ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

วิบากกรรมที่ทำให้เกิดความน้อยใจ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 *-*Namkhang*-*

*-*Namkhang*-*
  • Members
  • 73 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 12:05 AM

มีอาการน้อยใจ ช้ำใจ เศร้าใจ แล้วไปดึงเรื่องราวในอดีตขึ้นมาคิด เป็นเอง เป็นบ่อย และเป็นเก่งมาก ไม่ต้องมีอะไรมากระตุ้น ช่วงที่จะต้องรับบุญใหญ่ๆอย่างนี้ คุ้มดีคุ้มร้ายเป็นบางช่วงจริงๆ ทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากวิบากกรรมนี้คะ

#2 ตะกร้าอีกใบ

ตะกร้าอีกใบ
  • Members
  • 1297 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 12:48 AM

อันนี้ผมก็เป็นเหมือนกันครับ แต่หลวงพ่อบอกว่าต้องเลิกนิสัยนี้ เพราะเดี๋ยวจะเป็นผังติดไป นี่ก็เป็นผังเก่าที่ติดมา
อย่าขาดการปฏิบัติธรรมแม้แต่เพียงวันเดียว
เพราะขาดแม้เพียงวันเดียว ใจเราจะหยาบ ทำให้ผังวิตกกังวลได้ช่อง

7 ส.ค. 48



#3 @--แสงตะวัน--@

@--แสงตะวัน--@
  • Members
  • 723 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 01:00 AM

วิบากกรรม + วิบากมาร สุ้ๆ นะครับ wink.gif
"ชีวิตนี้อุทิศเพื่อพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย"

#4 usr34073

usr34073
  • Members
  • 30 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 11:23 AM

คือมันไม่ได้เกี่ยวกับวิบากกรรมอะไรเลยครับ แต่มันอยู่ที่เราควบคุมจิตของเราไม่ได้
ห้ามความคิดไม่ได้จึงเกิดอาการดังกล่าว การฝึกจิตก็เพื่อ ให้เราสามารถควบคุมความคิดได้
สั่งปิดเปิดความคิดได้ จะให้คิดก็ได้ จะให้หยุดคิดก็ได้

#5 ลูกอินทรีย์หัดบิน

ลูกอินทรีย์หัดบิน
  • Members
  • 369 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 11:32 AM

หลวงพ่อท่านถึงสอนว่า อย่าส่งใจไปอยู่นอกตัวนอกกายบ่อย ๆ ไงครับ

ให้ทำใจนิ่ง ๆไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ตลอดเวลาทั้งนั่ง นอน ยืน เดิน เหมือนในการบ้าน 10 ข้อ
ที่ท่องกันในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทุกวัน

นี่แหละครับวิธีแก้ไขตรง ๆ เลย ถ้ายังฟุ้งอยู่อีกก็ ภาวนา สัมมา อะระหัง ๆๆ ถี่ๆ ให้เรื่องเข้ามาไม่ได้เลย

รายการชีวิตในสังสารวัฏ

ยืนยันตัวจริงเสียงจริงเจ้าของกรณีศึกษากฎแห่งกรรม

http://video.dmc.tv/programs/life_in_samsara/page5.html


หนังสือเรียนธรรมะ DOU           http://book.dou.us/d...ya-book-gl.html

GL 101 จักรวาลวิทยา                            http://book.dou.us/gl101.html
GL 102 ปรโลกวิทยา                              http://book.dou.us/gl102.html
GL 203 กฎแห่งกรรม                             http://book.dou.us/gl203.html
GL 305 ปฏิปทามหาปูชนียาจารย์           http://book.dou.us/gl305.html


