ไปที่เนื้อหา


au-xiah

เป็นสมาชิกตั้งแต่ 11 Sep 2007
ออฟไลน์ ใช้งานล่าสุด Sep 22 2007 11:35 AM
-----

กระทู้ที่ฉันเริ่ม

ภาพพระพุทธองค์

21 September 2007 - 07:52 PM

ถ้าใครทราบว่าเป็นภาพเกี่ยวกับอะไร ช่วยเข้ามาตอบด้วยคะ

เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร

17 September 2007 - 07:11 PM

ผู้กระทำบาป ย่อมเดือดร้อนทั้งโลกนี้และโลกหน้า


หญิงคนหนึงมีลูกชายคนเดียว ปฏิบัติแม่ทุกเช้าค่ำ แม่คิดสงสาร
จะหาภรรยาให้ช่วยแบ่งเบา ลูกชายบอกว่าอย่าเลย ทำเองจะดีกว่า
หลายคนก็หลายใจ ไม่ถูกใจก็ทะเลาะวิวาท ...

ในที่สุดแม่ไม่บอกให้ลูกชายทราบ ไปหาผู้หญิงคนหนึ่งมาให้เป็น
ภรรยา อยู่ด้วยกันหลายปีก็ไม่มีลูก จึงไปหาหญิงอีกคนหนึ่งมาให้
เป็นภรรยาน้อย เมื่อภรรยาคนใหม่ตั้งท้อง ภรรยาหลวงคิดว่า
หากเขามีลูกก็จะขึ้นมาใหญ่กว่าตัว นางเกิดความอิจฉาจึงหาวิธีกำจัด
เอายาแท้งใส่ในอาหาร โดยที่ภรรยาน้อยไม่รู้ ลูกในท้องจึงแท้ง
2 ครั้ง ครั้งที่ 3 จึงรู้ว่าเป็นแผนของภรรยาหลวง
แต่แล้วก็ไม่พ้นถูกวางยา ให้ตายไปพร้อมลูกในท้อง

จึงผูกเวรกันว่า ชาติหน้าขอให้กูได้เกิดมาฆ่าลูกมึง ถึงสองครั้ง
ครั้งที่สาม กูขอฆ่ามึงให้ตายไปกับลูกด้วย

ภรรยาน้อยตายไปเป็นแมว ภรรยาหลวงตายไปเป็นไก่
ไก่ออกไข่มาสองครั้งแมวก็เอาไปกินเสีย ครั้งที่สามแมวนั้น
ก็ฆ่าแม่ไก่ไปกินพร้อมไข่

เมื่อแมวตายไปเกิดเป็นเสือ ส่วนไก่ตายไปเกิดเป็นกวาง
พอกวางออกลูกมา เสือก็เอาไปกินเสียสองครั้ง
ครั้งที่สามกวางถูกเสือกินทั้งแม่และลูก...


กวางต่ยไปเกิดเป็นนางกุลธิดา เสือตายเป็นยักขิณี

นางกุลธิดาคลอดลูกออกมาก็ถูกนางยักขิณี มาลวงเอาลูก
ตนไปกินถึงสองครั้ง พอคลอดลูกครั้งที่สามก็กลัวนางยักขิณี
จะมาลวงเอาไปกินอีก เลยชวนสามีหอบลูกหนีจากบ้านไปทาง
ที่พระพุทธองค์กำลังเทศนาอยู่ เมื่อนางยักขิณีตามมาหา
นางกุลธิดาไม่เห็น ได้ทราบข่าวว่านางหนีไปแล้ว ก็วิ่งตามไป
พอดีเจดนางอยู่ในสำนักกับพระพุทธเจ้า

พระองค์ได้เทศนาธรรมให้คู่เวรทั้งสองฟัง จึงเกิดศรัทธา
เลื่อมใสในธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า พระองค์จึงให้ทั้งสอง
อโหสิกรรมแก่กัน ให้เป็นมิตรสหายกัน เป็นอันจบเวรกันเท่านั้น

นับว่าทั้งสองยังโชคดีที่ได้มาพบกับพระพุทธองค์ โปรดให้
เห็นแจ้งถึงกรรมปาณาติบาต มิเช่นนั้นแล้ว ก็ยังจองเวรกัน
ต่อไปไม่สิ้นสุด...


