ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

2545-08-31: วจีกรรม


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
ไม่มีการตอบกลับในกระทู้นี้

#1 extra

extra
  • Members
  • 409 โพสต์

โพสต์เมื่อ 27 June 2006 - 06:34 PM

ย่อเรื่อง วจีกรรม (31 สิงหาคม 2545, 2-4 กันยายน 2545) โดย Extra

ใครก็หลีกเลี่ยงไม่พ้นเรื่องกฎแห่งกรรม เมื่อพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ ไปรู้ไปเห็นมา แล้วเอามาสอน การกระทำทำได้ 3 ทาง กาย วาจา ใจ มี 2 ประเภท ทำดี กับ ชั่ว ก็ต้องไปสุคติ หรือ ทุคติ พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ ในพระสุตตันตปิฎก สิ่งมีชีวิตที่ได้มาเกิดเหมือนฝุ่นในเล็บมือ คนไปนรก เหมือนฝุ่นในแผ่นดินใหญ่ นั่นคือ ผู้ที่ไปเกิดเป็นสัตว์นรกมีมาก แล้วก็ไล่ตามลำดับ เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉาน ส่วนที่ได้เกิดเป็นมนุษย์และเทวดา มีน้อย

พระพุทธเจ้าทรงนำมาสั่งสอน แล้วห้ามปรามสิ่งที่ทำแล้วทำให้ไปเกิดในอบาย ในมหานรก สัตว์นรกมาด้วยจิตที่เศร้าหมอง ด้วยบาปอกุศล อยู่นรกยาวนาน นานจนลืม แสนล้านโกฏิ จากมหานรก ไปขุมบริวาร ไปยมโลก ไปสู่ภูมิ อสุรกาย เปรต สัตว์เดรัจฉาน บางครั้ง สัตว์นรก ก็วนไปวนมาในนรก จากยมโลก ไปสวรรค์มีน้อยมาก เป็นอย่างนี้ ท่องในทุคติ ถ้าเกิดเป็นสัตว์ แล้วไปกินสัตว์ ก็หล่นวูบไปในนรกอีก ดังนั้น ต้องระมัดระวัง เรื่องการกระทำ

พระพุทธเจ้าทรงให้หลักกุศลกรรมบท 10 ที่ท่องไปในสวรรค์ มีน้อย จากชั้น 1-6 หรือ อยู่ชั้นเดิม ซ้ำๆ บรรลุธรรมตอนเป็นเทวดาก็มี วนอยู่อย่างนี้ ที่ไปอบายมีมาก เพราะไม่รู้กฎแห่งกรรม ไม่คิดว่ามันจะมีผลมากอย่างนี้

เวลาสัตว์นรกตกนรกใหม่ๆ จะคิดว่า ทำไมฉันต้องมาอยู่ตรงนี้ ฉันเป็นคนดี นายนิรยบาลไม่ฟังเสียง ก็ทรมานจนลืมคิด เพราะมีแต่ทรมาน ไม่มีช่องว่างให้คิด พอใกล้หมดกรรมก็เริ่มคิดว่า ที่เรามาอยู่อย่างนี้ เพราะทำกรรมอะไรไว้ ไม่น่าเลย ถ้าพ้นกรรม เราจะไม่ทำอย่างนี้อีก เป็นอย่างนี้เรื่อย จนได้เกิดเป็นมนุษย์ ก็ลืม ไม่เชื่อเลย แล้วก็ไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม


ตัวอย่างที่หนึ่ง การพูดกระทบกระเทียบ นายนิรยบาลที่เกิดด้วยกรรม จะลากลิ้นสัตว์นรกซึ่งยาวเท่าเนคไทมาบดโดยเครื่องบด ที่หมุนๆ เหมือนทำปลาบด สัตว์นรกเหล่านี้เคยมีอาชีพว่ากระทบ สัตว์นรกก็ร้องไป แล้วก็บดต่อไปอีก บดใบหน้า กะโหลก เนื้อตัว จนเหลวแล้วโยนกองไว้ก่อน แล้วเอาตัวอื่นมาบด มีเครื่องเป็นแสนเครื่อง ตัวที่เละ ก็มีลมพัดให้ฟื้น แล้วถูกจับบดอีก

