ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

พระ Vs พญามาร


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 29 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Plasma

Plasma
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 April 2006 - 08:17 PM

ผมมีคำถามจะถามดังนี้นะครับ
1.ทำไม พระ กับ พญามาร ต้องมาสู้กันทำเวรกรรมอะไรกันมาครับ
2.ถ้าไปถึงที่สุดแห่งธรรมแล้ว ไปปราบพญามารหรือฆ่าพญามาร
3.เมื่อพญามาร ตายแล้วพญามารจะไปอยู่ที่ไหนครับ หรือว่ามาเป็นพวกเดียวกันกับเรา คือกลับใจรู้ว่าสู้พระไม่ได้
4.เมื่อปราบพญามารแล้ว ถึงที่สุดแห่งธรรมแล้ว ก็ไม่ต้องเกิดแก่เจ็บตายแล้วใช่ไหมครับ ทุกคนอยู่เป็นอมตะตลอดกาลไปเลยใช่หรือไม่ครับ


ผมหวังว่าการตั้งคำถามของผมจะมีการนำไปลงนะครับ ผมก็เข้ามาอ่านในเวปนี้หลายครั้งแล้ว เพิ่งจะสมัครเป็นสมาชิกวันนี้และตั้งคำถามในวันนี้คงจะให้หัวข้อของผมได้นำไปลงใน webboad ด้วยนะครับ สาธุ สาธุ สาธุ

#2 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 April 2006 - 08:41 PM

ผมก็อยากตอบคำถามคุณเหมือนกันครับ
ถ้ากระทู้คุณไม่ถูกลบไปซะก่อนคงได้ทราบคำตอบนั้นครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#3 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 April 2006 - 09:16 PM

คำถามนี้เป็นคำถามที่ละเอียดอ่อนและเป็นธรรมะที่ลึกซึ้งครับ ไม่เหมาะสมที่จะโพสกันในที่สาธารณะเช่นเวปบอร์ดครับ เพราะอาจจะเป็นโทษมากกว่าเป็นคุณนะครับ
แต่อย่างไรก็ดี อันดับแรก ควรจะนั่งธรรมะจนเข้าถึงพระธรรมกายจนได้ก่อนแหละครับ น่าจะดีที่สุดนะครับ
If you just close your eyes and learn to still you mind...The greatest miracle is waiting for you
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#4 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 April 2006 - 09:47 PM

ใบไม้ในป่า..
ขนาดใบไม้ในกำมือ เรายังรู้ไม่หมดเลย รู้ให้หมดกันก่อนดีกว่าค่ะ

เพราะถึงถามไป ในที่นี้ ก็มีแต่ผู้ที่ยังวนเวียนว่ายกันอยู่ ก็จะรู้กันอย่างมากสุด ก็ใบไม้ในกำมือเท่านั้น ขนาดใบไม้ในกำมือ ก็คงจะตอบได้แบบถูกๆ ผิดๆ นับประสาอะไรกับใบไม้ในป่าใหญ่

การบอกเล่าสิ่งที่คนตอบ ก็ยังไปไม่ถึง ยังไม่เห็นเอง ก็เหมือนกับคนตาบอดได้ยินมาว่า ช้างหน้าตาแบบนี้ แล้วไปบอกต่อให้กับคนตาบอดอีกคนฟังน่ะแหล่ะค่ะ

ไม่มีคุณประโยชน์อะไรเลย มีแต่จะทำให้เกิดโทษ หากคำตอบนั้น เป็นสิ่งที่ขัดกับความคิด หรือคำสอนใดๆ อันจะนำมาซึ่งความขัดแย้ง แตกแยก หรือความเห็นผิด หรือพอตอบแล้ว คุณ plasma ก็จะมีคำถามใหม่ๆ ต่อไม่มีที่สิ้นสุด สู้ไปรู้ไปเห็นเองกันดีกว่านะคะ ของละเอียดๆ ย่อมคู่กับใจละเอียดๆ เท่านั้นล่ะค่ะ ที่จะสามารถรับรู้และเข้าใจได้อย่างลึกซึ้ง

#5 หยุดอะตอมใจ

หยุดอะตอมใจ
  • Members
  • 729 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 23 April 2006 - 09:59 PM

อันนี้เปรียบเสมือนกับว่าทุกๆคนเป็นเด็กนักเรียนอนุบาลนะครับ

วันหนึ่งเกิดมีเด็กนักเรียนอนุบาลคนหนึ่ง ยกมือถามเพื่อนๆว่า

เอ๊ะ สมการคณิตศาสตร์ Calculus ระดับมหาวิทยาลัย อันนี้คำตอบคืออะไร

ถ้าถามเพื่อนๆ ซึ่งก็เป็นเด็กนักเรียนอนุบาลกันหมด แล้วจะตอบได้อย่างไร?

ดังนั้นก็มีทางที่จะรู้คำตอบได้สองคำตอบจริงไหมครับ

1. ให้อาจารย์มหาลัยมาตอบ ซึ่งรับรองได้ว่า ถ้าตอบไปแล้ว เด็กนักเรียนอนุบาลทั้งหลาย ก็คงไม่จำหรอกครับ จริงไหมครับ เพราะภูมิความรู้แต่ละคนก็ยังเป็นแค่นักเรียนอนุบาลกันอยู่ แล้วบางที ก็จะมีคำถามใหม่ๆๆๆๆ มาเรื่อยๆ ไม่รู้จักจบจักสิ้น

2. ตั้งใจศึกษาด้วยตัวเอง ค่อยๆ ไปชั้นประถม มัธยม แล้วก็ระดับมหาลัย ถึงตอนนั้นก็จะได้คำตอบ ที่ไม่ใช่แบบรู้จำ แต่เป็นการรู้ได้ด้วยตัวเองจริงๆ

ป.ล. ผู้ตอบก็เป็นนักเรียนอนุบาลเหมือนกัน จึงไม่สามารถตอบคำตอบของเจ้าของกระทู้ได้ครับ

แค่นี้ยังทำไม่ได้ แล้วจะไปปราบมารได้ไง


#6 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 April 2006 - 10:11 PM

ถามนะถามได้แต่เมื่อได้คำตอบแล้ว คุณจะคิดอย่างไร ผลจะเป็นอย่างไร
ลองคิดล่วงหน้าดูก่อน แล้วค่อย ๆ ศึกษาไปก่อนดีกว่า
หยุดคือตัวสำเร็จ

#7 ~ รั ก บุ ญ ~

~ รั ก บุ ญ ~
  • Members
  • 98 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand
  • Interests:^-^ กรุณา เผื่อแผ่ เหลียวแลเอื้อ ^-^<br />^-^หวังช่วยเหลือ เพื่อนยาก ลำบากขันธ์^-^<br />^-^เห็นเพื่อนทุกข์ ทุกข์ด้วย เข้าช่วยพลัน^-^<br />^-^ให้เพื่อนนั้น พ้นทุกข์ ได้สุขใจ ฯ^-^

โพสต์เมื่อ 23 April 2006 - 10:35 PM

เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา
ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ
เตสํ เหตุํ ตถาคโต
พระตถาคต กล่าวเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ
และความดับของธรรมเหล่านั้น
เอวํ วาที มหาสมโณ
พระมหาสมณะมีวาทะอย่างนี้
ทุ ก อ ย่ า ง ย่ อ ม มี เ ห ตุ ผ ล ซึ่ ง กั น แ ล ะ กั น. . . เ มื่ อ สิ่ ง นี้ มี สิ่ ง นั้ น จึ ง มี . _/|\_

******************************************************************
ใ ค ร ช อ บ. . .ใ ค ร ชั ง. . .ช่ า ง เ ถิ ด
ใ ค ร เ ชิ ด. . .ใ ค ร ชู. . .ช่ า ง เ ข า
ใ ค ร เ บื่ อ. . .ใ ค ร บ่ น. . .ท น เ อ า
ใ จ เ ร า. . .ร่ ม เ ย็ น. . .เ ป็ น พ อ
. . .|2@|<_|3( )( )|\| @ |-|()T/\/\@I|_.C()/\/\. . .


