ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

การแยกนิกายถือเป็นการทำสังฆเภทมั๊ยครับ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 19 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 เพียงพอ

เพียงพอ

    I |\|EE|) S()|\/|E |3()DY |_()\/E.

  • Members
  • 724 โพสต์
  • Location:ไม่มีข้อมูล
  • Interests:ไม่มีข้อมูล

โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 02:38 PM

การแยกนิกายของศาสนาพุทธถือว่าเป้นการทำสังฆเภทมั๊ยครับ คนแยกจะเป็นไง

#2 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 03:05 PM

สังฆเภทชื่อก็บอกอยู่แล้วครับว่าผู้ที่คิดทำให้สงฆ์แตกแยกก็ต้องมีที่ไปคือ อเวจีมหานรก

ต่อให้ชาตินี้เกิดมาทำบุญอย่างเต็มกำลัง แต่ถ้าทำสงฆ์แตกแยกก็ต้องลงไปใช้กรรมชั่วก่อนแน่นอน

อยู่แล้วหละครับ เหมือนอย่างพระเจ้าอาชาติศัตรูแหละครับ ถึงท่านจะสำนึกได้ภายหลังใส่บาตรพระพุทธองค์

ทำนุบำรุงพระศาสนาตลอดอายุขัยก็หาได้หนีอเวจีมหานรกไปได้ครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#3 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 11:01 PM

อนันตริยกรรมที่เป็นฝักฝ่ายแห่งบาปอกุศลทั้ง ๕ ประการนั้น สังฆเภทมีโทษหนักที่สุด รองลงมาได้แก่ การทำให้พระพุทธเจ้าทรงห้อพระโลหิต (โลหิตุบาท) และการฆ่าพระอรหันต์ (อรหันตฆาต) ส่วนการฆ่ามารดาบิดานั้น ต้องพิจารณาว่า ในฝ่ายของบิดาและมารดา ท่านใดเป็นผู้ดำรงตนอยู่ในศีลธรรมมากกว่ากัน หากบิดาเป็นฝ่ายที่ดำรงตนอยู่ในศีลธรรม ดังเช่นกรณีของพระเจ้าพิมพิสาร ซึ่งพระองค์ทรงดำรงอยู่ในฐานะแห่งความเป็นพระโสดาบันบุคคลแล้ว กรณีเช่นนี้ การฆ่าบิดาย่อมเป็นอนันตริยกรรมที่หนักกว่าการฆ่ามารดาอย่างแน่นอน แต่ถึงอย่างไรก็ดี อนันตริยกรรมทุกประเภทนี้ พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า หากผู้ใดกระทำ ผู้นั้นย่อมได้ชื่อว่าเป็นอาภัพสัตว์ เพราะเหตุว่า อนันตริยกรรม (ฝ่ายอกุศล) นั้น เป็นสัคคาวรณ์ คือ กั้นสวรรค์ เป็นมรรคาวรณ์ คือ กั้นมรรคผล ดังนี้

#4 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 19 April 2006 - 10:37 AM

การทำให้สงฆ์แตกกัน จึงเป็นบาปมากๆ ดังที่น้องๆ ได้โพสมาครับ และก็แน่นอน การทำให้สงฆ์รวมตัว ก็จึงเป็นบุญมากๆ เช่นเดียวกัน เหตุการณ์นั้กำลังจะเกิดขึ้นภายในปี 2ปีนี้แหละ แต่เราจะเป็นเพียงผู้ยืนดูความสำเร็จ (ผู้อนุโมทนา) หรือเราจะเป็นผู้ร่วมทำให้เกิดความสำเร็จ (ผู้สถาปนา) ก็อยู่ที่เราทุกคนแล้วล่ะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#5 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 April 2006 - 04:41 PM

สา...ธุ

พุทธบุตรต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว

#6 พบพาน ผ่านภพ

พบพาน ผ่านภพ
  • Members
  • 236 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 19 April 2006 - 08:52 PM

ใครที่รวมนิกายได้
ก็จักได้บุญใหญ่เช่นกัน
" พบพาน _ผ่านภพ "
เ พี ย ง พ บ พ า น . . . _ เ พื่ อ ผ่ า น ภ พ
Passing by to meet you.