[/size]

[size="4"]









อานิสงส์ 23 ประการ ในการรักษาศีล ข้อ 1

16 September 2007 - 05:40 PM

อานิสงส์ 23 ประการ

ของการรักษาศีล ข้อที่ 1 (ไม่ฆ่าสัตว์)

1. มีอวัยวะน้อยใหญ่ครบถ้วน

2. มีร่างกายสมส่วน

3. มีความแคล่วคล่องว่องไว

4. ฝ่ามือและฝ่าเท้างดงามอย่างบรรจง

5. เป็นผู้มีผิวพรรณสดใส

6. มีรูปโฉมงามแฉล้ม

7. เป็นผู้อ่อนโยน

8. เป็นผู้มีความสุข


9. เป็นผู้แกล้วกล้า

10. เป็นผู้มีกำลังมาก

11. มีวาจาเพราะพริ้ง

12. พวกพ้องบริวารไม่แตกแยก

13. ไม่เป็นคนขี้กลัว

14. ไม่ถูกทำลาย


15. ไม่มีคนคอยป้องร้าย

16. มีบริวารหาที่สุดมิได้


17. มีรูปงาม

18. มีทรวดทรงสมส่วน

19. มีโรคน้อย

20. ไม่มีเรื่องเศร้าโศกทุกข์ใจ

21. เป็นที่รักของชาวโลก

22. ไม่พลัดพรากจากคน และ ของรัก

23. มีอายุยืน







โทษแห่งปาณาติบาต

16 September 2007 - 03:54 PM

โทษแห่งปาณิติบาต


พราหมณ์ผู้หนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงอยู่ในเมืองพาราณสีมีลูกศิษย์
เป็นจำนวนมาก พราหมณ์ผู้นี้ถือลัทธิ ฆ่าสัตว์บูชายัญ....
สัตว์ที่ว่านี้คือ แพะ ถูกนำมาตัดคดแล้วเอาไปสังเวยต่อเทพเจ้า ด้วยการ
ตรึงหรือแขวนไว้กับเสาหลัก .. .

ครั้งนั้นพระพุทธเจ้าของเราเกิดเป็นรุกขเทวดา ได้เห็นการกระทำของ
พราหมณ์ วันนั้น พราหมณ์เกิดความคิดอยากทำบุญให้แก่ดวงวิญญาณ
ของญาติมิตรผู้ล่วงลับไปแล้ว ...

ดังนั้น พราหมณ์จึงบอกลูกศิษย์ให้จับแพะมาตัวหนึ่ง แล้วสั่งว่า
"พวกท่านจงนำแพะตัวนี้ไปตกแต่งประดับประดาให้ดี" ....

เป็นธรรมเนียมของเขาที่ถือปฏิบัติมานาน หากจะฆ่าสัตว์ตัวใดบูชายัญ
ก็จะอาบน้ำชำระร่างกายสัตว์นั้นให้สะอาด และ แต่งตัวให้สวยงามก่อน
จากนั้นจึงนำไปฆ่า ...

ครั้งนี้ก็เช่นกัน เมื่อเขาให้ลูกศิษย์จูงแพะไปที่แม่น้ำ แล้วก็สั่งพวกพวก
ลูกศิษย์ให้อาบน้ำแต่งตัวให้แพะจนสวยงาม โดยคล้องพวงมาลัยไว้ที่คอ
แล้วจูงแพะมายืนรออยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำ


ขณะที่ยืนอยู่นั้น แพะได้ระลึกชาติเห็นกรรมเก่าของตน ที่ทำให้
ต้องมาทนทุกข์ถึงเพียงนี้ และเมื่อรู้เกณฑ์ชะตาของตนแล้ว เหตุการณ์
ประหลาดก็เกิดขึ้นคือ
แพะหัวเราะ แล้วกลับ ร้องไห้ !