#6 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 04:54 PM

บางทีถ้าได้เปลี่ยนกิจกรรมที่ทำอยู่เดิมๆ ต้องเจอคนหน้าเดิมๆ มาเป็นกิจกรรมใหม่บ้าง เปลี่ยนงานอดิเรกที่ทำประจำๆ บ้าง หรือเปลี่ยนสังคมที่คบหาอยู่บ้าง พูดง่ายๆ คือ เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อะไรๆ ก็น่าจะดีขึ้นนะครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#7 hk_girlza

hk_girlza
  • Members
  • 580 โพสต์

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 07:00 PM

ไม่ทราบว่า พอจะช่วยได้มั้ย แต่เอามาลงให้ได้อ่านกันค่ะ

ถาม จิตที่กระทบความดีของผู้อื่นแล้วทนไม่ได้ กระสับกระส่าย กระวนกระวาย ซึ่งความรู้สึกเช่นนี้แม้ไม่แสดงออก ก็จัดว่าเป็นจิตที่ริษยาครอบงำ ผู้มีจิตริษยาจึงเร่าร้อนเหมือนถูกไฟแผดเผา จะยืน เดิน นั่ง นอน หาเป็นสุขไม่ หลวงพ่อคะ ทำอย่างไร จึงจะเลิกนิสัยอิจฉาชาวบ้านได้คะ


ตอบ ก่อนอื่นคุณต้องรู้ว่า การที่คุณเป็นคนอิจฉาริษยาชาวบ้านนั้นเป็นเพราะ คุณมีบุญน้อย อยากจะรวยก็รวยไม่ได้ เพราะให้ทานมาน้อย อยากฉลาดก็ฉลาดสู้เขาไม่ได้ เพราะทำภาวนามาน้อย อยากจะเกิดในชาติตระกูลสูงก็ไม่ได้ เพราะไม่เคยเคารพกราบไหว้ผู้มีคุณธรรมมาก่อน จึงต้องเป็นรองเขาร่ำไป เมื่อเป็นรองเขาเรื่อยไป แทนที่จะได้คิดว่าเป็นรองเขาเพราะสร้างบุญมาน้อย กลับปล่อยให้โมหะความหลงผิดเข้าครอบงำจิตใจ ไปอิจฉาริษยาเขา


คนที่จะเลิกอิจฉาริษยาชาวบ้านได้ จึงต้องพิจารณาให้เห็นโทษของความอิจฉาริษยาให้ชัดเจนเสียก่อนว่า มันทำให้เกิดความเสียหายแก่เราอย่างไรบ้างตั้งแต่ทำให้วาสนาของตัวเองตกต่ำ มิหนำซ้ำยังไม่มีกำลังใจที่จะทำความดีต่อไปอีกแม้จะเกิดไปกี่ภพกี่ชาติเบื้องหน้าก็จะเป็นคนที่มีอานุภาพน้อย จะต้องเป็นรองคนอื่นเขาอยู่ร่ำไป แม้ที่สุดจะเกิดเป็นกษัตริย์ก็จะตกเป็นประเทศราช

ฉะนั้น ถ้าต้องการแก้ไขนิสัยไม่ดีดังกล่าว จึงต้องทำดังนี้


1. ทุกครั้งที่รู้ตัวว่า เรากำลังมีจิตคิดอิจฉาริษยาใครก็ตาม ต้องรีบเตือนสติตัวเองว่าที่เป็นเช่นนี้ เพราะคุณความดีในตัวเรามีน้อยมีบุญน้อยจังได้น้อยหน้า ไม่เท่าเทียมเขา เป็นความผิดของเราเอง ที่ภพในอดีตไม่ชอบสร้างบุญกุศล ไม่ใช่ความผิดของคนอื่น เพราะฉะนั้น จะต้องรีบเร่งสะสมความดี สร้างบุญกุศลให้มากๆ


2. หมั่นฝึกสมาธิให้มากๆ เป็นประจำทุกวัน แม้จะได้ผลช้ากว่าคนอื่นก็เพียรเรื่อยไป เมื่อใจผ่องใสละเอียดอ่อนขึ้น ก็จะเห็นช่องทางในการทำความดี ในการสร้งบุญกุศลกว้างขึ้นมากขึ้นแล้วตั้งใจทำความดีตามนั้นอย่างสุดกำลังความสามารถด้วยความไม่ประมาท บุญของเราก็จะสะสมมากขึ้นๆ ในที่สุดก็เป็นคนที่มีความดีอยู่ในตัวมากจนไม่จำเป็นต้องไปอิจฉาริษยาใครอีกต่อไป แต่แน่นอน กว่าจะทำให้นิสัยขี้อิจฉาริษยานี้หมดไปต้องใช้เวลานานมาก ฉะนั้นขณะกำลังฝึกตัวก็ควรได้กัลยาณมิตรเช่นครูบาอาจารย์ ผู้ใหญ่เพื่อนที่นิสัยดีๆ ฯลฯ เป็นพี่เลี้ยงช่วยเตือนสติให้ก็จะดียิ่งขึ้น


