มี 11 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

[ฟ้ายังฟ้าอยู่]

ทุกวันนี้ปัญหาสังคมที่มีเกลื่อนเมือง และนับวันก็จะยิ่งมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และหลากหลายรูปแบบ
นับวัน โลกยิ่งแคบลง แต่ปัญหาสังคมกลับยิ่งเพิ่มมากขึ้น ศีลธรรมในจิตใจคนไทยก็เริ่มหดหายลงไปทุกทีๆ

ตอนนี้สื่อมวลชนไทยแข่งขันกันอย่างดุเดือด คำนึงถึงแต่รายได้จากการขายข่าวของตน ของใครใหม่กว่า ดุเดือดเลือดพล่านกว่า ก็ขายดี โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบของผู้บริโภค มักนำเสนอแต่เรื่องอันเลวร้าย ทำให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ มีการให้ส่ง sms เข้าไปในรายการข่าว อ่านแล้วก็มีแต่เรื่องความทุกข์ ไม่เห็นมีอะไรสร้างสรรค์ เน้นแต่จำนวน sms ที่เข้ามา อันเป็นทางมาแห่งรายได้ ไม่เห็นเน้นเรื่องการปลูกฝังศีลธรรมในใจคน เพื่อลดปัญหาอาชญากรรมที่ตนสรรหามาเสนอ

ดูโฆษณาแล้วก็เพลินตาดี creative, copy writer, ผู้กำกับ, นักแสดง เค้าเก่งดี มีประสบการณ์ในการให้คนตามดูจนจบ แต่ดูแล้ว ก็รับรู้ได้ถึงเจตนาในการยั่วกิเลส จิตวิทยาการรับสารที่เค้าสอนกันในมหาวิทยาลัย ถึง รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส sex appeal ความหลง ความเชื่อ ฯลฯ อันเป็นตัวล่อ ให้ผู้รับสารเกิดความอยากซื้อสินค้านั้น ทุกวันนี้ เอามาใช้กันแบบไม่คำนึงถึงผลกระทบ ครีมหน้าขาว หน้าเด้ง เทพธิดาพยากรณ์ ขนมหลอกเด็ก เกมโชว์ ก็ทำให้คนเกิดความโลภมากขึ้น สัมภาษณ์พิเศษ ก็เน้นความร่ำรวย ไฮโซของคนกลุ่มหนึ่งในสังคม ทำให้เกิดค่านิยม "เงินคือพระเจ้า" หนักกว่าเก่า

รายการวัยรุ่น ก็เน้นความสวย หล่อ แฟชั่น การศึกษาแบบแข่งขันเอาเป็นเอาตาย เด็กนอกเก๋ เท่ห์ ฯลฯ แต่ ปัญหาน.ศ.ท้อง แท้ง ทิ้ง แทงกันตาย ก็ยังไม่เห็นลดลง

เพลงที่ผลิตออกมา จากเดิมที่มีแต่เรื่องรักใคร่ นับวันก็ยิ่งเพิ่มเป็นผิดลูกผิดเมีย เกิดค่านิยม "กิ๊ก" ปลูกฝังนิสัยเด็กไทยไปซะแล้ว

ทำไมนะ สื่อมวลชนไทย ถึงมีอิสระเสรีภาพในการนำเสนอข่าวได้มากมายขนาดนี้ โดยไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบที่จะขยายออกไปในวงกว้าง พอรัฐจะเข้ามาควบคุม ก็ออกมาโวยวาย หาว่าไม่ได้รับสิทธิเสรีภาพ แต่เสรีภาพที่เขามีนั้นน่ะ อันที่จริงแล้ว ก็เป็นเสรีภาพในการบิดเบือน เน้นความจริงเพียงด้านเดียว เพื่อดึงประโยชน์เข้าหาตน จนถึงตอนนี้ ปัญหาอะไรๆ ก็ยกความผิดให้รัฐบาล ไม่เห็นมองภาพรวม จนตอนนี้ถึงกับต้องยุบสภา เพียงเพราะเริ่มต้นจากปลายปากกาของสื่อมวลชน ที่ทำให้กระแสความเข้าใจผิดขยายออกเป็นวงกว้าง จากเอกภาพ กลายเป็น 2 ภาค 2 กลุ่ม ยุให้คนไทยเกลียดกันเอง เพื่อประโยชน์ของฝ่ายตน (แล้วคิดว่าเศรษฐกิจ กับสังคม จะดีขึ้นหรืออย่างไร)

