความอร่อย กินสักแต่ว่ากิน แบบนี้กินเนื้อได้ไม่บาป


เป็นคำปลอบใจ(หรือข้อคิด)ที่ดีนะคะ
เพราะถ้าคิดว่า เนื้อที่เรากำลังจะกินนั้นเป็นเนื้อของอดีตคน ที่อาจเคยเป็นพ่อแม่พี่น้องหรือญาติของเรานั้น
(อย่างที่คุณ Xlmen กล่าวมาข้างต้น) ก็ให้เกิดเวทนา สงสารขึ้นมา .. เบื่อแล้วก็ปลง ไม่อยากกินเลยทีเดียว
กินสักแต่ว่ากินจริงๆ เพราะคงอร่อยไม่ลงค่ะ

QUOTE
ถึงข้อความข้างบน ลองทำงานให้เหนื่อยจัดๆแล้วไปกินข้าวดูสิครับ มันจะอร่อย
เพราะเวลาที่เราลำบากอดอยากหรือหิวจัดๆเนี่ย กินอะไรก็อร่อยไปหมดล่ะครับ
ทำแบบนี้จะให้นึกถึงคนยากจนที่เขากว่าจะได้กินข้าวซักมื้อมันลำบากขนาดไหน


ขอบคุณที่แนะนำค่ะ
เคยลองแล้วค่ะ(ซึ่งบางครั้งก็ไม่อยากลองเหนื่อยเลย แต่เหนื่อยเอง)
ผลคือ ไม่อยากกินไปเลยค่ะ อยากนอนพักอย่างเดียวค่ะ แม้จะกินแต่ก็กลืนไม่ลงจ้า
ไม่เคยกินทิ้งกินขว้างค่ะ คิดถึงคนยากจนและชาวนาเสมอเพราะเกิดจากครอบครัวเกษตรด้วย
แต่ก็ไม่ได้ทำให้ กินข้าวอร่อยขึ้นเลยค่ะ

บางที่ .. ก็ดีไปอีกแบบค่ะ
เพราะเอาเงินส่วนนี้ไปหยอดกระปุกมณีทวีบุญ เพื่อถวายเพลพระต่อไป
เอาบุญเศรษฐีถาวรมาฝากทุกคนค่ะ


ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  1.jpg   3.27K   12 ดาวน์โหลด
  • แนบไฟล์  4.jpg   3.21K   0 ดาวน์โหลด
  • แนบไฟล์  5.jpg   3.02K   0 ดาวน์โหลด


#15 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 17 May 2006 - 11:46 PM

QUOTE
เป็นคำปลอบใจ(หรือข้อคิด)ที่ดีนะคะ
เพราะถ้าคิดว่า เนื้อที่เรากำลังจะกินนั้นเป็นเนื้อของอดีตคน ที่อาจเคยเป็นพ่อแม่พี่น้องหรือญาติของเรานั้น
(อย่างที่คุณ Xlmen กล่าวมาข้างต้น) ก็ให้เกิดเวทนา สงสารขึ้นมา .. เบื่อแล้วก็ปลง ไม่อยากกินเลยทีเดียว
กินสักแต่ว่ากินจริงๆ เพราะคงอร่อยไม่ลงค่ะ

โมทนาสาธุการด้วยครับ กินแบบพระสิครับปลอดภัยมากและได้บุญเหมือนที่พระท่านเจริญกรรมฐานข้อนี้เลยครับ คือกินแบบมีสติไม่หลงติดในอาหาร และไม่กินอาหารด้วยตัณหา

พระท่านเรียกการกินแบบนี้ว่า การพิจารณาอาหาเรปฏิกูลสัญญา คือ ให้พิจารณามองให้เห็นความเน่าเสียของอาหาร ความไม่สะอาดของอาหาร และมองให้เห็นความเป็นปฏิกูลหรือความไม่สะอาดของอาหารนับตั้งแต่ก่อนจะมาปรุงเป็นอาหารเป็นหมูเป็นๆ ทั้งตัวน่ากินไหม? เป็นวัวเป็นๆ ทั้งตัวน่ากินไหม? ปรุงเสร็จแล้วน่ากินไหม? กินเข้าปากแล้วถ้าคายออกมาน่ากินไหม? อาหารล่วงลำคอผ่านไปยังลำไส้ถ้าขย่อนออกมาน่ากินไหม? ถ่ายเป็นอุจจาระออกมาน่ากินไหม เป็นต้นครับ !!? !?

หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#16 น้ำฝนจ้ะ

น้ำฝนจ้ะ
  • Members
  • 8 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 May 2006 - 09:11 AM

คุณ xman ตอบได้ดีคะมีตัวอย่างทำให้เข้าใจ บางครั้งดิฉันทำได้โดยกินเจแบบเข้ม คือไม่กินนม ไข่ และผลิตภัณฑ์จากนม มีอยู่ครั้งคะด้วยความอยากกินต้มเครื่องในพอได้ตักเข้าปากช้อนแรกก็คิดคะว่ามนุษย์เนี่ยกินเสียทุกอย่าง มันทำให้เห็นคะถ้านึกเปรียบเทียบกับมนุษย์ ก็หยุดความอยากได้ชั่วขณะ แต่มันหักดิบไม่ได้อย่างคุณบอก ปีแรกดิฉันกินเจ 7 วันความรู้สึกมันเหมือนเจ็ดปี ไม่ได้มีความสุขแต่ปีที่ 3 เริ่มมีความสุขคะ แต่ตอนกิเลสมันมาครอบงำ มันบอกดิฉันว่าถึงเราไม่กินปูเป็นๆ ตัวนี้มันไม่ได้ถูกฆ่าเพราะเรานาทีนี้ แต่นาทีต่อมามันก็จะต้องถูกฆ่าจากคนต่อไปเพราะกรรมของมันที่ต้องเกิดเป็นปูประมาณ...ชาตินั้น ทำให้มันต้องตายต้องเกิดจนกว่ามันจะหมดกรรม. ถึงแม้ว่าวันนี้มันไม่ถูกฆ่าเพราะดิฉันหรือเดือนหน้ามันไม่ถูกฆ่าแต่มันก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ยาวนานเพราะมนุษย์เกิดขึ้นทุกนาที ทำให้ชีวิตของมันไม่สามารถอยู่ได้ยาวนานคะ. ดิฉันเป็นคนชอบกินปูคนหนึ่งคะ แต่ปูที่นี่มันมีแต่เป็นๆ คะบางครั้งอยากกินมากๆ แต่พอดูมันดิ้นไปดิ้นมาก็คิดถึงบาปไม่เอาดีกว่า.

#17 somchet

somchet
  • Members
  • 900 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 May 2006 - 04:33 PM

ถ้ารู้เห็นการฆ่านั้นว่าทำมาเพื่อเรา ก็เป็นบาปครับ

#18 nemo

nemo
  • Members
  • 77 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 May 2006 - 06:05 PM

ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับคุณหัดฝันนะครับ เท่าที่เข้าวัดมา รู้สึกหลวงพ่อท่านจะไม่เคยพูดนะครับ ว่าการไปซื้อเนื้อสัตว์ที่เขาฆ่าตายแล้ว วางขายโดยทั่วไป จะเป็นบาป

