ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * * 1 คะแนน

นายลีชุนยุง ชาวจีน อายุ 256 ปี


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 10 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 eq072

eq072
  • Members
  • 504 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 July 2008 - 10:12 PM

Li Ching-Yun. Image from The People’s Republic of China
According to the 1933 obituaries in both Time Magazine and the New York Times, Li Ching-Yun was reported to have buried 23 wives and fostered 180 descendants by the time he died at the age of 256.
Was he really that old? Could he have forgotten his own birthday or exaggerated his claim? Environmental Graffiti investigates.
The Secrets to an Interminable Life
“Keep a quiet heart, sit like a tortoise, walk sprightly like a pigeon and sleep like a dog.” These were the words of advice Li gave to Wu Pei-fu, the warlord, who took Li into his house to learn the secret of extremely long life.
Li maintained that inward calm and peace of mind were the secrets to incredible longevity. His diet after all, was mainly based on rice and wine.
From 0 to 256
Unsurprisingly, not much is known about Li Ching-Yun’s early life. We know he was born in the province of Szechwan in China, where he also died. We also know that by his tenth birthday, Ching-Yun was literate and had travelled to Kansu, Shansi, Tibet, Annam, Siam and Manchuria gathering herbs. After that, it gets a bit fuzzy…
Apparently, for over one hundred years, Li continued selling his own herbs and then subsequently sold herbs collected by others. He also (according to Time) had six-inch long fingernails on his right hand.
You might be thinking that he looked decrepit, shrivelled, leather-like and creepy, however sources at the time were astonished at his youthfulness. Was this suspect? Was Li Ching-Yun as old as he claimed he was, or was his birthday a clerical error or exaggeration?
Let’s take a brief look at both sides…
The Nine Lives of Li Ching-Yun
By his own admission he was born in 1736 and had lived 197 years. However, in 1930 a professor and dean at Minkuo University by the name of Wu Chung-chien, found records “proving” that Li was born in 1677. Records allegedly showed that the Imperial Chinese Government congratulated him on his 150th and 200th Birthdays.
So the question is, had he forgotten his own birthday? Was this even the same Li Ching-Yun?
Looking at all of this from a medical and documented perspective: Jeanne Louise Calment, a French woman who died in 1997 so far holds the title for the person who has roamed the earth the longest: 122 years, which is a phenomenal length of time.
That means, that if the records discovered by Wu Chung-chien were accurate, Li Ching-Yun’s age would surpass the official record by more than 130 years. Is this even medically possible?
The detail, which seems to prove both arguments and debunk them at the same time, is Li’s youthful appearance, noted in a 1928 article from the New York Times. Visually and physically, he appeared to look like a typical 60 year-old. Does this therefore signify a superhuman body capable of lasting one quarter of a millennium, or is the story of Li Ching-Yun based on a series of half-truths, lies or exaggerations?
Unfortunately, we may never know. You may draw your own logical conclusions.

http://www.environme...ar-old-man/1130

แต่ความจริงมีมาแล้ว คือนายลีชุนยุง ชาวจีนผู้เกิดในปี ค.ศ. ๑๖๗๗ และตายในปี ๑๙๓๓ สิริรวมอายุได้ ๒๕๖ ปี! เขาเป็นผู้ลบล้างความเชื่อหลายต่อหลายประการ นับแต่ความเชื่อว่าคนเราควรมีอายุได้สูงสุดไม่เกิน ๑๒๐ ตลอดไปจนกระทั่งความเชื่อว่าคนแก่ต้องหลังโก่ง ผิวหนังเหี่ยวย่นเสมอ เพราะจนตายนายลีก็ยังสุขภาพแข็งแรง หลังตรง หนังตึง สายตาไม่ฝ้าฟาง เส้นผมกับฟันยังเป็นของแท้ตามธรรมชาติ ไม่มีใครเห็นเขามีสภาพเกินชายวัย ๕๐ เลยด้วยซ้ำ!


รัฐบาลจีนรับรู้ว่าลีชุงยุนมีตัวตนตอนเขาอายุ ๑๕๐ คือมีคนของทางการพบเห็นและให้คำรับรองได้ว่าเป็นผู้สูงอายุแล้ว แต่เขายังคงอยู่ต่อมาได้อีกกว่าศตวรรษ เพราะฉะนั้นอย่างน้อยที่สุดเขาจะต้องมีอายุเกินธรรมดาไปมากๆ เมื่อประกอบกับหลักฐานแสดงความมีตัวตนในช่วงศตวรรษที่ ๑๗ ก็พอทำให้เชื่อมั่นว่ากรณีของนายลีไม่ใช่การปั้นน้ำเป็นตัวขึ้นมาแน่ๆ


นายลีเน้นการประพฤติปฏิบัติตนไว้หลายอย่าง นับแต่การรู้จักมีอิริยาบถที่ถนอมสภาพความเยาว์วัยไว้นานๆ เช่นกล่าวเชิงอุปมาอุปไมยให้นั่งนิ่งเหมือนเต่าหมอบ เดินเหินปราดเปรียวกระฉับกระเฉงเหมือนนกพิราบ นอนหลับสนิทเหมือนสุนัข แล้วก็มีหัวใจที่สงบเงียบในการดำรงชีวิต


นอกจากนั้นนายลียังเป็นมังสวิรัติ แล้วก็เป็นคนรอบรู้ในเรื่องการใช้สมุนไพรอย่างหาตัวจับได้ยาก คือเชี่ยวชาญเกี่ยวกับยาอายุวัฒนะ ประเภทที่ทำให้ธาตุไฟภายในยังทำงานเผาผลาญ ช่วยกระตุ้นให้ระบบประสาทตื่นตัวได้ตลอด เขากินอาหารสมุนไพรทุกวันจนตาย นักวิทยาศาสตร์เอามาวิเคราะห์ดูก็พบว่าเป็นอาหารจำพวกกรดอะมิโนในธรรมชาติซึ่งร่างกายผลิตได้เองอยู่แล้ว แถมยังเจอดาษดื่นในอาหารที่เราๆกินกันนี่แหละ ความแตกต่างคือสารช่วยยืดอายุเหล่านั้นถูกทำลายไปในขณะปรุงอาหารเสียหมด คนทั่วไปเลยชะลอนาฬิกาชีวิตไม่ค่อยอยู่

ทั้งวิธีการดำรงชีวิตและการใช้ยาอายุวัฒนะ รวมกันทำให้ลีชุงยุนไม่รู้จักแก่ และเป็นการเลือกมีอายุยืนด้วยความจงใจ มิใช่ความบังเอิญ


การมีตัวตนอยู่จริงของลีชุนยุงบอกเราว่าถ้าอยากอยู่นานจริงๆ อีกทั้งแข็งแรงปราศจากความร่วงโรยของสังขาร ก็ต้องมีวิธีดำรงชีวิตด้วยความแตกต่างจากการปล่อยปละเลยตามเลย ไม่ว่าจะเรื่องของการเดินเหิน ไม่ว่าจะเรื่องของหยูกยาอาหาร ล้วนแล้วแต่ประคองให้ร่างนี้อยู่ได้เกินสองร้อยปี หรืออย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต่ำกว่า ๑๒๐ ปี ไม่ใช่แค่ ๔๐ ก็เตรียมจอดเหมือนอย่างหนุ่มสาวหลายต่อหลายคนในยุคปัจจุบัน


ลองจินตนาการดู หากเราเป็นคนใกล้ชิดของนายลีในช่วงที่เขาอายุสักร้อยเศษ เกิดมาก็เห็นนายลีมีอายุมากแล้ว แต่พอเราอายุมากขึ้นจนเกือบ ๖๐ รอมร่อ นายลีก็ไม่ตายสักที แถมดูดีกว่า แข็งแรงกว่า ทำอะไรได้มากกว่าเราเสียอีก เราคงไม่คิดอย่างไรอื่นนอกจากเห็นเขาเป็นมนุษย์อมตะ และเมื่อเราถึงเวลาปิดฉากชีวิตขณะอายุสัก ๗๐ ก็คงตายไปพร้อมกับความเชื่อว่าชีวิตอมตะมีจริง มนุษย์ที่ไม่รู้จักแก่ ไม่รู้จักตายมีจริง แถมแข็งแรงและธาตุยังดีขนาดมีเมียได้เรื่อยๆถึง ๒๔ คน


