ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ศพไม่สลาย


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 21 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 05:15 PM

พระดัง ๆ ตามที่กล่าวมานี้มี
- พระมหากัสสปะ รอเผาสรีระร่างในสมัยพระศรีอาร์ย
- หลวงพ่อวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
- หลวงปู่เทพโลกอุดร
- หลวงพ่อพูน วัดไผ่ล้อม


ท่านมีปฏิปทาอย่างไร เมื่อมรณะภาพแล้วศพไม่เน่าเปื่อยสลายยังคงอยู่ในโลงแก้ว

#2 CEO

CEO
  • Members
  • 577 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย

โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 05:35 PM

QUOTE
พระมหากัสสปะ รอเผาสรีระร่างในสมัยพระศรีอาร์ย

แล้วสรีระร่างของท่านตอนนี้อยู่ที่ใดครับ

สร้างบารมีทุกวินาที
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้

#3 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 05:59 PM

สรีระขอบท่านอยู่ภายในหุบเขาครับ (แต่ชื่ออะไรนี่ ผมลืมไปเสียแล้ว ช่วยผมตอบหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ)

#4 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 07:02 PM

พระอุปคุต ปราถนาพุทธภูมิ เหรอ

เจอมา เลยเอามาแจกกันอ่าน

พระอุปคุต
เป็นพระสมัยพุทธกาล พ่อชื่อสิริคุตต์
เดิม เคยปรารถนาพุทธภูมิ มีบารมีสะสมมามาก แล้วมาตัดปลายในช่วงพุทธกาลพอดี บริวารท่านมีมากกว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาก ในช่วงที่ท่านลาพุทธภูมินั้น บริวารส่วนมากของท่านไม่ได้เกิดอยู่รวมกัน

ท่านเป็นศิษย์พระมหากัสสปะ ในการสังคายนาครั้งที่หนึ่งนั้น ท่านถูกเลือกเป็น1ในพระอรหันต์500รูปที่เข้าสังคายนา และได้รับมอบหมายให้ทำกิจต่ออายุพระศาสนา การงานที่ท่านต้องทำจริงๆนั้น จะตกอยู่ราวช่วงกึ่งอายุพระศาสนา เพราะอย่างนั้น ท่านจึงต้องได้ใช้อิทธิบาท๔ รักษาอายุไว้เพื่อทำกิจพระศาสนา

นอกจากท่านพระอุปคุตแล้ว ก็ยังมีพระสาวก ที่เป็นพุทธภูมิที่ลาแล้ว บารมีตัดปลายอีกหลายคณะ(แต่กลุ่มพระอุปคุต เป็นกลุ่มใหญ่ที่สุด) ตั้งแต่สมัยพุทธกาล สมัยพระเจ้าอโศก เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ที่พากันรอช่วยกันทำกิจต่ออายุพระศาสนา

พระภิกษุสงฆ์กลุ่มนี้ มีพฤติกรรมลึกลับ ไม่มีใครรู้ร่องรอย ความเป็นอยู่เป็นไปของท่าน ไปมาลึกลับ มีหลายองค์ที่ถูกขนานนามว่า เป็นหลวงปู่เทพโลกอุดร ซึ่งโดยที่แท้แล้ว นามว่า หลวงปู่เทพโลกอุดรที่โลกร่ำลือกันนั้น ไม่อาจเจาะจงได้ว่าคือองค์ใดองค์หนึ่ง

องค์ไหนที่มีพฤติกรรมลึกลับด้วยเดชแห่งอภิญญา ทำอภิญญาให้ปรากฏแก่โลก โลกก็ขนานนาม เหมาเป็นหลวงปู่เทพโลกอุดรเสียทั้งหมด.....หลวงปู่เทพโลกอุดร จึงมีทั้งที่เป็นพระโพธิสัตว์และพระอรหันต์ แต่กำหนดแน่นอนไม่ได้ ไม่มีใครอาจจักผูกขาดได้ในนามนี้ คล้ายอย่างเรื่องพระมาลัย

พระอุปคุต ก็เป็นอีกองค์หนึ่ง ที่ถูกขนานนามว่า เป็นหลวงปู่เทพโลกอุดร เช่นกัน ตามปากของโลก

เมื่อถึงเวลาอันควร กลุ่มพุทธภูมิบารมีตัดปลายเหล่านี้ประมาณ24คณะก็จะออกมาเป็นครูสอนโลก เพราะความที่ท่านเป็นพระอภิญญา ท่านจึงสอนอภิญญาแพร่หลายไป ในยามนั้น คนจะเหาะกันเป็นว่าเล่น เหมือนอย่างที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำกล่าวไว้

สถานที่อยู่ของพระอุปคุต ก็คือ ที่เก็บศพพระมหากัสสปะ
ในวงพระป่า เขาเรียกเขานี้ว่า เขาตีนไก่ คือ เป็นภูเขาที่มีสามแฉกสันฐานคล้ายลายตีนไก่

