ไปที่เนื้อหา


อาม่า

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 12 Jun 2008
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด May 29 2009 10:33 AM
*****

โพสต์ที่ฉันโพสต์

ในกระทู้: กลยุทธ์ สู่ความสำเร็จ เอามาแบ่งๆกันอ่านคะ

28 May 2009 - 01:03 PM

ดังนั้น ผมจะสรุปกิจกรรม ที่จะพัฒนาตนเองไปสู่อนาคตที่ดีให้ได้อ่านกัน
1. หากิจกรรมที่มีประโยชน์ทำ ออกกำลังกาย ฝึกภาษา หาเพื่อนใหม่ ๆ
2. หาคำว่า ระเบียบ วินัย ในชีวิตให้เจอ เช่น จดรายละเอียดการทำงาน วางแผนงานล่วงหน้าเสมอ
3. กำจัดทุกอย่าง ที่เราคิดว่า สกปรก ทำให้สะอาด
4. หาเวลานั่งสมาธิ และ หลังจากนั่งแล้ว อย่าหลับ ให้หาหนังสือดี ๆ มาอ่าน จะอ่านได้นานมาก ๆ
5. อย่าหวังว่า ใครจะช่วยคุณได้ เริ่มจาก คุณช่วยเหลือตัวเองให้ได้ก่อน แล้วไปช่วยคนอื่นบ้าง (เหมือนที่พ่อกับแม่ดูแลเรา)
6. แสวงหาโอกาส และ พุ่งเข้าใส่มัน ด้วยความคิดที่แน่วแน่ และตัดสินใจ อย่างชาญฉลาด
7. ชักชวน คนใกล้ตัว ไปทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ซื้อไม้แบต มาตีกันหน้าบ้าน
8. จดรายรับ รายจ่าย (สงสัยว่า คนแถวนี้ส่วนใหญ่ จะได้จดกันแต่รายจ่าย)
9. กินอาหารให้พอดี อย่ากินเยอะไป เพราะจะบั่นทอนสุขภาพ และ ประสิทธิภาพการทำงาน (ง่วงนั่นเอง)

นิยามคำว่า "เวลา"
คุณคงเคยได้ยินคนพูดว่า "ไม่มีเวลา" นี่เป็นคำพูดที่แปลกมาก มันเป็นคำพูดที่ บ่งบอกถึง ความหมาย
ในตัวมันเองแบบ เพรียบพร้อม โดยไม่ต้องการคำอธิบายเป็นอื่นใด นอกจากคำว่า "กรูไม่อยากทำ" หรือ "กรูไม่อยากเจอคุณ"

สำหรับเวลาแล้ว คนที่ไม่มีเวลา คือ คนตาย ดังนั้น ถ้าคุณยังหายใจ แสดงว่า เวลา ยังเดินอยู่
แต่ไม่ต้องเร่งรีบเสียจนมากเกินไป และ ควรรู้ว่า ตอนไหนควรรีบ ตอนไหน ไม่ต้องรีบ และถ้ารีบแล้ว ก็ต้องทำให้ดี
เพราะเวลา ที่คนเราทำอะไรเร็ว ๆ มันมักจะมากับความลวก ซึ่งจะต้องใช้เวลามากขึ้นอีกในการเข้าไป แก้ไขปัญหา
ดังนั้น ทำอะไร ก็ทำให้ดีไปเลย อย่าทำลวก ๆ

ทุกคนมีเวลาเท่ากัน นอกจากว่าใครบางคนอายุสั้น (แต่คุณไม่รู้วันตาย ผมจึงถือว่า มีเวลาเท่ากัน)
ใน 1 วัน ผมทำงานเฉลี่ย 12 - 15 ช.ม.
คุณอาจจะทำแค่ 1 ช.ม. ถ้าไม่เชื่อ ลองสำรวจตัวเองดู ตั่งแต่ตอนนี้ ว่าคุณก่อให้เกิดงาน
หรือ ความสำเร็จในชีวิต หรือ ทำอะไรที่คุณต้องการให้มันเป็นจริงได้มากน้อยแค่ไหน หรือ ชีวิตวันนี้ผ่านไป
โดยที่ไม่มีความหมาย ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แบบนี้ เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ เหมือนกัน

