ก่อนอื่นนึกขอบคุณคุณธรรมชิโนรสที่ได้สะท้อนความคิดเห็นตรงๆมาให้ทราบ ซึ่งถ้ามองในแง่ดีถือว่าเป็นกระจกเงาสะท้อนความคิดเห็นคนอื่นๆแบบนี้ได้ คุณครูไม่ใหญ่เคยบอกว่าถ้าจะโทษต้องโทษตัวเราเอง ที่ไม่สามารถทำความกระจ่างให้เขาทราบได้ทั่วถึง พวกเราคงต้องอดทนขยันทำงานกันต่อไป สำหรับผมขอฝากเสนอความคิดเห็นสั้นๆถึงคุณธรรมชิโนรสว่า "สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น"ครับ
จดหมายถึง "ธรรมกาย" บุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์
เริ่มโดย ธรรมชิโนรส, Sep 03 2006 06:40 PM
มี 68 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้
#61
โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 10:19 AM
#62
โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 12:08 PM
อ่านคำถามและคำตอบ จากคุณธรรมชิโนรส แล้วคิดว่าไม่มีอะไร
เพราะว่า แรก ๆ การตั้งกระทู้และสำนวนการเขียนมาแบบไม่เข้าใจวัดเต็มที่
เหมือน สัจจกะนิครนห์สมัยก่อนหลังจากนั้น ท่านนี้กลับใจและนิมนต์พระศาสดา
ไปฉันอาหารที่บ้าน
หลังจากได้รับคำตอบข้อที่สงสัยแล้ว สำนวนและการตอบของคุณ ธรรมชิโนรส
ดูมีความเคารพคูรบาอาจาร์ยขึ้น พร้อมที่จะปรับความเข้าใจให้ถูกต้องกับความจริง
และเป็นผู้ที่มีความเข้าใจผิดจริงตามกระทู้
สำหรับผมก็ต้อง ของอนุโมทนาสาธุ กับ คุณธรรมชิโนรส ขอให้ท่านเข้าถึงธรรมะได้เร็วพลัน
ด้วยเหตุที่ท่านเป็นผู้มีใจบริสุทธิ์ มีความกล้าหาญเปิดใจยอมรับว่าสิ่งที่ได้รับรุ้มายังไม่ถูกต้องนัก
ขออนุโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ
เพราะว่า แรก ๆ การตั้งกระทู้และสำนวนการเขียนมาแบบไม่เข้าใจวัดเต็มที่
เหมือน สัจจกะนิครนห์สมัยก่อนหลังจากนั้น ท่านนี้กลับใจและนิมนต์พระศาสดา
ไปฉันอาหารที่บ้าน
หลังจากได้รับคำตอบข้อที่สงสัยแล้ว สำนวนและการตอบของคุณ ธรรมชิโนรส
ดูมีความเคารพคูรบาอาจาร์ยขึ้น พร้อมที่จะปรับความเข้าใจให้ถูกต้องกับความจริง
และเป็นผู้ที่มีความเข้าใจผิดจริงตามกระทู้
สำหรับผมก็ต้อง ของอนุโมทนาสาธุ กับ คุณธรรมชิโนรส ขอให้ท่านเข้าถึงธรรมะได้เร็วพลัน
ด้วยเหตุที่ท่านเป็นผู้มีใจบริสุทธิ์ มีความกล้าหาญเปิดใจยอมรับว่าสิ่งที่ได้รับรุ้มายังไม่ถูกต้องนัก
ขออนุโมทนาบุญ สาธุ สาธุ สาธุ
หยุดคือตัวสำเร็จ
#63
โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 02:02 PM
ขอเชิญ คุณธรรมชิโนรส มาวัดฯ ในวันที่ 7 กันยายนนี้ มาร่วมงานบุญอัญเชิญรูปทองคำของหลวงพ่อวัดปากน้ำ
มาตั้งแต่เช้าเลยนะ
มาตั้งแต่เช้าเลยนะ
#64
โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 07:33 PM
สมาชิกใหม่ครับ พึ่งเห็นครับว่ามีการตอบกระทู้ และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสร้างสรรที่นี่
เจอที่บอร์ดอื่นๆ ไม่ไหวเลย
ขอชื่นชมครับ
#65
โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 10:22 PM
เรียน ท่านธรรมชิโนรส
ผมขอให้ข้อสังเกตดังนี้
ไม่ทราบว่าท่านเคยได้มีโอกาสชมรายการ "คนค้นคน" เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วหรือไม่ เป็นตอนหนึ่งที่มีหญิงชราอายุเกือบ 90 ปี หิ้วผักต่างๆ จากต่างจังหวัดมาขายพร้อมเหลนอายุ 3-5 ขวบ แถวแยกสะพานควาย
หากวันนี้ท่านไปดูที่แยกสะพานควายฝั่งเดียวกันร้าน Tsutaya และ Rainbow Cafe อยู่ระหว่างร้าน 7-eleven กับร้านขายหนังสือ (น่าจะเป็นแถวๆ หน้าร้านถ่ายรูป) ท่านก็จะเห็นคุณยายกับหลานที่โตขึ้นนอนอยู่ที่เดิมไม่ต่างๆ กับที่ทางรายการได้ถ่ายทำไปเมื่อ 2 ปีก่อน
ลองนึกดีๆ สิครับ
หลังทางรายการมาถ่ายทำก็มีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือมาบ้าง แต่ในระยะยาวก้ไม่ได้ช่วยให้คุณยายพ้นความยากจนได้
ทำอย่างไรถึงจะทำให้คุณยายพ้นความยากจนได้อย่างถาวร?