ในวงพระป่าเล่ากันไว้ว่า ใครใคร่พบผู้ทรงอภิญญา ให้ดั้นด้นค้นหาเขาตีนไก่นี้ให้เจอ ณ ที่เขาตีนไก่นี้เอง ที่เหล่าพระและโยมผู้ทรงอภิญญา พากันไปซ่องสุมอยู่รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ แต่ แม้จะมีคำเล่าลือ ก็ไม่มีใครระบุได้ว่า เขาตีนไก่อยู่ที่ไหน คือเขาลูกไหน มีหลายองค์สันนิษฐานว่า เป็นเขาเทือกหนึ่งทางฝั่งลาว แถบภูเขา แต่ก็แค่คำเดา (ที่ว่าอยู่แถบภูเขา ก็เพราะภูเขา ยังเป็นภูเขาอาถรรพ์อยู่ มีเรื่องราวแปลกๆมาก ในเขาเทือกนี้)

แต่ ได้ยินหลวงพ่อฤาษีลิงดำกล่าวว่า ที่เก็บศพพระมหากัสสปะอยู่ทางตอนเหนือของไทย แถวที่เรียกว่าเชียงตุง หรือไงนี่ล่ะ.... ก็ตอนที่พระมหากัสสปะจะละร่างกายนี้นั้น ท่านได้อธิษฐานให้ภูเขาสามลูกเข้าโอบกันปกปิดศพท่านไว้.... นี่ล่ะ เขาตีนไก่...

ที่เขาตีนไก่นี้ จะมีอาการคล้ายเรื่องภูเขาอิสิคิลิ ที่พระพุทธเจ้าเล่า คือ ภูเขาอิสิคิลิ นี้ เป็นที่เข้าที่ออกของเหล่าพระปัจเจกพุทธเจ้า เวลาพระท่านเข้าท่านออก ชาวบ้านไม่เห็นทางเข้าทางออก เห็นแต่ว่า พระท่านหายเข้าหายออกที่ตรงนั้น จึงตั้งชื่อเขาลูกนี้ว่า อิสิคิลิ คือ เขาที่พระฤาษี(อิสิ)หายไป..... ที่ๆเก็บศพพระมหากัสสปะก็เช่นกัน เหล่าพระอรหันต์ขีณาสพและท่านผู้ทรงอภิญญาทั้งหลาย ก็เข้าออกด้วยนัยอย่างนั้น คนอื่นแลดู ก็จะเห็นว่า นักบวชเหล่านี้ หายไป ณ ที่แห่งนั้น เป็นอัศจรรย์ แต่ก็ไม่อัศจรรย์
มีหลายองค์สันนิษฐานว่า เป็นเขาเทือกหนึ่งทางฝั่งลาว แถบภูเขาควา ย.. แต่ก็แค่คำเดา (ที่ว่าอยู่แถบภูเขาควา.ย. . ก็เพราะภูเขาควา.ย ยังเป็นภูเขาอาถรรพ์อยู่ มีเรื่องราวแปลกๆมาก ในเขาเทือกนี้)

ส่วนวิธีเป็นศิษย์พระอุปคุต ก็

ตั้งใจทำกรรมฐาน นั่งสมาธิ เจริญกรรมฐานทั้ง๔๐กอง ให้ได้อภิญญา ในทุกค่ำเช้าในช่วงที่กำลังฝึกอยู่(ยังไม่ได้อภิญญา) ก็ให้อธิษฐานถึงท่าน เมื่อได้อภิญญาแล้ว ก็ให้ไปไต่ถามพระอินทร์ถึงสถานที่เก็บศพพระมหากัสสปะ แล้วไปสู่ที่นั้น ไต่ถามพระภิกษุแถวหลุมศพพระมหากัสสปะนั้นล่ะ ว่า องค์ไหนคือพระอุปคุต? เจอแล้วก็ลองขอเป็นศิษย์ท่านดู

สมัยจากหลังพระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว สมัยพระเจ้าอโศก มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ท่านปราบทิฏฐิพญามารที่มาพจญพระพุทธเจ้า เป็นคู่ปรับกัน น่าจะเคยปรารถนาพุทธภูมิ ตอนนี้อยู่ที่สะดือสมุทร รอพระศรีอารย์ ให้เห็นเพศสมณะ ทำให้พระศรีอารย์ออกบวช

http://www.palungjit...p?threadid=1263
QUOTE
สถานที่อยู่ของพระอุปคุต ก็คือ ที่เก็บศพพระมหากัสสปะ



ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#5 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 07:15 PM

ได้ยินมาว่า พระอุปคุตเถระท่านเข้านิโรธอยู่ที่ สะดือทะเลครับ แล้วมันอยู่ตรงไหนครับ




#6 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 07:21 PM

อิสานดินแห้ง ภาคกลางน้ำแล้ง ภาคใต้คลื่นถล่ม เรือล่ม ฆ่ารายวัน ภาคเหนือ หนาวกระหน่ำ น้ำหมด อะไรกันหนักหนา ...