#8 ลูกพระธัมฯ Merry Ma

ลูกพระธัมฯ Merry Ma

    The STRONGEST is the GENTLEST!!!

  • Members
  • 891 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Bangkok, Thailand

โพสต์เมื่อ 23 April 2006 - 10:56 PM

คำถามของกระทู้ช่าง... จริงๆค่ะ

ในขั้นต้น ขอเห็นด้วยว่าคำตอบของคุณหยุดอะตอมใจเป็นคำตอบที่ดีค่ะ
เปรียบเทียบให้เห็นได้ชัดเจนค่ะ ว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ
มันเป็นเรื่องที่นักเรียนทั่วไปไม่กล้าให้คำตอบ หรือกล้าสันนิฐาน

ยังไม่มีใครสามารถเข้าไปถึงดินแดนหรือแหล่งของมันได้เลยค่ะ
มารที่เราเจอส่วนใหญ่ยังไม่ใช่พญามารตัวจริง ไม่ใช่ตัวBig Bossเลย

แม้นแต่พญามารที่เป็นท้าวปรนิมิตฯ ที่เข้ามาทำร้ายเมื่อครั้งพระพุทธองค์ท่านกำลังจะตรัสรู้
ก็ไม่ใช่ตัวมารแท้ๆ เพราะถูกฝ่ายมารเข้ามาชักใยในจิตให้เกิดกิเลสต่างๆ แล้วคิดมาทำร้ายท่าน

ยกตัวอย่าง การใช้วิชชาเพื่อแก้โรคให้ผู้อื่น ท่านจะเข้าที่เพื่อไปสาวให้ถึงมารที่เป็นเหตุของโรค
แล้วดับมันซะ เมื่อดับได้ถึงต้นเหตุจริง ผู้ป่วยจะอาการดีขึ้น ร่างกายจะฟื้นฟูตนเองได้ดีขึ้น
ถ้ามีดวงบุญดวงใสอยู่ภายใน ก็จะทำให้หายจากโรคได้เร็ว แล้วกลับฟื้นเป็นปกติได้

ฉะนั้นสภาพการณ์ .... น่าจะเป็นยังไง เมื่อฝ่ายมารถูกดับไปจำนวนมาก ....
คนที่มีจิตใจที่ดี ก็จะไม่มีอะไรมาขวางในการสร้างทาน ศีล ภาวนา สังคมเป็นสุขสงบสันติ
ทุกคนก็เริ่มฟื้นตัวสร้างบารมีกันได้เต็มที่ ผู้ใดบารมีถึงก็เข้าพระนิพพานไปก่อน
สัตว์จะไม่ตาย แต่จะสิ้นอายุขัยไปเกิดตามภพภูมิอื่น เพื่อบ่มบารมีเพิ่มด้วยทาน ศึล ภาวนา
ภพ 3 จะเห็นกันมากขึ้น และเข้าใจกันได้ดีขึ้น ทุกวิญญาณปรับตัวไปในทางกุศลเพื่อบ่มบารมี

ถ้ามีผู้มีบุญบารมีสูงๆ ยังเหลืออยู่ในภพ3 แล้วสอนธรรมโปรดสัตว์ในช่วงนั้น ก็จะมีสัตว์
ทั้งมนุษย์ ทิพย์ พรหม ที่มาฟังธรรม ก็จะได้มรรคผล ขึ้นพระนิพพานได้โดยเร็วทีเดียว

เรียกว่ามันเป็นสภาพที่ไม่มีอุปสรรคต่อการสร้างบุญบารมี เพื่อให้ได้มรรคผลนิพพานเลย
สรรพสัตว์มีแต่เห็นใจกัน มีเมตตามากขึ้น รีบสร้างทาน รักษาศีล บำเพ็ญภาวนา
ไม่สนใจในโลกธรรม 4 อีกเลย บุญเก่าที่สร้างมาก็จะส่งผลได้ง่าย
แม้นมีทรัพย์ รูปสมบัติ ชื่อเสียงก็จะไม่ยึดติด
และมรรคผลนิพพานจะเป็นเป้าหมายที่ชัดเจนเพียงหนึ่งเดียว

ขอตอบแบบให้เห็นภาพที่พอจะทำความเข้าใจได้บ้าง เพื่อให้หยุดสงสัยนะคะ
ขอให้คุณ plasma รับทราบด้วยใจใสๆแล้วอย่าไปคิดอะไรต่อนะคะ
ไม่ต้องตั้งคำถามต่อไปค่ะ มันเป็นสิ่งที่ทำให้ใจเราไม่หยุดนิ่งไปอีก
เรื่องราวแบบนี้อาจจะมีอะไรที่ลึกซึ้งพิศดาร อจินไตยเกินกว่านี้อีก
ซึ่งเข้าใจแค่นี้ไปก่อนจะดีกว่าค่ะ จะได้ทำใจใสๆได้ ผ่อนคลายสบายๆขึ้น

ขอให้มานั่งสมาธิ ทำทาน รักษาศีล ให้อภัยทาน
ทำใจใสใจหยุดนิ่งเข้าถึงองค์พระเถิดค่ะ


ถ้าหากว่าคำตอบของแมรี่ ผิดเพี้ยนไม่เป็นสิ่งที่ควรเป็นจริง หรือเป็นโทษแก่ผู้อ่านและหมู่คณะ
ก็อนุญาติให้moderatorลบได้ค่ะ เพราะมีเจตนาแค่แชร์ความคิดเห็น ให้ผู้อื่นได้รู้แล้วสบายใจขึ้นเท่านั้นค่ะ ^_^

#9 เป็นหนึ่ง

เป็นหนึ่ง
  • Members
  • 354 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 April 2006 - 11:44 PM

มีคำถามเรื่องพระกับมารเข้ามาอยู่เรื่อยๆเลยนะครับ จริงๆแล้วผมเองก็อยากจะตอบนะ แต่เนื่องจากยังไม่มีปัญญาจะตอบได้ เรื่องที่รู้มา ก็มาจากการรับฟัง ผู้อื่นเล่าต่อมาอีกที ไม่ได้ไปรู้เองเห็นเอง แล้วที่เล่าๆกันมาน่ะ ที่ผิดเพี้ยนไปก็มาก รู้กันบ้างไหมครับ มีหลายๆเรื่องเลย ที่ได้ยินได้ฟังกันมาน่ะ พอไปได้ยินที่พระเดชพระคุณ คุณครูไม่ใหญ่ท่านเล่าเองจากปากของท่าน ปรากฏว่าคนละเรื่องกันเลย เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะคนที่เล่าต่อๆกันมาน่ะ ไม่มีใครรู้เองเห็นเองสักคน พอบอกต่อๆกันมา มันก็เลยเพี้ยนไป เข้าหลักกาลามสูตรเลย ว่าอย่าเชื่อเนื่องจากฟังสืบๆกันมา

เรื่องพระกับมารนี้ เป็นเรื่องละเอียดลึกซึ้งมาก ถ้านำเอามาโพสต์ถามในเวบบอร์ดแบบนี้ คงไม่ได้คำตอบหรอกครับ หรือถ้าได้คำตอบ คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นคำตอบที่ถูกต้อง ไม่ได้ผิดเพี้ยนไป เพราะคนตอบก็ไม่ได้ไปรู้เองเห็นเองสักคน(ถ้ารู้เองเห็นเอง คงไม่มานั่งเล่นเน็ตแล้ว) เพราะฉะนั้น อย่าเพิ่งไปอยากรู้เลยครับ ไปรู้สิ่งที่ควรรู้ก่อนดีกว่า คือ วิธีการทำอย่างไรจะเข้าถึงธรรมะภายในได้ และเมื่อเข้าถึงแล้ว เดี๋ยวคุณจะได้รับคำตอบ ในสิ่งที่คุณสงสัยเองนั่นแหละครับ