ผมว่านี้เป็นคำถามที่ท่านธรรมชิโนรสควรตั้งคำถามนะครับ
ไม่ใช่ว่าการหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่ดี
ผมกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งประเสริฐครับ
ผมเองก็ทำบุญหลายแบบ รวมทั้งกับยายท่านนั้นด้วย...
สมมุติว่าผมเอาเงินทั้งหมดที่ผมมีมอบให้กับยายท่านนั้น...
ยายอาจจะมีเงินขึ้นในพริบตา...
แต่ประเด็นที่หนึ่งมันยั่งยืนหรือไม่? เงินที่ได้รับไปจะไม่มีวันหมดจริงหรือ? แล้วคนจนคนอื่นๆ ล่ะ ทำไม่เราไม่ช่วยอย่งนี้บ้าง?
ถึงตอนนี้หลายๆ ท่านก้อาจจะบอกว่า ก็ควรทำแต่พอตัวไง (ถามได้)
แต่จริงๆ แล้วมีวิธีการที่ช่วยแก้ไขปัญหาได้ครับ
วิธีแก้ไขปัญหาระยะสั้น - มอบความช่วยเหลือให้เพื่อประทังชีวิตตามอัตภาพตามที่เราพอช่วยได้
วิธีแก้ปัญหาระยะกลาง - การที่จะมีคนที่มีจิตใจอย่างนี้ (มีคุณธรรม) นับวันจะยิ่งน้อยลงตามกระแสกิเลศที่มากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีวิธีการที่จะทำให้คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังคงอยู่ต่อไปให้ยาวนานที่สุด เพื่อเป็นต้นแบบของการดำเนินชีวิตที่มีคุณธรรม
วิธีแก้ไขปัญหาระยะยาว - ต้องชักชวนให้ท่านที่ยังมีปัจจัยน้อยอยู่ (รวมถึงตัวผมเองด้วย) ตั้งใจสะสมบุญเพื่อเป็นเสบียงสำหรับภพหน้าที่ดีขึ้น
สิ่งนึงที่อยากให้ท่านระลึกถึงก็คือ ความเป็นจริงเกี่ยวกับปัญหาคนจน ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในยุคนี้เท่านั้น มันมีตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว หรือในพระไตรปิฏกที่กล่าวถึงพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ ที่ผ่านมาในพุทธันดร (ขออภัยถ้าสะกดผิด) ก่อนๆ ก็มีปัญหานี้เช่นเดียวกันครับ
ท่านจำเรื่องอุบาสกที่ทำบุญกับมหาชนอยู่นับหมื่นปีจนน้ำซาวข้าวไหลเป็นแม่น้ำ กับอุบาสกที่ทำบุญด้วยข้าวทัพพีเดียวกับเนื้อนาบุญ ได้ไหมครับ? สิ่งที่พุทธองค์ทรงตรัสสอนเกี่ยวกับเนื้อนาบุญเป็นอย่างไร?
