ในช่วงปิดเทอมฉันมองหาสิ่งดี ๆ เหมือนใครหลาย ๆ คน เริ่มด้วยการท่องไปในโลกของ Internet เสาะหาดูว่าปิดเทอมฉันควรทำอะไรดี และแล้วฉันก็เจอจนได้นั่นคือ โครงการอบรมมัชฌิมธรรมทายาทหญิง รุ่นที่ 13 แค่ดูชื่อโครงการก็บอกได้เลยว่าต้องเกี่ยวกับธรรมะอย่างแน่นอน แต่ฉันไม่สนใจ เพราะว่าคนที่จะเข้ารับการอบรมได้นั้นมีอายุ 15-18 ปี ซึ่งก็เป็นวัยรุ่นวัยเดียวกันทั้งนั้น และโครงการนี้ก็จัดมา 12 รุ่นแล้ว อยู่ต่อได้ถึงรุ่น 13 แสดงว่าวัยรุ่นต้องให้การตอบรับกับโครงการนี้เป็นอย่างดี แล้วทำไมวัยรุ่นถึงตอบรับเป็นอย่างดีเป็นเรื่องที่น่าท้าทายเช่นกัน เป็นประสบการณ์ใหม่ที่กล้าท้าให้วัยรุ่นอย่างฉันเข้ามาพิสูจน์ตนเอง
ฉันจึงรีบกรอกใบสมัคร ขึ้นกรุงเทพฯ เพื่อยื่นใบสมัครและสอบสัมภาษณ์ว่าผ่านหรือไม่ มีคุณสมบัติพอรึเปล่าว่าจะอยู่จนจบโครงการ โดยการสัมภาษณ์กับพระอาจารย์ คำถามที่พระอาจารย์จะถามนั่นนั้นก็คือ สามารถถือศีล 8 อยู่กลด รับสภาพการอยู่ด้วยตนเองได้หรือไม่ ถ้าทุกข้อสามารถทำได้ถือว่าคุณผ่านการสัมภาษณ์ สามารถเข้ารับการอบรมได้ และฉันก็สามารถสอบสัมภาษณ์ผ่านด้วยความภาคภูมิใจ ในโครงการอบรมนี้จะใช้เวลาในการอบรม 1 เดือน ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน - 7 พฤษภาคม 2549 อยู่กินกับเพื่อนๆ ผู้หญิงในวัยเดียวกันจำนวน 120 คน ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความตั้งใจมาพัฒนาตนเองให้เป็นคนเก่งและดี
วันแรกของการอบรม คือวันที่ 9 เมษายน ฉันเดินก้าวเท้าเข้ามาในสถานที่ที่อบรม และความประทับใจอย่างแรกที่เกิดขึ้นคือ การต้อนรับที่แสนอบอุ่นจากพี่เลี้ยง พระอาจารย์ และเพื่อนๆที่เข้ารับการอบรม หากขาดเหลืออะไร เพื่อน ๆ พี่เลี้ยงพร้อมที่จะช่วยเหลือเสมอ หลังจากนั้นมัชฌิมธรรมทายาทหญิง หรือเรียกสั้นๆว่า มัชฌิมหญิง ก็ได้ลงมือสร้างบ้านหลังน้อยที่เราจะใช้นอนตลอดหนึ่งเดือน คือ การปักกลด นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งซึ่งพิสูจน์ความมีน้ำใจ การแบ่งปั่นของเพื่อนๆด้วยกันเอง ที่จะช่วยเพื่อนๆ สร้างบ้านหลังน้อยๆขึ้นมา หนึ่งกลดต่อหนึ่งคน นี่คือกฎของมัชฌิมหญิง
วันที่สองและสามเป็นการฝึกภาคสนาม หลายๆ คนคงสงสัยว่าทำไมต้องฝึกภาคสนาม การฝึกภาคสนามนั่นเพื่อสร้างความมีระเบียบวินัย การตรงต่อเวลา ความอดทน ความสามัคคี ความพร้อมเพียง การทำงานเป็นทีม หากคนใดคนหนึ่งทำผิดทุกคนก็ต้องถูกทำโทษ ซึ่งให้มัชฌิมหญิงได้เรียนรู้
ในคืนของวันที่สามเป็นการสู่ขวัญมัชฌิมหญิงหรือการรับผู้เข้าอบรมเป็นมัชฌิมหญิงอย่างเต็มตัว และในคืนนั้นพี่เลี้ยงก็ให้ของใช้ที่จำเป็นในโครงการนั่นก็คือ เสื้อมัชฌิมหญิง 2 ตัว กางเกงวอร์ม 1 ตัว ผ้าขนหนู สมุดบันทึก ปากกา กระเป๋า กระบอกน้ำ และรองเท้า แต่จะมีอีกชุดหนึ่ง คือ ชุดอุบาสิกา ซึ่งเป็นชุดที่ใช้สำหรับพิธีการต่างๆ ข้าวของเครื่องใช้ที่ไม่จำเป็นหรือโครงการไม่อนุญาต เช่นโทรศัพท์มือถือ ขนมคบเคี้ยวทุกชนิด เป็นต้น จะต้องเก็บหรือฝากไว้กับพี่เลี้ยง นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สามารถสอนฉันได้ นั่นก็คือ เราสามารถนอนบนพื้นดินได้โดยไม่จำเป็นต้องนอนบนเตียงนุ่มๆ และเราสามารถอยู่ได้โดยมีเสื้อผ้าแค่เพียง 3 ชุดเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องมีเสื้อผ้าเป็นสิบๆชุด สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ฝึกให้เรารู้จักคำว่า สมถะ โดยการสัมผัสและเรียนรู้หลักธรรมด้วยตัวของเราเอง