#7 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 April 2006 - 09:38 PM

ขอถามนิดหนึ่งการแยกนิกายนี้มีมาแต่สมัยใดแล้วและเหตุใดต้องแยกนิกาย
ใครรู้ช่วยบอกบ้างนะครับ ตอนนี้พยายามหาข้อมูลอยู่


หยุดคือตัวสำเร็จ

#8 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 April 2006 - 03:07 PM

QUOTE
ขอถามนิดหนึ่งการแยกนิกายนี้มีมาแต่สมัยใดแล้วและเหตุใดต้องแยกนิกาย
ใครรู้ช่วยบอกบ้างนะครับ

เท่าที่พอจำได้ก็มีการพยายามแยกนิกายมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลคือ การพยายามแยกนิกายโดยพระเทวทัต โดยการขอวัตถุ 5 ประการ และหลังพุทธปรินิพพานได้ 500 ปี ก็เกิดการแยกนิกายออกเป็น มหายาน และเถรวาท ครับ สาเหตุของการแยกนิกายในยุคนั้นๆ เกิดขึ้นจากการถกเถียงกันของพระสงฆ์ 2 กลุ่ม โดยกลุ่มหนึ่งได้อ้างว่าพระพุทธเจ้าทรงตรัสช่วงใกล้จะปรินิพพานกับพระอานนท์ว่า สิกขาบทเล็กน้อยข้อใดถ้าไม่เอื้ออำนวยกับยุคสมัยจะพึงเพิกถอนเสียก้ได้เพื่อประโยชน์แห่งหมู่สงฆ์ โดยพระอีกกลุ่มหนึ่งเข้าใจว่าพระพุทธองค์ทรงต้องการลองใจสาวกเท่านั้นจึงไม่พิกถอนสิกขาบท แต่พระอีกกลุ่มกลับต้องการให้เพิกถอนสิกขาบทครับ

เช่น พระที่แตกแยกเป็นอีกนิกาย ก็บอกว่าพระสงฆ์สามารถปลูกผักกินเองได้ ฆ่าคนได้บ้างเพื่อป้องกันตัว จับสีกาได้ไม่ผิด แต่งงานได้มีเมียได้ กินอาหารในเวลาวิกาลได้ เหมือนอย่างในบางประเทศที่ทำๆ กันอยู่ทุกวันนี้ครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#9 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 April 2006 - 03:15 PM

เสริมคุณ xlmen นะครับ เท่าที่ทำจำได้ การสังฆเภทครั้งแรกของหมู่สงฆ์ยุคหลังพุทธกาล รู้สึกจะเกิดในการทำสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่ 3 โดยการสังคายนาพระไตรปิฎก 2 ครั้งแรกนั้น พระผู้ที่ทำการสังคายนานั้นจะเป็นพระอรหันต์ทั้งหมด แต่สำหรับการทำสังคายนาครั้งที่ 3 นั้น ก็ทำการสังคายนาด้วยพระอรหันต์เช่นเดียวกัน แต่มีพระภิกษุกลุ่มหนึ่งซึ่งยังไม่ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ เกิดความคิดว่า เราก็เป็นพระเหมือนกัน ก็น่าจะมีส่วนร่วมในการทำสังคายนา แต่ก็ไม่ได้มีสิทธิในการร่วมทำสังคายนาแต่อย่างใด ดังนั้น จึงได้แยกออกไปทำการสังคายนาพระไตรปิฎกกันเองอีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งนับว่าได้เกิดสังฆเภทขึ้นแล้วนั่นเอง

อันนี้...เขียนขึ้นจากข้อมูลที่เคยได้รับรู้มา อาจจะมีจำผิดพลาดบ้างหรือปล่าว ผมไม่แน่ใจ ถ้าเกิดผมบอกผิดพลาดไป ใครที่รู้ข้อมูลจริงๆ รบกวนช่วยแก้ไขให้ด้วยนะครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#10 Omena

Omena
  • Members
  • 1409 โพสต์
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

โพสต์เมื่อ 20 April 2006 - 05:02 PM

ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่มีนิกายมากที่สุดในโลกนี้เลย
ดังนั้นผู้ทำสังฆเภทนี่ก็เยอะน่าดู
น่าสงสารจังเลย
เป็นบาปที่ปลดล็อกไม่ได้
เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#11 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 20 April 2006 - 05:46 PM

ความแตกต่าง ก็คือ ความแตกแยกนั่นเอง ดังที่ครูสอนไว้
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#12 แจ่ม

แจ่ม
  • Members
  • 196 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 April 2006 - 06:20 PM

อย่างที่คนเค้ามักบอกว่า คนพุทธไม่ทะเลาะกับศาสนาอื่น แต่ทะเลาะกันเองเพราะมีนิกายเยอะแยะ นิกายเดียวกันถ้าต่างวัดก็ยังว่าร้ายกัน แล้วจะให้เลือกไปเป็นพุทธแบบไหน ต่างคนก็ต่างบอกว่าของตัวเองดีที่สุด ถูกที่สุด เวลาได้ยินคนเค้าว่ามาอย่างนี้ทีไรก็ อึ้งกิมกี่ ค่ะ เพราะเค้าเสริมมาว่า ถ้าศาสนาพุทธดีจริงคนนับถือต้องสมัคคีกันแล้วก็ปฏิบัติไปทางเดียวกันสิ