ถ้ากำจัดความริษยาให้สิ้นไปจากใจได้เมื่อไรก็จะพบความสงบสุขเมื่อนั้น


#8 ณ ๐๗๒

ณ ๐๗๒
  • Members
  • 1340 โพสต์
  • Location:Ladkrabang

โพสต์เมื่อ 02 April 2010 - 11:07 PM

ถ้ารู้ตัวเองแล้ว ก็ต้องพยายามปรับเปลี่ยนนิสัย และความคิดค่ะ ไม่ได้เปลี่ยนกันได้ง่ายๆ แต่ก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะเปลียนตัวเองค่ะ

สำหรับตัวเองนะคะ ได้เอาแนวคิดในเรื่องการสร้างบารมี ที่ว่าเรามองเป้าหมายเป็นหลัก ไม่น้อยใจเพื่อนกัลยาณมิตร ไม่เอาอดีตมาซ้ำเติมตัวเอง
เมื่อเราเริ่มคิดเป็น เริ่มคิดดี เลิกน้อยอกน้อยใจ ในเรื่องการสร้างบารมี ก็นำแนวคิดและความรู้สึกแบบนั้นมาใช้ในการดำเนินชีวิตในเรื่องอื่นๆ บ้าง
รวมทั้งการนั่งสมาธิ ถ้านั่งสมาธิมากๆ เข้า เราจะสามารถตัดใจกับเรื่องราวต่างๆ ได้ง่ายขึ้น เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็มักจะไม่เก็บมาคิดเล็กคิดน้อย คิดน้อยใจใครๆ
และอีกวิธีที่ใช้นะคะ ไม่ทราบว่ามีใครทำแบบนี้บ้าง คือการอธิษฐานจิตค่ะ เช่น
ขอให้เป็นผู้ที่ี่มีจิตใจเข้มแข็ง มั่นคง เด็ดเดี่ยว ไม่ร้องไห้ ไม่น้อยใจ ขอให้ลืมเรื่องราวที่ทำให้จิตใจเศร้าหมอง

เค้าว่า..(จำไม่ได้แล้วว่าใครเป็นคนพูด) กายจะเป็นชายได้ ใจก็ต้องเป็นชายก่อน ก็เลยทำให้ตัวเองตั้งปนิธานว่าตัวเองจะเลิกนิสัยคิดเล็ก คิดน้อย นิสัยขี้น้อยใจของผู้หญิงให้ได้ เพราะว่าไม่อยากเป็นหญิงในชาติต่อๆ ไปแล้ว(รวมทั้งรักษาศีล และนั่งสมาธิด้วย)

ความพร้อมเกิดขึ้น เมื่อเริ่มต้นลงมือทำ (โอวาทหลวงพ่อ 27/4/51)

ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจบุรุษให้หลงใหลได้มากเท่ากับสตรี  ไม่มีสิ่งใดที่จะรัดตรึงใจสตรีให้หลงใหลได้มากเท่ากับบุรุษ
แท้จริงแล้วความรักก็เปรียบดั่งเครื่องพันธนาการ  ที่มัดตรึงเหนียวแน่น ให้ลุ่มหลงอยู่ ย่อมจะต้องเวียนว่ายตายเกิดและจมอยู่ในกองทุกข์ร่ำไป


#9 ดินสอแห่งธรรม

ดินสอแห่งธรรม

    สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง

  • Members
  • 1478 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ดุสิตบุรี
  • Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง

โพสต์เมื่อ 03 April 2010 - 09:36 PM

น้อยใจ คือ ความหมอง... เก่งไม๊? มาร จะว่าไปแล้วเขาสุดยอดเลยแหละ แต่ถ้าจะชนะ คือ ชนะด้วย ...ไม่น้อยใจ...
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....