ตัวอย่างที่สอง พูดจาผูกเป็นเรื่อง สร้างเรื่องให้วุ่นวาย ตั้งแต่ไม่เป็นเรื่องจนเป็นเรื่องราว พอลงไป นายนิรยบาลก็ดึงลิ้นมาผูกกับก้อนเหล็กร้อน แล้วโยนลงไปในหม้อน้ำกรด ที่ใหญ่ประมาณทะเลสาบ เป็นน้ำกรดทั้งนั้น เหล็กจะถ่วงจนไปถึงก้นหม้อ ตัวก็ละลาย พอหลุดจากเหล็กก็ลอยขึ้น ใช้เวลานาน พอมาเกาะปากหม้อ ก็ถูกลากมาผูกใหม่ (สัตว์นรก ตายแล้วเกิด ส่วนเปรตไม่ตาย ทรมานตลอดชาติ)

ตัวอย่างที่สาม พูดจาทิ่มแทง นายนิรยบาลแลบลิ้นที่ยาว แล้วไปตวัดจับด้ามหอก มีด ดาบ แล้วปอกผิวหนังคล้ายๆปอกมะม่วง แล้วค่อยๆ แล่เนื้อสัตว์นรก ทำอย่างประณีต ค่อยๆ ปอก แล่ เฉือน ฝาน เหมือนคำที่คอยเชือดเฉือน ซึ่งสัตว์นรกส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง

ตัวอย่างที่สี่ พวกพูดให้แตกกัน นายนิรยบาล เอาลูกกลมยัดปาก ระเบิดตูม เละตาย มีทั้งหญิง และชาย ตายแล้วฟื้น นับครั้งไม่ถ้วน พวกที่พูดให้เขาเดือดร้อนเสียหาย จะถูกจับอ้าปาก เอากรวดกรอกปาก เอาด้ายเข็มร้อยเย็บ รอจนกว่าจะตาย แล้วทำตัวใหม่ต่อ ตายแล้วฟื้น แล้วทำใหม่

ตัวอย่างที่ห้า พวกพูดคำหยาบ พูดคำ ด่าคำ นายนิรยบาล เอาก้านบัวมีหนามเหล็ก ทะลวงทะลุหู ส่วนปาก ก็เอาลิ้นมาตอกตะปูไว้ เอาลูกกลิ้งบดเละ วางบนเขียงเหล็ก (ทั้งๆ หูถูกแทงทะลุ ปากมีตะปู) ตัดลิ้นซ้ำ ตัวกระเด็น ยังไม่พอ แปรงด้วยแปรงคล้ายๆแปรงล้างขวดเหล็ก ดังนั้น จึงควรพูดปิยวาจา

ตัวอย่างที่หก พวกพูดเหน็บแนม พูดเหมือนดี แต่ความหมายไม่ดี เจตนาให้เขาเจ็บใจ นายนิรยบาลตอกตัวตรึงกับพื้น เอาคีบค่อยๆหนีบ คล้ายๆหยิก บิดเนื้อให้หลุดทีละชิ้น จนเหลือแต่กระดูก สัตว์โดนตรึงหนีไปไหนไม่ได้ ถ้าพูดกระโชกโฮกฮาก ตวาด นายนิรยบาลจะแลบลิ้น ตวัดเอากระบองหนามเหล็กร้อนมาทุบ สัตว์นรกมีเป็นล้าน เพราะคนทำวจีกรรมมีเยอะ

ตัวอย่างที่เจ็ด คู่กรณีที่ด่าว่าร้ายกัน ก็ลงไปทั้งคู่ จับหัวหันหน้าเข้าหากัน แล้วให้ชนกันจนเละ เอาสัตว์นรกขึงกับกำแพงเหล็กร้อน นายนิรยบาลให้คู่กรณีเอาตุ้มเหล็กทุ่ม ถ้าไม่ยอม ก็ให้คนนั้นเอาหัวโขกตุ้มเหล็กก่อน เพื่อบังคับให้ทำ