#13 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 April 2006 - 06:39 PM

QUOTE
คนพุทธไม่ทะเลาะกับศาสนาอื่น แต่ทะเลาะกันเองเพราะมีนิกายเยอะแยะ

คนที่เป็นพระจริงๆ จะไม่ทะเลาะกับใครเขาครับแม้แต่ศาสนาเดียวกันหรือต่างศาสนาครับ สาเหตุที่ทะเลาะเพราะ
คนส่วนใหญ่มักปล่อยจิตให้ไหลไปตามอำนาจของกิเลสมารในใจตนอยู่เสมอๆ ครับ เมื่อใจไม่เป้นพระเสียแล้ว
ความคิด การพูด และการกระทำ จะให้อยู่ในวิสัยที่เป็นพระมีความสามัคคีก็คงจะทำได้ยากครับ
เพราะทุกคนคือหุ่นเชิดของบุญ และบาปครับ ตราบใดมนุษย์เราส่วนใหญ่ยังไม่หมดกิเลสก็ต้องเป็นแบบนี้แหละครับ

QUOTE
ถ้าศาสนาพุทธดีจริงคนนับถือต้องสมัคคีกันแล้วก็ปฏิบัติไปทางเดียวกันสิ

ศาสนาพุทธดีจริงครับ แต่เสียตรงที่คนที่เข้ามานับถือนั้นจริงแท้แค่ไหนกับศาสนาของพระพุทธเจ้าหนะครับ
ข้อนี้ผมก็เห็นเหมือนอย่างที่คุณแจ่มเห็นแหละครับว่า เราชาวพุทธจำนวนไม่น้อยยังขัดกันเองอยู่มากเลยครับ
สาเหตุก็เพราะกิเลสมารในใจของแต่ละคนมันบังคับให้คิด พูด กระทำ นึกแล้วก็สังเวชใจครับ

หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#14 VCO

VCO
  • Members
  • 322 โพสต์

โพสต์เมื่อ 20 April 2006 - 08:07 PM

เอ่อ แล้วผู้ที่แต่งกายเลียนแบบพระทำให้ผู้อื่นหลงผิดนึกว่าเป็นพระเนี่ย บาปมากกว่าผู้ทำสังฆเภทรีเปล่า

#15 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 April 2006 - 12:13 AM

QUOTE
เอ่อ แล้วผู้ที่แต่งกายเลียนแบบพระทำให้ผู้อื่นหลงผิดนึกว่าเป็นพระเนี่ย บาปมากกว่าผู้ทำสังฆเภทรีเปล่า

ก่อนอื่นต้องถามก่อนครับว่า ถ้าเทวทัตเจตนาทูลขอวัตถุ 5 ประการกับพระพุทธเจ้าเราเพื่อที่จะทำสังฆเภท
แล้วสาวกที่ติดตามเทวทัตหละจะตกนรกตามหรือไม่?? เท่าที่ผมค้นคว้ามาพบว่าพระเพื่อนของเทวทัตก็ตกนรกอเวจี
เหมือนกันนะครับเพียงแต่ตายช้ากว่าเทวทัตเท่านั้นเอง

ดังนั้น ถ้าอลัชชีใดที่ทำตนเจตนาแบ่งแยกพระพุทธศาสนา สมรู้ร่วมคิด มีจิตเป็นบาป รู้ทั้งรู้ว่าผิดก็ยังทำ เป็นมิจฉาทิฐิ
มองไม่เห็นความเลวที่มีในตน ถ้าครบสูตรแบบนี้ก็ต้องตามไปเป็นสาวกของเทวทัตในอเวจีมหานรกแน่นอนครับ

ตามพุทธประเพณีผู้ที่จะบวชพระได้นั้นจะต้องมีอุปัชฌาย์ที่เป็นพระในพระพุทธศาสนาแท้ๆ เท่านั้นทำการบวชให้
ดังนั้นการบวชกับอลัชชีที่อ้างตนว่าเป็นพระที่ออกนอกพุทธศาสนาหรือตั้งนิกายใหม่ ผู้ที่บวชตามหลังกับพระอลัชชีเหล่านี้
ก็ไม่ได้ชื่อว่าเป็นพระในพระพุทธศาสนาตามพุทธประเพณีครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#16 VCO

VCO
  • Members
  • 322 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 April 2006 - 08:55 AM