ชลบุรี อุดมสมบูรณ์ ใครๆ ที่เข้ามาอยู่ต่างร่มเย็นเป็นสุข ทำมาหากินคล่อง อยู่ เมืองชลไม่มีจนถ้าขยัน

พระท่านว่า "ปฏิรูปะเทสะวา โสจะ" อยู่ในที่ที่อันควร เป็นมงคลอันอุดม ชลบุรี มีประชากรราวๆ หนึ่งล้านสองแสนคน (ที่มีสำเนาทะเบียนบ้าน) แต่มีประชาชนมาอาศัย ทำมาหากิน พักพิง หลบร้อน ซ่อนเร้น อีกราวเจ็ดแสนคน (ประมาณเอา ผมไม่ได้ไปนั่ง นับรายหัว) คนเหล่านี้ อาศัยแผ่นดินแม่ของชาวชลบุรีซุกหัว หาประโยชน์ อิ่มหมีพีมัน ชุ่มฉ่ำ ชื่นใจ กันไปทั่ว

ชลบุรี จึงเป็นเมืองแห่งสันติ ร่มเย็น สงบสุข สถานที่ตั้งก็พอเหมาะพอสม อยู่ฝั่ง ทะเลตะวันออก ห่างจาก กทม.ประมาณ 70 กม.ไม่ใกล้ ไม่ไกล ด้านตะวันออก สุดของ เขตเมืองเป็นแหล่งเกษตรกรรม ด้านตะวันตกและด้านใต้ติดทะเลไทย เป็นแหล่งท่อง เที่ยว แหล่งอุตสาหกรรม แหล่งการขนส่ง และอาชีพประมง

เมื่อ 26 ธันวาคม 2547 เกิดคลื่นมหันตภัย "ซึนามิ "ถล่มบ้านเรือนทรัพย์ทรัพย์ สินและชีวิตมนุษย์มากมายทางใต้ อย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในเมืองไย

ต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2548 เกิดข่าวลือ คลื่นยักษ์จะถล่มหาดบางแสน พ่อค้า แม่ ขาย หายเกลี้ยงหมด ทั้งหงอย ทั้งเหงา ไปตลอดสัปดาห์

12 มีนาคม 2548 ข่าวปล่อยว่าจะเกิดราหูอมเมือง ลางร้าย อัปมงคล งดกิจกรรม ใดๆ (ว่ากันว่า แม้รัฐบาล ยังต้องฟัง)

ทำนายทายทัก ลือกันว่าน่าจะเกิดลักษณะเช่นนี้อีก เพราะเชื่อกันว่า ภายใต้โลก ของเรามีปลาอานนท์หนุนอยู่ สักระยะเวลาหนึ่ง ท่านปลาเกิดเมื่อยเนื้อเมื่อยตัวขึ้นมา ก็ จะพลิกตัวเสียทีหนึ่ง แผ่นดินก็สะเทือนเลื่อนลั่น น้ำทะเลเดือด เกิดคลื่นใหญ่

บ้างก็ว่า โลกเรานี้มีสะดือทะเลอยู่ตรงใจกลางโลก เป็นที่อยู่ของพระนารายณ์ ใน ทางวรรณคดี มีความเชื่อปรากฏใน รำพันพิลาป ของกวีเอกสุนทรภู่ กล่าวถึง สะดือทะเล ไว้ว่า
…ออกลึกซื้งถึงชื่อสะดือสมุทร
เห็นน้ำสุดสูงฟูมดังภูมิผา
ดูพลุ่งพลุ่งวุ้งวงหว่างคงคา
สุดนาวาเวียนวนไม่พ้นไป
เรือสินค้าวานิชไม่ชิดเฉียด
แล่นก้าวเสียดเลียดลำตามน้ำไหล
แลทะเลเภตราบ้างมาไป
เห็นไรไรริ้วริ้วเท่านิ้วมือ…

สุนทรภู่มีประสบการณ์เดินทางทางทะเล ผ่านบางปลาสร้อย ผ่านอ่างศิลา ผ่าน บางพระ เกาะสีชัง เพื่อกลับไปบ้านกล่ำ เมืองแกลง จังหวัดระยอง จินตนาการของท่าน ในเรื่องสะดือทะเล หรือทะเลสมุทร มีมาแต่กาลก่อน เป็นภาพในความคิดที่มีความผูก พันเกี่ยวกับความเป็นไปของโลก (ไม่ทราบว่าท่านสุนทรภู่คิดว่า โลกใบนี้กลมหรือแบน) ซึ่งมีอิทธิพลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์มาจนทุกวันนี้

พูดถึงสะดือ ก็มีเรื่องที่จะพูดต่อว่า สะดือของคนเรานั้นตั้งอยู่ตรงกึ่งกลางลำตัว ของเราพอดี (หากไม่เชื้อลองถอดเสื้อผ้าแล้ววัดดูเอาเอง) อะไรๆ ที่อยู่ตรงกลาง เราเลย เหมาเอาหมดว่าเป็น "สะดือ" เช่น สะดือของมนุษย์ สะดือเมือง สะดือทะเล หรือสะดือ สมุทร ผมเองก็ไม่เคยเห็นสะดือเมือง สะดือทะเล เคยเห็นแต่สะดือตัวเอง แต่สะดือของ คนอื่นไม่สามารถไปเปิดดูได้ เดี๋ยวจะโดนข้อหาละเมิด ที่เคยเห็นบ่อยๆ เห็นจะเป็นสะดือ ของดาราทีวี ดารางหนัง นางแบบวัยต่างๆ แย้มให้ดูอย่างจงใจ ยิ่งแฟชั่นสมัยปัจจุบันนี้ เปิดสะดือโชว์กันอย่างโจ๋งครึ่ม ประดับประดาด้วยแก้วแหวนเงินทอง เพชรพลอย เสีย ด้วยซิ งามแปลกๆ ไปอีกแบบ พอมองเห็นอยู่

จินตนาการของท่านสุนทรภู่ สะดือทะเล น่าจะอยู่ไม่ไกลนักจากชลบุรี น่าจะอยู่ แถวๆ เลยไปทางใต้ของอ่าวไทยนี่แหละ (เพราะใกล้เส้นศูนย์สูตร) วันดีคืนดีเมื่อไร ปลา อานนท์จะพลิกตัว หรือไม่พระนารายณ์จะกวนสมุทรเสียทีหนึ่ง ทะเลจะบ้าคลั่ง ยิ่งเมือสะ ดือทะเลเปิดตัว ดูดน้ำทะเลเข้าและพ่นออกมา จะเกิดคลื่นยักษ์ถาโถมซัดเข้าชายฝั่ง ยัง ความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินอีกครั้ง … เชื่อไว้บ้างก็ดี ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ….