สุดท้าย ขอเอาข้อความที่ผมเคยโพสต์ไว้จาก http://www.dmc.tv/fo...8348 มาโพสต์ในที่นี้อีกที คือ

ฝากเตือนไว้นิดหนึ่งครับ เรื่องพญามาร ที่เราเอามาพูดๆกัน ล้วนแต่ฟังตามกันมาทั้งนั้น ไม่มีใครรู้จริงด้วยตัวเองสักคน เพราะฉะนั้นอย่าพูดมากเกินไปเลยครับ สมัยหลวงปู่วัดปากน้ำ คนที่รู้เรื่องจริงๆ และสามารถพูดเรื่องนี้ได้ คือ คนที่นั่งทำวิชชากับหลวงปู่ในโรงงานเท่านั้น และหลวงปู่วัดปากน้ำท่านก็ห้ามเด็ดขาด เรื่องการนำความรู้ความเห็นในโรงงานไปพูดข้างนอก หลวงปู่ท่านเคยเทศน์ว่า พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ในวัดปากน้ำมีเท่าไหร่ไม่รู้เรื่องเลย ว่าผู้เทศน์(หลวงปู่วัดปากน้ำ)กำลังทำอะไรอยู่ จะมีรู้ก็แค่พวกที่นั่งทำวิชชาอยู่ในโรงงานด้วยกันเท่านั้น

ดังนั้น ให้เราถามตัวเองว่า เราเป็นใคร ธรรมะเราดีขนาดไหน ถึงนำเรื่องเหล่านี้มาพูดกันได้ ทั้งที่ไม่มีใครรู้เองเห็นเองสักคน ฟังเขามาทั้งนั้น ถ้าเล่าลือผิดเพี้ยนกันไป เดี๋ยวมันจะไปกันใหญ่ ก็ขอฝากไว้
I just gotta get out of this prison cell.
Someday I'm gonna be free.

#10 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 23 April 2006 - 11:57 PM

QUOTE
เพราะมีเจตนาแค่แชร์ความคิดเห็น ให้ผู้อื่นได้สบายใจขึ้น

โมทนาสาธุการในกุศลเจตนาของพี่แมรี่ด้วยครับสาธุ

QUOTE
ของละเอียดๆ ย่อมคู่กับใจละเอียดๆ เท่านั้นล่ะค่ะ

โมทนาสาธุการกับน้องฟ้าร้างด้วยครับ ความรู้ใดๆ ที่เกิดขึ้นนั้นถ้าจะให้ดีจะต้องปฏิบัติเองครับ
เป็นปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตนครับ ยิ่งคุณสามารถเข้าถึงองค์ความรู้ได้มากเท่าใด การตรัสรู้-ตรัสเห็น
ก็จะตามมามากเพียงนั้น แล้วคำตอบทั้งหมดคุณจะทราบได้ด้วยตนเองดังน้องฟ้าร้างได้กล่าวมาแล้วครับ

QUOTE
เย ธมฺมา เหตุปฺปภวา : ธรรมเหล่าใด เกิดแต่เหตุ
เตสํ เหตุํ ตถาคโต :พระตถาคต กล่าวเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น
เตสญฺจ โย นิโรโธ จ :และความดับของธรรมเหล่านั้น

โมทนาสาธุกับคุณรักบุญด้วยครับ สิ่งที่พระพุทธองค์ตรงตรัสก็คือเหตุ
มารก็คือเหตุแห่งความทุกข์ทั้งมวล เหตุนั้นมีอะไรบ้าง เหตุนั้นมีมากมายครับ
เช่น อวิชชา ตัณหา อุปาทาน เป็นต้นครับ เมื่อบุคคลดับเหตุได้ผลของความทุกข์ก็จะดับตามไปด้วยครับ


หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#11 KATCH

KATCH
  • Members
  • 105 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 01:01 AM

" ควรจะนั่งธรรมะจนเข้าถึงพระธรรมกายจนได้ก่อนแหละครับ น่าจะดีที่สุด "


#12 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 01:33 AM

QUOTE
1.ทำไม พระ กับ พญามาร ต้องมาสู้กันทำเวรกรรมอะไรกันมาครับ

ตอบ พระ-มาร ,ความดี-ความชั่ว, บุญ-บาป ,แสงสว่าง-เงามืด ,ร้อน-เย็น ,อ่อน-แข็ง เป็นของปกติธรรมดาเป็นธรรมชาติที่ปรากฎมีอยู่และเป็นอยู่แล้วในธรรมชาติครับ ไม่ใช่เวรกรรมอะไรที่ทำกันมาอย่างที่เข้าใจกันครับ ธรรมชาติมีอยู่
เป็นปกติของมันเองครับไม่ใช่เรื่องราวใหญ่โตอะไรเป็นธรรมดาที่เป็นธรรมคู่โลกครับ

QUOTE
2.ถ้าไปถึงที่สุดแห่งธรรมแล้ว ไปปราบพญามารหรือฆ่าพญามาร

ตอบ ขอถามกลับว่าถ้าพระอรหันต์หมดกิเลสแล้ว พระอรหันต์ฆ่ากิเลสด้วยวิธีการใด ใช้มีด ปืน หรือวัตถุใดในการฆ่าหละครับ
พญามารที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประหารหรือฆ่าได้เป็นสมุจเฉทก็คือ อวิชชา และกิเลสตัณหาตลอดจนอนุสัยกิเลสต่างๆ นั่นเอง ทรงฆ่าพญามารหรือแม่ทัพมารใหญ่ในจิตพระองค์ คือ อวิชชา ให้ดับไปด้วยอำนาจของศีล สมาธิ ปัญญา ที่ได้อบรมจนแก่กล้าแล้วนั่นเอง

QUOTE
3.เมื่อพญามาร ตายแล้วพญามารจะไปอยู่ที่ไหนครับ หรือว่ามาเป็นพวกเดียวกันกับเรา คือกลับใจรู้ว่าสู้พระไม่ได้

ตอบ ขอถามกลับครับว่าเมื่อพระอรหันต์กำจัดกิเลสมารให้หมดไปแล้ว กิเลสมารจะมาจากไหนได้อีก หรือเมื่อแสงส่องเงามืดย่อมหายไปถามว่าเงามืดหายไปไหนหละครับ

QUOTE
4.เมื่อปราบพญามารแล้ว ถึงที่สุดแห่งธรรมแล้ว ก็ไม่ต้องเกิดแก่เจ็บตายแล้วใช่ไหมครับ ทุกคนอยู่เป็นอมตะตลอดกาลไปเลยใช่หรือไม่ครับ

ตอบ ขอถามกลับว่าพระอรหันตเจ้าทั้งหลายเมื่อหมดกิเลสแล้วต้องกลับลงมาเกิดอีกหรือไม่?? เชื้อแห่งการเกิดคือ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน นามรูป ฯลฯ ในปฏิจจสมุปบาทได้ดับลงแล้วเหมือนเทียนที่ไม่มีไส้ เมื่อเหตุแห่งความเกิดดับลง เชื้อแห่งความแก่ ความเจ็บ และความตายจะมาจากไหน? เมื่อพระอรหันต์ไม่ต้องกลับมาเกิดอีก ความแก่จะมีสำหรับพระอรหันต์เจ้าที่นิพพานแล้วได้อย่างไร ความเจ็บ และตาย จะเกิดขึ้นกับพระอรหันต์ที่นิพพานแล้วได้อย่างไร?