#19 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 18 May 2006 - 07:30 PM

ในมุมมองของผมมีความเห็นว่า ยุคแห่งการบริโภคมังสวิรัติที่แท้จริงนั้น คือ "ยุคของมนุษย์สมัยต้นกัป" ครับ เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? ก็เพราะมนุษย์ในยุคนี้ ล้วนมีเบญจศีล-เบญจธรรมที่บริสุทธิ์บริบูรณ์ ดังนั้น การก่อบาปสร้างกรรมจึงไม่เกิด เมื่อการก่อบาปสร้างกรรมไม่เกิด การไปบังเกิดในอบายภูมิ เป็นต้นว่า "กำเนิดแห่งสัตว์เดรัจฉาน" จึงไม่มี เมื่อเป็นเช่นนี้ มนุษย์ในยุคดังกล่าวจึงมีความเป็นอยู่ที่อิ่มทิพย์ราวกับเทวดา ไม่รู้จักเจ็บ ไม่รู้จักป่วย (เพราะศีลดี) ไม่รู้จักหิวกระหาย (เพราะเป็นยุคที่มนุษย์สามารถดำรงชีพอยู่ได้โดยอาศัยบุญหล่อเลี้ยง) ตรงกันข้ามกับความเป็นอยู่ของมนุษย์ในยุคปัจจุบัน (ในช่วงของกัปไขยลง) ซึ่งเป็นภาวะที่มนุษย์มีจิตใจที่เสื่อมทรามลงด้วยอำนาจของราคะ โทสะ และโมหะ และเมื่อกิเลสสามกองเข้ามาบังคับ ปนเป็น กลุ้มรุมจิตใจ ให้กระทำซึ่งบาปอกุศลแล้ว เมื่อเป็นเช่นนี้ อกุศลวิบาก คือ ผลแห่งกรรมชั่วจึงเกิด เมื่อผลแห่งกรรมชั่วเกิด ภพภูมิรองรับอันพอเหมาะแก่การเสวยผล คือ จตุราบายภูมิ ๔ ประการ ได้แก่ สัตว์นรก สัตว์เดรัจฉาน เปรต และอสุรกาย จึงบังเกิดขึ้นตามมา ทีนี้เราวกกลับมาที่ประเด็นของการบริโภคมังสวิรัติกันนะครับ จริงอยู่ที่การบริโภคมังสวิรัติสามารถลดปริมาณการฆ่าได้ส่วนหนึ่ง แต่ตราบใดที่มนุษย์ยังไม่เลิกประกอบอกุศลกรรมอันเป็นเหตุให้ถือกำเนิดด้วยเพศแห่งอบายสัตว์ดังกล่าวมาแล้ว และด้วยแรงกรรมที่เขาได้ก่อไว้เมื่อครั้งเป็นมนุษย์ ได้มาบีบคั้นส่งผลให้ตนต้องถูกเข่นฆ่าเช่นเดียวกันกับที่ตนเคยกระทำไว้แก่สัตว์เหล่านั้นบ้าง เมื่อเป็นเช่นนี้ การเข่นฆ่าย่อมไม่มีวันหมดสิ้นไปจากโลก (แม้ว่าเราจะร่วมแรงร่วมใจกันกระตุ้นให้มีการรณรงค์การบริโภคมังสวิรัติให้มีมากขึ้นในสังคมเพียงใด ก็ไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากเป็นการแก้ไขปัญหาที่ปลายเหตุ) แต่เมื่อใดที่มนุษย์ย้อนหวนกลับมาถอยหลังเข้าสู่ทำนองคลองธรรมแห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ตนเองด้วยการมีจิตตั้งมั่นอยู่ในเบญจศีล-เบญจธรรม อันเป็นธรรมเครื่องกำหนดปกติแห่งความเป็นมนุษย์ ดังนี้แล้ว วิถีแห่งการดำเนินไปสู่ปลายทางอันวิบัติ คือ กำเนิดแห่งอบายสัตว์ ๔ ประการ มีกำเนิดแห่งสัตว์เดรัจฉาน ที่ต้องถูกนำมาเข่นฆ่าเพื่อทำเป็นอาหารย่อมไม่เกิด และในที่สุดการเข่นฆ่าทั้งหลายย่อมหมดสิ้นไป ด้วยการแก้ไขที่ต้นเหตุแห่งปัญหาอย่างถูกจุดตามพุทธวิธี ดังนี้
"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#20 watcharasit

watcharasit
  • Members
  • 17 โพสต์
  • Location:49/10 ถนนเลี่ยงเมือง หมู่23 ตำบลขามใหญ่ อ.เมือง จ.อุบลฯ. 34000
  • Interests:กฏแห่งกรรม

โพสต์เมื่อ 20 May 2006 - 11:13 PM

บวชซะกินเนื้อกินข้าวที่ผ่านการปลูกโดยใช้ยาฆ่าแมลงจะำไดัไม่บาป สาธุ

เนื้อสัตว์ที่ไม่ควรบริโุึุภคเช่น สัตว์ที่ตนเลี้ยงมา เห็นว่าสัตว์ที่กำลังถูกฆ่าเพื่อนำมาเป็นอาหาร ได้ยินเสียงฯ. เป็นต้น

