ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 2 คะแนน

“แต่งงานไปทำไม”


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 16 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 October 2007 - 08:41 PM

แต่งงานไปทำไม เรียบเรียงจากคำสอนของคุณครูไม่ใหญ่ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2547


โดย Extra happy.gif


มีคน 750,000 คนมาเดินขบวนให้ออกกฎหมายทำแท้งในอเมริกา ทำไมเขาไม่อายกันนะ ออกมาเดินขบวนขอให้ฆ่าลูกให้ถูกต้องตามกฎหมาย ฆ่ามนุษย์ก็แย่แล้ว แต่นี่ฆ่าลูกของตัว โดยอ้างว่าไม่พร้อม ถ้าไม่พร้อมก็อย่าเพิ่งอยู่ร่วมกัน บ้างก็อ้างว่าลูกพิการจำเป็นต้องเอาออก เดี๋ยวออกมาต้องมาดูแลคนพิการ ขึ้นชื่อว่าลูกเราอยู่ในท้อง ก็ต้องดูแล เราต้องมีความรับผิดชอบทันทีที่เราคิดจะอยู่ร่วมกันฉันสามีภรรยา จะถูกกฎหมายหรือไม่ถูกกฎหมายก็แล้วแต่ ถือว่ามีสัญญาใจซึ่งกันและกันแล้ว ระหว่างหญิงกับชายที่มีความพร้อมที่จะอยู่ร่วมกัน และพร้อมที่จะรับผิดชอบในทุก ๆ สิ่งที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นเราจะบอกเราไม่พร้อมไม่ได้ โจรเวลาปล้นก็ต้องพร้อมเสมอให้ตำรวจจับ หรือถูกยิงตาย หรือถูกฆ่าตาย ไม่ใช่ว่าไปปล้นแล้วถูกตำรวจจับ แล้วจะขอตำรวจว่า ผมยังไม่พร้อม ขออนุญาตกลับบ้านก่อนได้ไหม ก็ไม่ได้ อะไรทุกอย่างทำแล้วต้องรับผิดชอบ



เพราะฉะนั้น จะเริ่มเห็นได้ว่า จิตใจของคน 750,000 คนนี้ เริ่มเสื่อมคุณภาพจากความเป็นพ่อเป็นแม่ ใกล้เคียงกับนกกับกาแล้ว นกกายังไม่ทำแท้งเลย พอมันทำท้อง มันก็เลี้ยง แมวก็ยังเลี้ยง หมู ม้า ก็ยังไม่ทำแท้ง มีแต่คนไปทำให้มัน เพราะมันไม่มีอารมณ์คิด กายมันเป็นสัตว์เดรัจฉานอยู่ในภูมิของอบายก็จริง แต่ใจสูง ส่วนคน 750,000 คนนี้ ทำไมเป็นอย่างนั้น อ้างว่าไม่พร้อม ถ้าไม่พร้อมให้คบกันเป็นเพื่อน ยิ้มแย้ม แจ่มใส คุยกันไป จนกว่าเราจะมีความพร้อม โดยต้องศึกษาว่าเราจะอยู่ร่วมกันไปเพื่ออะไร ถ้ายังไม่รู้ตรงนี้อย่าเพิ่งอยู่ร่วมกัน และต้องรู้ว่า จะอยู่กันอย่างไรที่จะผาสุก เพราะแต่ละคนก็มีปัญหา หนึ่งคนก็หนึ่งปัญหา สองคนก็สองปัญหา เอามารวมกันก็มีปัญหา มีหลักธรรม วิธีการ หรือข้อปฏิบัติในการดำเนินชีวิตในฐานะคู่ครอง สามีภรรยากันแล้วหรือยัง ยังไม่มีก็ไปศึกษาเสียก่อน อย่างน้อยต้องรู้ตรงนี้