สำหรับการดำเนินงานของวัดพระธรรมกายในความคิดของผม
1. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาระยะสั้น - ความคิดเห็นก่อนหน้านี้คงแสดงให้เห็นถึงกิจกรรมทางสังคมที่วัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกายดำเนินการ ซึ่งมีหลายๆ องค์ที่ช่วยกันจรรโลงโลกให้น่าอยู่ขึ้นอยู่แล้วทั้งองค์กรในประเทศและต่างประเทศ แม้กระทั่ง 3 จัวหวัดชายแดนภาคใต้
2. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาระยะกลาง - การสร้างคนให้เป็นคนดีนั้นไม่ได้เพียงแค่มีวิชาศีลธรรมในโรงเรียนเท่าน้น แต่ต้องมีการปฏิบัติให้เห็นถึงจะมีผู้ทำตาม กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คนเราต้องการต้นแบบที่ดีครับ
ที่นี้มาถึงคำถามว่าทำอย่างไร?
คนเราถ้าจะทำได้ดีมันต้องมีแนวร่วมครับ "สามัคคีคือพลัง" ผมไม่เถียงว่าอาจจะมีผู้มีบารมีกล้าสามารถดำรงความดีไว้ได้โดยไม่ต้องมีแนวร่วม ซึ่งตามพระไตรปิฏกบุคคลนั้นคงจะต้องบรรลุธรรมอย่างน้อยขั้นโสดาปฏิผลถึงจะเรียกได้ว่าสามารถดำรงศีล 5 ไว้ได้เหนียวแน่น
สำหรับผมหรือครับ อย่าไปเทียบเลย มีคนเยอะๆ อุ่นใจดีแถมได้บุญมากขึ้นด้วย
คำถามต่อมาคือจะสร้างต้นแบบที่ดีได้อีกยาวนานเพียงใด?
คงจะต้องคิดต่อว่าอะไรจะเป็นเหตุให้เกิดสิ่งเหล่านี้ได้? สำหรับผม ผมคิดว่าจะต้องหาทางดำรงคำสอนและสัญลักษณ์ของการสร้างความดีให้คนรุ่นหลังได้รู้และน้อมนำไปปฏิบัติตาม ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมวัดพระธรรมกายจึงต้องสร้างอะไรที่อยู่ได้นานและสะท้อนถึงการร่วมมือกันในการสร้างความดีต่อไปให้อนุชนรุ่นหลังได้รู้และปฏิบัติตามอย่างน้อย 1000 ปี ครับ
3. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาระยะยาว (แบบข้ามภพข้ามชาติ) - วิธีนี้ยากที่สุดเพราะต้องพลิกใจคนให้มีศรัทธาในพระศาสนาและนำเอาไปปฏิบัติตาม ซึ่งท่านธรรมชิโนรสเอง ผมคาดว่าท่านเองคงจะเป็นผู้มีศรัทธาในพระศาสนามาก โดยท่านคงจะทราบอยู่แล้วว่าการที่จะพลิกใจคนให้มีศรัทธานั้นไม่ง่ายเลย เอาง่ายๆ แค่คนใกล้ๆ ตัวท่านที่ท่านรู้จักก็พอ
แล้วถ้าถามว่าจะทำอย่างไรที่จะพลิกใจคนได้? ถ้าผมจะตอบตามความรู้น้อยนิดของผมก็จะบอกว่าคงจะต้องทำที่กล่าวมาทั้งหมดครับ
กล่าวโดยสรุป การดำเนินงานของวัดพระธรรมกายถ้าท่านติดตามเองจริงๆ โดยมิได้ฟังมาจากที่เค้าเล่าว่า หรือสื่อบอกว่าแล้ว ท่านจะได้บรู้ถึงกิจกรรมทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งวัดพระธรรมกายแตกต่างจากที่อื่นคือมุ่งเน้นการแก้ปัญหาระยะกลางและระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นงานที่ยาก โดยอาจกล่าวได้อีกว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่และครูบาอาจารย์ของวัดพระธรรมกายมีเป้าหมายระยะสุดท้าย (เป้าหมายเหนือกว่าทุกระยะ) คือ ที่สุดแห่งธรรม ที่จะช่วยได้หมดไม่ว่าคุณยายตรงแยกสะพานควายหรืออยู่ที่ไหนๆ ในภพ 3 ซึ่งจะหมายถึงอย่างไรนั้น ก็ขอให้ท่านธรรมชิโนรสได้ลองเข้ามาสัมผัสวัดพระธรรมกายด้วยตนเองจริงๆ ไม่ใช่ฟังจากใครเค้าว่าตามหลักกาลมสูตร 10 ประการนะครับ