เมื่อถึงจุด ๆ หนึ่ง ที่คุณมีเงิน มีเวลา มีความพร้อมทุกอย่าง คุณจะเสียดายเวลา ที่คุณหมดไปกับ การทำอะไร
ที่มันไร้สาระ เช่น ดูทีวี เล่นเกมส์ เล่นเน็ท ขี้เกียจ นอนขี้เซา เมา หรือ ทำเรื่องแย่ ๆ

ดังนั้น เริ่มต้นเดี๋ยวนี้ ใช้เวลาให้คุ้มค่า ผมจะแนะนำเคล็ดลับให้
เข้านอนก่อน 3 ทุ่ม เดี๋ยว 4 ทุ่มคุณก็หลับ แล้วคุณจะตื่น ตี 5 รีบลุกขึ้นมา ทำกิจกรรม
คุณจะมีเวลา 7 - 12 รวม 5 ช.ม. ทำงาน และ 11 - 16 อีก 4 ช.ม. ทำงาน ใช้เวลาเหล่านี้
ทำงานให้คุ้มค่า กับรายได้ ที่จะได้รับ และ ใช้สมองให้มากกว่าการออกแรงทำงาน
แต่อย่าลืมกฏข้อสำคัญ "อย่านอนตื่นสาย อย่าอายทำกิน อย่าหมิ่นเงินน้อย อย่าคอยวาสนา"
เมื่อกลับถึงบ้าน ก็ประเมินการทำงานของวันนี้ ว่าทำได้ดีพอหรือยัง ต้องปรับปรุงตรงไหนอีก
และ เตรียมงานของวันพรุ่งนี้ โดยลองตั้งใจว่า ทั้งอาทิตย์ คุณจะไม่ดูทีวีเลย แล้วคุณจะรู้ว่า
ทำไม เราช่างมีเวลา มากมาย เสียขนาดนี้ เมื่อก่อน ทีวี เอาเวลาของเราไปใช้จนหมดเลย

แต่ 1 อาทิตย์ ก็มีกิจกรรม สังสรรค์กันบ้าง เช่น ชักชวนกันออกไปทานอาหารค่ำ เพื่อคุยกันแบบเฮฮา
แต่ไม่ต้องมีแอลกอฮอลล์ เพราะ นั่นอาจทำให้คุณซวย คนที่กำลังไปได้ดี อาจะพิการ หรือ หมดตัว
เพราะเหล้า ก็มีให้เห็นมานักต่อนัก ดังนั้น ถ้ารักตัวเอง ก็เลือกแต่สิ่งดี ๆ ให้กับชีวิต ณ ตอนที่คุณมีโอกาสเลือก
เพราะถ้าพิการแล้ว คุณอาจ ไม่มีตัวเลือกมากนัก

นิยาม คำว่า "เก่ง" หลาย ๆ คนอยากรู้ว่า แค่ไหน ถึงจะเรียกว่าเก่ง งั้นวันนี้ผมจะสรุปให้ฟัง ว่าแค่ไหน คุณจะเรียกตัวเองได้ว่า กรูเก่งแล้ว
"คนเก่ง คือ คนที่สอนคนโง่ทำงานได้ และ ใช้งานคนฉลาดทำงานเป็น"