โดย รศ.เชาวน์ มณีวงษ์
QUOTE
รำพันพิลาป ของกวีเอกสุนทรภู่ กล่าวถึง สะดือทะเล ไว้ว่า
…ออกลึกซื้งถึงชื่อสะดือสมุทร
เห็นน้ำสุดสูงฟูมดังภูมิผา
ดูพลุ่งพลุ่งวุ้งวงหว่างคงคา
สุดนาวาเวียนวนไม่พ้นไป
เรือสินค้าวานิชไม่ชิดเฉียด
แล่นก้าวเสียดเลียดลำตามน้ำไหล
แลทะเลเภตราบ้างมาไป
เห็นไรไรริ้วริ้วเท่านิ้วมือ…

สุนทรภู่มีประสบการณ์เดินทางทางทะเล ผ่านบางปลาสร้อย ผ่านอ่างศิลา ผ่าน บางพระ เกาะสีชัง เพื่อกลับไปบ้านกล่ำ เมืองแกลง จังหวัดระยอง จินตนาการของท่าน ในเรื่องสะดือทะเล หรือทะเลสมุทร มีมาแต่กาลก่อน เป็นภาพในความคิดที่มีความผูก พันเกี่ยวกับความเป็นไปของโลก (ไม่ทราบว่าท่านสุนทรภู่คิดว่า โลกใบนี้กลมหรือแบน) ซึ่งมีอิทธิพลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์มาจนทุกวันนี้

...
สะดือทะเลอาจจะอยู่ใกล้ๆกับอ่างศิลา บ้านผมก็ได้ครับ (เดา)


ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#7 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 07:47 PM

เรื่องที่คุณเถลิงเกียรติ เล่าให้ฟังเกี่ยวกับเรื่องพระอุปคุตถ์ นั้นน่าจะมีมูลเพราะ เคยได้ยิน
เรื่องที่ครูไม่ใหญ่เล่าในฟัง ฝันในฝันวิทยา เรื่องพระที่เจริญอิทธิบาทธรรมมีหลายรูปอยู่แถบ
เขาตีนไก่ แถวเชียงตุงพม่า และภูควาย ประเทศลาว แต่เขาตีนไก่นี้รู้สึกครูไม่ใหญ่ไม่ได้
ชี้ชัดลงไปว่าอยู่ตรงไหน จำไม่ได้จริง ๆ
หยุดคือตัวสำเร็จ

#8 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 08:16 PM

ถ้ามีใครจำเรื่องที่คุณครูไม่ใหญ่เล่าจากฝันในฝันวิทยา ตอนพระผู้สำเร็จ ก็มาช่วย
แชร์ให้ฟังบ้างนะครับ จำไม่ได้และค้นหาไม่เจอจริง ๆ

พระภิกษุผู้เป็นปูชนียบุคคล อีกสองรูปที่ผมกล่าวถึง คือหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ
และหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม เพราะเหตุใด สรีระจึงไม่ยอมเน่าเปื่อย ใครรู้ช่วยเล่าให้ฟังด้วย
ครับ ขอบคุณมาก ๆ โดยเฉพาะเรื่องสรีระไม่เน่าเปื่อย เคยได้ยินใน ฝันในฝันวิทยาแล้วแต่
จำไม่ได้ ต้องการระลึกถึงเพื่อทำจิตให้เกิดศรัทธาแนบแน่นขึ้นไปอีก

หยุดคือตัวสำเร็จ

#9 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 09:33 PM

แล้วทำไมพระสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงต้องนำไปสลายด้วยคะ อันที่จริงน่าจะสามารถอยู่ได้ตลอดไปเพื่อให้เป็นที่สักการะบูชาแก่พุทธศาสนิกชนรุ่นหลังๆ ผู้มีบารมีน้อยๆ เกิดไม่ทันยุคพุทธกาลเนอะ หรือเป็นความปรารถนาขององค์ท่าน ที่จะให้แยกส่วนไปสักการะยังที่ต่างๆ ทั้งเทวโลก(ดาวดึงส์: จุฬามณี) พรหมโลก(เจดีย์ที่เก็บเครื่องทรงก่อนออกบวช) และโลกมนุษย์คะ

#10 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 10:29 PM

QUOTE
พระภิกษุผู้เป็นปูชนียบุคคล อีกสองรูปที่ผมกล่าวถึง คือหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ
และหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม เพราะเหตุใด สรีระจึงไม่ยอมเน่าเปื่อย

ตอบ ข้อนี้ผมคงไม่กล้าฟันธงตัดสินแทนหลวงพ่อหรอกครับ ขอตอบแบบอิงรังสีเทคนิคละกันครับ คือ
ในร่างกายของมนุษย์เรานี้จะประกอบไปด้วยธาตุต่างๆ มากมาย ซึ่งก็มีธาตุที่สามารถปล่อยกัมมันตรังสีออกมาได้
ในทางวิทยาศาสตร์จะเรียกธาตุประเภทนี้ว่า ไอโซโทป (Isotope) คือ อะตอมต่าง ๆ ของธาตุเดียวกันที่มีเลขมวลต่างกัน คือ มีนิวตรอนต่างกัน เช่น โฮโดรเจน มีสารไอโซโทป คือ โปรเตียม (Protrium) ไม่มีนิวตรอน ดิวเทอร์เรียม (Deuterium) มีนิวตรอน 1 อนุภาค ไตรเตียม (Tritium) มีนิวตรอน 2 อนุภาค ไอโซโทปของธาตุบางชนิดสามารถปล่อยพลังงานนิวเคลียร์ได้ เช่น โคบอลต์ 60

รังสีมี 2 ชนิดคือ
1.รังสีที่ทำให้เกิดการแตกของประจุ (Ionizing Radiation) เป็นรังสี ที่กระทบกับสารใดๆ แล้วก็ตาม จะทำให้เกิดการแตกประจุบวก หรือ ลบทีสารนั้นๆ ซึ่งกลายเป็นมี ประจุไฟฟ้า ของสารต่างๆ นี้ จะทำให้กระบวนการ ทางชีววิทยาของ สารนั้นตามปกติ ถูกรบกวานไปด้วย รังสีชนิดนี้จัดเป็น พลังงานระ ดับสูง ที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิต โดยทั่วไปเรียกว่า กัมมันตรังสี (radioactive) จะพบว่า รังสีที่ทำให้เกิดประจุนี้ มี 2 ลักษณะ คือ เป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่มี ความถี่สูงมากเคลื่อนที่ไปลักษณะของคลื่น เช่น x-ray และรังสี แกรมม่า หรือ เป็นอนุภาค เช่น รังสีแอลฟา รังสีเบตา การได้รังสีในปริมาณในระดับสูง จะทำให้สิ่งมีชีวิตตายได้ เช่น กรณีของฮิโรชิมานางาซากิ หรือ เซอร์โนบิล รังสี ปริมาณต่ำ จะถูกใช้ในด้านการแพทย์ เช่น x-ray หรือ การฉายรังสีถนอมอาหาร

2.รังสีที่ไม่ทำให้เกิดการแตกตัวของประจุ (Non-ionizing Radiation) เป็นรังสีที่พบในชีวิตประจำวัน เช่น คลื่นวิทยุ มือถือ และโทรทัศน์ แสงอาทิตย์ วิดีโอ การฉายภาพข้ามศีรษะ สายส่งไฟฟ้า ตลอดจนการใช้ผ้าห่มไฟฟ้า แสงอุลตร้าไวโอเลตจัดเป็นรังสีที่ไม่ทำให้เกิดการแตกตัวของประจุที่มีพลังงานสูง และเป็นอันตรายต่อชีวิต ทำให้เกิดโรคมะเร็งของผิวหนัง

ดูข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องคลื่นสมองได้ที่
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=1935


การที่พระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบภายหลังท่านเหล่านั้นได้มรณะภาพแล้วศพไม่เน่าไม่เปื่อย อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการที่ร่างกายของท่านช่วงที่มีชีวิตอยู่นั้นได้มีการสะสมหรือเปลี่ยนสภาพของธาตุให้อยู่ในรูปของธาตุกัมมันตรังสีก็เป็นได้ครับ ในทางวิทยาศาสตร์ได้ยอมรับแล้วว่าผู้ที่ฝึกสมาธินั้นจะทำให้คลื่นสมองสงบในระดับลึก ในระดับคลื่นอัลฟา เบต้า และแกมม่า และเมื่อจิตสงบมากก็จะเป็นการปลดปล่อยคลื่นรังสีที่ส่งผลให้ธาตุในร่างกายมีการสะสมหรือกลายเป็นธาตุที่เป็นกัมมันตรังสีอย่างต่ำไปทำให้ศพของท่านไม่เน่าไม่เปื่อยนั่นเองครับ

QUOTE
ทำไมพระสรีระของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถึงต้องนำไปสลายด้วยคะ

ตอบ ปกติธรรมดาของสิ่งใดก็ตามที่คนเห็นว่ามีค่าไม่ว่าจะเป็นเงิน ทอง เพชร พลอย คนที่มีกิเลสก็จะมีความคิดที่
อยากจะครอบครองครับ บ้างก็แสวงหามาแบบชอบธรรม บ้างก็ใช้อธรรมเข้าสู้เพื่อช่วงชิง

การที่พระพุทธองค์ประสงค์ให้เผาพระพุทธสรีระก็น่าจะด้วยสาเหตุนี้ด้วยแหละครับ เพื่อป้องกันการแย่งชิงพุทธสรีระ
อันจะทำให้เกิดบาปและโทษกับคนที่ยังมีกิเลสอยู่ครับ และที่สำคัญคือ เพื่อประโยชน์ของมหาชนทั้งเทวดาและมนุษย์ทั้งหลายครับที่จะได้มีโอกาสสักการะบูชาพระบรมสารีริกธาตุครับ