#10 Jakariki

Jakariki
  • Members
  • 25 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 April 2010 - 06:49 PM

อย่าไปยึดมั่นถือมั่น ลองเปลี่ยนบรรยากาศโดยการไปเที่ยวตามธรรมชาติ หรือบางที่ลองเปลี่ยนสถานที่อยู่อาศัยก็ดี เพราะบางที่อาจมีกายละเอียด ส่งกระเเสไม่ดีมากระทบใจให้ใจขุ่นก็ได้ ลองอุทิศกุศลให้กายละเอียดในบ้านที่อยู่ เเละอุทิศให้เทวดาผู้ดูเเลตัวเอง2องค์บ่อยๆด้วยก็จะดี เพราะใครก็ตามก็มีเทวดาที่ดูเเลตัวเองที่นิสัยเหมือนตัวเอง เเละที่สำคัญพยายามทำจิตให้เป็นหนึ่งเเละเลิกคิดสิ่งไม่ดี เพราะคิดเรื่องอดีตที่ไม่ดีก็เท่านั้น คิดเสียว่าเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้ผิดพลาดเพราะในโลกนี้ผมเชื่อว่าไม่มีใครสมบูรณ์เเบบเสียทุกอย่าง ถ้าภายในหนึ่งเดือนยังไม่หายจะขอนัดเจอเพื่อให้คำเเนะนำได้
เพียงเเต่ทิ้งอีเมล์ด้วยนะ ไม่เชื่อเราก็ไม่เป็นไร