พวกลูกศืษย์ของพราหมณ์เห็นแล้วรู้สึกประหลาดใจจึงถามว่า
"เพื่อนเอ๋ย เหตุใดท่านจึงหัวเราะแล้วกลับร้องไห้ "...

แพะตอบว่า "เมื่อกลับถึงสำนักอาจารย์ของท่าน แล้วเราจะบอกต่อหน้า
อาจารย์ของพวกท่าน !" ครั้นแล้วพวกเค้าก็จูงแพะกลับไปที่สำนัก
พร้อมทั้งเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับพราหมณ์ผู้เป็นอาจารย์ฟัง ....

พราหมณ์จึงถามแพะว่า " แพะเอ๋ย เพราะเหตุใดท่านจึงหัวเราะ และ
เหตุใดท่านจึงร้องไห้?"

แพะยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งคล้ายกำลังหวนระลึกถึงกรรมที่ตนได้เคยกระทำไว้
แล้วตอบว่า...



"ท่านพราหมณ์.... เราหัวเราะก็เพราะดีใจว่าจะได้พ้นทุกข์ และ
ร้องไห้ก็เพราะเสียใจว่าท่านจะได้รับทุกข์เหมือนอย่างเรา "
พราหมณ์รู้สึกฉงนใจในคำพูดของแพะมาก แพะเห็นเช่นนั้นจึงเล่า
เรื่องราวอดีตชาติของตนให้ทุกคนฟัง ....

"ท่านพราหมณ์ .. เมื่อก่อนเราก็เป็นพราหมณ์เหมือนเช่นท่าน เราได้ฆ่า
แพะตัวหนึ่งเพื่อเป็นเครื่องสังเวยในการบวงสรวงดวงวิญญาณและเพราะ
การฆ่าแพะเพียงตัวเดียวนั้น ทำให้เราต้องถูก ตัดศรีษะมาแล้วถึง 499
ชาติ และ ชาตินี้คือชาติที่ 500 จะเป็นชาติสุดท้ายแล้วที่เราจะถูก
ตัดศรีษะ....

เราเกิดความดีใจที่จะพ้นจากความทุกข์นี้เสียที เราจึงหัวเราะขึ้นมา
แต่ที่ร้องไห้นั้นเป็นเพราะเราสงสารท่าน ถ้าหากท่านฆ่าเรา ท่านก็จะ
ต้องทนทุกข์ด้วยการถูกตัดศรีษะไปถึง 500 ชาติ เช่นเดียวกับที่เรา
เคยเป็นมา " ...




ครั้นเล่าเรื่องจบลง แพะก็ยืนนิ่ง พราหมณ์เข้าใจว่าแพะกลัวตายจึง
เข้าไปใกล้แล้วปลอบว่า...

"ท่านอย่ากลัวไปเลย เราจะไม่ฆ่าท่าน!"

แต่แพะกลับพูดว่า ... "ท่านพราหมณ์ ไม่ว่าท่านจะฆ่า หรือ ไม่ฆ่าเรา
วันนี้เราก็ไม่อาจรอดพ้นความตายไปได้ เพราะ บาปกรรมเก่าตามมาทัน
แล้ว"

"เมื่อเราไม่ฆ่าเจ้าแล้วใครจะฆ่าได้ ... แพะเอ๋ย อย่ากลัวไปเลยเราจะ
คุ้มครองเจ้าให้ปลอดภัย "..

"ขอบคุณท่านพราหมณ์ แต่ท่านจะช่วยคุ้มครองให้ข้าพเจ้าพ้นจาก
ผลของบาปกรรมนั้นคงไม่ได้หรอก เพราะบาปกรรมที่ข้าพเจ้าทำ
นั้นมีกำลังมากเกินที่ใครจะขัดขวางได้ " ...

พราหมณ์ก็ยังยืยยันว่า " เราก็จะไม่ยอมให้ใครฆ่าท่าน !"

จากนั้น พราหมณ์ก็สั่งให้ปล่อยแพะให้เป็นอิสระ และบอกลูกศิษย์
ให้ติดตามคุ้มครองแพะตัวนั้น " ...