คำว่า แต่งงาน คือ การทำ งาน คือ การสร้างบารมี ให้ดีขึ้น เพื่อเป็นกัลยาณมิตรให้ซึ่งกันและกัน เพื่อทำให้งานสมบูรณ์ขึ้น โดยต้องมีรสแห่งธรรมเสมอกัน และเราต้องเป็นทางผ่านให้มนุษย์เกิดมาสร้างบารมีในโลก กายของเราหญิงและชายจะเป็นชุมทางที่สัตว์โลกต่าง ๆ มาจากภพภูมิต่าง ๆ อาศัยเป็นทางผ่านมาเกิด ถ้าใครมีวิบากกรรม ก็มีลูกพิการ ก็ต้องเลี้ยงดูไป เพราะเราได้ชื่อว่าเป็นพ่อเป็นแม่แล้ว ทันทีที่ปฏิสนธิวิญญาณเกิดขึ้น คำว่าพ่อกับแม่ก็เกิดแล้ว สามีภรรยายังหย่ากันขาด ลืมกันไป แต่พ่อแม่ลูกไม่ขาดกัน ตายไป 10 ปี 20 ปี ถ้าถามว่าเป็นลูกใคร พ่อชื่ออะไร แม่ชื่ออะไร ก็ยังเหมือนเดิม นั่นแปลว่า สายโลหิตนี้ตัดไม่ขาด มันเชื่อมโยงกันได้ เพราะฉะนั้นต้องคิดตรองตรงนี้กันให้ดี ๆ อย่าไปคิดแต่สนุกสนานเพลิดเพลินอย่างเดียว เพราะมีหน้าที่ความรับผิดชอบอยู่ด้วย และที่สำคัญคือ มันมีวิบากอยู่ด้วยตรงนี้ ทำให้เราพลัดไปอบายได้ การกระทำใด ๆ ทั้งความคิด คำพูด ทางกาย วาจา ใจ ล้วนมีผลทั้งสิ้น และหลีกเลี่ยงผลนั้นไม่ได้ด้วย ผลของการทำความชั่ว ก็ทำให้ความทุกข์ทรมานมาก เรายังขาดความรู้ตรงนี้ถึงเป็นอย่างนี้ ให้รีบไปขยายจานดาวธรรม จะได้ช่วยกันถ่ายทอดความรู้ในอเมริกา ให้รีบขยายให้ทั่วถึง มีกี่บ้านให้รีบขยายไป การออกมาเดินขบวนถึง 750,000 คน แสดงว่า คนที่ไม่ได้ออกมาคงมีเป็นล้านคน แปลกที่ไม่ออกมาหรือกล้าจะแสดงตัวออกมา จะมาคิดว่าไม่ใช่เรื่องของเราไม่ถูก เราต้องมีส่วนรับผิดชอบต่อสังคม ต่อเพื่อนมนุษย์ ในกรณีที่เพื่อนมนุษย์แสดงออกในที่ไม่ถูกต้อง เมื่อเรารู้ว่าสิ่งที่ถูกต้องเป็นอย่างไรต้องกล้าแสดงออก ไปยืนหยัดต่อสู้กัน เพื่อให้สิ่งดีงามนี้เกิดขึ้นในโลก นี่เป็นสิ่งที่เราต้องทำ









#2 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 October 2007 - 09:58 PM

อนุโมทนาบุญกับคุณExtra ด้วยนะครับ แต่อยู่เป็นโสดดีที่สุด...สาธุ

#3 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 October 2007 - 10:22 AM

สาธุ

พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#4 ว่างว่าง

ว่างว่าง
  • Members
  • 200 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 October 2007 - 01:34 PM

ใช่เป็นโสดดีที่สุด ที่เห็นสวยงาม เวลาผ่านไปก็แก่เหี่ยว สังขารไม่เที่ยง...อยู่สร้างบุญบารมีดีกว่า แต่สำหรับคนที่จะแต่งก็ขอให้เป็นคู่บุญคู่บารมีกันครับ

#5 ศิริเพ็ญ

ศิริเพ็ญ
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 19 October 2007 - 06:32 PM

ใช่ค่ะหนูก็รู้สึกว่าการไม่มีแฟนมันสบายกว่ามากๆ ไม่ต้องคอยจับผิด ไม่ต้องคอยระหวาดระแวง

