ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ชาตินี้สร้างบารมีครบหรือไม่


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 23 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 06:19 PM

การสร้างบารมีเพื่อปรารถนาพุทธภูมิหรือที่สุดแห่งธรรมนั้น ควรจะต้องสร้างบารมีให้ได้ครบ
ทั้ง ๓๐ ทัศน์ ในระดับบารมีขั้นต้น อุปบารมี ปรมัตถบารมี ในทุกวันนี้ที่ได้เห็นคือการสร้างบุญกริยาวัตถุ ๑๐
โดยสรุปแล้วมี ๓ ทานมัย ๑ ศีลมัย ๑ ภาวนามัย ๑ เมื่อทำประจำทำจริงจังและต่อเนื่องก็จะกลาย
เป็นบารมี มีข้อสงสัยดังนี้ครับ

- ภาวนามัย เมื่อทำมาก ๆ แล้วจะเป็นบารมีใดในบารมี ๓๐ ทัศน์
- การบำเพ็ญบารมี อย่างไร จึงจัดเป็น อุปบารมี และ ปรมัตถบารมี
ตัวอย่าง ตอนบวชพระถ้าบริจารโลหิตถือเป็นปรมัตถบารมี เพราะบริจาคอวัยวะ

- อุเบกขาบารมี สร้างอยางไร



-


#2 BOG-BOG

BOG-BOG
  • Members
  • 293 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 06:30 PM

ภาวนามัย วีธีการทำบุญด้วยการภาวนา เป็นเรื่องของจิตอย่างเดียว ผู้ที่ได้บุญจากการ
ภาวนามัย ย่อมเป็นคนหนักแน่นมั่นคง แม้กระทบกระทั่งอารมณ์ใดๆ ย่อมจะไม่หวั่นไหวไปตาม
อารมณ์นั้นๆ การภาวนา เป็นการอบรมจิตใจให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีและให้ฉลาด สำหรับคนทั่ว
ไป ได้แก่ การศึกษาเล่าเรียน หมั่นฟัง หมั่นคิด หมั่นท่องบ่นหลักวิชาการต่างๆ หมั่นสนทนากับ
ท่านผู้รู้จนเกิดความฉลาด การภาวนาที่ละเอียดมากขึ้น ได้แก่

๑ สมถภาวนา (สมถกัมมัฏฐาน) คือการทำจิตให้อยู่ในอารมณ์เดียว ด้วยการสำรวม ความ
ระวัง และตั้งใจ

๒ วิปัสสนาภาวนา (วิปัสสนากัมมัฏฐาน) คือใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นแจ้งในสังขารธรรม
ทั้งปวง ด้วยความฝึกฝน ความทรมาน ความดัดสันดานและด้วยความข่มใจ

ภาวนามัยเป็นข้อสำคัญที่สุดในบุญกิริยาทั้งหลาย เพราะยึดบุญกิริยานั้นๆ ให้คงอยู่ได้ด้วย
แกนเหล็กที่ตั้งอยู่ ณ ภายในทำของที่หุ้มอยู่ ณ ภายนอกให้มั่นคงฉะนั้น อันความงามความดีที่
จะเป็นผล ซึ่งบุคคลที่ประพฤติให้ปรากฏออกภายนอกด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ต้องมีภาวนา
เป็นสารอยู่ภายใน ย่อมเป็นไปดังสุคนธชาติ เป็นต้นว่า เนื้อไม้ที่อบไว้เป็นอันดี เพราะเหตุนั้น
กุศลราศีที่บุคคลทำให้มีขึ้นโดยสนิทใจ ได้ชื่อว่าภาวนาเพราะใจความว่าเป็นเครื่องอบรมกุศล
ให้มีขึ้นในสันดาน

http://www.kalyanami...ing.asp?catid=5

เดี๋ยวมาตอบต่อไปทานข้าวก่อนหิวนะจ๊ะ

#3 tor

tor
  • Members
  • 356 โพสต์
  • Location:BKK
  • Interests:meditation

โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 07:06 PM

ในความเห็นของผมนะ
- ภาวนามัย น่าจะทำให้ปัญญาบารมี กับขันติบารมีนะ เพราะภาวนามากๆ ก็ต้องใช้ความอดทนมาก และได้แสงแห่งปัญญามากขึ้นไปตามลำดับ
- อุปบารมีน่าจะหมายถึงการบำเพ็ญแบบยอมสละอวัยวะเพื่อสร้างบารมีนั้นๆ ส่วนปรมัตถน่าจะหมายถึงการบำเพ็ญแบบที่ยอมแลกด้วยชีวิต หมายความว่าการมีชีวิตนั้นไม่ใช่อุปสรรคที่ใช้ในการกล่าวอ้างเพื่อทำให้การบำเพ็ญบารมีนั้นย่อหย่อนลง
- อุเบกขา น่าจะเกิดเมื่อต้องพลัดจากของรัก ได้ในสิ่งที่ไม่อยากได้ หรือไม่ได้ในสิ่งที่อยากได้ เมื่ออยู่ตรงนั้นเรารักษาใจอย่างไร
อัตตาหิ อัตตโนนาโถ = กายเป็นที่พึ่งแห่งกาย

#4 พักผ่อน

พักผ่อน
  • Members
  • 422 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 07:51 PM

อุเบกขาคือความไม่ลำเอียงครับ หรือความตั้งมั่นในกุศลธรรม การที่จิตไม่หวั่นไหวต่อโลกธรรม หรือการที่ใจไม่เคลื่อนออกจากฐานครับ อันนี้สรุปตามภาษาและความเข้าใจของผมนะครับ

อย่างเช่น เราทุกข์เพราะความยากจน แต่เราก็ไม่เลิกทำทาน
หรือเรามีทรัพย์สมบัติมหาศาล ก็ไม่ได้ประมาทว่าทรัพย์เยอะแล้วจะไม่ทำทาน

หรือเราจะตัดสินอะไรว่าเป็นธรรม เราก็มองให้ออกว่าจริง ๆ แล้วเป็นอย่างไร ไม่ใช่ใช้ความเป็นญาติ เป็นเพื่อน เป็นอาจารย์ เป็นคนคุ้นเคยในการพิจารณา แต่ว่าการที่เป็นญาติ เป็นเพื่อน เป็นอาจารย์ เป็นคนคุ้นเคยทำให้เราต้องวางตัวและแก้ปัญหาให้เหมาะสมกับคนแต่ละฐานะครับ

ถ้าเราสร้างบารมีชนิดใด บารมีอื่น ๆ ย่อมตามมาด้วย ต่างแต่ว่ามากน้อย เหมือนเรากวาดพื้น ย่อมได้ความสะอาด ได้ออกกำลัง ได้ฝึกความมีระเบียบ ฯลฯ ครับ แต่ได้ความสะอาดมากที่สุดนั่นเอง

#5 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 08:24 PM

ก่อนอื่นบารมีแบ่งเป็น 10 อย่าง คือ
1. ทานบารมี
2. ศีลบารมี
3. เนกขัมมะบารมี
4. ปัญญาบารมี
5. วิริยะบารมี
6. ขันติบารมี
7. สัจจะบารมี
8. อธิษฐานบารมี
9. เมตตาบารมี
10. อุเบกขาบารมี

โดยบารมีทั้ง 10 อย่าง ยังแบ่งความเข้มข้นยิ่งยวดได้อีก 3 ระดับ คือ
1. บารมี
2. อุปบารมี
3. ปรมัตถบารมี
ดังนั้น 10 x 3 เท่ากับ 30 คือ บารมี 30 ทัศ

สำหรับคำถาม ผมขอตอบดังนี้
QUOTE
ภาวนามัย เมื่อทำมาก ๆ แล้วจะเป็นบารมีใดในบารมี ๓๐ ทัศน์

สำหรับการทำภาวนาได้ครบทั้ง 10 ครับ แต่จะเป็นบารมีระดับไหนขึ้นอยู่กับความทุ่มเทที่เราทุ่มลงไปครับ ที่บอกว่าได้ครบทั้ง 10 เพราะ
1. ทานบารมี ได้เพราะเราได้ให้ความปลอดภัยแก่สรรพสัตว์เป็นทาน
2. ศีลบารมี ได้เพราะเรานั่งนิ่งๆ ไม่ได้เบียดเบียน ขโมยของใคร โกหกใคร เป็นต้น
3. เนกขัมมะบารมี ได้เพราะระหว่างปฏิบัติภาวนา ใจเราสงัดจากกาม
4. ปัญญาบารมี ได้เพราะเมื่อแสงสว่างเกิด ปัญญาก็เกิด ดังพุทธพจน์ที่ว่า แสงสว่างใดยิ่งกว่าปัญญาเป็นไม่มี
5. วิริยะบารมี ได้เพราะ เรามีความเพียรที่จะนั่งสมาธิ
6. ขันติบารมี ได้เพราะ เราต้องมีความอดทนที่จะนั่ง สู้กับความเมื่อยขบที่เกิดขึ้น
7. สัจจะบารมี ได้เพราะ เรามีความตั้งใจว่าจะนั่งนานเท่านั้น เท่านี้ แล้วทำได้สำเร็จ
8. อธิษฐานบารมี ได้เพราะ เรานั่งสมาธิเสร็จ เราก็ตั้งจิตอธิษฐานบุญที่เกิดจากนั่งสมาธิ
9. เมตตาบารมี ได้เพราะ เราทำการแผ่เมตตาก่อนเลิกนั่งสมาธิ
10. อุเบกขาบารมี ได้เพราะ เราต้องทำใจนิ่งๆ เฉยๆ เป็นกลาง สมาธิจึงจะก้าวหน้า
QUOTE
การบำเพ็ญบารมี อย่างไร จึงจัดเป็น อุปบารมี และ ปรมัตถบารมี

บารมี คือ การสร้างบารมีปกติ
อุปบารมี คือ การสร้างบารมีที่เอาอวัยวะ เลือดเนื้อเข้าแลก
ปรมัตถบารมี คือ การสร้างบารมีที่เอาชีวิตเข้าแลก
QUOTE
ตัวอย่าง ตอนบวชพระถ้าบริจารโลหิตถือเป็นปรมัตถบารมี เพราะบริจาคอวัยวะ

ไม่ใช่ครับ จัดเป็น บารมีระดับอุปบารมีครับ แต่ถ้าร่างกายเราก็กำลังอยู่ในขีดอันตรายเลือดทุกหยดจำเป็นสำหรับเรา แต่เราก็ยังฝืนบริจาคโลหิตทั้งๆ ที่อาจจะทำให้เราถึงแก่ความตายได้ เราก็พร้อมที่จะบริจาค อันนี้ ถึงจะจัดเป็นปรมัตถบารมีครับ คือ กล้าบริจาค ขนาดเอาชีวิตเป็นเดิมพัน ตายไม่ว่า ขอให้ได้บริจาคโลหิต
QUOTE
อุเบกขาบารมี สร้างอยางไร

คือการทำจิตไม่ให้หวั่นไหวในโลกธรรม8 แต่ไม่ใช่ดูดายนะครับ คือ ต้องพยายามเต็มที่แล้ว แต่ถ้าไม่ได้ ก็คือไม่ได้ ต้องไม่ตีโพยตีพาย เสียอกเสียใจ พร่ำพิไรรำพัน ถ้าได้ดังใจ ก็ไม่ลิงโลดใจ มีอารมณ์กลางๆ ดังนั้นอุเบกขาบารมีจึงเป็นบารมีที่สร้างได้ยากที่สุด เพราะเกี่ยวข้องกับการฝึกใจโดยเฉพาะ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นบารมีลำดับสุดท้ายไงครับ อย่างการตรึกธรรมะตลอดทั้งวัน ก็จัดเป็นการฝึกใจอย่างหนึ่งเช่นกันครับ ลองสังเกตสิครับ วันไหนที่เราเอาใจตรึกไว้ที่ศูนย์กลางกายทั้งวัน ใจเราจะไม่กระเพื่อมเมื่อเราไปกระทบวัตถุภายนอกที่มากระทบ ตา หู จมูก ลิ้นและกาย ครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#6 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 09:01 PM

