ไปที่เนื้อหา


ผู้กองยอดรัก

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 13 Jul 2013
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Apr 06 2015 01:59 PM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

กฎ12ข้อในการสร้างทีมเวิร์ค

06 April 2015 - 01:40 PM

ทีมเวิร์คคืออะไร?

 

 

 

     ทีมเวิร์ค คือ "การทำงานที่ประสานกันเป็นหนึ่งเดียว มีหัวใจดวงเดียวคือเราต้องเป็นทีมแชมเปี้ยน"

 

หัวใจองค์กร(สาขา)คือ ทีมเวิร์ค

 

การสร้างทีมงานที่มีความเป็นเลิศคือการสร้างทีมงานที่มีความเก่งสมดุลย์กัน ทีมที่ดีใม่ต้องการวีรบุรุษวีรสตรี หรือใครเก่งคนเดียว ซึ่งในการทำให้องค์กร(สาขา)ของเราเป็นทีมเวิร์ค สามารถทำได้ง่ายๆ คือ

 

1.ทุกคนทำงานด้วยความสนุก อยากทำงาน ไม่อยากหยุด

2.ทำงานด้วยบรรยากาศยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ทะเลาะกัน ไม่เกี่ยงงานกัน

3.ทุกคนมีความคิดไปทางเดียวกัน มีเป้าหมายเดียวกันสไตล์เดียวกัน

4.ถ้าเป็นม้าลากรถก็ลากไปในทางเดียวกันไม่ใช่ไปคนละทิศคนละทาง

5.คนเก่งเหมือนม้าที่เร็วกว่า ถ้าเข้าโค้งก็ต้องชะลอความเร็วรอม้าที่ช้ากว่า ส่วนม้าที่ช้ากว่าก็ต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เพราะเข้าโค้งจะได้น้ำหนักเดียวกัน

6.ทุกคนช่วยเหลือกัน ใครพลาดก็มีคนช่วยเหลือไม่ใช่ซ้ำเติม เห็นอะไรที่ดีกว่าก็เสนอแนะอย่างสร้างสรร
ถ้ามีวิกฤติเกิดขึ้นเข้าช่วยเหลือโดยไม่ต้องขอ

7.เมื่อคนอื่นทำดีก็ชมให้กำลังใจยินดีด้วย ไม่อิจฉาริษยา มีมุฑิตาจิต

8.รู้จังหวะการทำงานขององค์กรบางครั้งงานเร่งด่วนรีบก็ต้องเร่งรีบด้วย บางครั้งช้าให้รอก็ต้องรู้จักรอ
ไม่ใจร้่่อนหงุดหงิดแอบทำไปก่อนเหมือนนักเต้นรำต้องเต้นจังหวะเดียวกัน

9.เวลาทีมชนะก็ต้องยินดีด้วยไม่ใช่ทำเฉย เวลาแพ้ก็ไม่ซ้ำเติมรู้สึกเสียใจด้วย

10.ทุกคนรู้เป้าหมาย ศรัทธาในผู้นำองค์กร เชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ ความมุ่งมั่นฝีมือแาะช่วยกันทำงานให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

11.ทุกคนให้เกียรติกันเคารพในความเห็นของผู้อื่น ยอมรับการทำงานของผู้อื่น เมื่อตกลงกันแล้วก็ต้องมีหน้าที่ไปทำให้ได้ตามที่ตกลงกัน ถ้าไม่ได้ก็ต้องรีบขอความช่วยเหลือไม่มีความผิดพลาดจนกลายเป็นเรื่องใหญ่

12.ทุกคนทำงานด้วยความหนักแน่น อดทนอดกลั้น ผู้นำไม่หูเบามีศิลปะในการให้กำลังไจในการปลอบขวัญ

 

และนี่คือ กฎ12ข้อในการสร้างทีมเวิร์ค

ทีมของคุณ มีกี่ ข้อเอ่ย ?


เสียงสุดท้ายของสูกสาวที่ผมรัก . . .