เมื่อแพะถูกปล่อยก็เดินเล็มหญ้าและใบไม้ จนถึงพุ่มไม้แห่งหนึ่ง
ซึ่งทอดยาวตามแผ่นหิน ใบไม้เขียวน่าอร่อย แพะจึงขยับตัวยื่นคอ
ไปเล็ม แต่ทันใดนั้นเองเกิดฟ้าผ่าลงบนแผ่นหินแตกกระจาย
สะเก็ดหิวปลิวมาตัดคอแพะขาดกระเด็น ! ลูกศิษย์ของพราหมณ์
ต่างพากันมุงดูแพะที่นอนตายอย่างน่าเศร้าสลด ...

พระพุทธเจ้าซึ่งบังเกิดเป็นรุกขเทวดาสถิตอยู่ในที่นั้น เห็นเหตุการณ์
โดยตลอดต้องการจะสอนคนทั้งหลายให้ละเว้นจาก การฆ่าสัตว์
จึงปรากฏกาย ขึ้นพร้อมทั้งแสดงธรรมด้วยเสียงอันไพเราะว่า

" สัตว์ทั้งหลาย เมื่อรู้ผลของบาปเช่นนี้
ไม่ควรทำปาณาติบาต พึงรู้ว่าการเกิดนี้เป็นทุกข์
สัตว์ไม่ควรฆ่าสัตว์ เพราะว่าผู้มีปกติฆ่าสัตว์ ย่อมโสกเศร้า"

:'(





















อานิสงส์ของการบริจาคทาน

14 September 2007 - 08:25 PM

อานิสงส์ของการบริจาคทาน


เมื่อพระกษิตฺครรภโพธิสัตว์ได้พรรณานถึงการสวดมนต์ภาวนาพระนามของ
พระพุทธเจ้าทั้งหลายจบลง ท่านก็ได้กราบอาราธนาทูลขอให้พระบรมศาสดา
แสดงพระธรรมเทศนาว่าด้วยเรื่องบุญกุศลแห่งการบริจาคทาน พระพุทธองค์ตรัสว่า


" ตถาคตจะถือเอาโอกาสที่พวกท่านทั้งหลายจากทั่วทิศพิภพที่ร่วมประชุมธรรม
ในชั้นดาวดึงส์เทวโลกนี้อธิบายถึง อานิสงส์ของการบริจาคทาน ขอให้ท่านทั้งหลาย
จงตั้งใจฟัง การบริจาคทานของปุถุชนในโลกนั้นมีเหตุปัจจัย ที่ทำให้ได้อานิสงส์
มากน้อยต่างกัน


บ้างได้รับผลบุญในชาติเดียว
บ้างได้รับผลบุญใน 10 ชาติ
บ้างได้รับผลบุญใน 100 ชาติ 1000ชาติ ต่อเนื่องกันไป


" ในโลกียโลกนั้นหากบรรดาพระราชา มหากษัตริ์ ขุนนาง อำมาตย์
ข้าราชบริพาร ตลอดจนสมณะชีพราหมณ์ นักบวช นักพรต และ ปุถุชนธรรมดา
ทั้งหลายเมื่อพบคนที่ตกทุกข์ได้ยาก หูหนวกตาบอด ต้องลำบากแสนเข็ญ
ด้วยเหตุนานาประการ หากบุคคลผู้นั้นไม่ว่าจะอยู่ในวรรณะใด สถานะใด
มีจิตเมมตาบริจาคทาน แก่พวกเค้าเหล่านั้น โดยหยิบยื่นวัตถุทานทั้งหลายให้
ด้วยมือตนเองพร้อมทั้งกล่าวคำปลอบประโลม แก่บรรดาผู้ทุกข์ยาก
กุศลที่จะได้รับมากมายดั่งเมล็ดทรายในแม่น้ำคงคา ทั้งนี้เพราะจิตเมตตา
อันบริสุทธิ์ ที่มีต่อผู้ซึ่งกำลังตกทุกข์ได้ยาก ทรงพลานุภาพยิ่ง อานิสงส์แห่ง
การบริจาคทานด้วยจิตเมตตาอันบริสุทธิ์จะส่งผลให้ บุคคลผู้นั้น ได้เกิดอยู่ใน
ชาติตระกูลที่สูงส่งเพียบพร้อม ไปด้วย พระศฤงคาร เจริญรุ่งเรือง สมบรูณ์พูน
สุขอย่างหาที่เปรียบมิได้