ทั้งการทำทาน ทั้งรักษาศีล และทั้งเจริญภาวนา สามารถทำให้เกิดบารมีได้ทั้ง 10 ประการได้นะคะ

ขอยกตัวอย่างเรื่องทานด้วย การปล่อยปลา

1. ทานบารมี = ให้ทานด้วยชีวิต เป็นการต่อชีวิตผู้อื่น ผลที่ได้รับย่อมทำให้มีอายุยืนยาว ปราศจากโรค
2. ศีลบารมี = ไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น จัดอยู่ในศีลข้อ 1
3. เนกขัมมะบารมี = ทำให้เห็นทุกข์โทษภัย ของการเกิด การครองเรือน เมื่อครองเรือน ก็ต้องเลี้ยงครอบครัว ซึ่งอาจจะไปประกอบมิจฉาอาชีพ เช่น ฆ่าปลา ทำให้ต้องไปเวียนว่ายตายเกิดเป็นปลา เป็นต้น จึงทำให้คิดประพฤติพรหมจรรย์ ทำพระนิพพานให้แจ้ง
4. ปัญญาบารมี = ต่อเนื่องจากข้อ 3
5. วิริยะบารมี = ขวนขวาย หาวิธี หาเงินซื้อปลา ขวนขวายหาสถานที่นำปลาไปปล่อย
6. ขันติบารมี = อดทนต่อความยากลำบากในการหาซื้อปลา หรืออดทนต่อแดดร้อน เป็นต้น
7. สัจจะบารมี = มีสัจจะว่าจะปล่อยปลาให้ได้ทุกวัน
8. อธิษฐานบารมี= อธิษฐานอยู่แล้วค่ะ ตอนปล่อย
9. เมตตาบารมี = การช่วยชีวิตผู้อื่น ย่อมเกิดมีขึ้นพร้อมๆ กับความมีเมตตา อานิสงส์คือ จะทำให้มีแต่คนให้ความเมตตาแม้ได้พบเห็นหน้าเพียงครั้งแรก ช่วยเหลือทุกสิ่งอย่าง เป็นต้น
10. อุเบกขาบารมี = ตอนปล่อยปลา อธิษฐานจิต ย่อมต้องเอาใจจรดศูนย์กลางกาย เป็นการวางอุเบกขาต่อสภาพแวดล้อมใดๆ

ส่วนการรักษาศีล ยิ่งศีลมากข้อเท่าไร ศีลบริสุทธิ์มากขึ้นเท่าไร การบำเพ็ญบารมีทั้ง 30 ทัศ ก็จะทำให้สร้างบารมีได้ง่ายขึ้น ลองไปนั่งนึกๆ เล่นๆ ดูก็ได้ค่ะ

ส่วนภาวนา คุณ Miracle Dream ได้กล่าวไปแล้วค่ะ

#7 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 09:10 PM

เมื่ออยู่ในเพศสมณะ ( เป็นพระอยู่ ) การสร้างบารมีจะเข้มข้นขึ้นหรือไม่เช่นรักษาศีล
ก็เป็นระดับ อุปบารมี หรือบุคคลทั่วไปจะสามารถรักษาศีลระดับอุปบารมีได้
หยุดคือตัวสำเร็จ

#8 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 09:22 PM

QUOTE
เมื่ออยู่ในเพศสมณะ ( เป็นพระอยู่ ) การสร้างบารมีจะเข้มข้นขึ้นหรือไม่เช่นรักษาศีล
ก็เป็นระดับ อุปบารมี หรือบุคคลทั่วไปจะสามารถรักษาศีลระดับอุปบารมีได้

งง ครับ ไม่ค่อยเข้าใจคำถาม
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#9 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 09:28 PM

การรักษาศีลของพระภิกษุย่อมต้องเข้มข้นกว่า ปุถุชน เช่นพระมีศีล 227 ข้อ ระดับความ
เข้มข้นของศีลบารมี น่าจะอยู่เหนือกว่าฆราวาส
หยุดคือตัวสำเร็จ