22 June 2014 - 09:21 AM

คุณเคยได้ยินเรื่องนี้ไหม
"พ่อที่โทรหาลูกสาว เพื่อฟังข้อความเสียง"

 

แนบไฟล์  dad.jpg   65.95K   40 ดาวน์โหลด

 

เรื่องจริงของชายชราคนหนึ่ง ซึ่งถูกเล่าผ่านพนักงานคอลเซ็นเตอร์สาว
ผู้จัดการของเธอถามถึงสาเหตุที่ต้องเซ็นอนุมัติ เพื่อช่วยเหลือลูกค้ารายนี้

พนักงานสาวจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

 

ชายชราคนหนึ่งอาศัยอยู่กับลูกสาวของเขา
แต่ด้วยหน้าที่การงานของลูก ทำให้เขาไม่ได้อยู่กับลูกมากนัก
เขามีเพียงโทรศัพท์มือถือเป็นสื่อกลางให้เขาได้ส่งข้อความเสียงถึงกันเท่านั้น

จนวันคริสมาสต์ลูกสาวได้ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แต่ชายชราก็ยังหมั่นโทรหาลูกสาวเขาทุกวัน
เหมือนทุกครั้งที่เธอยังมีชีวิตอยู่ จนวันหนึ่งเขาโทรหาลูกสาวเหมือนเช่นเคย แต่ข้อความเสียงถึงจำนวนจำกัด และเขาไม่ได้ยินข้อความเสียงของลูกอีกต่อไป

ชายชราโทรหาคอลเซ็นเตอร์ด้วยความร้อนรน
แล้วพร่พพูดเพียงว่า "มันหายไปแล้วๆ"
จนพนักงานสาวถามเขาจำเบอร์ผิดรึเปล่า

ชายชราบอกว่า "ตลอดสามปีที่ผ่านมา เขาจ่ายค่าโทรศัพท์มาตลอด"

ภาพของเหตุการณ์เมื่อสามปีก่อนที่ลูกสาวเคยถามเขาว่า
เขาปรารถนาสิ่งใดมากที่สุดย้อนกลับมา
ชายชราให้คำตอบว่า เขาเพียงอยากให้ลูกสาวของเขามีความสุขก็พอแล้ว

 

แต่ในตอนนี้เขาอยกตอบว่า เขาต้องการที่จะเก็บเสียงของลูกสาวเอาไว้
"เสียงที่เขาจะไม่ได้ยินอีกต่อไป ;

 

"ฮัลโหลๆ ฉันรับสายไม่ได้ตอนนี้นะคะ
ทิ้งข้อความไว้แล้วฉันจะโทรกลับนะ บาย
"

 

พนักงานสาวเล่าเรื่องทั้งหมด ให้ผู้จัดการฟัง ทำให้ยอมเซ็นอนุมัติ
เธอแจ้งกับชายชราว่า โทรศัพท์ใช้ได้ตามปกติแล้ว
เรื่องราวของชายชราที่โทรหาลูกสาวตัวเองทุกวัน

ทั้งที่ลูกสาวเสียชีวิตไป 3 ปีแล้ว

ทำให้พนักงานสาวรีบกลับบ้าน กอดพ่อของเธอ ทันทีหลังเลิกงาน

ส่วนผู้จัดการหนุ่มเขาก็เริ่มเอาใจใส่พ่อของเขามากยิ่งขึ้น

 

 

คุณพ่อที่ขอฟังเสียงลูกสาวผ่านโทรศัพท์ทุกวัน

 

คุณพ่อที่ขอฟังเสียงลูกสาวผ่านโทรศัพท์ทุกวัน แม้ลูกจะไม่รับสายคุณพ่อเลยก็ตาม

มีคุณลุงอายุ ๗๐ กว่าคนหนึ่ง โทรหาลูกสาวทุกวัน และลุงก็ได้ยินแต่เสียงพูดของลูกสาวว่า

“ขอโทษคะ ตอนนี้ไม่ว่างรับสาย กรุณาฝากข้อความไว้นะคะ” เสียงอ่อนหวานน่ารักนี้ ทำให้คุณลุงพอใจ หน้ามีรอยยิ้ม แม้จะรู้ว่าลูกไม่ได้รับสาย ก็ยังพูดต่อไปว่า “ไม่เป็นไร ไปยุ่งงานของลูกนะ พรุ่งนี้พ่อจะโทรหาใหม่”