ถ้าเรามีแฟนเราก็ต้องทะเลาะกัน เดี๋ยวแฟนก็ไปชอบคนอื่นมันทำให้เกิดความทุกข์ในจิตใจ

เวลาเค้าทิ้งเราก็รู้สึกอยากฆ่าตัวตายโดยส่วนใหญ่ เพราะแฟนทิ้ง มันเป็นสิ่งที่อยากจะบอกว่าคนที่คิดอยากจะฆ่าตัวตายน่ะเป็นความคิดที่ไร้สาระ ไร้สาระมากๆๆๆๆๆๆ อะไรกันกับแค่แฟนคนเดียวทิ้งแล้วมันอยากตายเลยหรือกัน

ถ้ามีแฟนเราก็คงไม่รู้ว่าซักวันเขาจะทิ้งเราเมื่อไร่กัน

ถ้ามีแฟนมันทำให้ทุกข์ไม่ต้องมีหรอกค่ะ

แต่ถ้าคนมีแฟนดีเราก็ต้องรักเขาให้มากๆรักให้ตลอดไปถึงซักวันจะรู้สึกเบื่อก็เถอะนะ การที่เรามีแฟนดีๆนั้นเหมือนบุญยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง เราก็ต้องรักษาบุญนั้นให้ดีที่สุดhappy.gif



#6 สุรชัย (กัปตัน)

สุรชัย (กัปตัน)
  • Members
  • 407 โพสต์

โพสต์เมื่อ 29 October 2007 - 01:07 PM

สาธุครับ

#7 นักรบเผ่าพันธุ์ตะวัน

นักรบเผ่าพันธุ์ตะวัน
  • Members
  • 380 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 30 October 2007 - 12:52 PM

อนุโมทนาบุญครับน่ะครับ สาธุ สาธุ สาธุ
เพราะเป้าหมายของพวกเราคือ "ที่สุดแห่งธรรม"

#8 ศรีวยาฆร

ศรีวยาฆร
  • Members
  • 184 โพสต์

โพสต์เมื่อ 30 October 2007 - 03:59 PM

บรรพบุรุษมนุษย์ยุคแรกนี่อยู่เป็นโสดกันทั้งนั้นนะครับ การประพฤติพรหมจรรย์เป็นเรื่องปกติของคนทั่วไป ไม่ใช่เป็นส่วนน้อยอย่างปัจจุบันนี้ น่าทึ่งนะครับ

#9 จริยคุณกุลภัทร์

จริยคุณกุลภัทร์
  • Members
  • 368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 01 November 2007 - 01:51 PM

สาธุๆๆๆ


#10 ธรรมรักษ์

ธรรมรักษ์
  • V-Cyber Admin
  • 8 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 01 November 2007 - 06:17 PM

แปลก แต่.. จริง ...ผู้ที่เป็นโสด ก็อยากทดลองสละโสด ผู้ที่เคยสละโสดก็อยากกลับมาเป็นโสด... อืม... ขอให้รักษากำลังใจให้เข้มแข็งทั้ง ๒ ฝ่ายนะครับ คือ ผู้อยากสละโสดก็จงอดทนที่จะรักษาความโสดเอาไว้ให้ได้ตลอดกาล (ไม่แต่งงาน ประพฤติธรรม) ส่วนผู้ที่อยากกลับมาเป็นโสดก็ให้สมความปรารถนาครับ (เห็นทุกข์เต็มที่ และสังขารก็แก่ลงทุกที)

#11 ธรรมรักษ์

ธรรมรักษ์
  • V-Cyber Admin
  • 8 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 01 November 2007 - 06:46 PM

ไม่ลองไม่รู้
มีเรื่องเล่าให้ฟังครับ... ไม่ลองไม่รู้... จากอาจารย์แสวง (ดัดแปลงนิดหน่อย เพราะว่าฟังเขามาอีกที)
มีชายหนุ่ม ๓ คน ชวนกันไปแอบดื่มน้ำผึ้งของชาวบ้าน ผึ้งชนิดนี้ทำรังอยู่บนโพรงต้นไม้ ต่างจังหวัดทางภาคอีสานเรียกว่า ...ขี้สูด... น้ำผึ้งขนิดนี้จะอร่อยม้ากมาก เจ้าของนาอุตสาห์หมายตาเอาไว้ว่า ตอนเช้าจะออกจากบ้านมาเอาน้ำผึ้ง (ขี้สูด) ไปกินซะหน่อย แต่เนื่องจาก ๓ หนุ่มนี้แอบปีนขึ้นไปดื่มกินก่อนทุกวัน เลยอดได้ลองลิ้มชิมรสของอร่อย...
ชาวนาสงสัยว่า ทำไมผึ้งขุมนี้ไม่มีน้ำให้เราได้ดื่มเลย เมื่อคอยสังเกตดู จึงค่อยถึงบางอ้อ... ออ.. เจ้า ๓ หนุ่มขี้ค่านเฮ็ดงานนี่เอง มาหลอยของข้อยไป... เห็นทีจะต้องเจอดีกันหน่อย ว่าแล้วคืนนั้นก็แอบเอาขี้ของตัวเองเหลืองอ๋อยทีเดียวไปไว้ในหลุมขึ้สูด จากนั้นก็กลับไปนอนหลับสบาย...
พอเช้ามืด ๓ หนุ่ม ย่ามใจ ชักชวนกันแอบมาดื่มน้ำผึงของเพื่อนบ้านอีก คนแรกได้ปีนขึ้นไป แล้วใช้มือล้วงลงไปในหลุมผึ้งด้วยความย่ามใจ เนื่องจากไม่ได้ชะล่าใจ จึงเอามาใส่ปาก แล้วกลืนลงไปด้วยความเอร็ดอร่อย แต่รู้สึกว่า กลิ่นของมันทะแม่งๆ กลิ่นไม่โสภาเหมือนทุกวันที่ผ่านมา เลยรู้ว่า "กูโดนเฮ็ดเส่นเสียแล่ว" (โดนหลอก) ว่าแล้วก็ปีนกลับลงมา บอกเพื่ออนว่า "ไอ้เพื่อนยาก มึงอย่าขึ้นไปกินเลย เดี๋ยวจะอ๊วกแตกนะ เพราะว่ามันไม่อร่อยหรอก มันเหม็น มันเป็นขี้คนชัดๆ นะจะบอกไห่ รักดอกจึงบอกให้นะเพื่อน"
เพื่อนคนที่สอง แทนที่จะเชื่อใจ กลับบอกว่า "เอ็งดื่มกินของอร่อยแล้ว ยังจะมาหลอกข้าอีก อยากกินคนเดียวใช่มั้ยล่ะ อย่ามาหลอกกันให้ยากเลย" แม้เพื่อนคนแรกจะกล่าวห้ามแค่ไหน ก็ไม่มีใครเชื่อ คนที่สองจึงปีนขึ้นไป พอกินเข้าไปเท่านั้นแหละ รู้ได้ทันที่ว่า "โอว์... ก็ไม่น่าขึ้นมาเล้ย...ซวยจริงๆ เล้ยวันนี้ นี่มันขี้คนชัดๆ นี่" ว่าแล้วก็ลงมาบอกเพื่อนคนที่ ๓ ด้วยความเป็นห่วงเช่นเคย ว่าอย่าขึ้นไปเลย "มันไม่ใช่น้ำผึ่งหรอก มันเป็นขี้คน" คนที่ ๓ ไม่หลงเชื่อ มีแต่ตอบปฏิเสธไปว่า "ก็พวกเอ็งไม่อยากให้ข้ากินของอร่อยๆ ใช่มั้ยล่า" ว่าแล้วก็ปีนขึ้นไปอีก โป๊เช๊ะ... เจอดีเข้าแล้ว..
พอลงมา จึงพากันอ๊วกแตกอ๊วกแตน อาเจียนจนไม่มีอาหารหลงเหลืออยู่ในท้องใส้เลย...
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ของอย่างนี้ ไม่ลองไม่รู้...เพื่อนผมเอง ก็คงคล้ายๆ กับเรื่องที่เล่ามาคือ มีครูบาอาจารย์หรือผู้จัดเจนในทางโลก พูดเรื่องทุกข์ในการครองเรือนมากมาย ยากพระไตรปิฎกมาเป็นตู้ แต่ก็ได้แค่ฟังเท่านั้น ไม่ยอมปฏิบัติตาม จึงตัดสินใจออกไปทดลองใช้ชีวิตฆราวาสดู พอได้ลูกเมียแล้วจึงรู้ว่า... มันทุกข์ยิ่งกว่าที่ท่านสอนเอาไว้เสียอีก... แหม.. รู้อย่างนี....
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า พระจะสึก ผู้หญิงจะคลอด คนจะขี้ ฝนจะตก แดดจะออก มันห้ามยากนะ... ได้แต่ let it be ครับ แต่ถ้าใครห้ามได้นับว่ายอด...

#12 แม่อ้อย

แม่อ้อย
  • Members
  • 20 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 November 2007 - 01:08 PM

ดีค่ะถูกต้องที่สุด สาธุค่ะ happy.gif

#13 รัก แล้ว ทุกข์

รัก แล้ว ทุกข์
  • Members
  • 270 โพสต์

โพสต์เมื่อ 08 November 2007 - 12:13 PM

ยืนยันอีกคนนะครับว่าอยู่คนเดียวดีที่สุด

เมื่อมีรักก็มีวามผูกพัน ความผูกพันทำให้เราทุกข์

มีรักแล้วมีทุกข์

#14 usr20544

usr20544
  • Members
  • 4 โพสต์

โพสต์เมื่อ 09 November 2007 - 11:21 AM

การที่ผมได้แต่งงาน มีครอบครัว มีภรรยา ชีวิตผม ยากขึ้น
และเริ่มเรียนรู้ว่า รักแท้ไม่มีในใลก
การที่ผมได้มีลูก ผมเรียนรุ้ว่า พ่อแม่เป็นพระอรหันต์ของลูกจริงๆ
และไม่มีความรักใดๆในโลก ที่จะเท่าความรัก ของ พ่อแม่ที่มีต่อลูก
และผมเรียนรู้ว่า ผมเหนื่อยมาก กับการเลี้ยงลูก แล้ว พ่อแม่ผมล่ะ
แน่นอน ผมต้องดูแลท่านมากกว่าเดิม
สิ่งที่ เรียกว่า พ่อแม่ คือพระอรหันต์ของ ลูก จะไม่เกิดกับคนที่ไม่มีลูกแน่ๆ



#15 usr20622

usr20622
  • Members
  • 2 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 November 2007 - 08:06 PM

ผมเป็นคนหนึ่งที่แต่งงาน ผมกับภรรยาได้เข้าวัดพระธรรมกายเรามีความสุขมาก happy.gif ก่อนนอนทุกวันภรรยาผมชอบเล่าเรื่องหลวงปู่ และธรรมต่าง ๆ ให้ฟัง และต้อนนี้ผมกำลังมีสามาชิกใหม่ ผมและภรรยาได้พาเจ้าตัวเล็กเข้าวัดตั้งแต่อยู่ท้อง ผมอยากฝากบอกคนที่มีครอบครัวแล้วขอให้ตั้งใจรักษาศีล 5 ครอบครัวจะได้มีความสุข สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

#16 hk_girlza

hk_girlza
  • Members
  • 580 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 November 2007 - 05:25 PM

คนเรา ก้อ ต่างมี ภาระ หน้าที่ ให้ต้องรับผิดชอบ
เมื่อ เลือก ทางเดิน ที่คิดว่า ดีแล้ว ก้อ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ
จะเป็นอะไรก้อได้ ขอเพียง ได้ชื่อว่า เป็นคนดี แถมมี ศีล กำกับด้วย ยิ่งดี ค่ะ

#17 สุรชัย (กัปตัน)

สุรชัย (กัปตัน)
  • Members
  • 407 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 March 2008 - 12:36 AM

สาธุครับ