#11 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 10:40 PM

QUOTE
ไอโซโทปของธาตุบางชนิดสามารถปล่อยพลังงานนิวเคลียร์ได้ เช่น โคบอลต์ 60

ขอแก้ไขเป็น โคบอลต์ 60 สามารถปลดปล่อยพลังงานในรูปของรังสีแกมม่า (Gamma ray) ได้ นะครับ

ท่านสามารถเข้าไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
=> http://www.oaep.go.t...iew/11/29/1/11/


#12 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 05 May 2006 - 11:04 PM

อืม.. ไม่รู้มัมมี่ใช้หลักการนี้ทำหรือเปล่า แต่สู้ของเราไม่ได้แน่ ๆ เพราะรักษาสภาพ
ได้ดีมากจริง ๆ ไม่ต้องใช้ผ้าพัน เพราะเกิดจากสมาธิจิต

ส่วน โคบอลต์ 60 ใช้ถนอมอาหารทำให้เก็บไว้ได้นาน ขอบคุณครับได้ความรู้เรื่อง
โคบอลต์ 60 อีกเยอะเลย

ธาตุในร่างของท่านอาจจะเปลี่ยนเป็นโคบอลต์ 60 หรืออะไรที่ใกล้เคียง นักวิทยาศาสตร์
งง ไปเลยสิ่งที่เกิดจากสมาธิจิตเป้นอะไรที่เกินคาดคิดอยู่แล้ว
หยุดคือตัวสำเร็จ

#13 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 May 2006 - 12:07 PM

QUOTE
สรีระขอบท่านอยู่ภายในหุบเขาครับ (แต่ชื่ออะไรนี่ ผมลืมไปเสียแล้ว ช่วยผมตอบหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ)

สำหรับสรีระของพระมหากัสสปะเถระ ตามพระคัมภีร์กล่าวเอาไว้ว่า สรีระของท่านอยู่ในเขาคิชฌกูชครับ เป็นอย่างที่คุณเกียรติก้องว่า คือ ก่อนที่ท่านจะนิพพานท่านได้อธิษฐานให้เขาสามลูกประสานเข้าด้วยกัน

สำหรับสาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะ สรีระของท่านนั้น ผู้ที่จะมาทำการชำระร่าง คือ พระศรีอาริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้าครับ เนื่องจาก ท่านกับพระศรีอาริยเมตไตรย์เคยมีวิบากกรรมที่ล่วงเกินต่อกันครับ เรื่องราวดังนี้

สมัยหนึ่งพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า พระศรีอาริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้าและพระมหากัสสปะ เคยเกิดมาเจอกัน โดยเป็นพระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้า เสวยพระชาติเป็นพระราชา พระศรีอาริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นควาญช้าง ส่วนพระมหากัสสปะเสวยพระชาติเป็นช้างทรงของพระราชา

โดยครั้งหนึ่งขณะที่พระราชากำลังทรงช้างอยู่ ขณะนั้นช้างทรงได้กลิ่นของนางช้างพัง ทำให้เกิดความกำหนัด วิ่งเตลิดเข้าป่าไปหานางช้างพังตามแรงตัณหา ทำให้พระราชาต้องรีบเหนี่ยวเกี่ยวไม้เอาตัวรอดจากการวิ่งเตลิดของช้างทรง พระราชาทรงคาดโทษจะเอาผิดกับควาญช้าง แต่ควาญช้างบอกว่า ช้างทรงนี้ได้รับการฝึกมาอย่างดีแล้ว แต่ถูกความกำหนัดครอบงำ และบอกอีกว่า เมื่อช้างทรงกลับมาแล้วควาญช้างจะทำการทดสอบให้พระราชาดู

ครั้นช้างทรงได้สมปรารถนากับนางช้างแล้ว ก็ได้กลับมา เมื่อช้างทรงกลับมาแล้วควาญช้างก็ทำการทดสอบมนต์ของตนในการควบคุมช้างให้พระราชาดู โดยใช้มนต์ของตนบังคับให้ช้างทรงใช้งวงจับแท่งเหล็กร้อนจนงวงช้างทรงทนความร้อนไม่ไหวจนงวงขาด ตายในที่สุด

ด้วยวิบากกรรมนี้ ในอนาคตกาลภายภาคเบื้องหน้าพระศรีอาริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้าจะต้องมาที่เขาคิชฌกูชแห่งนี้ แล้วนำเอาสรีระของพระมหากัสสปะมาวางไว้บนฝ่ามือ (ในยุคสมัยของพระศรีอาริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้า มนุษย์จะอายุยืน 80,000 ปี และมีร่างกายใหญ่โตกว่ามนุษย์ในยุคนี้มาก) หลังจากที่พระศรีอาริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้านำสรีระของพระมหากัสสปะมาว่างไว้บนฝ่ามือของพระองค์แล้ว ก็จะตรัสสรรเสริญถึงคุณธรรมของพระมหากัสสปะ จนในที่สุดพระศรีอาริยเมตไตรย์สัมมาสัมพุทธเจ้าก็จะทำการชำระร่าง (เผาสรีระ) ของพระมหากัสสปะบนฝ่ามือของพระองค์นั่นเอง ครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#14 ~ รั ก บุ ญ ~