สุดท้ายนี้หวังว่าคำอธิบายด้วยมุมมองของผมเองคงจะช่วยให้ความกระจ่างกับท่านได้บ้างไม่มากก็น้อย
ขออนุโมธนาบุญ
อริยะ
ผมขอให้ข้อสังเกตดังนี้
ไม่ทราบว่าท่านเคยได้มีโอกาสชมรายการ "คนค้นคน" เมื่อประมาณ 2 ปีที่แล้วหรือไม่ เป็นตอนหนึ่งที่มีหญิงชราอายุเกือบ 90 ปี หิ้วผักต่างๆ จากต่างจังหวัดมาขายพร้อมเหลนอายุ 3-5 ขวบ แถวแยกสะพานควาย
หากวันนี้ท่านไปดูที่แยกสะพานควายฝั่งเดียวกันร้าน Tsutaya และ Rainbow Cafe อยู่ระหว่างร้าน 7-eleven กับร้านขายหนังสือ (น่าจะเป็นแถวๆ หน้าร้านถ่ายรูป) ท่านก็จะเห็นคุณยายกับหลานที่โตขึ้นนอนอยู่ที่เดิมไม่ต่างๆ กับที่ทางรายการได้ถ่ายทำไปเมื่อ 2 ปีก่อน
ลองนึกดีๆ สิครับ
หลังทางรายการมาถ่ายทำก็มีคนหยิบยื่นความช่วยเหลือมาบ้าง แต่ในระยะยาวก้ไม่ได้ช่วยให้คุณยายพ้นความยากจนได้
ทำอย่างไรถึงจะทำให้คุณยายพ้นความยากจนได้อย่างถาวร?
ผมว่านี้เป็นคำถามที่ท่านธรรมชิโนรสควรตั้งคำถามนะครับ
ไม่ใช่ว่าการหยิบยื่นความช่วยเหลือให้เพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่ดี
ผมกล่าวได้ว่าเป็นสิ่งประเสริฐครับ
ผมเองก็ทำบุญหลายแบบ รวมทั้งกับยายท่านนั้นด้วย...
สมมุติว่าผมเอาเงินทั้งหมดที่ผมมีมอบให้กับยายท่านนั้น...
ยายอาจจะมีเงินขึ้นในพริบตา...
แต่ประเด็นที่หนึ่งมันยั่งยืนหรือไม่? เงินที่ได้รับไปจะไม่มีวันหมดจริงหรือ? แล้วคนจนคนอื่นๆ ล่ะ ทำไม่เราไม่ช่วยอย่งนี้บ้าง?
ถึงตอนนี้หลายๆ ท่านก้อาจจะบอกว่า ก็ควรทำแต่พอตัวไง (ถามได้)
แต่จริงๆ แล้วมีวิธีการที่ช่วยแก้ไขปัญหาได้ครับ
วิธีแก้ไขปัญหาระยะสั้น - มอบความช่วยเหลือให้เพื่อประทังชีวิตตามอัตภาพตามที่เราพอช่วยได้
วิธีแก้ปัญหาระยะกลาง - การที่จะมีคนที่มีจิตใจอย่างนี้ (มีคุณธรรม) นับวันจะยิ่งน้อยลงตามกระแสกิเลศที่มากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีวิธีการที่จะทำให้คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังคงอยู่ต่อไปให้ยาวนานที่สุด เพื่อเป็นต้นแบบของการดำเนินชีวิตที่มีคุณธรรม
วิธีแก้ไขปัญหาระยะยาว - ต้องชักชวนให้ท่านที่ยังมีปัจจัยน้อยอยู่ (รวมถึงตัวผมเองด้วย) ตั้งใจสะสมบุญเพื่อเป็นเสบียงสำหรับภพหน้าที่ดีขึ้น
สิ่งนึงที่อยากให้ท่านระลึกถึงก็คือ ความเป็นจริงเกี่ยวกับปัญหาคนจน ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในยุคนี้เท่านั้น มันมีตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว หรือในพระไตรปิฏกที่กล่าวถึงพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆ ที่ผ่านมาในพุทธันดร (ขออภัยถ้าสะกดผิด) ก่อนๆ ก็มีปัญหานี้เช่นเดียวกันครับ
ท่านจำเรื่องอุบาสกที่ทำบุญกับมหาชนอยู่นับหมื่นปีจนน้ำซาวข้าวไหลเป็นแม่น้ำ กับอุบาสกที่ทำบุญด้วยข้าวทัพพีเดียวกับเนื้อนาบุญ ได้ไหมครับ? สิ่งที่พุทธองค์ทรงตรัสสอนเกี่ยวกับเนื้อนาบุญเป็นอย่างไร?