ตัวอย่างที่แปด ว่ากันเป็นทีม ด่าคนดีมีคุณธรรม จะถูกต้อนกันเป็นทีมไปที่ลานกว้าง มีลมเกิดจากกรรมที่ทำด้วยปาก พัดเอาฝนหอกมาก่อน ตายแล้วฟื้น แล้วเจอฝนดาบอีก ตายแล้วฟื้น แล้วเจอฝนหินเหล็กร้อน ตายแล้วฟื้น แล้วเจอฝนลูกไฟอีก

ตัวอย่างที่เก้า ตัดรอนกำลังใจคนที่จะทำความดี จะเป็นลานกว้างๆ ที่พื้นจะมีต้นไม้ มีขวากหนามแหลม ลานทั้งลาน มีขวากหนามเหล็กร้อน อีกาปากเหล็กไล่ให้วิ่งชนกับขวากหนาม ตายแล้วฟื้น นับครั้งไม่ถ้วน

ตัวอย่างที่สิบ ผูกเวร ด่ากัน สัตว์นรกจะมีปากแหลมเหมือนนก จะถูกบังคับให้จิกกัน กินกัน ถ้าไม่ตาย ก็ให้อีกาปากเหล็กจิกซ้ำ เอาให้ตาย จิกตีกัน กินกัน ถ้าไม่จิก อีกาก็ช่วย พอตายก็ถูกทำใหม่

ตัวอย่างที่สิบเอ็ด ทะเลาะ ด่าว่า จองล้าง จองผลาญกัน ปากยื่นเหมือนหมาฟันเหล็ก นายนิรยบาล ก็บังคับให้กัดกัน ถ้าไม่ทำ ก็มีสุนัขปากเหล็กช่วย

ตัวอย่างที่สิบสอง เอาวาจาเป็นอาวุธ พวกทำเป็นอาชีพ เป็นปกติ หน่อเนื่องในขันธสันดาน ลิ้นจะยาว นายนิรยบาลเอาลิ้นตวัดดาบฟันขาด มีนานาชาติ ตายแล้วเกิด อาวุธทุกชนิด ร้อนทั้งสิ้น ถ้าไม่ฆ่ากัน นายนิรยบาลก็จะบังคับให้ฆ่ากัน

ตัวอย่างที่สิบสาม ใช้วาจาถากถาง ความดีของคนอื่น ติเตียนคนอื่นว่าเลว ตัวเองดี นายนิรยบาล จะถือจอบเหล็กร้อน ถางสัตว์นรกที่ถูกตรึงด้วยตะปู นอนหงาย ถากไปจนถึงกระดูก ตาย เลือดไหลโทรมดิน สัตว์นรกตัวใหญ่ จอบก็ใหญ่ นายนิรยบาลก็ใหญ่

ตัวอย่างที่สิบสี่ พูดจาเชือดเฉือน กรีด (ไม่ต้องดูคนอื่น ดูว่าเราเป็นหรือเปล่า) เอาสัตว์นรกตรึง เอามีดโกนยักษ์กรีด เป็นริ้วๆ ทรมานมาก แล้วเอาหอกแทง เหวี่ยงทอดในกระทะ เหมือนทอดปลา ฟื้นทำใหม่

ตัวอย่างที่สิบห้า พูดจาลบหลู่ ผู้มีพระคุณ จับสัตว์ผูกตรึงกับเหล็ก เท้าก็ยืนบนกองไฟ ถูกมัดด้วยลวด ให้ร้อนตลอดเวลา ตายแล้วเกิด

ตัวอย่างที่สิบหก พวกสบถ (ไม่ใช่สาบาน) พูดเรียกคนนั้นคนนี่ ไอ้จระเข้ มะนั่น มะนี่ อีกาคาบพริก ฯลฯ ว่าคนอื่น จะตรึงสัตว์นรก เอาเหล็ก เขียนคำที่ด่าเขาสมัยเป็นมนุษย์ ทั่วตัว ด้านหน้าเต็ม ก็ราดด้วยน้ำกรด พลิกเขียนข้างหลัง