~ รั ก บุ ญ ~
  • Members
  • 98 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand
  • Interests:^-^ กรุณา เผื่อแผ่ เหลียวแลเอื้อ ^-^<br />^-^หวังช่วยเหลือ เพื่อนยาก ลำบากขันธ์^-^<br />^-^เห็นเพื่อนทุกข์ ทุกข์ด้วย เข้าช่วยพลัน^-^<br />^-^ให้เพื่อนนั้น พ้นทุกข์ ได้สุขใจ ฯ^-^

โพสต์เมื่อ 06 May 2006 - 12:20 PM

กัมมุนา วัตตะตี โลโก สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
สาธุ_/|\_
**********************************
ใ ค ร ช อ บ. . .ใ ค ร ชั ง. . .ช่ า ง เ ถิ ด
ใ ค ร เ ชิ ด. . .ใ ค ร ชู. . .ช่ า ง เ ข า
ใ ค ร เ บื่ อ. . .ใ ค ร บ่ น. . .ท น เ อ า
ใ จ เ ร า. . .ร่ ม เ ย็ น. . .เ ป็ น พ อ
. . .|2@|<_|3( )( )|\| @ |-|()T/\/\@I|_.C()/\/\. . .


#15 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 May 2006 - 01:19 PM

เอ๋...เรื่องราวของพระอุปคุตที่คุณเถลิงเกียรติอ้างอิงจากเวปพลังจิต มันไม่ค่อยเหมือนกับรายละเอียดที่ผมได้เคยอ่านมาเลยน่ะครับ ถ้าผมจำไม่ผิด คือ
1) จากประวัติพระอุปคุตที่ได้มีบันทึกเอาไว้ ท่านมาเกิดเพราะมีคนเชิญท่านลงมาเกิด เพราะท่านมีภาระกิจจะต้องมาประลองฤทธิ์ ปราบทิฏฐิมานะของเทวบุตรมาร
2) ตอนท่านมาเกิด ท่านมาเกิดในครอบครัวที่ไม่นับถือพระพุทธศาสนาเลย แต่มีพระรูปหนึ่งได้รับมอบหมายจากหมู่คณะให้หาทางนำท่านออกบวช ดังนั้น ท่านจึงไปบิณฑบาตรที่บ้านพระอุปคุตทุกวันให้ท่านเห็น จนในที่สุดท่านก็เกิดความเลื่อมใส และขอพ่อแม่ออกบวช
3) ตอนที่ท่านปราบเทวบุตรมารแล้ว ท่านก็ขอให้เทวบุตรมารใช้เทวฤทธิ์บันดาลให้มีกายเหมือนพระบรมศาสดา เนื่องจากท่านบอกว่า ท่านไม่เคยเห็นกายเนื้อของพระบรมศาสดาเลย

QUOTE
พระภิกษุผู้เป็นปูชนียบุคคล อีกสองรูปที่ผมกล่าวถึง คือหลวงพ่อวัดปากน้ำภาษีเจริญ
และหลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม เพราะเหตุใด สรีระจึงไม่ยอมเน่าเปื่อย

สำหรับหลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านได้สั่งเอาไว้ก่อนละสังขารครับ ว่า อย่าเผาศพท่าน เพราะคนตายจะเลี้ยงคนเป็นให้ดู ครับ ด้วยเหตุนี้ศิษยานุศิษย์จึงได้นำร่างท่านไปเก็บรักษาไว้ที่หีบทองคำ ให้คนได้มาเคารพกราบไหว้มาจนถึงทุกวันนี้ครับ
สำหรับหลวงพ่อพูล ผมไม่ทราบรายละเอียดครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#16 ลูกพระธัมฯ Merry Ma

ลูกพระธัมฯ Merry Ma

    The STRONGEST is the GENTLEST!!!

  • Members
  • 891 โพสต์
  • Gender:Female
  • Location:Bangkok, Thailand

โพสต์เมื่อ 06 May 2006 - 04:37 PM

โอ้โห กระทู้เรื่องนี้ อ่านแล้วระทึกใจดีจังค่ะ ชอบ ชอบ
The Strongest is The Gentlest!

ผู้ที่มีจิตใจเข้มแข็งที่สุด ย่อมเป็นผู้ที่สุภาพนุ่มนวลที่สุด

#17 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 06 May 2006 - 11:07 PM

QUOTE
เอ๋...เรื่องราวของพระอุปคุตที่คุณเถลิงเกียรติอ้างอิงจากเวปพลังจิต มันไม่ค่อยเหมือนกับรายละเอียดที่ผมได้เคยอ่านมาเลยน่ะครับ



เวปพลังจิต นั้น จะมีแนวธรรมจากพระรูปหนึ่ง ซึ่งอ่านแล้ว จะมีอิทธิปาฏิหาร์ยเยอะมาก


ฉะนั้นผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูลแล้วกันครับ

#18 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 07 May 2006 - 02:01 AM

ขออนุโมทนาบุญกับพี่ MEDEM และทุกความเห็นของสมาชิกทุกท่านด้วยนะครับ สาธุ...