ถ้ากระทู้ไม่ถูกลบซะก่อนคุณคงได้อ่านคำตอบนี้ครับ ขอให้เจริญในธรรมครับสาธุ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#13 เป็นหนึ่ง

เป็นหนึ่ง
  • Members
  • 354 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 01:47 AM

อนุโมทนาบุญกับคุณxlmenครับ...สาธุ ตอบได้ดีมากเลยครับ เป็นแบบอย่างในการตอบปัญหาธรรมะแนวนี้ได้อย่างดีเลยครับ อนุโมทนาบุญอีกครั้งครับ...สาธุ
I just gotta get out of this prison cell.
Someday I'm gonna be free.

#14 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 02:30 AM

อีกอย่างหากผู้ตอบอธิบายไปแบบผิดๆ ถูกๆ จริงครึ่ง เท็จครึ่ง ล่ะก็ ผมเกรงว่าจะเป็นการทำให้ผู้อื่นกลายเป็นผู้มีทิฏฐิวิบัติไปเสีย แล้วบาปจากการทำให้ผู้อื่นมีทิฏฐิวิบัติ (มิจฉาทิฏฐิ) นี่ เป็นบาปอย่างมหันต์เลยนะครับ

#15 Natt

Natt
  • Members
  • 20 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 08:42 AM

พระกับมาร
ขอขอบคุณบทความของ [email protected] จาก http://www.geocities...50/content.html


แรงจูงใจที่ผมปรารถนา จะนำเรื่องนี้มาเสนอให้ทราบเนื่องจากว่า น้อยคนนักที่จะรู้ว่า "มาร" จริงๆแล้วคืออะไร รู้ก็รู้เพียงเลาๆ ตามความหมายในคัมภีร์ทางปริยัติ ที่ให้ความหมายไว้ว่า
มาร คือ สิ่งที่ฆ่าบุคคลให้ตายจากความดี, ตัวการที่ขัดขวางไม่ได้บรรลุความดี มี ๕ อย่างคือ
๑. กิเลสมาร มารคือกิเลส
๒. ขันธมาร มารคือเบญจขันธ์
๓. อภิสังขารมาร มารคืออภิสังขารที่ปรุงแต่งกรรม
๔. เทวบุตรมาร มารคือเทพบุตร
๕. มัจจุมาร มารคือความตาย
นี่คือ มาร ๕ อย่าง มารอย่างที่ ๑, ๒, ๓ และ ๕ เป็นมารที่ไม่มีตัวตน ส่วนมารอย่างที่ ๔ เป็นมารที่มีตัวตน ตามตำราบอกว่า เป็น วสวัตดีมาร ซึ่งเป็นเทวดาครองสวรรค์ที่ ๖ คือชั้น ปรนิมมิตวสวัตตี แต่ "มาร" ตัวการที่ขวางความดีจริงๆ นั้น เรายังไม่รู้จักเขาจริงๆเลย
เรื่อง "มาร" มีปรากฏ ในพระไตรปิฏกมากมายหลายที่ แต่ที่จดจำกันได้ชัดเจน ก็มีสองตอน ตอนแรกคือตอนที่ พระโพธิสัตว์กำลังจะตรัสรู้ (มารวิชัยปริวรรต - พระปฐมสมโพธิกถา) มารได้ยกพลเสนามาผจญ เพื่อทวงรัตนบัลลังก์จากพระโพธิสัตว์ ตอนที่สองคือ ตอนที่พระอรหันต์อุปคุต ปราบมารสำเร็จ (มารพันธปริวรรต - พระปฐมสมโพธิกถา)

แต่ที่เป็นที่น่าเคลือบแคลงของตำรา มีอยู่ที่ตอนแรก ตามตำราอธิบายไว้ว่า เมื่อพญามาร ยกพลเสนามา เหล่าเทวดาทั้งหมด แม้ท้าวสหัมบดีพรหม ต่างก็ตกใจกลัวหนี ไปกันหมดทั้งสิ้น สิ่งที่น่าสงสัยคือ หากมารที่มานั้นเป็นเพียงแค่ วสวัตดีมาร ทำไม ท้าวสหัมบดีพรหม ต้องหนีด้วย เพราะพรหมอยู่ในรูปภพ ซึ่งสูงกว่า กามาวจรภพที่ วสวัตดีมาร อยู่ด้วยซ้ำ แสดงว่า มารตัวจริง ที่มานั้น ไม่ใช่ มาร ที่เป็น เทวบุตรมารธรรมดาๆ อย่างแน่นอน

นอกจากนั้น พระไตรปิฏก ยังมีกล่าวถึง "มารโลก" หลายครั้ง ซึ่ง แสดงว่า โลกของมาร ต้องอยู่ที่ไหนซักแห่ง ที่ไม่ใช่ ภพ ๓ นิพพาน โลกันต์ ตามที่เรารู้ๆกัน สิ่งเหล่านี้ถามใครไม่มีใครตอบได้ชัดเจน แต่ข้อสงสัยเหล่านี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อวัดปากน้ำ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ผู้ซึ่งมีญาณแก่กล้า ได้ให้คำอธิบายถึง "พญามาร" ไว้ดังนี้

"ชีวิตเราล่วงตามวันคืนเดือนปีตามไปด้วย ชีวิตที่เป็นอยู่ ๑๐๐ ปี พอหมดไปเสีย วันหนึ่ง ก็ขาด ๑๐๐ ปี ไปวันหนึ่งแล้ว ลดคืนหนึ่ง ผ่านร้อยปีไปคืนหนึ่งแล้ว หมดเสียวันกับคืนหนึ่งแล้ว ขาดร้อยปีไปวันกับคืนหนึ่งแล้ว อย่างนี้เรื่อยไป เมื่อวันคืนเดือนปีล่วงไปเท่าไร ชีวิตหมดไปเท่านั้น
เมื่อรู้จักอันนี้แล้ว เดินรุดหน้าไปข้างเดียว เกิดมาแล้วไม่มีถอยหลังเลย จะยั้งอยู่ไม่ได้ อนุวินาทีก็ไม่ได้ รอสักประเดี๋ยวเถอะน่ายังห่วงลูกรักอยู่ไม่ได้ รอประเดี๋ยวเถอะน่ายังห่วงพระห่วงเณรนัก ไม่ได้ รอไม่ได้ทั้งนั้นแหละไม่ว่าใคร นี่เพิ่งรู้ชัดว่าวันคืนเดือนปีล่วงไปล่วงไป ไม่ใช่ล่วงไปแค่วันเดือนปีเปล่า ชีวิตจิตใจล่วงไปด้วย ความเป็นอยู่ล่วงไปด้วย ล่วงไปอย่างวอดวายเช่นนี้

สภาพความเป็นเองปรุงแต่งหรือว่าใครปรุงแต่งอยู่ที่ไหนเรื่องนี้ หมดประเทศ หมดทั้งชมพูทวีปหมดทั้งแสนโกฎิจักวาล หมดทั้งอนันตจักวาล ตลอดนิพพาน-ภพสาม-โลกันต์ มากน้อยเท่าใดนั้นไม่รู้กันทั้งนั้นว่าเป็นเพราะเหตุอะไร? แต่วัดปากน้ำมีคนรู้ขึ้นแล้ว เป็นดังนี้เพราะอะไร?