ความจริง เจ้าของเสียง ซึ่งเป็นของลูกสาวคุณลุง ได้ลาจากโลกนี้ไปแล้วเมื่อ ๓ ปีก่อน จากอุบัติเหตุทางถนน

เสียงพูดนี้ เป็นวิธีเดียวที่คุณลุงจะยินจากลูกสาว เพื่อคลายความคิดถึง มันเหมือนกุญแจดอกหนึ่ง ที่สามารถเปิดประตูลึกลับ ที่นั่นมีความทรงจำที่หวานฉ่ำของลูกสาว

เมื่อลูกสาวจากไป ไม่มีคนใช้เบอร์นี้แล้ว แต่คุณลุงก็ยังจ่ายค่ารายเดือนต่อไปไม่ได้หยุด

ทุกวันเมื่อได้ยินคำพูดนี้ คุณลุงรู้สึกเหมือนว่า ลูกสาวไม่ได้จากไปไกล ยังทำงานอยู่ที่บริษัทเดิม คุณลุงก็เหมือนนั่งข้างลูกสาว มองดูลูกสาวด้วยรอยยิ้ม ดูลูกสาวพิมพ์เอกสาร พูดคุยกับเพื่อนร่วมงาน ถ่ายเอกสารของที่ทำงานอยู่ ความทรงจำอันหวานฉ่ำนี้ ทำให้คุณลุงผ่านกลางคืนที่ยาว ผ่านความทุกข์ความเจ็บปวดไปได้

ในทะเลที่ไม่เห็นฝั่ง บางที แค่คำพูดคำเดียว ก็ทำให้หัวใจชุ่มฉ่ำได้

แต่วันหนึ่ง ตอนคุณลุงโทรเบอร์ลูกสาว

เสียงของลูกสาวหายไปซะแล้ว

คุณลุงได้ยินแต่คำพูดว่า “ไม่ได้เปิดเครื่อง ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้” คุณลุงตกใจ ทำอะไรไม่ถูก

เหมือนสวรรค์ได้หายไปต่อหน้า

คุณลุงพยายามหาเบอร์ของ คอลเซ็นเตอร์ เพื่อโทรไปถาม

พอพนักงานรับสาย คุณลุงพูดเริ่มต้นไม่ถูก เพราะน้ำตาร่วงเป็นทางยาว เมื่อ พนักงานพยายามฟังจนเข้าใจที่คุณลุงว่า จึงอธิบายว่า ทางบริษัทได้ปรับปรุงระบบ และได้ส่งข้อความไปยังผู้ใช้ ให้ย้ายข้อความเดิมไปยังระบบใหม่ มิฉะนั้น คำพูดเก่าที่บันทึกไว้ก็จะถูกลบ

แต่คุณลุงไม่เคยเปิดดูข้อความ เมื่อระบบใหม่เริ่มทำงาน คำพูดที่บันทึกไว้อันล่ำค่าของลูกสาวคุณลุงจึงหายไป คุณลุงความหวังพังทลาย “นี่เป็นเสียงบันทึกของลูกสาวที่จากไปแล้ว ต่อไปลุงจะทำยังไง ?”

คุณลุงพูดสะอื้นไป ร้องไห้ไป เหมือนเด็กที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พนักงานจึงรีบรายงานเรื่องนี้ไปยังหัวหน้า ๆ ก็รีบติดต่อไปยังแผนก ไอ ที ของบริษัท เจ้าหน้าที่ใช้เวลาเป็นเดือน จาก voice mail ของลูกค้าหลาย ๆ ล้านคน จนหาเจอเสียงของลูกสาวคุณลุง แล้วก็หาทางใส่กลับไปเหมือนเดิม พนักงานใช้วิธีธรรมดาทั่วไป ใช้โทรศัพท์โทรเข้าเบอร์ลูกสาวคุณลุง และก็ได้คำพูดอัดเสียงล้ำค่านั้น แล้วก็ผ่านกระบวนการ จนกลับสู่แบบเดิม