สำหรับการดำเนินงานของวัดพระธรรมกายในความคิดของผม
1. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาระยะสั้น - ความคิดเห็นก่อนหน้านี้คงแสดงให้เห็นถึงกิจกรรมทางสังคมที่วัดพระธรรมกายและมูลนิธิธรรมกายดำเนินการ ซึ่งมีหลายๆ องค์ที่ช่วยกันจรรโลงโลกให้น่าอยู่ขึ้นอยู่แล้วทั้งองค์กรในประเทศและต่างประเทศ แม้กระทั่ง 3 จัวหวัดชายแดนภาคใต้
2. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาระยะกลาง - การสร้างคนให้เป็นคนดีนั้นไม่ได้เพียงแค่มีวิชาศีลธรรมในโรงเรียนเท่าน้น แต่ต้องมีการปฏิบัติให้เห็นถึงจะมีผู้ทำตาม กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คนเราต้องการต้นแบบที่ดีครับ
ที่นี้มาถึงคำถามว่าทำอย่างไร?
คนเราถ้าจะทำได้ดีมันต้องมีแนวร่วมครับ "สามัคคีคือพลัง" ผมไม่เถียงว่าอาจจะมีผู้มีบารมีกล้าสามารถดำรงความดีไว้ได้โดยไม่ต้องมีแนวร่วม ซึ่งตามพระไตรปิฏกบุคคลนั้นคงจะต้องบรรลุธรรมอย่างน้อยขั้นโสดาปฏิผลถึงจะเรียกได้ว่าสามารถดำรงศีล 5 ไว้ได้เหนียวแน่น
สำหรับผมหรือครับ อย่าไปเทียบเลย มีคนเยอะๆ อุ่นใจดีแถมได้บุญมากขึ้นด้วย
คำถามต่อมาคือจะสร้างต้นแบบที่ดีได้อีกยาวนานเพียงใด?
คงจะต้องคิดต่อว่าอะไรจะเป็นเหตุให้เกิดสิ่งเหล่านี้ได้? สำหรับผม ผมคิดว่าจะต้องหาทางดำรงคำสอนและสัญลักษณ์ของการสร้างความดีให้คนรุ่นหลังได้รู้และน้อมนำไปปฏิบัติตาม ซึ่งเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมวัดพระธรรมกายจึงต้องสร้างอะไรที่อยู่ได้นานและสะท้อนถึงการร่วมมือกันในการสร้างความดีต่อไปให้อนุชนรุ่นหลังได้รู้และปฏิบัติตามอย่างน้อย 1000 ปี ครับ
3. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาระยะยาว (แบบข้ามภพข้ามชาติ) - วิธีนี้ยากที่สุดเพราะต้องพลิกใจคนให้มีศรัทธาในพระศาสนาและนำเอาไปปฏิบัติตาม ซึ่งท่านธรรมชิโนรสเอง ผมคาดว่าท่านเองคงจะเป็นผู้มีศรัทธาในพระศาสนามาก โดยท่านคงจะทราบอยู่แล้วว่าการที่จะพลิกใจคนให้มีศรัทธานั้นไม่ง่ายเลย เอาง่ายๆ แค่คนใกล้ๆ ตัวท่านที่ท่านรู้จักก็พอ
แล้วถ้าถามว่าจะทำอย่างไรที่จะพลิกใจคนได้? ถ้าผมจะตอบตามความรู้น้อยนิดของผมก็จะบอกว่าคงจะต้องทำที่กล่าวมาทั้งหมดครับ
กล่าวโดยสรุป การดำเนินงานของวัดพระธรรมกายถ้าท่านติดตามเองจริงๆ โดยมิได้ฟังมาจากที่เค้าเล่าว่า หรือสื่อบอกว่าแล้ว ท่านจะได้บรู้ถึงกิจกรรมทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ซึ่งวัดพระธรรมกายแตกต่างจากที่อื่นคือมุ่งเน้นการแก้ปัญหาระยะกลางและระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นงานที่ยาก โดยอาจกล่าวได้อีกว่าพระเดชพระคุณหลวงปู่และครูบาอาจารย์ของวัดพระธรรมกายมีเป้าหมายระยะสุดท้าย (เป้าหมายเหนือกว่าทุกระยะ) คือ ที่สุดแห่งธรรม ที่จะช่วยได้หมดไม่ว่าคุณยายตรงแยกสะพานควายหรืออยู่ที่ไหนๆ ในภพ 3 ซึ่งจะหมายถึงอย่างไรนั้น ก็ขอให้ท่านธรรมชิโนรสได้ลองเข้ามาสัมผัสวัดพระธรรมกายด้วยตนเองจริงๆ ไม่ใช่ฟังจากใครเค้าว่าตามหลักกาลมสูตร 10 ประการนะครับ