การกล่าวหาว่าร้ายพระสงฆ์ ที่กระทำการอันไม่สมควรแม้เพียงกลุ่มน้อย แต่พระสงฆ์ทั้งประเทศ ก็โดนผลกระทบไปด้วย

เมื่อไรหนอ คนไทยจะรักกัน ปรองดองกัน แก้ไขปัญหาของประเทศชาติร่วมกัน โดยเริ่มต้นที่ศีลธรรม ไม่จ้องจับผิดซึ่งกันและกัน และอยากให้มีการควบคุมการนำเสนอสื่อ ในทุกๆด้าน เพื่อให้คำนึงถึงภาพรวมของจิตใจคนในสังคมไทยด้วย รักในหลวง เทิดทูนในหลวง แต่ไม่เห็นทำตามในหลวง



--------------------------------------
ขี้เกียจไปเลือกตั้งใหม่อ่ะ

[สิริปโภ]

มันย่อมเป็นเช่นนั้นเอง

[LiL' Faery]

Hopefully the next generation is going to get better!! Coz people but lots of boon is coming to be born....right now we just need to solve one or two problem at time kah till all the problem is solve!! we just need to
สู้ต่อไปค่ะ อย่าท้อนะค่ะ!!

[หัดฝัน]

น่าสงสารมนุษย์ผู้ไม่รู้ความจริงของชีวิต ถูกหลอกด้วยสิ่งมายา คือ เงินทอง ทำให้ลืมความถูกต้อง และด้วยอำนาจของเทคโนโลยีสื่อ ที่ตวัดปลายปากกาเพียงครั้งเดียว

แต่ถ้าตวัดปลายปากกาชี้ผิดเป็นถูก และถูกเป็นผิดโดยเฉพาะกับพระพุทธศาสนา ผลลัพธ์นั้นไปสู่มหาชนจำนวนมหาศาล บาปกรรมที่ได้รับก็จะมหาศาลด้วยเช่นเดียวกัน น่ากลัวจริงๆ

นี่ขนาดเรื่องราวในพุทธกาล ที่สื่อยังไม่มีอำนาจเทคโนโลยี แต่กระจายเสียงผิดๆ ไปให้กับคนไม่กี่คน ยังมีผลร้ายแรงขนาดนี้เลย

ในสมัยพุทธกาล มีชาวประมงกลุ่มหนึ่ง จับปลาประหลาดได้ ตัวใหญ่มาก ขนาดหลายคนอุ้มทีเดียว ปลาตัวนี้มีลำตัวสีทองอร่ามสวยงามมาก แต่เมื่ออ้าปากแล้วกลิ่นปาก
ก็เหม็นตลบอบอวลเลยทีเดียวเช่นเดียว ชาวประมงจึงนำปลาไปถวายพระราชา พระราชากราบทูลพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสเล่าบุพกรรมของปลาตัวนี้ว่า

ในอดีตกาลนานมากๆ มาแล้ว เคยเกิดเป็นพระภิกษุที่ทรงจำพระไตรปิฎกเก่งมากๆ แล้วก็สั่งสอนเก่งอีกด้วย ด้วยลีลาการพูดที่ดี สั่งสอนมากเข้าก็มีลูกศิษย์เยอะ
ลาภสักการะก็เกิดขึ้นเยอะ แล้วก็เลยคะนอง สอนตีความไปเอง จากผิดเป็นถูก จากถูกเป็นผิด พระพี่ชายเป็นพระอรหันต์มาเตือน ก็บอกพี่ว่า พี่จะไปรู้อะไร ผมทรงจำ
พระไตรปิฎกไว้ได้หมดเลย แล้วจะสอนผิดไปได้อย่างไร พระพี่ชายท่านก็ได้แต่ปล่อย ผลก็คือ ละโลกด้วยไปเกิดในอเวจีมหานรก นรกที่ไร้คลื่น คือ ไร้การหยุดพัก ต้อง
ทรมาณอยู่ตลอดเวลา น่าสงสารจริงๆ

แล้วก็มาเป็นปลา พระราชาจึงถามปลาว่า เจ้ามาจากไหน ปลาบอกว่า อเวจี แล้วพระราชาถามต่อว่า แล้วเจ้าจะไปไหน ปลาก็บอกอีกว่า อเวจี

ตำราจบแค่นี้ หลายคนรวมทั้งผมด้วยก็งงมานานว่า ทำไมเป็นปลาแล้วยังต้องไปอเวจี ไม่เข้าใจ ต่อมาได้มีโอกาสฟังฝันในฝัน ของครูไม่ใหญ่ จึงได้รับคำตอบว่า

ภิกษุรูปนั้น ยังไม่หมดกรรมจากอเวจี ระหว่างที่ทรมาณอยู่ เพียงแค่นึกถึงผลบุญตอนเป็นพระได้เท่านั้น จึงจุติมาเกิดเป็นปลา พอตายจากปลาก็จะต้องไปใช้กรรมในนรกต่อ
เพราะยังไม่หมดกรรม(เดิมที่ทำไว้) นั่นเอง

[VCO]

ถ้าสื่อเขียนความเท็จทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนหละ จะมีผลอย่างไร (กรณีเป็นบุคคลธรรมดา ไม่ใช่ต่อพระศาสนา)

ขอบคุณค่ะ

[ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี]

ตอบคุณ VCO แม้ว่าผลกรรมนั้นจะเบาบางกว่าก็จริง แต่เมื่อถึงคราวที่กรรมนั้นให้ผล ตนเองก็จะต้องถูกใส่ร้ายในลักษณะเดียวกันกับที่เคยทำไว้กับผู้อื่นบ้างเช่นกันครับ

[VCO]

เอ น่าสนใจจัง ไม่รู้ว่าท่านนายกไปทำอะไรมาก่อนรึเปล่า เป็นกรรมใหม่หรือกรรมเก่า จึงทำให้ถูกโจมตีเช่นนี้ คิด ๆ ไป ก็เหมือนกับในอดึตที่ทางวัดของเราถูกสื่อรุมทำร้ายอย่างที่ไม่มีมูลนะค่ะ

[ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี]

คุณ VCO ต้องเข้าใจนะครับว่า มนุษย์ทุกคนล้วนมีกรรมเป็นของตนเอง มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเครื่องกำหนดด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น สิ่งที่ ฯพณฯ นายกต้องประสบพบเจอกับสถานการณ์ความไม่สงบในปัจจุบันนั้น ก็เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นถึงเหตุอันไม่บริสุทธิ์ที่ท่านได้เคยประกอบไว้แต่ในอดีตชาติตามมาให้ผล หากจะถามเกียรติก้องฯ ว่า อ้าว! ทำไมจึงพูดเช่นนั้นล่ะ เกียรติก้องฯ ก็จำต้องย้อนถามต่อท่านทั้งหลายเช่นกันว่า หากท่านไม่เคยประกอบเหตุที่ไม่ดีดังกล่าวไว้ในอดีตแล้ว ณ ปัจจุบัน ท่านจะต้องมาประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้หรือไม่? และจะมีผู้ใดกล้าอาจเอื้อมมาใส่ร้ายท่านเช่นนี้หรือไม่? ซึ่งคำตอบเป็นเช่นไร ทุกท่านในที่นี้ล้วนทราบดีแก่ใจอยู่แล้ว แต่ผมขอทิ้งท้ายไว้ว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสสอนพุทธสาวกของพระองค์ว่า เราควรสนใจแต่กรรมชั่วของตนเอง และเมื่อพบข้อบกพร่องนั้นแล้ว พึงระลึกต่อไปว่า ควรทำอย่างไร? จึงหาทางละเว้นและเลิกกระทำสิ่งที่เป็นบาปอกุศลเหล่านั้นได้อย่างเด็ดขาด (เพราะหากเราไปนำเอาเรื่องที่มัวหมองของคนอื่นมาบันทึกใส่ใจเรา ใจเราจะพาลหมองเอาเสียเปล่าๆ นะครับ ดังที่คุณยายอาจารย์ฯ ท่านสอนไว้ว่า "เสียอะไร เสียได้ เสียไป แต่อย่าให้ใจเสีย" จริงไหมเอ่ย?)

[VCO]

อืมมมม น่าคิด
สาธุค่า

[ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี]

จากกรณีในความเห็นที่ ๙ นั้น หากสรุปย่อจะได้ว่า "ไม่ควรแก่กรรมในปัจจุบัน แต่สมควรแก่กรรมในอดีต" ครับ

[laity]

อีกมุม คนดีมักต้องมีสถานการณ์ที่เป็นอุปสรรค ให้ได้ชนะ จริงไหมครับ