 

คุณลุงที่ค่อยท่าแล้วค่อยท่าอีก ในที่สุด ก็ได้ยินเสียงคำพูดของลูกสาวอีกครั้งหนึ่ง

 

วินาทีนั้น คุณลุงดีใจมาก พูดว่า “ได้ยินแล้ว ได้ยินแล้ว

 

เหมือนกับว่า แค่เอื้อมมือไป ก็กอดลูกสาวได้ เหมือนกับว่า ลูกสาวก็ยังคลอเคลียอยู่ข้างคุณลุง

เพื่อไม่ให้คำพูดอัดเสียงนี้หายไปอีก

พนักงานบริษัท ได้บันทึกคำพูดนี้ลงบนแผ่น ซีดี และส่งให้คุณลุงเก็บไว้

เราทุกคนเป็นคนธรรมดา ไม่สามารถยับยั้งภัยอันตรายต่าง ๆ ให้เกิดขึ้นได้
แต่เราสามารถใช้ความพยายามและอดทน เพื่อเย็บหัวใจของพ่อที่แตกสะลายดวงหนึ่ง ให้กลับมาเหมือนเดิม ให้คุณลุงยังอยู่อย่างอบอุ่นในโลกของเรา

คนจีนมีคำพูดเปรียบเทียบว่า ต้นไม้อยากหยุดนิ่ง แต่ลมไม่หยุด

ลูกอยากเลี้ยงดูพ่อแม่ แต่พ่อแม่ไม่อยู่แล้ว

เรื่องของโลก คาดการณ์ยาก บางที คนที่จากไปก่อน อาจจะเป็นคนหนุ่มคนสาว เหลือไว้แต่พ่อแม่สูงวัยที่เสียใจ

ไม่ว่าจะยังไง จงรักษาและทะนุถนอมช่วงเวลาที่อยู่กับครอบครัว

อย่าดีกับคนนอก มากกว่าคนในครอบครัว

การกตัญญูต่อพ่อแม่ ไม่ต้องใช้เงินเยอะ และไม่ต้องใช้เงินมาก

คำพูดคำเดียว คำพูดที่เป็นห่วงเป็นใย หอมสักครั้ง

ข้อความสั้นสักข้อความ ดอกไม้สักดอก กอดสักครั้ง
บางทีก็ทำให้พ่อแม่น้ำตาร่วงได้

พ่อแม่ในโลกใบนี้ ไม่ได้ต้องการมาก แค่นิดเดียวก็พอใจแล้ว วันนี้คุณให้เวลากับคนที่รักคุณหรือยัง ....


ให้เครดิตนั้น สำคัญไฉน ???

12 June 2014 - 05:35 PM

ทำไมจึงพูดเช่นนี้น่ะหรือ นั่นก็เพราะ หากเราดูในเรื่องของ "งานเขียน" บนสื่ออินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นงานแปล งานศิลปะ บทความ ผู้คนก็ไม่ค่อยจะให้เครดิตผู้เป็นเจ้าของงานนัก มันจะมีปัญหา "การละเมิดลิขสิทธิ์" ออกมาอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจากเว็ปไซด์ชื่อดังใดๆก็ตาม  และทุกครั้งเมื่อพาดพิงถึงเรื่องของการให้เครดิต ก็มักจะเบี่ยงประเด็นไปต่างๆนาๆ ทั้งๆที่วัตถุประสงค์ของการให้เครดิตจริงๆนั้นมีดังนี้ค่ะ

 

1 . เพื่อให้เกียรติเจ้าของงาน

ไม่ เกี่ยงว่าคุณจะนำชื่อเขามาไว้ก่อนหรือหลัง แต่ต้องเขียนระบุให้ชัดเจน  ในกรณีที่ไม่ทราบเจ้าของ  ให้ระบุที่มาว่ามาจากเวปไซด์ไหน วันที่เท่าไหร่

 