วัชรสิทธิ์ ศรีธัญรัตน์

#21 หยุดอะตอมใจ

หยุดอะตอมใจ
  • Members
  • 729 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 20 May 2006 - 11:47 PM

เขาว่ากันว่า ประเทศไทยนำเข้ายาฆ่าแมลงอันดับสองของโลก

ถ้าการกินมังสวิรัตินั้น เป็นการกระตุ้นให้เกิดการปลูกพืชมากขึ้น (เฉกดังเช่น การบริโภคซากเนื้อ ก็กระตุ้นให้มีผู้ฆ่าสัตว์มากขึ้น) การปลูกพืชมากขึ้น ก็เป็นการฆ่าแมลงเป็นแสนๆ ล้านๆ ตัว ทางอ้อมหรือไม่? คนกินก็บาปหนาเลยสิถ้างั้น

อ๊ะ แต่ยังไม่จบ ยังมีผู้เถียงว่า ผมกินผักปลอดฯ ไม่มียาฆ่าแมลง

แต่ถึงกระนั้นการพรวนดินแต่ละครั้ง เลือดของ มด, ไส้เดือน, สัตว์เล็กๆ ต่างๆ ไม่รู้แดงฉานชโลมทั่วผืนดินไปสักเท่าไร สงสัยจะต้องปลูกกับน้ำกระมัง...

ดังนั้น ตัดตอนให้ถูกก็ดีนะครับ จะได้สร้างบารมีอย่างไม่เครียด

เรียบเรียงจากพระธรรมเทศนาของพระมหา ดร. สมชาย

แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง


#22 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 21 May 2006 - 02:32 AM

จากหนังสือหลวงพ่อตอบปัญหา
หมวด 2 (ศีล-วินัย) หน้า 54


Q: หลวงพ่อครับ ถ้าเราอยากกินกุ้งเผาปลาเผา แต่เราไม่อยากทำบาปในฐานะสั่งฆ่าสัตว์ เราจะหลีกเลี่ยงโดยการสั่งคนทำอาหารว่าให้เอากุ้งที่ตายแล้ว ปลาที่ตายแล้วมาทำอย่างนี้พอจะพ้นบาปไหมครับ?

A: แหม...อยากกินเต็มที่ว่าอย่างนั้นเถอะ คุณจะทำอย่างนั้นก็ได้ แต่เชื่อเถอะคุณจะไปเจอเด็กเสิร์ฟอาหารประเภทรอบจัด ที่มันพร้อมจะบอกคุณว่ากุ้งปลานั้นตายแล้วทั้งนั้น เพราะถ้าถึงขนาดวางมาในจานมันก็ตายมาแล้วทั้งนั้น เขาจะขายของก็ต้องมีเล่ห์เพทุบายของเขาไป รู้อย่างนี้แล้ว เราก็อย่าทำให้ตัวเองเป็นคนประเภทปากว่าตาขยิบเลย

ถ้าอยากกินจริงๆ ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ค่อนข้างจะปลอดภัยจากการถูกด่าลอยลมมา คือถ้าคุณอยากให้แน่ใจว่ากุ้งปลานั้นมันตายมาก่อนแล้วจริงๆ คุณก็เดินเข้าไปดูในครัวเลย ถ้าเห็นว่าเจ้าสัตว์เหล่านั้นมันตายแล้ว เขาแช่เย็นไว้ อย่างนี้คุณก็ไปชี้เอาได้เลยว่าจะให้เขาย่างเขาเผาตัวไหนมาให้กิน ทำอย่างนี้ไม่มีเชื้อบาปติดมาแน่นอน

หรือจะไปดูที่เขาเผาเสร็จ ย่างเสร็จแล้วว่ามีไหมก็ได้ ถ้ามีก็ขอให้เขาใส่จานมาให้ทันที แต่อย่างว่าละนะเข้าไปจุ้นจ้านถึงในครัวของเขา ไม่โดนด่าโดนว่าก็นับว่าโชคดี