หากผู้ใดพบเห็น วัดวาอารม ศาสนสถาน สถานปฏิบัติธรรมซึ่งมีพระรูปของ
องค์พระพุทธะ พระโพธิสัตว์ ประดิษฐานอยู่แล้วมีจิตศรัทธา เข้าไปนมัสการ
กราบไหว้สักการะ ตลอดจนได้บำเพ็ญทานสร้าง ถนนหนทางสะพาน
ทะนุบำรุงสาธารณสมบัติ สร้างพระคัมภีร์พระสูตร หนังสือธรรมะ เพื่อค้ำชู้
จรรโลงพระศาสนา บุคคลผู้นั้นจะได้เสวยตำแหน่ง เป็นท้าวสักกะเทวราช
อยู่เป็น 10 กัปป์

หากผู้ใดได้พบเห็น วัดวาอาราม ศาสนสถาน พระพุทธปฏิมา รูปเคารพ
ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งทรุดโทรมถูกทิ้งร้าง แล้วบังเกิดจิตศรัทธา ทำการบรูณะ
ซ่อมแซม ปฏิสังขรณ์ และ ยังชักชวนสาธุชนร่วมบุญกันอย่างสมัครสมาน
สามัคคี ด้วยอานิสงส์จากการกระทำดังกล่าว จะส่งผลให้บุคคลนั้น
ได้ไปจุติเป็น เทพพรหมชั้นสูง 1000 ชาติ



ส่วนผู้ใดที่ได้มาร่วมใจกันบำเพ็ญทานสร้างบุญโดยการ สละทรัพย์
สละแรงกาย สละปํญญาความรู้ ก็จะได้ไปเกิดเป็น พระราชาเจ้าเมืองร้อยชาติ
และหากทุกคนได้อธิฐานจิต ต่อเบื้องพระพักตร์พระพุทธปฎิมา ที่ซ่อมเสร็จภายใน
โบสถ์วิหาร หรือ สถานปฏิบัติธรรมนั้นๆ ผู้ได้ร่วมบุญทั้งหมดก็จะสามารถเข้าสู่
กระแสแห่งพระนิพพานได้ถ้วนหน้า

หากบุคคลใดได้พบเห็นคนแก่ชราคนป่วยคนพิการ ทุพพลภาพ หรือ
หญิงมีครรภ์ที่ยากจน แล้วบังเกิดเวทนาสงสาร อย่างแรงกล้า พร้อมกับได้
บริจาคทานยารักษาโรค เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม เครื่องอุปโภคบริโภค
เพื่อให้พวกเขาทั้งหลาย มีความสุข สะดวกสบายขึ้น บุคคลผู้ปฏิบัติ
เช่นนั้น จะได้รับอานิสงส์ยิ่งใหญ่ เขาจะได้ไปจุติเป็นสิ่งศักดิ์ มีผู้คนกราบ
ไหว้บูชา เป็นเวลาถึง 200 กัปป์ และ จะสามารถสำเร็จมรรคผลได้ในที่สุด

ดูก่อน ..... กษิติครรภโพธิสัตว์ บุคคลผู้ซึ่งสามารถบริจาคทาน
อย่างสม่ำเสมอมิได้ขาด เป็นที่แน่นอนเหลือเกินว่าเขาผู้นั้น จะสามารถบรรลุ
มรรคผล สำเร็จเป็นพุทธะ โดยมิต้องสงสัย เหตุฉะนี้ ท่านจงย้ำเตือน
ให้เวไนยสัตว์ทั้งหลาย ในโลกียโลก หมั่นสร้างกุศลบริจาคทานอยู่เป็นนิจ
โดยเฉพาะ การให้ธรรมะเป็นทาน อานิสงส์ที่บังเกิดขึ้นจะเป็น มหากุศล
ที่มิอาจประมาณได้