#11 *-*Namkhang*-*

*-*Namkhang*-*
  • Members
  • 73 โพสต์

โพสต์เมื่อ 04 April 2010 - 09:32 PM

ขอบคุณมากค่ะสำหรับทุกคำแนะนำและกำลังใจ
มีเรื่องหนึ่งในชีวิตที่ทำให้เราแย่ที่สุด แม้เรื่องดีๆจะเกิดขึ้นตามมา
เราก็ไม่สามารถลืมเรื่องร้ายๆนั้นได้.....แม้เรื่องดีๆจากเหตุการณ์นั้น....เราก็ไม่สามารถล้างใจให้รับสิ่งดีๆที่เข้ามาได้อย่างบริสุทธิ์นัก
'ใจเจ้ากรรมนึกถึงทีไรน้ำตาตกทุกที"
ยังไม่เข้าใจเรื่องที่คุณJakarikiแนะนำค่ะ
สงสัยว่า
"อาจมีกายละเอียด ส่งกระเเสไม่ดีมากระทบใจให้ใจขุ่นก็ได้ "
คือเป็นเกือบทุกที่ค่ะ ในวัดก็เป็น แม้กับพระ เราก็เป็น ยังทำไม่ดีใส่ท่านเมื่อเราไม่พอใจ อย่างนี้เราต้องอุทิศบุญให้กับเทวดาที่รักษาคนอื่นที่เราวีนใส่รึเปล่าคะ
"เทวดาที่ดูแลตัวเราสององค์"นี่มีจริงหรือคะ หากเราทำไม่ดีเทวดาท่านจะอยู่กับเรา รักษาเราได้หรือคะ ถ้าหากคนเรามีเทวดารักษาอยู่ ทำไมคนเรายังตายคะ ตายแล้วเทวดาที่รักษาตัวเราจะไปอยู่ที่ไหนต่อคะ
มีช่วงที่เราเสียใจกับเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิต คิดอยากตาย อยากหนี แม้ว่าจะศึกษาธรรมมาบ้างแล้ว เล็งเห็นโทษของการคิดสั้น แต่มันก็เป็นความคิดที่วนเวียนว่าจะเป็นทางออกเสมอ แต่ไม่อยากตายนะคะ ยังรู้สำนึกถึงพ่อ แม่ ครอบครัวที่ หน้าที่ต้องรับผิดชอบ ไปวัดบ่อยมาก ไปหลายที่ ทำบุญ อุทิศให้คนที่ทำเราด้วยทุกครั้ง บางทีทีวี พัดลมเปิดเอง วิทยุเปิดเอง เป็นรายการธรรมมะด้วย แล้วก็ตรงกับเรื่องของเรา ไปนมัสการพระธาตุวัดภูเขาทอง ก็มีแสงกระพริบๆเป็นประกายขาวออกมา เวลาอยู่กับเด็กๆก็เคยเห็น นี่จะเป็นเทวดาหรือเปล่าคะ หรือเราคิดไปเอง อาจเป็นภาพหลอนหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าติดขัดอยู่ก็ได้ เป็นไปได้หรือไม่คะ ว่าสิ่งที่เป็นปาฏิหารย์เหล่านี้เป็นเพราะดวงแก้วที่เราได้มาจากคนรัก และเขาก็เคยบอกไว้ว่าส่งมาดูแล และจะใช่ได้อย่างไรคะ ก็ในเมื่อเขาทำร้ายเราแล้ว ดวงแก้วคงไม่ช่วยเราหรอก อีกอย่างได้นำไปให้พระท่านดูแล้ว ปรากฎว่า ไม่มีเทพเทวดาอยู่ เป็นแค่อุปกรณ์ในการฝึก แต่ก่อนที่เราจะเจอเรื่องทุกข์หนักนี้ก็นั่งสมาธิดี สั่งสมนิสัยนี้มานานตั้งแต่เด็กแล้ว และเมื่อเหตุการณ์นี้ผ่านมาจนเกิดเรื่องดีๆขึ้นกับชีวิตเรา เราก็มิได้ภูมิใจหรือดีใจอะไรมากนัก เป็นเพราะเข็ดและระแวงอยู่เสมอ มีความคลางแคลงระแวงใจจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา ใจดวงนี้จึงไม่สามารถรับเรื่องราวดีๆไว้ได้มาก ไปพนาวัฒน์นั่งดีขึ้นตามระดับ แต่พอกลับมา ใจเรากลับตกยิ่งกว่าเดิม เรื่องราวคงดำเนินไปด้วยดี แต่เรากลับดึงวิบากที่เคยได้รับนั้นขึ้นมาบ่อยๆ จนในที่สุดเวลาแค่ อาทิตย์แม้เราจะรับบุญมากขึ้นก็ตามแต่กลบทุรนทุรายกับความร้ายกาจภายในใจอยู่ตลอด ไม่อยากเป็นแบบนี้ อยากหาย ไม่อยากทำร้ายคนรอบข้าง ไม่อยากทำเรื่องดีๆให้พังลงเพราะใจเราเอง ยิ่งวันนี้ วาจาเรายิ่งหยาบ ทนไม่ไหวกับพฤติกรรมไม่ดีของเรา ใกล้จะบ้าอยู่แล้ว .......
ขอโทษด้วยหากสิ่งที่ระบายออกไปกระทบใครบางคน และสร้างเรื่องเดือดร้อนให้กับผู้ชมในกระทู้ และเป็นปัญหาให้กัลยาณมิตรที่คอยช่วยเหลือ และได้แนะนำมาแล้วข้างต้นต้องเดือดร้อน จากใจคนจมทุกข์

#12 ดินสอแห่งธรรม

ดินสอแห่งธรรม

    สร้างบารมีเป็นหมู่คณะ = ฝึกตนให้เป็นผู้ใจกว้าง

  • Members
  • 1478 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ดุสิตบุรี
  • Interests:สร้างบารมีแบบเต็มกำลัง

โพสต์เมื่อ 04 April 2010 - 10:41 PM

...ทำใจล่มๆนะ อิอิ เป้าหมายของชีวิตนั้นสำคัญไฉน? หากเป้าไม่ไม่เด่นชัด ปัญหาจะบดบังหมด ความทุกข์ก็จะเข้ามาอย่างถาโถม...
..อันมือของฉันสองมือนี้ ดูเล็กนิดเดียวและไม่มั่นใจว่าฉันจะสร้างสิ่งดีๆ ให้เกิดแก่โลกใบนี้ได้.. แต่ฉันมั่นใจว่า ...หัวใจของฉันนี้ มอบไว้ให้แด่พระพุทธศาสน์....