#19 พักผ่อน

พักผ่อน
  • Members
  • 422 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 09 May 2006 - 09:27 PM

ผมคิดว่ามันมีเหตุผลต่าง ๆ กันไปครับ แต่ถ้าเป็นสรีระของพระบรมศาสดาแล้วถ้าตั้งไว้เป็นพระศพคงจะมีประโยชน์น้อยนะครับ ทั้ง ๆ ที่บารมีของพระองค์สามารถทำประโยชน์ได้อย่างมหาศาลแค่เพียงพระธาตุชิ้นเล็ก ๆ นั่นแหละครับ เพราะแค่พระศพ ผู้คนจำนวนมากจะมากราบไหว้ก็ไม่สะดวก ลองเทียบดูสิครับว่าทำพระเจดีย์บรรจุพระศพใหญ่โตแค่เพียงเจดีย์เดียว แล้วผู้คนต้องแห่กันมาจากทั่วโลก เดินทางก็ลำบาก จะบูชาทั้งทีต้องไปที่อินเดียอย่างนี้ กับสมัยนี้มีเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุอยู่มากมาย สะดวกที่ไหนก็ไปที่นั่น สามารถระลึกถึงคุณของพระบรมศาสดาได้เหมือนกัน อีกทั้งไม่ได้ไปเยี่ยมชมแค่เห็นหน้า เพราะสิ่งที่ค่าที่พระบรมศาสดาฝากไว้ให้ก็คือพระธรรมที่พระองค์ทรงใช้ร่างกายและจิตใจของพระองค์นั้นแลกชีวิตเอามานะครับ ไม่ว่าวัด เจดีย์ หรือศาสนสถานทุกที่ ก็ล้วนทำให้ผู้คนศรัทธาและเข้าถึงธรรมของพระองค์ได้โดยไม่ต้องมัวแต่จะไปอยากดูพระศพของพระองค์ซึ่งนอนนิ่งไม่ไหวติงนะครับ

ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่คิดว่าที่สลายเป็นพระธาตุนี่มีประโยชน์กว่าครับ และที่จริงร่างกายของพระบรมศาสดาจะมีประโยชน์ที่สุดโดยไม่ต้องสลาย ก็ต้องเป็นเพราะพระองค์ยังไม่ทรงดับขันธปรินิพพานไงครับ แค่อานุภาพทำให้ศพไม่เน่านี่ยังเรื่องเล็ก ๆ ครับ ผมว่าถ้าสมาธิดี ๆ ไม่ต้องถึงพระอรหันต์ก็ทำได้ครับ

ผมก็เคยอ่านเจอทำนองว่า ถ้าใช้การรู้ใจ การเหาะเหินเดินอากาศ การแสดงฤทธิ์ ฯลฯ ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ต่อไปคนก็จะยอมรับว่านักบวชในศาสนาอื่นก็เป็นพุทธครับ เพราะนักบวชบางลัทธินั้น รู้ใจได้ เหาะเหินเดินอากาศได้ แสดงฤทธิ์ได้ แต่ไม่รู้จักธรรมที่แท้จริงของพระพุทธศาสนาครับ

#20 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 14 May 2006 - 10:05 PM

..............................................................................................
กาลามสูตร สูตรหนึ่งในคัมภีร์ติกนิบาต อังคุตตรนิกาย พระพุทธเจ้าตรัสสอนชนชาวกาลามะแห่งเกสปุตตนิคมใน แคว้นโกศล ไม่ให้เชื่อถืองมงายไร้เหตุผล ตามหลัก ๑๐ ข้อ คือ
อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามกันมา,
ด้วยการถือสืบๆ กันมา,
ด้วยการเล่าลือ,
ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์,
ด้วยตรรก,
ด้วยการอนุมาน,
ด้วยการคิดตรองตามแนวเหตุผล,
เพราะเข้ากันได้กับทฤษฎีของตน,
เพราะมองเห็นรูปลักษณะน่าเชื่อ,
เพราะนับถือว่าท่านสมณะนี้ เป็นครูของเรา;
ต่อเมื่อใด พิจารณาเห็นด้วยปัญญาว่า ธรรมเหล่านั้นเป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
เรียกอีกอย่างว่า เกสปุตติยสูตร หรือเกสปุตตสูตร.
................................................
Ref : http://84000.org/tip...?text=กาลามสูตร

ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#21 บุญเย็น

บุญเย็น
  • Members
  • 812 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:thailand

โพสต์เมื่อ 07 October 2006 - 12:19 PM

ผู้ปฏิบัติธรรม เมื่อธาตุละเอียด ณ ภายในใสบริสุทธิ์ ธาตุหยาบ ณภายนอกก็จะใสบริสุทธิ์ ธาตุละเอียดคือใจ ณภายใน บริสุทธิ์จากกิเลสและบาปธรรมทั้งปวง แล้วจะค่อยๆ ขยายส่วนหยาบให้ธาตุดิน นำ้ ไฟ ลม ณ ภายนอก คือกายเนื้อ สะอาดบริสุทธิ์ตามไปด้วย กายจึงไม่เน่า ไม่เปื่อย เพราะไม่มีความสกปรก ที่เป็นเหตุให้เน่า ให้เปื่อย ผู้ที่ปฏิบัติธรรมได้ถึงขั้นนี้ นำ้ลายยังศักดิ์สิทธิ์ ขี้ไครยังศักด์สิทธิ์ เหตุผลนี้วิทยาศาสตร์ยังเข้าไม่ถึงเลยครับ
นำมอ ตี่ จ่าง อ้วง ผู่ สัก

#22 jane_072

jane_072
  • Members
  • 539 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 July 2007 - 11:03 PM

อนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ สาธุๆๆ