ขอบคุณค่ะ คุณ xlmen

อย่างนี้ผู้ที่บวช หรือผู้ที่สนใจอยากจะบวช จะรู้ได้อย่างไรว่าเขากำลังบวชกับพระอุปัชฌาย์ที่เป็นพระในพระพุทธศาสนาแท้ๆ มีหลักเกณฑ์ใดบ้างที่จะใช้ในการพิจารณา

#17 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 21 April 2006 - 11:55 AM

หลักเกณฑ์กว้างๆ ที่จะใช้พิจารณาก็ให้ยึดหลักตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก่อนน่ะครับ

ละชั่ว ทำดี ทำใจ ผ่องใส นี้เป็นคำสอนพระพุทธเจ้าทั้งหลาย ถ้าพระอุปัชฌาย์ท่านสอนอย่างนี้ ก็ผ่านในหลักเกณฑ์กว้างๆ แล้ว ที่นี้ก็มาดูในหลักเกณฑ์ละเอียดต่อๆไป เช่น ศีล 277 ข้อ ท่านปฏิบัติได้ตรงหรือไม่ ถ้าตรงก็ย่อมไม่ผิดล่ะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#18 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 April 2006 - 03:11 PM

ได้ดูรายการเจาะประเด็น มีครั้งหนึ่งได้มีการพูดถึง เรื่องที่ว่า ถ้ามีกุลบุตรศรัทธาจะออกบวช แต่เผอิญพระอุปัชฌาย์ที่เป็นผู้บวชให้กุลบุตรผู้นี้ไม่ใช่พระภิกษุที่บวชถูกต้องตามพระธรรมวินัย เช่น อาจจะเคยล่วงอาบัติปาราชิกไปแล้ว หรือ ผู้ที่บวชให้กับพระอุปัชฌาย์รูปนี้ไม่ใช่พระภิกษุหรือขาดจากความเป็นพระไปแล้ว

คำถาม คือ กุลบุตรผู้นี้ออกบวชด้วยศรัทธาเต็มเปี่ยม แต่เผอิญไปเจอพระอุปัชฌาย์ในกรณีดังที่ว่ามาข้างบน ถามว่า กุลบุตรผู้นี้จะถือว่า ได้บวชเป็นพระที่สมบูรณ์ตามพระธรรมวินัยหรือไม่

คำตอบ คือ ไม่ครับ กุลบุตรผู้นี้ไม่อาจจะถือว่าเป็นพระภิกษุที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้าได้

เหตุผล คือ ผู้ที่บวชให้ท่าน หรือพ่อในทางธรรมยังไม่ใช่พระภิกษุที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัย แล้วตัวกุลบุตรผู้เป็นลูกตามพระธรรมวินัยจะถือว่าเป็นพระภิกษุที่ถูกต้องตามพระธรรมวินัยได้อย่างไร

ถ้าเช่นนั้น กุลบุตรที่พึงปรารถนาจะบวชอย่างสมบูรณ์ ควรทำอย่างไร

คำตอบ คือ ก็ต้องบวชกับพระอุปัชฌาย์ที่เป็นพระที่สมบูรณ์ตามพระธรรมวินัย โดย ขั้นตอนแรก ต้องดูว่า พระอุปัชฌาย์มีใบสุทธิสงฆ์ ที่คณะสงฆ์ไทยออกให้ถูกต้องตามกฎคณะสงฆ์หรือไม่ และ ขั้นตอนต่อมาก็ต้องพิจารณาถึง ข้อวัตรปฏิบัติของพระอุปัชฌาย์ว่า เป็นพระที่บริสุทธิ์หรือไม่ ถ้าเป็นไปได้ ก็ต้องเช็คกันต่อๆ ไปว่า แล้วพระอุปัชฌาย์ของพระอุปัชฌาย์ของพระอุปัชฌาย์....เป็นใคร เช็คเท่าที่จะเช็คได้ครับ

ด้วยเหตุนี้ ถึงได้บอกว่า การบวชถือว่าเป็นสิ่งที่ทำได้โดยยากไงครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#19 จ.ใจเดียว

จ.ใจเดียว
  • Members
  • 92 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 April 2006 - 06:04 PM

แยกนิกาย ไม่จัดว่าเป็นสังฆเภท แต่จัดเป็นสังฆราชี เป็นความแตกแยกทางความคิด มีมานานตั้งแต่พระพุทธเจ้าปรินิพพานใหม่ๆ ก็มีเเล้ว

#20 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 12:42 AM

ถูกของคุณครับ คุณจ.ใจเดียว การทำสังฆราชีนั้น เป็นแต่เพียงการแตกแยกทางความคิดเท่านั้น ไม่ถึงกับแยกกันทำอุโบสถปวารณาและสังฆกรรมต่างหากกัน เหมือนกับการทำสังฆเภทดังเช่นกรณีของพระเทวทัตครับ