ทว่าเราอยู่ในยุคที่ลีชุนยุงล่วงลับไปแล้ว ก็ต้องมาถึงจุดสรุป ถึงจุดที่เห็นตามจริงว่า ชีวิตนั้น ต่อให้ชะลอยืดยาวออกไปเพียงใด ในที่สุดก็ต้องพบกับสัจจธรรมเหมือนกันหมด คือต้องมอดม้วยมรณังกันถ้วนหน้า มนุษย์อายุยืนที่สุดในโลกเช่นนายลีชุนยุงเหมือนเกิดมาเพื่อยืนยันแทนธรรมชาติ ว่าสัจจะสูงสุดข้อแรกของการเป็นมนุษย์คือ ‘อย่างไรก็ต้องตายแน่ๆ’


อายุขัยที่แตกต่างทำให้แต่ละคนมีเวลาสั่งสมกรรมผิดแผกจากกัน นอกจากนั้นยังมีโอกาสสั้นยาวไม่เท่ากันในอันที่จะเรียนรู้ความจริงเกี่ยวกับชีวิต สุดแต่ใครจะคิดว่าความจริงสูงสุดอยู่ที่ไหน ควรใช้เวลาในชีวิตเพียงใดเพื่อเข้าให้ถึงความจริงนั้น

ไฟล์แนบ



#2 usr23724

usr23724
  • Members
  • 120 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 July 2008 - 11:06 PM

ว้าวววววววววว

#3 ชาร์ป

ชาร์ป
  • Members
  • 985 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ปทุมธานี

โพสต์เมื่อ 11 July 2008 - 11:22 PM

โอเย้ แหล่มเลย
เป็นข้อมูลสนับสนุนอะไรหลายๆอย่างในพระไตรปิฏก หรือเรื่องที่ครูไม่ใหญ่เล่าได้อย่างดีเลยนะเนี่ย

#4 kasaporn

kasaporn
  • Members
  • 870 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 July 2008 - 01:44 AM

อืม....น่ารักษาศีลข้อ 1 ได้ดีมาในอดีตชาตินะคะ มีเวลาสร้างบารมีในโลกมนุษย์ได้ตั้งนานแต่ไม่รู้ว่าเขาทราบและทำหรือปล่าว

#5 Tanay007

Tanay007
  • Members
  • 616 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 July 2008 - 09:48 AM

ดูแล้ว...เหมือนเกจิอาจารย์นะครับ
แต่เคยอ่านเรื่องลึกลับในจีน มีคนเคยไปเจอนักพรตจีน (ไม่ใช่คาแรคเตอร์แบบหนังบู๊จีนนะครับ) อายุ 500 ปี หน้าตายังดูหนุ่มอยู่เลย คนที่เจอก็เลยขอเรียนวิชาชี่กงจากท่าน พอได้อ่านเรื่องอย่างนี้อดไม่ได้ที่จะนึกถึง "ผู้สำเร็จ" ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ เคยพูดถึงไว้

#6 WISH

WISH
  • Moderators
  • 3579 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 July 2008 - 01:00 PM

น่าทึ่ง...แต่ทึ่งฝันในฝันมากกว่านะ
ทำไมต้อง หาคำตอบ ณ แดนไกล ลืมหรือไร ว่าอยู่ใกล้ DMC

#7 เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี

เด็กอนุบาลหน้าใสใจดี
  • Members
  • 938 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 July 2008 - 09:34 PM

สาธุ สาธุ สาธุ.. happy.gif
ชีวิตคือการเข้ากลาง..
ที่สุดแห่งธรรมนั้นเป็นเป้าหมาย..
โลกจะสุขสันต์เมื่อท่านเข้าถึงธรรมกาย..
สว่างไสวทั่วทุกธาตุธรรม..

#8 MiT(^_^)

MiT(^_^)
  • Members
  • 51 โพสต์

โพสต์เมื่อ 14 July 2008 - 05:16 AM

ด้วยอนิสงค์ของการรักษาศีล....

#9 ::: นายพีท ลูกพระธัมฯ :::

::: นายพีท ลูกพระธัมฯ :::
  • Members
  • 706 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:โรงกลั่นอุดมการณ์

โพสต์เมื่อ 14 July 2008 - 10:56 AM

อัศจรรย์

#10 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 15 February 2011 - 10:30 AM

อ่านแล้วเกิดแรงบันดาลใจอ่ะ

#11 *เก๋*

*เก๋*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 16 April 2011 - 09:37 AM

สุขภาพดีจัง