ถ้าคุณมีความรู้ คือ คุณฉลาด แต่คนที่นำความรู้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ถึงจะเก่ง เพราะ บางคนความรู้ท่วมหัว แต่ไม่รู้จักใช้
ผมก็เคยผ่านจดนี้มา ดังนั้น ผมจะแนะนำให้ว่า ทำยังไง คุณถึงจะ นำความฉลาด (ความสามารถเฉพาะตัว) ที่คุณมี
มาใช้ได้อย่างเต็มที่ ให้คุณเริ่มจาก มองหาคนที่คุณเชื่อว่า เค้าไม่มีความสามารถแบบที่คุณมี แล้วร่วมงานด้วยกัน
คุณจะพบว่า คนที่ทำงานกันคนละหน้าที่ จะช่วยกันทำงานเป็นทีม แต่ คนที่ทำหน้าที่เดียวกัน มักจะแข่งกันทำ
การแข่งกันก็ดี แต่ถ้าเกินอิจฉากันขึ้นมา ก็คงจะเปลี่ยนจากการแข่ง เป็น สงคราม และ พัง ตามมา มันจะมีประโยชน์อะไร
ถ้าทั้ง บริษัท คุณมีแต่นักการตลาด(ก็กรูจบการตลาดอ่ะ) หรือ มีแต่นักบัญชี (ก็กรูเรียนจบบัญชี นี่หว่า)
หรือ มีแต่ทีมวิศวะกร (ก็กรูเรียนวิศวะ นี่โว้ย) หรือ มีแต่นักบริหาร ไม่ไม่มีคนทำงานระดับล่าง และ ระดับกลาง (เด็กจบบริหาร)

เราต้องหาเพื่อนร่วมงาน ที่มีความรู้คนละสาขา คนละแขนง เอามาช่วยกันประสานงานกัน จนเกิดงานที่
มีประสิทธิภาพ ดีกว่า เราจะเอาแต่คนที่มีความรู้แบบเดียวกันมาช่วยกันทำ ดังนั้น การที่คุณมีกิจกรรมมากขึ้น ก็มีโอกาส
ที่จะได้เจอ ใครบางคน ที่คุณกำลังมองหาก็ได้ บางครั้ง เราอาจจะได้ ลูกจ้าง หรือ เพื่อนร่วมงานที่ดี มาโดยไม่รู้ตัว
และมีความสูขกับการทำงานมากกว่า เพราะ ทั้งเรา และ เขา ต่างก็ต้องศึกษาความสามารถของอีกฝ่ายไปด้วย
คือ เป็นการเรียนรู้ เพิ่มเติมของแต่ะละคน ในความสามารถที่ต่างฝ่าย ต่างก็ไม่มี

สิ่งสุดท้าย ที่ขาดไม่ได้เลย เวลาคุณเห็นประกาศรับสมัครงาน มันมักจะมีคำ ๆ นี้พ่วงมาด้วยเสมอ
มันคือคำว่า "ทำงานภายใต้ภาวะกดดัน" <- มันหมายความว่า อะไร ไอ้คำนี้ คุณจะกดดันกรูทำไม
หลาย ๆ คนคงอยากรู้ เพราะไม่เคยทำงานภายใต้ภาวะกดดัน ผมจึงอยากอธิบายให้เข้าใจว่า ภาวะกดดัน นี้มีหลายแบบ
เช่น

เฮ้ยเองง่ะ ต้องรีบทำงานนี้ให้เสร็จ ภายในคืนนี้นะ เพราะลูกค้าจะต้องใช้ตอน 9 โมงเช้า <-- แมร่ง ไม่ได้นอนแน่ ๆ กดดัน ๆ ๆ ๆ ๆ
- กรณีนี้ มันนอกเหนือ กฏเกณฑ์การทำงานปกติ คือนอกเวลา คงจะมีเงินพิเศษ หรือ รักกันจริง จึงทำให้ แต่ผมว่า
ถ้าเรื่องแค่นี้ คุณยังเก็บมาคิด และกดดันตัวเอง ผมว่า คุณใจแคบ และ คงจะทำอะไรไม่สำเร็จ เพราะอะไรน่ะเหรอ
คุณมีเวลาอีกตลอดชีวิตของคุณ และ คุณยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณจะทำอะไร ผมขอแค่เวลา 20 ชั่วโมงนี้เท่านั้น
ที่คุณจะได้แสดงให้ผมดูว่า "คุณทำได้" แต่ถ้าคุณทำไม่ได้ คุณก็เป็นแค่ คนธรรมดา ที่ไร้ความสามารถในสายตาผม
ผมอยากได้คนที่เก่งกว่าคุณมาทำงาน