สุดท้ายนี้หวังว่าคำอธิบายด้วยมุมมองของผมเองคงจะช่วยให้ความกระจ่างกับท่านได้บ้างไม่มากก็น้อย
ขออนุโมธนาบุญ
อริยะ
#66
โพสต์เมื่อ 05 September 2006 - 11:45 PM
สาธุกับทุกคนด้วยครับ
#67
โพสต์เมื่อ 06 September 2006 - 03:22 PM
คุณธรรมชิโนรส ถามเยี่ยงบัณฑิตผุ้ใฝ่รู้ และกัลยาณมิตรทั้งหลายก็ตอบด้วยจิตใจอันเยือกเย็นอ่อนโยน จนได้บทสรุปจบที่งดงาม อ่านแล้วสบายใจจริงๆ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านมา ณ.ที่นี้
ขอติดตามสร้างบารมีกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย ไปจนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม
#68
โพสต์เมื่อ 16 September 2006 - 08:55 PM
มุ่งใจสู่ ธรรมกายกันดีกว่าครับ ใจจะใสไม่หมอง เหมือนหลวงพี่ท่านหนึ่งที่อยู่วัด ถ้ถเขาวง เคยบอกผมว่า (ตอนนั้นผมหลวงพี่เขาเยอะมากๆ)
เขาบอกว่า
หลายคนที่มีความสงสัยว่าการปฏิบัติแบบนี้หรือแบบนั้น และแบบอื่นๆ ว่ามันเป็นการยึดติด คุณลองถามตัวเองดูสิว่า ทำอย่างไรถึงไม่ยึดติด แล้วปฏิบัติอย่างไรถึงไม่ยึดติด ถ้าคุณมัวกลัวแต่ว่า มันจะยึดติด แล้วคุณไม่ปฏิบัติอะไรมันสักอย่าง คุณรู้ตัวไหมว่าความคิดนี้ มันจะทำให้คุณยึดติดกับความคิดของคุณเองโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นให้คุณลองเลือกดูแล้วกันว่า ทางไหนจะเป็นทางสายกลางมากที่สุด เพราะความไม่ยินดียินร้าย ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ไม่เกิดความอยากใดๆ ทั้งสิ้น แม้การปฏิบัติอยากไปเห็นนรก-สวรรค์ ก็คือความอยากอย่างหนึ่ง ก็คือทำให้เกิดความหลงได้ครับ
เขาบอกว่า
หลายคนที่มีความสงสัยว่าการปฏิบัติแบบนี้หรือแบบนั้น และแบบอื่นๆ ว่ามันเป็นการยึดติด คุณลองถามตัวเองดูสิว่า ทำอย่างไรถึงไม่ยึดติด แล้วปฏิบัติอย่างไรถึงไม่ยึดติด ถ้าคุณมัวกลัวแต่ว่า มันจะยึดติด แล้วคุณไม่ปฏิบัติอะไรมันสักอย่าง คุณรู้ตัวไหมว่าความคิดนี้ มันจะทำให้คุณยึดติดกับความคิดของคุณเองโดยไม่รู้ตัว ฉะนั้นให้คุณลองเลือกดูแล้วกันว่า ทางไหนจะเป็นทางสายกลางมากที่สุด เพราะความไม่ยินดียินร้าย ไม่โลภ ไม่โกรธ ไม่หลง ไม่เกิดความอยากใดๆ ทั้งสิ้น แม้การปฏิบัติอยากไปเห็นนรก-สวรรค์ ก็คือความอยากอย่างหนึ่ง ก็คือทำให้เกิดความหลงได้ครับ
#69
โพสต์เมื่อ 23 September 2006 - 07:22 PM
อนุโมทนากับทุกคนด้วยไม่ไม่ได้วางอุเบกขา
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ
เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี