AparidoD

เมื่อวานไปมาบุญครองมา สถากาชาดมาจัดงานเพื่อขอรับบริจาคอวัยวะหลังจากศพของเรา ผมจึงได้ตัดสินใจบริจาคอวัยวะทุกชิ้นที่ใช้ได้

ตอนนี้จึงเกิดคำถามขึ้นครับ

กรณีที่เราสมองตาย ทางการแพทย์จะระบุว่าเราเสมือนว่าตายแล้ว

ซึ่งผมประสงค์จะบอกทุกๆคนที่เกี่ยวข้องว่า ไม่ต้องยื้อชีวิตทั้งสิ้น ถ้าหมอจะตัดสินใจวางยาหยุดการทำงานของหัวใจ ก็ให้ตกลงทำไปเลย

ถ้าเป็นแบบนี้ 

1.ญาติและหมอหรือผู้เกี่ยวข้องต่อการตัดสินใจจบชีวิตของผม จะถือว่าฆ่าสัตว์โดยตรงหรือไม่ครับ ถ้าไม่จะได้รับวิบากกรรมหรือไม่ครับ

2.ผมซึ่งเป็นคนสั่งให้ทำแบบนั้น ถือว่าเป็นการฆ่าตัวตายหรือไม่ครับ

แต่เดิมตั้งใจว่าจะบริจาคศพเป็นอาจารย์ใหญ่ แต่เมื่อวานเจออันนี้ เลยทำอันนี้เลย

เพราะคิดว่า เราตายไป เอาอะไรไปไม่ได้ ก็ให้คนอื่นดีกว่า เพื่อที่เค้าจะได้มีชีวิตประกอบกุศลกรรมต่อไปได้

อนุโมทนากับทุกๆคำตอบครับ

คือเรื่องของเรื่องคือ สมัยบวชปี 56 หลวงพี่ท่านนึงที่บวชด้วยกันได้ชักชวนให้สร้างองค์พระ  ตอนนั้นก็คิดจะสร้างให้แม่ที่เพิ่งเสียวันที่ปลงผมเป็นนาคพอดิบพอดี ก่อนจะสึกได้ขอเบอร์หลวงพี่ท่านนั้นมา แต่หลังสึกมา เบอร์ติดต่อหลวงพี่หายหมด ก็เลยไม่ได้ทำ และหลังจากนั้นไม่นาน ที่วัดก็บอกว่าไม่มีการสร้างแล้ว ก็เลยเสียดาย ได้แต่ปลอบตัวเองว่า บุญหรือบารมีเราคงไม่ถึง

จนวันนี้ได้รับข่าวดีจากกัลยาณมิตรท่านนึง พอดีคุยกันเรื่องการทำธุรกิจว่ามีแผนจะขยายงาน น้องคนนี้ก็นำบุญ บริจาคเงินช่วยแม่ของเพื่อนน้องคนนี้ มาฝาก เพราะแม่เพื่อนเขาต้องผ่าตัด โดยเงินบริจาคนี้ น้องท่านนี้จะนำไปสร้างองค์พระให้แม่ของเพื่อนน้อง

ได้ยินว่ายังสร้างองค์พระได้ ความคิดสร้างองค์พระก็เข้ามาทันทีก็เลยคิดว่าจะทำ แต่อาจจะไม่ใช่เดือนนี้เพราะอยากจะขยายงานก่อน แล้วก็คุยเรื่องธุรกิจจบก็ไม่ได้นึกถึงอีก  จนเมื่อสักครู่จะไปนั่งสมาธิที่ห้องพระของที่ทำงาน พอนั่งปุ๊บ องค์พระเข้ามาในหัวปั๊บ น้ำตาก็ไหลทันที เลยตัดสินใจทันทีว่า หยุดขยายงานไว้ก่อน เอาเงินมาสร้างองค์พระก่อน เลยเลิกนั่งเพราะนั่งไม่ได้ครับ น้ำตามันจะไหลลงมาเรื่อยๆ ตอนนี้นึกว่าจะได้สร้างองค์พระทีไร น้ำตาก็จะไหลทุกที