กรณีแบบนี้ผมเจอมาบ่อยมาก และ นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผล ที่จะช่วยฝึก ให้ "คนเป็นคน" เพราะ "ค่าของคน อยู่ที่ผลของงาน"
ยิ่งงานดี เราก็จะยิ่งมี คุณค่าในตัวเอง ถ้าเรื่องง่าย ๆ แค่นี้ คุณทำไม่ได้ แล้วเรื่องยากกว่านี้ คุณจะไปทำอะไรได้
ผมคงไม่ไว้ใจให้คนอย่างคุณทำงานที่ใหญ่กว่านี้แน่ ซึ่ง มันหมายถึง งานใหญ่ รายได้ก็ใหญ่ ตามไปด้วย

แต่ถ้าคุณไม่อยากทำงานนี้ คงเป็นอีกเหตุผล เช่น รู้สึกว่าโดนเอาเปรียบเกินไป หรือ ไม่ชอบขี้หน้ากัน!


แล้วก็อีกอย่าง เชื่อผมเถอะ เงินไม่ได้นำมาซึ่งความสุขที่แท้จริง เพราะ ยิ่งเรามีเงิน ทำงานกับคนมากมาย เราเจอทั้งคนดี
คนไม่ดี ผมเองก็ยังต้องตามฟ้องลูกหนี้ และต้องคอยไปที่ ศาล ยิ่งงานเรามากขึ้น เราก็จะได้เกี่ยวข้องทั้ง คนดี ไม่ดี
แต่เราไม่ย่อท้อ และ ระลึกไว้เสมอว่า เราเกิดมาก็แค่ ตัวเปล่า เวลาเราตายไป เราก็ไปแต่ตัว สิ่งที่หลงเหลือไว้ เพื่อคนที่เรารัก
แต่ผมคิดไปไกลกว่านั้น ผมจะมีเวลาไปวิปัสนา และ พยายามเข้าถึงนิพพาน (emo:เช็ดเหงื่อ)

จิตวิทยาในการซื้อสินค้า ทุกคนเคยเป็น อยากได้ของสิ่ง ๆ นึงมาก ๆ อยากซื้อ เก็บเงินซื้อแทบตาย พอซื้อมาแล้ว
คุณอาจจะเบื่อมันภายใน 10 วันก็เป็นได้ และลืมมัน และวางมันไว้ในชั้นวางของ นั่นอาจจะเป็นเพราะ คุณยังไม่รู้จักการใช้เงิน
ในบางเวลา เงินของคุณจะมีค่ามากกว่า ถ้าคุณรู้จักใช้มันให้ถูกที่ และ ถูกเวลา ของสิ่งนั้น ตอนที่ซื้ออาจจะราคา 5,000 บาท
อยากได้มาก ตอนนี้ เอาไปขายเป็นของเก่า ราคาไม่เกิน 200 บาท แบบนี้ ใช้เงินผิดประเภท สนองความต้องการ ผิดประเภท
ถ้าเอาเงิน 5,000 ไปซื้ออะไรที่เก็บไว้สัก 5 ปี แล้วมันเพิ่มมูลค่า แบบนี้ อาจจะดีกว่า เช่น ของสะสมพวก แบคง์เก่า เงินโบราณ
สแตมป์ หรือ ถ้าเยอะหน่อยอาจจะเป็น ทองคำ ก็ได้ ดีกว่าจะไปซื้อ อะไรที่สนองความต้องการของคุณได้เพียงไมเกิน 10 วัน
แล้วคุณก็แทบไม่ได้พูดถึงมันอีกเลย ตลอดชีวิต และไม่เคยคิดแม้แต่จะกลับไปมองมันด้วยซ้ำ หรือ ถ้ามันหายไป คุณก็ไม่รู้สึกอะไร