2. เพื่อตรวจสอบความผิดพลาด 

เพราะ ตัวเรานั้นอาจให้ข้อมูลที่ผิดพลาด ผู้อ่านก็จะสามารถกลับไปตรวจสอบได้  ในขณะเดียวกันก็เป็นการป้องกันตนเองว่า หากต้นข้อมูลพลาด เราที่เป็นคนคัดลอกมาก็จะมีข้อแก้ตัวให้กับตนเอง

 

3. เคารพผู้อ่าน ผู้ดู หรือผู้ชม

จะ ได้ทราบว่าเขากำลังอ่านงานของใคร ออริจินอลคือที่ไหน ผู้แปล ผู้เขียน หรือผู้วาดสร้างสรรค์มาได้อย่างไร การไม่ใส่เครดิตเท่ากับเรากำลัง "ดูถูก" ว่าคนเข้ามาชมผลงานเป็นคนที่หลอกง่ายนะคะ

 

4 . สร้างจิตสำนึกในการอยู่ร่วมกันในสังคม  อย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย  

เพื่อสร้างเครือข่ายของข้อมูล และชิ้นงานที่เชื่อมโยงกัน  ให้ง่ายแก่การสาวไปถึงต้นสายของ "ข้อมูล"   

 

 

ไม่นานมานี้ได้เข้าไปอ่านบทสนทนาโต้ตอบความเห็นจากเวปไซด์หนึ่ง ซึ่งก็เป็นกรณีของการ "ก๊อปปี้งานแปล"  แล้วก็ถกเถียงกันว่าหากคนๆหนึ่งนำงานของเจ้าของในภาษาอื่นมาแปลเป็นภาษาไทยโดยมิได้รับอนุญาตถือว่าผิดล่ะก็  งั้นคนที่ก๊อปปี้งานเขามาอีกทอดจะผิดไหม???

 

คำตอบ ตามหลักกฎหมายอาญาคือ  "ผิดค่ะ" ไม่ ว่าจะลักมากี่ทอดก็ตาม คนที่เอามาก็ผิดอยู่ดี  อย่าลืมสิคะว่า ผู้แปล นั้นมีลิขสิทธิ์ในงานแปลอยู่ เขามีสิทธิจะให้ใครก็ได้นำบทแปลของเขาไป ไม่ใช่ว่าจะมาอ้างกันอย่าง "ขอไปที"  เช่นนั้นได้นะคะ

 

เหมือน กับที่ข้าน้อยเคยอธิบายไปในกรณีแฟนฟิค ในเอนทรี่ของกรณีก๊อปปี้แฟนฟิค Blessing of Moon ว่าแม้ผู้แต่งแฟนฟิคผิดต่อเจ้าของเรื่องที่ยืมตัวละครมาใช้  แต่ผู้แต่งก็มีลิขสิทธิ์ครอบถ้วนในส่วนเนื้อหาของแฟนฟิคนะคะ

 

 

ดัง นั้น หากคิดจะนำ "แฟนอาร์ต" "แฟนฟิค" "โดจินแปล" "ผลงานวิชาการ" "บทพูด" "ความคิด" ฯลฯ ของใครก็ตามไปใช้ล่ะก็ แม้จะเพียงน้อยนิด ก็จำเป็นต้อง "ให้เครดิต" เจ้าของงานนะคะ  ได้โปรดอย่าได้คิดอะไรง่ายดายทำนองว่า "โจรลักของโจรไม่ผิด" นะคะ เพราะนั่นจะผิดเจตนาของกฎหมายบ้านเมืองค่ะ

 

ใช่ ว่าตัวข้าน้อยจะไม่เคยทำผิด เพราะก่อนหน้านี้ก็เคยมีที่ข้าน้อยผลิตแฟนฟิคออกไปสองเรื่อง และเมื่อตนเองนึกขึ้นได้ก็ปรากฏว่าไม่ได้เขียนว่าเป็นแฟนฟิครีบอร์นไปบนปก หนังสือ  นั่นก็คือข้าน้อยทำผิดต่ออ.อามาโนะผู้เขียนรีบอร์นเช่นกัน หรือสมัยก่อนที่นำรูปงานแฟนอาร์ตมาทำเฮดบล็อค โดยไม่ให้เครดิต นั่นก็ผิดอีกเช่นกันค่ะ  ( หากถามถึงเฮดบล็อกตอนนี้ล่ะก็ ข้าน้อยถ่ายรูปนี้มาเองค่ะ )