เด๊๋ยวพรุ่งนี้จะไปคุยเรื่องนี้ที่วัดครับ เลยมาบอกบุญให้ได้ร่วมอนุโมทนากันครับ

สวัสดีครับ วันนี้มีเรื่องอยากสอบถามเล็กน้อยครับ คือ ก่อนจะเริ่มศรัทธาในการปฏิบัติธรรม ผมไม่เคยเจอหรือสัมผัสเหตุการณ์แปลกๆเลย เริ่มมาสัมผัสได้ไม่นานนี้ครับ มี 2 ช่วงครับ

1. ช่วงก่อนแม่เสีย จะเจอบ่อยแต่หลังจากบวช 1 แสนรูปก็ไม่เจออีกเลย

2. ผมเริ่มนั่งสมาธิเฉลี่ยวันละ ชั่วโมงมาได้  2 เดือนกว่าๆ ตอนนี้เริ่มจะคุมจิตให้นิ่งเป็นเวลานานได้ระดับนึง(แต่ไม่คงที่นะครับ บางวันได้บางวันไม่ได้) ทำทานศีลภาวนาทุกวัน (เช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน) ช่วงหลังๆนี้เริ่มจะมีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นกับตัว เช่น ฝันบ่อยกว่าเมื่อก่อน (จากเดิมแทบนับครั้งฝันได้เลย) และ 90% จะฝันเกี่ยวกับเรื่องผีครับ ฝันแบบบางทีมาเป็นดำๆเหมือนจะเข้าสิงเรา บางทีมาไม่เห็นตัว และล่าสุดเมื่อคืน ฝันเห็นเปรต และเปรตยื่นหน้ามามองเราผ่านหน้าต่าง แต่เห็นจางๆแล้วก็หายไป ก็เลยสวดมนต์แผ่เมตตาอุทิศบุญไปให้ในฝันเดี๋ยวนั้นเลย, หรือ เคยได้ยินเสียงหรือกลิ่น และแฟนก็เคยเห็นเป็นเหมือนดวงสีเขียวๆลอยผ่านตาตอนกำลังทำตาปรือเพื่อจะหลับ โดยผมนั่งสมาธิอยู่ข้างๆเธอ แต่พอเธอเห็นดังนั้นก็ลืมตาทันที ก็ไม่เห็นแล้ว เป็นต้น 

อยากถามว่า เป็นไปได้ไหม หากจิตเราละเอียดมากขึ้น จะทำให้เราสัมผัสสิ่งลี้ลับพวกนี้ได้มากขึ้น เคยได้ยินมาว่าหลายๆคนทำบุญประจำ แล้วมักฝันเห็นเรื่องพวกนี้ บางคนถึงกับกลัวเลิกทำบุญเลยก็มี

ขออนุโมทนากับทุกๆคำตอบครับ

ผมสังเกตุหลายปฏิทินมาก รวมถึงใน internet พบว่าปีนี้ วันวิสาขบูชา เป็นวันที่ 1 มิ.ย. ซึ่งคือ วันขึ้น 15 ค่ำเดือน 7

ผมอยากรู้ว่า ทำไมมันเป็นแบบนั้นครับ ที่รู้มามันต้องเป็นขึ้น 15 ค่ำเดือน 6 ไม่ใช่เหรอครับ ปีที่แล้วก็เป็น 15 ค่ำเดือน 6

รบกวนผู้รู้ไขความกระจ่างหน่อยครับ

สวัสดีครับ 

    ตอนนี้ผมได้ทำการหยอดกระปุก วันละ 40 บาท ทุกวัน โดย 20 บาทแรกจะไปบริจาคให้วัดที่ 1 และ 20 บาทที่ 2 ให้อีกวัดหนึ่ง พอต้นเดือนใหม่ก็จะนำเงินส่วนนี้ไปถวายให้วัด แล้วก็จะเริ่มเก็บใหม่ไปเรื่อยๆ แต่เดือนนี้ผมมีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินตอนกลางเดือน จึงต้องนำเงินนั้นไปใช้จ่ายตรงนั้น จึงมีคำถามครับว่า

1. หากต้นเดือนผมหาเงินก้อนใหม่ที่เท่ากับจำนวนเดิมที่เตรียมไว้ทำบุญ แล้วนำไปทำบุญ จะให้ผลเหมือนหรือต่างกันอย่างไร

2. หากต้นเดือนผมไม่นำเงินไปทำบุญเลย เสมือนว่าข้ามการทำบุญเดือนนี้ไปเลย จะได้รับผลอย่างไร

ขอบคุณครับ