ที่ตั้งวัยแก่ยับเยินไปเช่นนี้ เป็นเองหรือใครทำอยู่ที่ไหน ? รู้ที่เดียวว่าใครอยู่ที่ไหน? รู้ว่าไม่ใช่ใคร จับตัวได้คือ พญามาร นั่นเอง เป็นคนทำให้แก่-ให้เจ็บ-ให้ตาย เกิดแก่เจ็บตายอย่างยับเยิน เกิดก็อย่างยับเยินเดือดร้อน พ่อไม่ตาย บางทีแม่ตาย บางทีลูกก็ตาย แม่ก็ตาย พ่อก็ยังตายตามอีก โดดน้ำตายเสียอกเสียใจ นี่ พญามาร ทั้งนั้น สำหรับประหัตประหารฝ่าย พระ ถ้าว่ามนุษยผู้ใดเป็นฝ่ายพระละก็ มารข่มเหงอย่างนี้แหละ ไม่ขาดสาย ไม่เช่นนั้นก็ด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง บางทีก็หมั่นใส้นักทำเก่งกาจอวดดิบอวดดี ให้ฆ่ากันตายเสีย ให้กินกันตายเสีย ให้โดดน้ำตายเสีย ให้ผูกคอตายเสีย นี่ใครทำ? พญามาร ทั้งนั้นไม่ใช่ใคร ไม่มีใครรู้ แสนโกฎิจักวาล อนันตจักวาล นิพพานถอดกายมีเท่าไร ไม่มีใครรู้ ไม่รู้เรื่องทีเดียว ในเรื่องนี้ว่า พญามาร เขาคอยบีบคั้นอยู่ ให้เกิด แก่ เจ็บ ตาย ให้เกิดก็เกิด อย่างยับเยิน หน้าบิดหน้าเบี้ยว เดือดร้อนด้วยกันทั้งสองฝ่าย ไม่ตายคางก็เหลืองเทียว ไม่ตายก็เกือบตายนี่ พญามาร เขาทำ ตามปรกติแล้วไม่เป็นดังนี้ เกิดก็อย่างไม่ได้เดือดร้อนนัก จะคลอดบุตรก็เหมือนถ่ายอุจจาระ เหมือนถ่ายปัสสาวะ ไม่เดือดร้อนเหมือนกับคลอดลูกออกเต้าธรรมดานี้ จะคลอดบุตรก็เหมือนถ่ายอุจจาระ เหมือนถ่ายปัสสาวะที่เดียว ไม่เดือดร้อนแต่อย่างหนึ่งอย่างใด ที่เดือดร้อนยับเยิน เช่นนี้ เพราะพญามารเขาส่งฤทธิ์-ส่งเดช-ส่งอำนาจ-ส่งวิชชาศักดิ์สิทธิมาบังคับบัญชา บังคับให้เป็นไป

เมื่อเป็นดังนี้ ที่ท่านวางบาลีว่า ให้เราท่านทั้งหลายพินิจพิจารณาว่าภูเขาทั้งหลายล้วนแล้วด้วยศิลาตัน ไม่มีน้ำเหลวเปลวปล่อง คำว่าไพบูลย์นั้นตันสนิท ไม่มีน้ำเหลวเปลวปล่องเป็นเนื้อหินทั้งแท่ง ทึบทีเดียว ไม่มีโพรงมีถ้ำในสถานที่ใดๆ กลิ้งมาทั้ง ๔ ทิศจดกัน โตเท่าไหร่ก็กลิ้งเข้ามา บดเข้าไป กลิ้งเข้ามาจากศูนย์กลาง คิดดูซี ภูเขาขนาดนั้นสูงจดฟ้า ภูเขานั่นไม่ใช่เล็กน้อย กลิ้งเรื่อยเข้ามาแล้วใครเล่าจะเหลือ ที่ถูกเข้าแล้วใครจะเหลือ ไม่มีใครเหลือแต่คนเดียว มดปลวกไม่เหลือทั้งนั้น เลือดไรเหาเล็นไม่เหลือทั้งนั้น ต้นไม้ต้นหญ้าไม่เหลือ วอดวายหมดที่เดียว ถึงภูเขาเล็กๆน้อยๆไม่พอ หนักไม่พอจมหายหมดราบลงไปหมดที่เดียว มันสูงถึงจดฟ้าเช่นนั้น กลิ้งเข้าโดยรอบทิศทั้ง ๔ แล้วมาติดอยู่ตรงกลาง เล็กเข้ามาติดอยู่ตรงกลางก็ไม่เหลือเลยหายหมด เมื่อกลิ้งเข้ามาก็จะกลิ้งออกไปอีกนั่นแหละ แกไม่หยุดสักทีหนึ่งนี่ กลิ้งออกไปอีก กลิ้งออกไปอีก ก็อีกนั่นแหละถูกใครๆก็ราบไป ไม่เหลือเลยสักคนเดียว นี่แหละเหมือนความแก่ความตาย เกิดมามีเว้นความแก่สักคนเดียวไหม? ไม่มีเลยเว้นตายสักคนเดียวไหม? ไม่มีเลย เกิดมาแล้วก็แก่ตาย เกิดมาแล้วก็แก่ตายอย่างนี้

ความแก่ความตายคราวนี้ใครจะไปรู้รบ ด้วยเวทมนต์คาถาใดๆ เวทมนต์คาถาใดๆ ไม่อาจสามารถจะสู้รบกับความแก่ความตายนั้นได้ หรือจะสู้รบด้วยทรัพย์ มีทรัพย์จะเอาทรัพย์ไปไถ่ถอนตัว แก้ความแก่ความตายเรื่องความแก่ความตายไม่มีทางสู้ ไม่มีทางแก้ทีเดียวจะแก้อย่างไรก็แก้ไม่ได้

แต่ว่ามีแก้อยู่ที่วัดปากน้ำ วิชชาธรรมกายไปเห็นวิชชาเหล่านี้หมด ไปเห็นความแก่ ความตาย เวลานี้เขาว่าสมภาร (พระเดชพระคุณหลวงพ่อสด จันทสโร) วัดปากน้ำกำลังสู้กับความแก่ความตาย สู้จริงๆผู้เทศน์นี่แหละ ๒๒ ปี ๘ เดือน ๙ วัน วันนี้แล้ว วินาทีนี้ไม่ได้หยุด เพียรสู้กับความแก่ความตายไม่ได้ถอยกันเลย พระยามัชจุราชมีเท่าไรจับกันหมด จับกันหมดตรึงกันหมด ลงโทษกันหมดที่เดียว มีเท่าไรไม่ให้ทำลายพระ ไม่ให้ข่มเหงพระกันได้ ให้เลิกข่มเหง ให้เลิกทำลายพระกันเสียให้ได้ จะแก้ความแก่ ความเจ็บ ความตายใหม่ ไม่ให้มีแก่ ไม่ให้มีเจ็บ ไม่ให้มีตาย เมื่อเกิดขึ้นมาเป็นมนุษย์แล้ว ก็ให้เป็นมนุษย์เด็กๆ ก็อย่างหนึ่งรู้กันได้ชัด ๆ เด็กๆ ก็รู้ ไม่สวยไม่งามนักพอสมควร ถ้ายิ่งแก่หนักเข้าก็ยิ่งสวยหนักเข้า ยิ่งแก่หนักเข้าก็ยิ่งสวยงามหนักเข้า แล้วก็โตหนักเข้าด้วย ผิดกัน โตหนักเข้าๆ สวยงามหนักเข้า โตหนักเข้าสวยงามหนักเข้าไม่มีใครลงกัน มีแต่ไขขึ้นกันไป ไม่มีถอยกลับกัน พอครบบารมีของตนที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ไม่ต้องไปทรมานให้เหนื่อยยากลำบากแต่อย่างหนึ่งอย่างใด อยู่ในบ้านช่องตามชอบใจ พอครบกำหนดเข้าก็เป็นพระพุทธเจ้า เป็นพระอรหันต์ทีเดียว เป็นพระพุทธเจ้าอรหันต์ เวลาไปนิพพานไม่ต้องถอดสักกายหนึ่ง กายมนุษย์-กายละเอียด กายทิพย์-กายทิพย์ละเอียด กายธรรมโสดา-กายธรรมโสดาละเอียด กายธรรมสกทาคา-กายธรรมสกทาคาละเอียด กายธรรมอนาคา-กายธรรมอนาคาละเอียด กายธรรมอรหันต์-กายธรรมอรหันต์ละเอียด ไม่มีถอดกันเลย เป็นทั้งดุ้นทั้งก้อน ไปนิพพาน หมดทั้งดุ้นทั้งก้อนเลยทีเดียว นี้ที่สมภารวัดปากน้ำรบกับพระยามัชจุราช รบความแก่ความตายรบเท่านี้ แก้ให้เป็นอย่างนี้ ถ้าไม่เป็นอย่างนี้สมภารวัดปากน้ำไม่แรมราตรีที่อื่นละ ยอมตายไม่ถอยกันเลย