 

การลืมให้เครดิตจะไม่ใช่เรื่อง ใหญ่ค่ะ หากผู้อื่นรู้อยู่แล้วว่า " เราไม่ใช่เจ้าของ" แต่ถ้า "ไม่รู้" ล่ะคะ  งานแปลบนอินเตอร์เนต แฟนฟิค แฟนอาร์ท  ปกติจะมากันหลายทอด จนเจ้าของผลงานถูกลืม และบุคคลที่สาม "แอบอ้างเป็นเจ้าของ"  ในกรณีคงจะเป็นเรื่องใหญ่ใช่มั้ยล่ะคะ เพราะไม่มีใครหรอกค่ะที่อยากถูกแอบอ้าง 

 

ท่านผู้อ่านคงจะงง ว่า ตอนแรกมางานวิชาการ ไหงมาออกเรื่อง งานบนอินเตอร์เนต  มันดูเหมือนคนละเรื่อง แต่จริงๆ "เป็นเรื่องเดียวกัน" ค่ะ  การสร้างนิสัยเขียนงานวิชาการ หรือเขียนบทความที่ดี ต้องมาจากการสร้าง "ลักษณะนิสัย" ของการ "เคยชินกับการให้เครดิต"  หากวันนี้ไม่แม้แต่ให้เครดิต "ชื่อคน" "ชื่อเวปไซด์" แล้ววันหน้า คิดหรือคะว่าเราจะทำฟุ๊ตโน๊ต หรือบรรณานุกรมที่ละเอียด และคงความเคารพเจ้าของต้นฉบับไว้ได้

 

 

( ที่มาจาก : http://ruk21us.extee.../20090223/entry จาก https://www.facebook.../notes/samakhom...)


เตรียมชม สปอตชวนบวชพระ ทาง ช่อง 3, ช่อง 5, ช่อง 11

06 June 2014 - 04:58 PM

สปอตชวนบวชพระแสนรูปเข้าพรรษาใน free tv
9-18 มิ.ย. ประเดิมที่ช่อง3 รายการเรื่องเล่าเช้านี้

สปอตชวนบวชพระ ความยาว 30 วินาที ทางช่อง3,ช่อง5,ช่อง11
พลาดไม่ได้นะคะ


โดยมีรายละเอียดดังนี้

ช่อง3
@รายการเรื่องเล่าเช้านี้ วันที่ 9-12มิ.ย. 06.00-09.05น.
@รายการเรื่องเล่าข่าวดี วันที่ 14มิ.ย. 06.55-07.25น.
@ก๊วนข่าวเช้าวันหยุด วันที่ 15มิ.ย. 06.55-07.25น.

ช่อง5
@ฮาร์ดคอข่าว วันที่ 9,11,13,16,18มิ.ย. 18.00-18.30น.
@เวทีข่าวสุดสัปดาห์ วันที่ 14-15มิ.ย. 11.00-11.45น.

ช่อง11
@ข่าวเช้า NBT วันที่ 9-12,16-18มิ.ย. 06.30-08.00น.
@ข่าวเที่ยง NBT วันที่ 9-13,16-18มิ.ย. 12.00-13.00น.
@ข่าวค่ำ NBT วันที่ 9-13,16-18มิ.ย. 18.05-20.00น.