กิจวัตร กิจกรรมหลักๆ ที่มัชฌิมหญิงต้องทำทุกวัน คือ ตื่นตีสี่ครึ่ง ต้องเก็บที่นอน เก็บกลด แปรงฟัน ล้างหน้า ตีห้า ทำวัตรเช้า นั่งสมาธิ หกโมงเช้า ก็ต้องรับบุญต่างๆ (คือ หน้าที่ของแต่ละกลุ่มที่ต้องทำงานต่างๆ ) เช่น ทำความสะอาดพื้นที่, เตรียมอาหาร, ทำความสะอาดวิมานแก้ว (ทำความสะอาดห้องน้ำ) และซักผ้า พอ เจ็ดโมง ทุกคนต้องรีบมารับประทานอาหารเช้า เก้าโมงเข้าห้องปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ฟังเทศน์ สิบเอ็ดโมง รีบออกจากห้องมารับประทานอาหารเที่ยง บ่ายโมง เข้าห้องปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ ฟังเทศน์ สี่โมงเย็น รับประทานปานะ ประชุมกลุ่มกับพระอาจารย์และพี่เลี้ยง ห้าโมงเย็น ทำภารกิจส่วนตัว หกโมงเย็น ทำวัตรเย็น นั่งสมาธิ ฟังเทศน์ และสี่ทุ่ม ถึงจะได้เข้านอนในบ้านหลังน้อย ทุกๆ กิจกรรมล้วนแฝงไปด้วยธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สอนให้เรามีสติเสมอ และฝึกให้เราทำงานเป็นทีม ทำอะไรต้องพร้อมเพียงกัน แม้แต่ตอนรับประทานอาหาร
สิ่งหนึ่งที่ทำให้ฉันประทับใจจากการอบรมไม่น้อยไปกว่ากิจกรรมอื่นๆ คือ การได้ทำหน้าที่อาสาสมัครเตรียมงานและต้อนรับคนจาทั่วโลกเป็นเรือนแสนที่มาในงานวันที่ 22 เมษายน หรือ วันคุ้มครองโลก และไม่ใช่แค่คนมาร่วมงานเป็นแสนเท่านั้น ยังมีพระภิกษุสงฆ์จาก 10,000 วัด ทั่วประเทศไทย มาร่วมงานนี้เช่นกัน สร้างความประทับใจปราบปลื้มปิติใจให้กับฉันที่สามารถทำให้ทุกคนมีรอยยิ้มและความสุขได้
ถึงแม้ตอนนี้ฉันจะจบโครงการอบรมไปแล้ว แต่คำสอนต่างๆ จากมัชฺฌิมหญิง มิตรภาพที่ดีๆ จากเพื่อนๆ พี่เลี้ยง การฝึกฝนตนเองผ่านกิจกรรมต่างๆ ทำให้ฉันเข้มแข็ง อดทนต่อสิ่งที่ไม่ชอบ ไม่ต้องการ เปลี่ยนแปลง ปรับปรุงนิสัยต่างๆ มากมายทั้งที่ดีและไม่ดี ทำให้ฉันรักในการนั่งสมาธิ สวดมนต์ รักษาศีล รักคุณพ่อคุณแม่ รักในบุญ รักพระพุทธเจ้า รักทุกๆ คน จนใครๆ ต่างทักว่า ฉันใจเย็นมากขึ้น เรียบร้อยมากขึ้น ดูเป็นผู้ใหญ่ทั้งในคำพูด ความคิดและการกระทำ มีสมาธิในการทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเรียนหนังสือ ทำงานต่างๆ ก็ตาม ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยได้รับจากที่ไหนมาก่อนนอกจากมัชฌิมหญิง มัชฌิมหญิงเป็นสมการของชีวิตที่ลงตัวของเยาวชนหญิงรุ่นใหม่ที่เก่งและดีที่สามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเราเอง ซึ่งเป็นบทฝึกของลูกผู้หญิงบทหนึ่งในชีวิตที่ให้มากกว่าคำว่า สวย แก่ตัวฉัน
มัชฌิมธรรมทายาทหญิงรุ่นที่ 13 กลุ่ม 1
ปล. 1.ได้องค์พระจากการอบรมด้วย เอาบุญมาฝากค่ะ
2. ถึงแม้จะจบโครงการมานานแล้วก็ตาม แต่ก็ลงเรื่องราวไว้ตามสัญญาค่ะ เพราะก่อนหน้านี้ไม่มีเวลาเล่นinternet เลยค่ะ
3.คิดถึงเพื่อนๆ มัชฌิมหญิงรุ่นที่ 13 ทุกคนเลยนะ