ตัวอย่างที่สิบเจ็ด พูดจาให้อวัยวะเพศต่อผู้มีศีลมีธรรม ถ้าให้อวัยวะเพศชาย ก็จะมีอวัยวะเพศใหญ่ มีสัตว์นรกคอยไล่กัดกิน ถ้าให้อวัยวะเพศหญิง ก็มีปากอย่างนั้น ถูกเอาเหล็กร้อนยัดใส่ปากเย็บ หรือในปากก็มีลิ้น คล้ายอวัยวะเพศชาย ดึงลิ้นเอามาเฉือน เอาไปทอด เอาเหล็กร้อน ใส่เข้าไปแทน

ตัวอย่างที่สิบแปด พูดจากระทบกระเทียบเปรียบเปรย เอาหินกระทบชนตาย เจตนาร้าย จะเป็นกรรม แม้กรรมที่ไม่มีเจตนาก็จะให้ผลตามมา แบบเจอลูกหลง

ตัวอย่างที่สิบเก้า ชอบว่าร้ายตัวเองให้ใจตก ทำให้เศร้าหมองไม่ผ่องใส จะมีลิ้นยาวเหมือนดาบ แลบลิ้นมาเฉือนตัวเอง ฆ่าตัวเอง

ตัวอย่างที่ยี่สิบ ชอบสาวไส้ให้กากิน เอาเรื่องภายในไปพูดให้คนอื่นฟัง ทำให้หมู่คณะเสียหาย เอามือแหวกท้อง สาวไส้ให้กากิน

ตัวอย่างที่ยี่สิบเอ็ด เวลาพูดยกตัวเองดี อันไม่ดี ยกให้คนอื่น ถ้าทำบ่อยๆ จนเป็นอาจิณกรรม เกิดเป็นคตินิมิต ไปนรก เป็นสัตว์นรก เปลือยกาย สัตว์นรกจะตักอุจจาระเหลว ร้อน เหม็น สกปรก ตักด้วยช้อนเหล็ก ใส่ปากตัวเอง จนตาย ถ้าไม่ยอม ก็เอาอาวุธ บังคับให้กินจนตาย แล้วลมพัดฟื้น ตักใส่อีก พูดจาไม่ดี ให้ร้ายคนอื่น อันนี้ อาเจียนออก สัตว์นรกจะอาเจียนเป็นอาจมจนท่วมหัว แม้สำลัก ก็อาเจียนอีก สิ่งที่อาเจียนออกมาก ก็เป็นกรดกัดสัตว์นรกจนตาย

ตัวอย่างที่ยี่สิบสอง พูดจาแบบเด็กเถียงผู้ใหญ่ ข้างๆ คูๆ เอาให้ชนะ ผู้ใหญ่ตั้งใจสอน ก็ไม่ฟัง จะถูกฝูงสุนัขปากเหล็กมารุมกัดกิน วิ่งหนี ตกหลุมอุจจาระเหลวร้อน พยายามตะกายมาปากบ่อ สุนัขก็ทำให้ลงไปใหม่ ขึ้นมาได้ สุนัขก็กัดตาย เราเจอครั้งเดียวว่าแย่ เจอร้อยครั้งยิ่งแย่ เจอนับครั้งไม่ถ้วนนี่ ยิ่งหนัก พูดเถียง แถกๆ ไถๆ จะถูกเครื่องมือแบบที่ไสน้ำแข็ง จับสัตว์นรกไถ นับครั้งไม่ถ้วน แต่ละตัวอย่างมีหลายแบบ เรียงมามากมาย ชุดหนึ่งก็เป็นล้านคน

