ไปที่เนื้อหา


จูล่งแห่งอุบล

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 09 Jun 2009
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Jun 23 2009 09:32 AM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

คนแบกศพ

10 June 2009 - 09:33 AM

คนแบกศพ
มีคนโยนศพมาหน้าบ้านทำให้เจ้าของบ้านโกรธแบกศพติดตัวไปตลอด ไม่ว่ากิน,นอน,ทำงาน ไม่ยอมทิ้ง กลิ่นก็เหม็นติดตัวไปตลอด ไปถามผู้มีปัญญาน้อยว่าทำอย่างไรจึงหายเหม็น เขาตอบว่าให้ไปหาผู้ที่เอาศพมาโยนแล้วจัดการเขาเสีย แต่ก็ยังไม่หายเหม็นเพราะตัวเองยังเอาศพมากระเตงติดตัวไว้ แต่ถ้าไปถามพระพุทธเจ้า. พระองค์ก็ทรง “ให้ทิ้งเสีย บุรุษ” แล้วความเหม็นก็จะหายไป คนทั่วไปมักเป็นอย่างชายคนนี้ เวลามีคนมาทำให้เราอารมณ์เสียแค่มีคนมาว่าเราแค่ครั้งเดียวเราก็กลับมาตามว่าตัวเองอีกเป็นร้อยๆครั้ง จนคนที่ว่าเราลืมเรื่องนี้ไปแล้วเป็นปีแต่คนที่ถูกว่าไม่เคยลืม นึกทีไรก็แค้น บางทีถึงกับว่าชาตินี้ไม่ขอลืมแล้วก็กระเตงศพติดตัวไปตลอดชาติ เราต้องไม่เป็นอย่างชายคนนี้ ต้องรู้จักสละอารมณ์

ราคานมสดแก้วหนึ่ง

09 June 2009 - 09:09 PM

ราคาของนมสดหนึ่งแก้ว เมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เด็กชายเคลลี่ ซึ่งอยู่ในครอบครัวที่ฐานะยากจน เขาต้องหาเงินไปโรงเรียนเอง ด้วยการนำสิ่งของใส่กระเป๋าเดินไปขายตามบ้านที่อยู่ในเมืองใกล้เคียง วันหนึ่งเขาพบว่าเมื่อจ่ายค่ารถและค่าสินค้าแล้วเขามีเงินในกระเป๋าเหลือเพียง 10 เซ็นต์ เท่านั้น ขณะนั้นเขากำลังหิวมาก แต่เงินสดที่มีอยู่นั้นไม่พอที่จะซื้ออาหารแม้แต่เพียงมื้อเดียว ดังนั้นเขาจึงคิดจะไปขออาหารจากบ้านที่กำลังเดินไปถึง แต่เมื่อกดกริ่งแล้ว หญิงสาวเจ้าของบ้านมาเปิดประตู เด็กชายเคลลี่กลับเกิดความละอายที่จะขออาหารเหมือนกับขอทานที่ทำมาหากินไม่เป็น เขาจึงขอเพียงน้ำเปล่าเพียงแก้วเดียวเท่านั้น แต่เจ้าของบ้านสาวสังเกตุเห็นท่าทางของเด็กชายเคลลี่ว่าคงจะกำลังหิว เธอจึงได้นำเอานมสดแก้วใหญ่มาให้เคลลี่ดื่ม เด็กชายเคลลี่ดื่มนมอย่างกระหายจนหมดแก้วแล้วถามว่า “ผมต้องจ่ายเงินค่านมถ้วยนี้ให้คุณเท่าไหร่ครับ” เจ้าของบ้านสาวตอบว่า “ไม่ต้องจ่ายเงินหรอก แม่ของฉันสอนไม่ให้รับสิ่งตอบแทนจากการให้น้ำใจไมตรี” เคลลี่ซาบซึ้งใจมากและตอบว่า“ ถ้าเช่นนั้น ก็ขอขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง จากหัวใจของผมก็แล้วกันนะครับ" ขณะที่เด็กชายเคลลี่ได้เดินออกจากบ้านหลังนั้น เขาไม่เพียงแต่ รู้สึกว่ามีกำลังแข็งแรงขึ้นจากนมสดแก้วโตเท่านั้น แต่เขาได้มีความเข้าใจในเรื่องของน้ำใจไมตรีเพิ่มขึ้นด้วย
อีก30 ปีต่อมา มีหญิงคนหนึ่ง ป่วยหนักด้วยโรคหัวใจซึ่งแพทย์ท้องถิ่นไม่สามารถรักษาได้จึงส่งไปให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านโรคหัวใจทำการรักษา เมื่อได้อ่านประวัติผู้ป่วยแล้วแพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นได้สะดุดใจกับชื่อหมู่บ้านของผู้ป่วยคนนั้นจึงตั้งใจรักษาด้วยการผ่าตัดหัวใจอย่างพิเศษโดยใช้อุปกรณ์ทันสมัยที่สุดและยาราคาแพงที่ดีสุดจนผู้ป่วยหายเป็นปกติพร้อมจะกลับบ้านผู้ป่วยมีความเกรงว่าค่ารักษาพยาบาลคงจะมีราคาแพงหลายหมื่นดอลลาร์ ซึ่งเธอเข้าใจว่าคงจะต้องทำงานทั้งชีวิตกว่าเธอจะหาเงินค่ารักษาพยาบาลได้เพราะเธอไม่มีประกันสุขภาพ และยังไม่สามารถไปเบิกได้จากที่ไหนแต่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญคนนั้น ได้บอกเจ้าหน้าที่แผนกบัญชี
ให้นำใบเก็บเงินไปให้เขาแล้วหมอก็ใช้ปากกาเขียนข้อความสองบรรทัดแล้วยื่นให้เจ้าหน้าที่บอกให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้โดยไม่ต้องจ่ายเงินเลย ข้อความที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญท่านนั้นเขียนในใบเรียกเก็บเงินนั้นมีว่า“จ่ายค่ารักษาพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ด้วยนมสดหนึ่งแก้ว
”..........................ลงนาม นายแพทย์โฮเวอร์ด เคลลี่
“ราคาของนมสดหนึ่งแก้ว” เป็นเหตุการณ์จริงที่เกี่ยวกับน้ำใจไมตรีในต่างประเทศ
(ข้อมูลจากคณะทำงานกลุ่มน้ำใจไมตรี ประเทศสิงคโปร์จากจดหมายของนายแพทย์โฮเวอร์ด เคลลี่)
[/font][/size][/size]