เวลาดี ๆ ในชีวิต บางครั้ง ตื่นเช้าขึ้นมา ผมนั่งน้ำตาซึมและสงสัยว่า คนธรรมดา ที่เมื่อก่อน ไม่มีแม้เงินซื้อ มาม่ากิน
จะทำอะไร ๆ ได้ขนาดนี้เลยเหรอ จากจุดนั้น เราก้าวมาไกลขนาดนี้ได้ยังไง ได้มีเวลาว่างนั่งทบทวน อดีตที่ผ่านมา
ว่าใครเป็นคนชี้แนะ ให้เราทำอะไร ใครกดดันให้เราทำงานหนัก ใครสั่งสอน ให้เรารักความสะอาด ให้ขยัน ทำให้เป็นระเบียบ
บริหารเวลา จัดระบบความคิดใหม่ ปรับทัศนคติใหม่

พูดถึงคำว่า ทัศนคติ ผมยังอยากจะแนะนำต่อ เพราะหลายต่อหลายคน มีทัศนคติ ที่แย่มาก แค่เราปรับ ทัศนคตินิดเดียว
เราก็เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคนกันแล้ว ชีวิตพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ


ฝึกให้ จิต อยู่เหนือ ใจ รู้เท่าทัน ทุกก้าวการเดิน ฝึกให้ จิต ไว้กว่าความคิด รู้ว่า คิดอะไรอยู่ ฝึกทำสมาธิกันนะ

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงสงสัยว่า มันพิมพ์นานแค่ไหน
ผมนั่งพิมพ์ทั้งหมดนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง (หลายคนสงสัย ผมต้องพิมพ์ดีดได้เก่งมาก ผมตอบว่า "ใช่" ผมพิมพ์เร็วมาก)
แต่บางคนสงสัย ผมไปก๊อปปี้บทความใครมา หรือ เอาจากหนังสือที่ไหนมาพิมพ์หรือเปล่า ผมบอกว่า ไม่ใช่ ผมนั่งคิดไป
ผมก็พิมพ์ตามไป ผมก็แค่แชร์ประสบการณ์การทำงานให้คุณ ๆ ได้ฟัง และ ให้คุณ ๆ ทั้งหลายได้เอาไปปรับใช้กัน เชื่อว่า
คงจะมีประโยชน์ ไม่มากก็น้อย และ ทั้งหมดที่ผมนำเสนอมา ถ้ามีตรงไหน ผิด ไม่ถูกต้อง ลองแนะนำผมมาก็ได้
คนอย่างผม พร้อมน้อมรับคำแนะนำ และ นำกลับไปปรับปรุงเสมอ (ป.ล. ผมไม่สนใจเรื่องการเมืองเลย ถึงเศรษฐกิจจะแย่ แต่ผมยังรุ่ง)

ในกระทู้: ตื่นเต้น ตื่นเต้น ตื่นเต้น!!!

06 May 2009 - 07:03 PM

ตื่นเต้น เหมือนกัน เห็นตรางการทำงาน ของคนที่ไป worldpeace มาแล้วหนาว อะ

ในกระทู้: 100 แล้วครับ...พร้อมหรือยังสู่ร้อยต่อไป

03 April 2009 - 09:48 AM

สาธุคะ

ในกระทู้: ทำใจอย่างไรดีคะ

23 March 2009 - 10:04 AM

นิ่ง เฉย ดีที่สุดคะ เพราะ เวลาจะพิสูจน์ เพชรแท้

เรายังเคย โดน คนที่คิดร้ายกะเรา ตะเวณ ด่า ทั้งหมู่ บ้านเลย
แต่เราเฉยๆ นะ ถือ ว่าเขา ประชาสัมพันธ์ ให้คนรู้จักเราทั้งหมู่บ้าน

และวันเวลาก้อพิสูจน์ ความจริง

ในกระทู้: สนใจปฏิบัติธรรมวันที่ 11 - 15 เมษ

20 March 2009 - 04:12 PM

มี ที่โรงแรมทวารวดี รีสอร์ท ด้วยนะ 083-540-5593 (ฟังไม่ทันว่าจังหวัดอะไร)