ตัวอย่างที่ยี่สิบสาม ปากปราศรัย น้ำใจ เชือดคอ พูดเหมือนดี แต่ประสงค์ร้าย ลิ้นจะยื่นมาจับดาบ เชือดคอตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน หรือ ยืนเฉยๆ รู้สึกปวดท้อง เอามือแหวกด้วยเล็บตัวเอง แล้วดึงออกมีมีด อาวุธ แล้วแทง ฟัน ตัวเองตาย หรือ สัตว์นรกจะแหวกอกออก บริเวณเนื้อหัวใจ ข้างซ้าย มีนายนิรยบาลเกิด ตอนแรกก็ตัวเล็ก พอโตเต็มที่ ก็ฆ่าสัตว์นรกตาย จับอาวุธฟัน บางทีก็ออกมาเป็นทีม หรือ สัตว์นรกทำท่าอาเจียน เป็นใบมีดโกน ปลิวว่อน มาเชือดเฉือนตาย หรือ นายนิรยบาล เอามีดกรีดอกสัตว์นรก เอาเนื้อหัวใจออกมา แล้วกรีดหัวใจเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย จนตาย หรือ เกิดความร้อนเหมือนเพลิง ออกทางลูกนัยน์ตา ทวารทั้งหลาย หู จมูก ทวารหนัก ทวารเบา จนตาย พระนักบวช ทำผิดธรรมวินัย พูดจ้วงจาบพระผู้ใหญ่ (ที่รู้เพราะหัวโล้น) บางทีเรอ ออกมาเป็นหอก เป็นดาบ

ตัวอย่างที่ยี่สิบสี่ การด่าว่า ให้ร้ายซึ่งกันและกัน เวลาตายไป ไปอยู่ในขุมใหญ่ จะมีไฟพุ่งมาจากปากสัตว์นรกใส่คู่กรณี แม้ไม่เจอคู่กรณี ก็จับคู่กัน ไฟสีดำพุ่งจากปากใส่กันและกัน ตายฟื้น นับครั้งไม่ถ้วน อีกพวก อาเจียนพ่นใส่หลุมอีกตัวหนึ่ง น้ำลายเปลี่ยนเป็นกรด กัดกินจนตาย แล้วสลับกัน ทรมานจนตาย อีกราย สลับกันเรอเป็นหอก ดาบ อาวุธ ใส่สัตว์นรกอีกตัวจนตาย อีกพวก อยู่ในหลุมทั้งคู่ พ่นน้ำลายใส่กันจนตายทั้งคู่ อีกราย ตัวหนึ่งอ้าปากดึงลิ้น ลากไส้ให้ออกมา ไส้ติดมาเป็นพวง ล้วงอีกให้หมดไส้หมดพุง จนตาย ในบ้านหรือที่ทำงานมีคนแบบนี้ไหม ผลที่พูดใส่ไฟ ว่าร้ายนั้น น่ากลัว

ตัวอย่างที่ยี่สิบห้า เวลาทำบุญ มักหงุดหงิด ก็ถือเป็นวจีกรรม ทำให้ไปเกิดเป็นยักษ์ บุญไม่บริสุทธิ์ ทำเอาคุณ ต้องมีสิ่งตอบแทน ไม่เคารพในทาน ตายไปมักเกิดเป็นยักษ์ชั้นจาตุมหาราชิกา ซึ่งมีหลายชั้น ชั้นสูงก็สวย มีบริวารดี ยักษ์ชั้นล่าง มีตั้งแต่ผิวสากเหมือนกระดาษทราย จนเนียนเรียบ สีมีตั้งแต่ ดำอมเขียว ดำอมม่วง ดำเทา ดำน้ำตาล ร่างกายมีตั้งแต่ใหญ่ๆ อ้วนๆป้อมๆ ผอมๆก็มี เตี้ยก็มี ไม่มีขนก็มี ขนสั้นก็มี ขนยาวเหมือนสุนัข ยาวทั้งตัว บางทีขนเหนียวหนึบ สัตว์บินมาติดเอาไว้กินได้เลย น่าไปเกิดเป็นยักษ์ไหม เขี้ยวมีตั้งแต่ไม่เห็นเขี้ยว ยาวใหญ่ โค้ง ตรง สารพัดเขี้ยว พูดหยาบมาก เขี้ยวยื่นมาก ผมมีทั้งหยิก เหยียด ยาว กระเซอะกระเซิง หรือไม่มีผม ดวงตามีตั้งแต่โปน ถลึง ตาแดง ตาเข ตาบอด จมูกมีทั้งแดง บาน แหลม (อย่าลืมว่ายักษ์นานาชาติ) ปากมีตั้งแต่หนา บาง ยื่น หุบ มีสีดำแดงเหมือนสีผิว (สีดำนำ) ยักษ์ชั้นสูงปากหอม ชั้นต่ำ ปากเหม็นน้อยจนไปถึงมาก วิมานยักษ์ มีหลากหลาย ไม่มีวิมาน วิมานเป็นแก้ว เป็นทอง เงินยวง ทองแดง ทองนาค เหล็ก หิน (เหมือนปราสาทหิน) ปูน ไม้ วิมานมีตั้งแต่อยู่ในถ้ำ ใต้น้ำ บนดิน ใต้ดิน ในอากาศ