โบราณท่านยิ่งว่า อาหารอร่อยมักจะได้จากฝีมือแม่ครัวปากจัด ที่อยากกินนักจะได้หายอยากกันก็คราวนี้แหละ
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)

#23 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 May 2006 - 06:02 PM

QUOTE
ถ้าการกินมังสวิรัตินั้น เป็นการกระตุ้นให้เกิดการปลูกพืชมากขึ้น (เฉกดังเช่น การบริโภคซากเนื้อ ก็กระตุ้นให้มีผู้ฆ่าสัตว์มากขึ้น) การปลูกพืชมากขึ้น ก็เป็นการฆ่าแมลงเป็นแสนๆ ล้านๆ ตัว ทางอ้อมหรือไม่? คนกินก็บาปหนาเลยสิถ้างั้น

ตอบ วิธีการปลูกผักโดยฆ่าให้น้อยที่สุด หรือไม่ฆ่าด้วยยาฆ่าแมลงก็มีอยู่ แต่วิธีการเลี้ยงสัตว์นั้นเจตนาฆ่าชัดเจนมากกว่านะครับ อย่างที่ผมเคยกล่าวไปแล้วแหละครับว่าอาชีพหรือการกระทำในโลกนี้ถ้าจะไม่ให้เกิดการฆ่าเลยมันเป็นไปได้ยากหรือเป็นไปไม่ได้เลยครับ

อย่างกรณีคุณอะตอมกินข้าวเข้าปากเราจะรู้ได้งัยว่าน้ำย่อยในกระเพาะเราไม่ได้ฆ่าเชื้อโรคตายไปกี่ล้านๆๆ ตัวแล้ว แต่การละเว้นการฆ่านั้นเป็นเพียงแค่การงดเว้นแบบค่อยเป็นค่อยไปครับ งดเว้นการเบียดเบียนฆ่าสัตว์ใหญ่ ไล่ตามลงมาถึงสัตว์เล็ก สัตว์ถ้าเป็นสัตว์เลือดอุ่นย่อมมีคุณธรรมมากยิ่งกว่าแมลงอยู่แล้วครับ ดังนั้นความคิดความอ่านจิตใจของสัตว์เลือดอุ่น กับแมลงจึงเป็นคนละระดับกันครับ ระดับแห่งบุญและบาปก็ย่อมต้องต่างกันครับ

แต่ถามว่าจะให้โปร่งใสไม่บาปจากการฆ่าเลย 100% หนะไม่มีครับ เหมือนอย่างที่ผมได้เคยชี้แจงไปแล้วแหละครับ

QUOTE
แต่ถึงกระนั้นการพรวนดินแต่ละครั้ง เลือดของ มด, ไส้เดือน, สัตว์เล็กๆ ต่างๆ ไม่รู้แดงฉานชโลมทั่วผืนดินไปสักเท่าไร สงสัยจะต้องปลูกกับน้ำกระมัง...

ตอบ การที่ใครจะสามารถงดเว้นเนื้อสัตว์ใหญ่ได้ก็ดี หรือไม่ได้ก็ดีผมว่าผมยินดีในการกระทำของเขาเหล่านั้นนะครับ โดยผมไม่คิดว่าจะไปเปลี่ยนแปลงความคิดของใครเขาครับ ถ้าใครประสงค์จะเบียดเบียนสัตว์ใหญ่ อยากกินสัตว์ใหญ่ อยากฆ่าสัตว์ใหญ่ก็เชิญเถอะครับ บุญ-บาปก็จะกำหนดชีวิตเขาเองครับ

แต่ถ้าใครไม่ประสงค์จะเบียดเบียนสัตว์ใหญ่ ต้องการติดบาปให้น้อยที่สุดอย่างมากก็แค่สัตว์เล็กถึงจะติดบาปบ้างก็ยังดีกว่าส่งเสริมการฆ่าสัตว์ใหญ่จริงไหมครับ คนกินผักก็สบายใจ คนปลูกผักแม้จะฆ่าสัตว์ที่เป็นแมลง ไส้เดือนบ้าง ก็ยังสบายใจว่าภาพหรือคตินิมิตของเขาไม่ดำมืดชัดเจนเท่ากับคนที่เลี้ยงสัตว์เลือดอุ่นไว้ฆ่าแน่ครับ