เมื่อการสู้รบเช่นนี้ ใครเคยได้ยินได้ฟังบ้าง? ไม่มีเลย หมดทั้งชมพูทวีป แสนโกฎิจักวาล อนันตจักวาล นิพพานถอดกายที่ไหนๆ ไม่มีเลย แล้วไม่มีใครรู้จักเสียด้วยซ้ำ นี่มารู้จักขึ้นแล้วที่วัดปากน้ำ ภิกษุสามเณร อุบาสก อุบาสิกา อยู่วัดปากน้ำก็จริง แต่ไม่รู้ว่าสมภารวัดปากน้ำทำอะไร นี่อัศจรรย์นัก อยู่กันตั้งหลาย ๑๐ ปี อยู่วัดปากน้ำทำวิชชานี้ ๒๒ ปี ๘ เดือน ๙ วัน วันนี้ไม่มีใครรู้ว่าทำอะไร รู้แต่นิดๆ หน่อย รู้จริงจังลงไปไม่มี มีผู้ที่ทำวิชชาด้วยกัน รู้จริงเห็นจริงกันลงไปทีเดียว ทำอยู่ทุกๆๆวัน นั่นละก็เห็นจริงทำจริง นี่เป็นวิชชาลึกอย่างนี้ ถ้ารู้สึกเช่นนี้ละก็จงอุตสาห์ ว่าตั้งแต่นี้ไปเราจะช่วยเหลือแก้ไข ด้วยประการใดประการหนึ่ง ท่านรบศึกสำคัญอย่างนี้ ถ้าได้ชัยชนะละก็ เราชนะด้วย ถึงเราไม่ได้ทำเลยเราก็ชนะด้วย ถ้าได้สำเร็จเราก็สำเร็จด้วย เราต้องสนับสนุนทางใดทางหนึ่ง ให้สมควรทีเดียว พวกที่เป็นแล้วตั้งใจแน่วแน่ ว่าตั้งแต่วันนี้ไป เราไม่ถอยหละ เกิดมาเราพบวิชชานี้ เราจะต้องสู้ อย่างอื่นสู้ไม่ได้ทั้งนั้น เราจะหันสู้วิชชานี้สุดฤทธิ์สุดเดช เอาให้ถึง หมดเจ็บ หมดแก่ หมดตาย ของพญามารให้ได้ ให้ พญามาร แพ้ ให้ได้ พญามาร แพ้ เด็ดขาดเมื่อเวลาไร เวลานั้นหมดทุกข์ในโลกเท่าปลายผมปลายขนก็ไม่มี หมดแก่ หมดเจ็บ หมดตายในโลกเท่าปลายขนปลายผมก็ไม่มี มีความสุขยังกับท้าวสวรรค์ หรือเหมือนกับท้าวพรหม หรือเหมือนกับพระนิพพาน สุขขนาดนั้น เป็นสุขสำราญขนาดนั้น

นี่แหละที่แสวงหาความสุขกันในโลก ในเวลานี้ทุกชาติ ทุกภาษา หาความสุขใส่ชาติ ใส่ภาษาของตัวทั้งนั้น อิจฉาริษยากัน เบ่งกันเต็มฤทธิ์เต็มเดช ประหัตประหารซึ่งกันและกัน ใครมีกำลังมากก็กดขี่คนมีกำลังน้อยลงไป บังคับกำลังน้อยให้อยู่ใต้อำนาจเสีย ที่ทำกันอยู่ทั้งวันทั้งคืน ทั้งชมพูทวีป แสนโกฎิจักวาล อนันตจักวาลทำกันอยู่อย่างนี้ แม้จะเป็นมนุษย์ก็ต้องทำอย่างนี้ แม้จะไปเป็นเทวดาก็ไปเป็นอย่างนี้ จะไปเป็นพรหมก็ทำอย่างนี้ จะไปเป็นอรูปหรหมก็เป็นอย่างนี้ จะไปเป็นนิพพานแล้วก็ทำอย่างนี้เหมือนกัน พระพุทธเจ้าในนิพพานไม่ได้หยุดเลย ทำอยู่อย่างนี้ กำลังผจญกับพญามารไม่ได้หยุดเลย ทำอยู่อย่างนี้ กำลังผจญกับ พญามาร ไม่ได้หยุดเลย วินาทีอนุวินาทีก็ไม่ได้หยุด ต้องทำนิโรธ ดำเนินนิโรธเสมอ ให้ละเอียดอ่อนไว้ ถ้าว่าละเอียดไม่ทัน เขาก็บังคับเสีย หยาบกว่าเป็นถูกบังคับ ถูกความแก่บังคับบังคับไม่ให้รู้ด้วย บังคับในไส้ ไส้ธาตุไส้ธรรม เห็นจำคิดรู้ ต้องใช้ญาณบังคับหมด

เมื่อปรากฏตัวว่าเป็นทาส พญามาร อยูเช่นนี้ ก็ต้องช่วยรีบเปลื้องตัว ต้องรีบพยายามแก้ตัวถ้ารีบพยายามแก้ตัวให้พ้นไปเสียได้ ก็จะไม่ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตาย เอาความชนะเสียให้ได้

พญามาร ไม่ได้เว้นผู้หนึ่งผู้ใดให้เหลือ เพราะเหตุนั้นผู้มีปัญญา เป็นคนฉลาดจะทำอย่างไรในเวลานี้ เมื่อทราบชัดประโยชน์ของตนแล้ว ผู้ทรงปัญญาควรตั้ง ความเชื่อในพระพุทธเจ้าควรตั้งความเชื่อลงในพระธรรมนั้น ตั้งลงไปตรงไหน? ผู้ที่ไม่เป็นธรรมกายก็ตามกันหมด ไม่รู้จะตั้งตรงไหน? ตั้งไม่ถูกแล้ว เราจะตั้ง ความเชื่อในพระพุทธเจ้า ควรตั้งความเชื่อลงในพระธรรมนั้นตั้งลงไปตรงไหน? ผู้ที่ไม่เป็นธรรมกายก็ตามกันหมด ไม่รู้จะตั้งตรงไหน? ตั้งไม่ถูกแล้วเราจะตั้งให้ถูกมันก็ไม่ถูก หลบไปหลบมาอยู่นั่นแหละ แล้วทำไงอยู่ละคราวนี้ นับถือพระพุทธศาสนาภิกษุก็ดี สามเณรก็ดี อุบาสิกาก็ดี ว่าตั้งใจลงไปในพระพุทธเจ้าแล้วจะเอาใจไปจดตรงไหนละ? ถึงจะถูกพระพุทธเจ้า? เอาใจไปจดตรงไหนถึงจะถูกพระธรรม? เอาใจไปจดตรงไหนถึงจะถูกพระสงฆ์?"

จากพระธรรมเทศนาพระมงคลเทพมุนี เรื่อง "ปัพพโตปมคาถา" วันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๔๙๗



#16 ใสแจ๋ว

ใสแจ๋ว
  • Members
  • 49 โพสต์
  • Interests:ใสในใส ดับหยาบไปหาละเอียด

โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 12:29 PM

ลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากในหนังสือคู่มือสมภาร ดูนะครับ

http://www.kalyanami...book_sompan.htm

#17 ลูกพระธัมฯ Merry Ma

ลูกพระธัมฯ Merry Ma

    The STRONGEST is the GENTLEST!!!