ตัวอย่างที่ยี่สิบหก สามีภรรยา แม้รักกัน บางทีล้อกันเล่นด้วยคำหยาบ เวลาทำบุญก็หงุดหงิด อธิษฐานไปเกิดด้วยกัน ก็เกิดบนเตียงเดียวกัน ใครไปก่อนก็รอก่อน บางทีเกิดคนละวิมาน เพราะไม่ได้อธิษฐาน แต่ก็บุญกรรมคล้ายกัน ก็มาปิ๊งกันทีหลัง มาอยู่ด้วยกัน บางทีก็ไม่มีวิมาน ถูกส่งไปเป็นบาทบริจาริกา บริวารที่เกิดชั้นนี้แปลก (ที่ดาวดึงส์ มี 2 ประเภท เกิดจากบุญที่สร้าง ผู้มีบุญน้อยไปเกิดเป็นบริวาร) ที่ชั้นจาตุมฯ มีประเภทเดียว พวกมีบุญน้อย มาจากมนุษย์หรือยมโลก ถ้าใครทำบุญ เอาคุณ ทำไม่บริสุทธิ์ (ทวงบุญคุณ) บุญหกหมด ก็มีสิทธิ์ไปเกิดเป็นอย่างนี้ การเป็นสามีภรรยา ต้องศึกษาวัตถุประสงค์ ถ้าย้อนไปต้นกัป มนุษย์เกิดเองไม่ได้ ต้องอาศัยบิดามารดา เกิดมาเพื่อมุ่งกำจัดกิเลสอาสวะ ให้สิ้นไป เมื่อก่อน เมื่อตกลงเป็นสามีภรรยากัน เมื่อตั้งครรภ์ก็หมดความกำหนัดในกาม รอคลอด แล้วเลี้ยงดู เป็นทางผ่านให้มนุษย์มาเกิด เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยู่กันก็แบบธรรมดา ไม่วิตถาร เหมือนปัจจุบัน หลังๆ กิเลสมาก จนความมักมากในกามมากขึ้น ยินดีแม้ในคนไม่ใช่คู่ครองของตน เริ่มยินดี ในคู่ครองคนอื่น ตอนนี้ศีลข้อ 3 บังเกิดขึ้น นรกขุมกาเม มาเกิดตอนนี้ การทรมานมีตั้งแต่มหานรก ขุมบริวาร ยมโลก เมื่อเกิดเป็นมนุษย์ ก็เป็นกะเทย ทอม พวกชอบสองเพศ เป็นโสเภณี ผู้หญิง มีครอบครัวก็แตกแยก มีอุภโตพยัญชนก มีอวัยวะเพศทั้งสองเพศ


อดีตก็อดีตไป เราเอาปัจจุบัน ใช้ปากไม่เป็นก็มีปัญหา ใช้เป็นก็มีบุญญา

ใครทำแล้วอย่าวิตก
1. ลืมไปก่อนว่าเราเคยทำ บาปจะได้ไม่โต
2. กรรมเดิมหรือกรรมแบบไหนก็ไม่เอา
3. ทำทาน ศีล ภาวนากันเยอะๆ ทำอย่างต่อเนื่อง มนุษย์เราเหมือนหุ่น มีการชิงช่วง ช่วงชิง ไปขึ้นสวรรค์ ไปลงนรก
4. ต้องปฏิบัติให้เข้าถึงพระธรรมกาย หรือเจอพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งอีกนาน กว่าจะพบ ที่ปลอดภัย ควรให้เข้าถึงพระธรรมกาย บาปตามไม่ทัน พระธรรมกายมีอานุภาพอันไม่มีประมาณ หนีบาปอกุศลที่เราทำไป อย่างน้อยต้องดวงใสๆ ถึงจะอุ่นใจได้