พูดง่ายๆ ก็คือ ถึงคนจะฉีดยาฆ่ายุงตายเป็นบรือเพื่อกันไข้เลือดออกมาตลอดชีวิต ก็ยังดีกว่าคนฉีดอาวุธเคมีฆ่าสัตว์ หรือฆ่าคนด้วยกันแน่อยู่แล้วครับ ระหว่างการฆ่าแมลง ฆ่าสัตว์ ฆ่าคน ลองไปถามเด็กๆ ดูก็ได้ครับว่าอย่างไหนหนูว่าบาปที่สุดไล่ตามลำดับดูก็ได้ครับ
QUOTE
ตัดตอนให้ถูกก็ดีนะครับ จะได้สร้างบารมีอย่างไม่เครียด

ตอบ อย่างที่ได้บอกชี้แจงไปแล้วนั่นแหละครับว่า ถ้าใครใจยังไม่พร้อมจะงดเว้นเนื้อสัตว์ก็ให้บริโภคอาหารแบบพระคือให้พิจารณาอาหารให้เป็นอาหาเรปฏิกูลสัญญา ถ้าพิจารณาได้จะได้ชื่อว่าจิตไม่เป็นบาปเพราะการกินครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#24 jiratpokin

jiratpokin
  • Members
  • 4 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 May 2006 - 12:02 AM

ผมคิดว่ามันน่าปวดหัวมากเลยครับ

สรุปว่า กินมังสวิรัตดีที่สุด ไม่ต้องคิดมากดี บาปก็ช่าง ไม่บาปก็ช่าง สรุปตัวเองไม่บาปเป็นพอ
(ถ้าแคร์มาก ว่าบาปไม่บาปหน่ะครับ)

แต่ผมคิดว่า กินๆไปเถอะครับ หลีกได้ก็เลี่ยง เลี่ยงไม่ได้ก็ไม่ต้องเลี่ยง เพราะคนเราต้องกินครับ แล้วดันเกิดมายุคที่คนกินเนื้อสัตว์อ่ะครับ มันช่วยไม่ได้ อยากส่งผมมายุคนี้ทำไม

อย่าไปคิดมากเลยครับ ไม่ใช่เหมือนว่าเราอยากจะนอนให้หลับ แต่กลับมาคิดว่า ทำไมถึงนอนไม่หลับ ก็ที่นอนไม่หลับก็เพราะมาคิดว่าทำไมนอนไม่หลับเนี่ยหล่ะ

ถ้าจะเปรียบก็คงเป็น จริงๆแล้วมันไม่บาป ที่มันบาปก็เพราะว่าเราคิดว่ามันบาปนั้นหล่ะ (หรือเปล่า) 555

สรุปคือ ถ้าก่อนตายคิดแต่สิ่งดี ถึงคุณจะกินพวกนี้ คุณก็ไปสวรรค์ได้ครับ 5555
อะไรประมาณนั้น
แต่ถ้าคุณคิดไม่ได้ ทีนี้หล่ะ บาปที่หนักกว่าการกินของพวกนี้ ก็จะเล่นงานคุณ ซึ่งแน่นอน เรื่องนี้มันจิบๆครับ อาจจะเจ็บเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 1% เพราะผมคิดว่ามันต้องมีบาปที่หนักมากกว่านี้อยู่แล้วหล่ะ คนเรา

อะไรประมาณนี้ครับ

สรุปอีกรอบคือ สำหรับคนบาปมากอยู่แล้ว กินได้ครับ ความบาปเพิ่มขึ้นอีกไม่กี่เปอร์เซ้น
ส่วนคนที่เป็นคนดี บาปน้อย ก็อย่าไปกินครับ เพราะมันเพิ่มหลายเปอร์เซ็นต์
(ในกรณีที่มีบาปนะ)

ผมสรุปแบบนี้เป็นไงบ้างครับ ญาติโยมทั้งหลาย