  • Members
  • 891 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Bangkok, Thailand

โพสต์เมื่อ 24 April 2006 - 06:56 PM

คุณใสแจ๋วคะ ลิ้งค์เปิดไม่ได้ค่ะท่าน

น้องฟ้าร้าง ช่วยเคลียร์ลิ้งค์ให้หน่อยค่ะ อยากได้อ่านดูค่ะ
thanks
The Strongest is The Gentlest!

ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด

#18 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 25 April 2006 - 02:28 AM

ถ้างั้นผมช่วยเปิดให้ครับ
=> http://www.kalyanami...k.asp?bookid=50


#19 nut33

nut33
  • Members
  • 142 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Bangkok
  • Interests:http://www.dhammakaya.tv
    http://www.dhammakaya.biz

    android Application ธรรมกาย
    https://play.google.com/store/apps/details?id=com.conduit.app_96f25c33fb1b4867b3b98cc85a26a854.app

โพสต์เมื่อ 25 April 2006 - 10:25 AM

ปวดหมอง นั่งสมาธิ กันนะ
ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
http://www.dhammakaya.tv

#20 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 25 April 2006 - 02:24 PM

สาธุกับคุณ xlmen ด้วยนะครับ ผมเองก็อยากจะตอบทำนองนี้ แต่คุณ xlmen ได้ตอบถ้อยคำน่าอนุโมทนาไปก่อนเสียแล้ว

แปลกจัง มีหลายๆ เรื่อง ก็เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกๆ คนอยู่แล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะอยู่ใกล้ตัวเกินไป เราจึงไม่ใคร่ได้คิดกัน เช่น แสงสว่างกับความมืด เมื่อแสงสว่างเกิดขึ้นความมืดนั้นหายไปไหน แสงสว่างมาฆ่าความมืดหรือเปล่า แสงสว่างมีเวรมีกรรมกับความมืดหรือเปล่า แสงสว่างกับความมืดอยู่ร่วมกันอย่างสันติไม่ได้หรือ

คำตอบคือ ธรรมชาติของแสงสว่างกับความมืดย่อมอยู่ร่วมกันอย่างสันติไม่ได้อยู่แล้วใช่มั้ยครับ ทั้งแสงและความมืดก็ไม่ได้มีเวรต่อกัน และไม่ได้ฆ่าฟันกัน แต่อยู่ร่วมกันไม่ได้ เท่านั้นเอง
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#21 real

real
  • Members
  • 33 โพสต์
  • Location:yeah
  • Interests:yeah

โพสต์เมื่อ 26 April 2006 - 10:33 PM

เรื่องพระกับมาร แม้แต่ ในสมัยพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังทรงพยายามไม่พูดถึง...
ถ้าจะให้ ผม หรือ ไครๆ ในนี้ตอบ ผมว่า ก็คงได้แค่ เป็นเพียงการแสดงความคิด ด่นเดา สัณนิษฐาน
เพราะเรื่องนี้มันลึกเกินไป ถ้าอยากรู้เรื่องจริง ตอนนี้ ขอแนะนำว่า ต้องฟังจากครูไม่ใหญ่ คนเดียวเท่านั้น

#22 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 03 May 2006 - 09:27 PM

QUOTE
ถ้าอยากรู้เรื่องจริง ตอนนี้ ขอแนะนำว่า ต้องฟังจากครูไม่ใหญ่ คนเดียวเท่านั้น

ฟังอย่างเดียวไม่พอ ต้องน้อมนำมาปฏิบัติให้รู้แจ้งเห็นจริงด้วยปัญญาของตัวเองด้วยนะครับ เพราะพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาที่สอนให้เชื่อในปัญญาอันเกิดจากการตรัสรู้ที่มีในตนครับ


#23 glouy

glouy
  • Members
  • 162 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 May 2006 - 07:27 AM

แจ่ม สว่าง ชัดใส

#24 พักผ่อน

พักผ่อน
  • Members
  • 422 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 10 May 2006 - 04:06 AM

ถ้าอยากได้คำตอบจริง ๆ สามารถตอบในเชิงวิทยาศาสตร์ได้ครับ เพราะวิทยาศาสตร์ใช้เห็น จำ คิด รู้ของกายมนุษย์ในการค้นคว้า ถึงแม้จะยังไม่ใช่ที่สุดของคำตอบ แต่ก็ทำให้เราเข้าใจได้ง่ายกว่าความรู้ที่เกิดจากวิชาที่ละเอียด ๆ ครับ แต่อาจทำให้คิดมากกว่าเดิม เพราะว่าวิชาวิทยาศาสตร์มันทำให้ใจละจากนิวรณ์คือความสงสัยไม่ได้น่ะครับ

#25 บารมีธรรม

บารมีธรรม
  • Members
  • 212 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 19 July 2006 - 03:10 AM

ขอตอบเรื่องนี้เท่าที่ควรนะครับ
1.ผู้ที่จะตอบและรู้เรื่องนี้ได้ต้องเป็นวิชาธรรมกายขั้นสูงเท่านั้น
2.เป็นเรื่องละเอียด ยาก และโพสต์ในบอร์ด ไม่เหมาะสม
3.หากต้องโพสต์กันจริงๆ ก็ต้องตอบกันแบบย่อซึ่งผู้อ่านต้องมีความรู้มากมาก่อน เช่น
ต้องรู้เรื่องอายาตนะนิพพาน, ธาตุธรรม, ผู้ปกครองใหญ่, ผู้ปกครองย่อย, พระพุทธเจ้าภาคโปรด, พระพุทธเจ้าภาคปราบ ฯลฯ

ผมเองไม่อยู่ในฐานะที่จะตอบเรื่องนี้ได้โดยกระจ่าง
แต่จะแจ้งแหล่งสืบค้นและรายชื่อตำราให้ โดยผ่านทาง email เท่านั้นครับ เพื่อศึกษา
เรื่องมาร พญามาร ก็เห็นมีการตั้งใจปราบกันก็ยุคหลวงพ่อสด (พระมงคลเทพมุณี หลวงพ่อวัดปากน้ำ)นี้ครับ
ท้ายนี้ในพระไตรปิฎกกล่าวไว้น้อยมากครับ

#26 คนรักวัด

คนรักวัด
  • Members
  • 626 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 September 2006 - 08:42 AM

ควรจะนั่งธรรมะจนเข้าถึงพระธรรมกายจนได้ก่อนแหละครับ น่าจะดีที่สุด "

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ

เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก

Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain

#27 เด็กใจใส

เด็กใจใส
  • NoWebboard
  • 22 โพสต์
  • Interests:ที่สุดของที่สุดของการได้รู้แจ้ง เห็นแจ้ง

โพสต์เมื่อ 14 September 2006 - 12:55 PM

แค่จินตนาการเล่นๆ ดู นะ
เพราะชอบจินตนาการเล่นๆดู เรื่องมารทั้งหลายนี้จะได้ดูไม่เครียด

ก็ใครละหยุดใด้กายพระธรรมกายเก่าๆแก่ๆกว่า ก็ไปเอาบุญของธรรม มาประมวลรวมกัน แล้วset program แก้ไข ป้องกัน ปราบ ฝ่ายอธรรม
ก็ใครละหยุดใด้กายอธรรมกายเก่าๆแก่ๆกว่า ก็ไปเอาบาปของอธรรม มาประมวลรวมกัน แล้วset program แก้ไข ป้องกัน ปราบ ฝ่ายธรรมมะ

ใครเขียนโปรแกรมได้สุดยอดกว่า มนุษย์ก็ต้องอยู่ในโปรแกรมนั้น

อยากให้หลวงพ่อ และทีมงาน set program เอาโปรแกรม สมบัติจักรพัดิ์ มาใช้เร็วๆ มาบังคับให้มนุษย์ทุกคนรวยกันทั่วโลก ข้าพเจ้าคิดว่า ท่านคงรอพวกเราทั่วโลก มา สร้างงานหยาบ ของท่านให้หมดไป โดย ให้สร้างมหาทานบารมี กันมากๆ นั่งสมาธิกันมากๆ รักษาศีลกันมากๆ จนคล้ายเป็น แฟชั่นทั่วโลก ที่ทุกคนต้องทำ คล้ายกับ ใครๆ ก็ต้องกินอาหาร ไม่กินไม่ได้ อะไรประมาณนี้

เพราะโปรแกรม มนุษย์ต้องเกิดมาทำมาหากินนั้น ไม่ทำไม่ได้ ทำแล้วต้องใจหมองทุกอาชีพ ของพญามารนี้ มันเขียนโปรแกรมได้สุดยอดจริงๆ แต่โปรแกรมนี้เปรียบเสมือนสุนัขลอบกัดมนุษย์ และโปรแกรมนี้มันดังได้อีกไม่นานเท่านั้น เพราะถ้ามนุษย์ หยุดใจได้กันมากๆ ก็ไม่มีใครถูกโปรแกรมมันบังคับได้แล้ว ก็กลายเป็นแค่ แฟชั่น หมดสมัยไม่มีใครเขานิยมกัน

ข้าพเจ้าอยากทำเองจังเลยโปรแกรมสมบัติจักรพัดิ์นี้ แต่ทำไม่เป็น เพราะยังหยุดใจไม่ได้
ทุกวันนี้ข้าพเจ้าไม่อยากคิดทำมาหากินแล้วเพราะ ทุกอาชีพที่เคยทำ ทำอยู่ และมีอยู่ในโลก ล้วนต้องมีใจหมองเป็นผลพลอยได้ซ่อนอยู่ทั้งนั้น อยากหยุดใจทำใจให้ใสให้ได้อย่างเดียว จะได้ไปถามพระธรรมกายว่าผมควรทำอาชีพอะไรดีที่มนุษย์ในโลกควรทำ

ก็จินตนาการเล่นๆ ไปก่อน ว่า อยากทำอาชีพ เปิด พุทธบริษัท ธรรมกายโปรแกรมเมอร์ จำกัด (มหาชน)แบบไม่จำเป็นต้องเข้าตลาดหุ้น โดยให้มหาปูชนีย์จารย์ทั้งหลาย เป็นที่ประธานที่ปรึกษาสูงสุด โดยมีวัตถุประสงค์ดังนั้

-สร้างโปรแกรมทำลาย โปรแกรมผังของมารหมด โดยเอาversion ธรรมะของมหาปูชนีย์จารย์ทั้งหลายที่ท่านบรรลุแล้ว มาพัฒนาประสิทธิภาพในการทำลายล้างแบบรุนแรงละเอียดลึกซึ้งยิ่งๆขึ้นไป มาเป็น verion ย่อยๆ
-สร้างโปรแกรมป้องกัน โปรแกรมของมารโจมตี คล้าย antivirus ใน computer

-สร้างโปรแกรมสร้างความสุขที่เป็นอมตะให้มนุษย์ คล้ายๆโปรแกรม สมบัติจักรพัดิ์

-สร้างโปรแกรมธรรมะและเกมส์ธรรมะ เพื่อฝึกให้ ยิ่นเล่นยิ่งรวย ยิ่งเล่นยิ่งหยุดเร็วขึ้น ยิ่งสุขมากขึ้น และมี อนุภาพ บุญ บารมี รัศมี กำลังฤทธิ์ อำนาจ สิทธิเฉียบขาดมากขึ้นแบบสุดๆ

-ฯลฯ

บริษัทนี้ น่าจะดังกว่า microsoft แน่นอน บิลเกต คง งง และตกงานและขายของไม่ได้ อย่างแน่นอน หากไม่มาร่วมหุ้นกับ บริษัทนี้
และเจ้าของที่บริหารบริษัทนี้ ไม่มีใครผูกขาด เพราะเปลียนผู้บริหารโดยพิจารณาจาก พนักงานหรือหุ้นส่วนที่หยุดใจและมีผลงานได้มากกว่ามาเป็นผู้บริหาร ถ้าแบบนี้ บริษัทนี้คงมีเจ้าของและหุ้นส่วนที่เป็นพนักงานเป็น ล้านๆ แน่นอน และเป็นบริษัทที่เปิดยาวนานเป็นพันปี อย่างนี้สิถึงจะเรียก มหาชนเป็นอมตะ อย่างแท้จริง

เพราะกว่าจะไปถึงที่สุดแห่งธรรม เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ก่อนจะไปถึงก็มาแลกหมัดกับมารกันหน่อยดีกว่า จะได้มีอะไรสนุกๆทำ

ถ้าหยุดใจได้แล้ว มาเจอกันนะมารผู้ set program ทั้งหลาย คงจะมันส์ สุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ







#28 เด็กใจใส

เด็กใจใส
  • NoWebboard
  • 22 โพสต์
  • Interests:ที่สุดของที่สุดของการได้รู้แจ้ง เห็นแจ้ง

โพสต์เมื่อ 15 September 2006 - 09:38 AM



ผู้ที่อ่านจินตนาการของข้าพเจ้าแล้วอย่า คิดเอาเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจัง จนตัวเองใจหมองนะครับ เพราะแค่ เป็นจินตนาการของเด็กๆอย่างข้าพเจ้าเท่านั้น ต่างคนย่อมมีจินตนาการของตัวเองได้ เพื่อความบันเทิงเฉพาะบุคคลที่มีจินตนาการคล้ายๆกัน คล้ายๆกับ การ์ตูน ทุกเรื่อง ย่อมมีคนชอบและไม่ชอบ อะไรประมาณนี้
เพราะข้าพเจ้าไม่เคยกลัวใครแม้แต่พญามารพญาแมวทั้งหลาย แต่กลัว ตัวเองและเพื่อนๆมนุษย์ทั้งหลายที่รู้ความจริงแล้วผิดสัญญาตัวเองที่จะหยุดใจให้ได้ภายในชาติปัจจุบันนี้ มากที่สุด และทุกๆชาติ จนถึงสุดแห่งธรรม



#29 คนรักวัด

คนรักวัด
  • Members
  • 626 โพสต์

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 10:39 AM

สาธุ
อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ
โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตนา หิ สุทนฺเตน
นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ . . . ฯ ๑๖๐ ฯ

เราต้องพึ่งตัวเราเอง
คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
บุคคลผู้ฝึกตนดีแล้ว
ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้แสนยาก

Oneself indeed is master of oneself,
Who else could other master be?
With oneself perfectly trained,
One obtains a refuge hard to gain

#30 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 June 2007 - 07:02 PM

มารนั้น............................คืออุปทานในขันธุ์ห้า
มารนั้นคือคิด....................อภิจินตนาการ เว่อร์เกินจริงนั่น
มารนั้นคือห้วงน้ำภพภูมิ........ที่ชอบหลงทาง ติดข่ายมารกัน
มารนั้น คืออุปทาน..............ตัณหากิเลส ผู้สร้างวัฎฏะทุกข์ซุกกาย อยู่ภายในเรา?
มารสุดท้าย.......................คือเวลามัจจุราช
ฆ่าอริยะมรรค...................ดับชีวิต ก่อนถึงโลกุตระธรรมนั่น
มารทุกมารกลัว................สัมมาสติโพธิปัญญา เพียรฝึก กำหนดรู้ทุกขณะจิตที่ ตนหายใจกัน
สักกี่มาร.........................บ่เท่าความคร้านไม่พากเพียร ประมาทในสังขารธรรมฯ
อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ สาธุๆๆ