อนึ่งหากบุคคลใดมีจิตศรัทธาเคารพเลื่อมใสถวายทาน ด้วยภัตตาหาร
ผลไม้เครื่องบริโภคแด่พระพุทธปฎิมา และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนได้เกื่อกูล
อุปถัมภ์ เหล่าพระสงฆ์ นักบวช นักพรต ผู้มีศีล บริสุทธิ์ทั้งหลายบุคคลนั้นจะ
ได้เสวยสุขบนทิพยวิมาน นานเท่านาน

หากบุคคลใดได้สดับฟังธรรมกถา แม้เพียงวรรคเดียวแล้วบังเกิดจิตศรัทธา
มุ่งมั่นอุทิศตนเผยแผ่หลักสัจธรรม เพื่อเป็นวิทยานแก่ ชาวโลกทั้งมวล บุคคล
ผู้นั้นย่อมจะได้ชื่อว่า สามารถบำเพ็ญมหากุศลอันกว้างใหญ่ไพศาล

หากบุคคลผู้ใดมีใจเป็นกุศล บอกกล่าวคนทั้งหลายให้กราบไหว้ พระไตรรัตน์
รู้จักประพฤติธรรม ต่อไปบุคคลนั้นจะได้เกิดเป็นผู้นำของมหาชนสืบต่อกันเป็น
เป็นเวลา 33 ชาติ

อนึ่งหากบุคคลผู้ใดมีใจ เป็นกุศลบอกกล่าวชักชวนคนทั้งหลาย ให้มาร่วมใจ
กันทะนุบำรุงปฏิสังขรณ์ ศาสนสถาน วัดวาอาราม สถานปฏิบัติธรรม ซ่อมแซม
หนังสือพระธรรมคัมภีร์ ต่อไปบุคคลนั้น จะได้จุติเป็นมหาเทพ ผู้เปี่ยมด้วย
ญาณปัญญา อันเลิศล้ำ และ สามารถ นำเอาหลักธรรมคำสอน มาฉุดช่วย
มนุษย์ทั้งหลายสืบไป

" ดูก่อน.... กษิติครรภโพธิสัตว์ในอนาคตกาลหากบุคคลใดได้ปลูก ฝั่งราก
แห่งกุศลธรรมอันดี โดยสร้างหนังสือคัมภีร์พระสูตร เผยแผ่ธรรม เพื่อกล่อม
เกลาจิตใจผู้คน หากสาธุชนเหล่านั้นปฏิบัติด้วยใจ อันบริสุทธิ์ มีปณิธาน
มุ่งมั่นบำเพ็ญธรรมเพื่อประโยชน์ สุขของมวลมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลาย
บุญกุศลก็เนืองนอง แผ่ผลไพศาลให้ได้ประสบแต่ความสุขถึงร้อยชาติพันชาติ

แต่ถ้าหากบุคคลใด กระทำไปเพื่อชื่อเสียง ลาภ สักการะ มุ่งแต่เฉพาะ
ประโยชน์ส่วนตน เขาผู้นั้นก็จะได้รับผลบุญเพียง 3 ชาติ
เหตุฉะนี้ หากบุคคลใดเป็นผู้ไม่ยึดติด ในบุญกุศลที่ตนได้กระทำไว้ แล้ว
สามารถสละผลบุญนั้นอุทิศออกไป เช่นนี้ จึงจะนับได้ว่าเป็นการบำเพ็ญทาน
ที่แท้จริง เมื่อนั้นบุญกุศลก็จะเพิ่มพูนเป็นหมื่นเท่าทวีคูณ

ดูก่อน.... กษิติครรภผู้เป็นมหาโพธิสัตว์ อานิสงส์ ของการบำเพ็ญ
ทานก็เป็นดังที่ ตถาคตได้กล่าววิสัชนาด้วยประการฉะนี้