เมื่อฉันแก่ตัวลง

16 May 2014 - 05:33 PM

"เมื่อฉันแก่ตัวลง" เวอร์ชั่นใหม่

 


 

เคยคิดถึงพ่อกับแม่ที่อยู่บ้านตามลำพังไหม
เคยรู้สึกหงุดหงิด เคยรำคาญใจพ่อแม่คนที่เรารักบ้างหรือเปล่า

เวลาอยู่ด้วยกัน เคยขัดพ่อกับแม่ เคยเถียงท่านด้วยใช่ไหม

ได้เวลาที่เราจะลาจากพ่อกับแม่ เคยรู้สึกอย่างไรบ้างรึเปล่า

เสียงอ่านโดยคุณ พิเชฐ พยัฆศาสตร์ (เสียงประกอบหนังสือหัวใจสีขาว)
เรียบเรียงลำดับภาพเพิ่มเติมโดยทีมงาน CITEC ขอขอบพระคุณเจ้าของรูปทุกท่าน
หากมีส่วนใดไม่เหมาะสมแนะนำติชมได้ที่...
facebook.com/citecclub

 

 

การตอบแทนพระคุณพ่อแม่ที่ดีที่สุด คือ การบวชทดแทนคุณท่าน อย่างน้อยสัก 1 พรรษา ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่มีคุณค่าทึ่สุด ที่จะมอบให้กับตนเอง และบุคคลอันเป็นที่รักของเรา คือ คุณพ่อคุณแม่

 

เมื่อฉันแก่ตัวลง ไม่ใช่ฉันที่เคยเป็น

ขอโปรดเข้าใจฉัน มีความอดทนต่อฉันเพิ่มขึ้นอีกสักนิด
 

ตอนฉันทำแกงหกใส่เสื้อตัวเอง ตอนฉันลืมวิธีผูกเชือกรองเท้า

ขอให้คิดถึงตอนแรกๆ ที่ฉันใช้มือสอนเธอทำทุกอย่าง
 

ตอนฉันเริ่มพร่ำบ่นแต่เรื่องเดิมๆที่เธอรู้สึกเบื่อ

ขอให้อดทนสักนิด อย่าเพิ่งขัดฉัน
 

ตอนเธอยังเล็กๆ ฉันยังเคยเล่านิทานซ้ำๆซากๆ จนเธอหลับเลย
 

ตอนฉันต้องการให้เธอช่วยอาบน้ำให้ อย่าตำหนิฉันเลยนะ

ยังจำตอนที่เธอยังเล็กๆ ฉันต้องทั้งกอดทั้งปลอบ

เพื่อให้เธอยอมอาบน้ำได้ไหม
 

ตอนฉันงงกับวิทยาการใหม่ ๆ อย่าหัวเราะเยาะฉัน

จำตอนที่ฉันเฝ้าอดทนตอบคำถาม "ทำไม ทำไม"

ทุกครั้งที่เธอถามได้ไหม
 

ตอนฉันเหนื่อยล้าจนเดินต่อไม่ไหว

ขอจงยื่นมือที่แข็งแรงของเธอออกมา

ช่วยพยุงฉัน เหมือนตอนที่ฉันพยุง

เธอให้หัดเดินในตอนที่เธอยังเล็ก ๆ
 

หากฉันเผอิญลืมหัวข้อที่กำลังสนทนากันอยู่ ให้เวลาฉันคิดสักนิด

ที่จริงสำหรับฉันแล้ว กำลังพูดเรื่องอะไร ไม่สำคัญหรอก

ขอเพียงมีเธออยู่ฟังฉัน ฉันก็พอใจแล้ว
 

ตอนเธอเห็นฉันแก่ตัวลง ไม่ต้องเสียใจ ขอให้เข้าใจฉัน สนับสนุนฉัน

ให้เหมือนตอนที่ฉันสนับสนุนเธอตอน เธอเพิ่งเรียนรู้ใหม่ๆ
 
ตอนนั้นฉันนำพาเธอเข้าสู่เส้นทางชีวิต

ตอนนี้ขอให้เธอเป็นเพื่อนฉันเดินไปให้สุดเส้นทาง

ให้ความรักและอดทนต่อฉัน ฉันจะยิ้มด้วยความขอบใจ

ในรอยยิ้มของฉันมีแต่ความรักอันหาที่สิ้นสุดมิได้ของฉันที่มีให้กับเธอ

 

 

Ord-2557.jpg
บวชพระเข้าพรรษา ประจำปี 2557