#10 ฟ้ายังฟ้าอยู่

ฟ้ายังฟ้าอยู่
  • Members
  • 2511 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 09:30 PM

การรักษาศีลระดับอุปบารมี ก็คือการเอาอวัยวะและเลือดเนื้อเข้าแลกค่ะ
สาธุชนถือศีล 5 ศีล 8 หากรักษาแบบยอมเสียเลือดเสียเนื้อเพื่อรักษาศีล ก็ถือเป็นระดับอุปบารมี
พระภิกษุสงฆ์ที่บวชแบบปกติ ก็รักษาศีล 227 ข้อ หากยอมเสียเลือดเนื้อ เพื่อรักษาศีล ก็ถือเป็นระดับอุปบารมี

สาธุชนถือศีล 5 ศีล 8 หากยอมคอขาด หากต้องโกหก อันนี้ถือเป็นปรมัตถบารมี
หากพระภิกษุท่านยอมตาย หากศีลขาดหรือด่างพร้อย อันนี้ก็ถือเป็นปรมัตถบารมีค่ะ

ที่จะได้บุญมากกว่า ก็เพราะจำนวนข้อของศีลมากกว่าเท่านั้นเองค่ะ แต่ในระดับของบารมีแล้วจัดว่าอยู่ในระดับเดียวกันค่ะ
"เกิดมาว่าจะมาหาแก้ว พบแล้วไม่กำจะเกิดมาทำไม
อ้ายที่อยากมันก็หลอก อ้ายที่หยอกมันก็ลวง ทำให้จิตเป็นห่วงเป็นใย.."
พระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร)


#11 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 09:42 PM

ขอบคุณทุกคำตอบครับ

อ้อ..... เข้าใจแล้วผมก็เข้าใจผิดนึกว่าการเป็นพระภิกษุนั้นสร้างบารมีได้มากกว่าเพราะ
ศีลมากกว่า ลืมนึกไปว่าภิกษุรักษาศีลนั้น ถ้ารักษาไม่ดีก็พอ ๆ กับฆราวาส หรือแย่กว่า

เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณครับ
หยุดคือตัวสำเร็จ

#12 พักผ่อน

พักผ่อน
  • Members
  • 422 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 10:08 PM

ผมว่าพระที่อยู่ภาคใต้น่าจะได้ปรมัตถบารมีไปแล้วล่ะครับ ออกบิณฑบาตทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอาจตายได้ทุกเมื่อ ที่ตายไปจริง ๆ ก็พอสมควร เพราะใจที่ไม่เสียดายชีวิตเพื่อปกป้องสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าชีวิต

#13 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 11 May 2006 - 10:17 PM

QUOTE
ผมว่าพระที่อยู่ภาคใต้น่าจะได้ปรมัตถบารมีไปแล้วล่ะครับ ออกบิณฑบาตทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอาจตายได้ทุกเมื่อ ที่ตายไปจริง ๆ ก็พอสมควร เพราะใจที่ไม่เสียดายชีวิตเพื่อปกป้องสิ่งที่มีค่ายิ่งกว่าชีวิต

ถูกต้องครับ ท่านกำลังบำเพ็ญบารมีในระดับเอาชีวิตเป็นเดิมพันกันเลยทีเดียว เพื่อรักษาพระพุทธศาสนาในดินแดนภาคใต้ ดังนั้นเป็นปรมัตถบารมีอย่างแน่นอนครับ...อ้อ แล้วเราผู้อยู่แนวหลังก็อย่าลืมส่งเสบียงไปให้ท่านทุกเดือน ทั้ง 266 วัดกันนะครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#14 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 May 2006 - 08:14 AM

แล้วพระที่บวชโดยตั้งใจเป็นสัจจะอธิษฐานก่อนบวชไปว่า การบวชครั้งนี้เป็นครั้ง
สุดท้ายในชีวิตของข้าพเจ้า จะขอทำให้แจ้งแทงตลอดเข้าถึงธรรมะภายในให้ได้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ว่าจะเสียอวัยวะ เลือดเนื้อ ชีวิต อย่างไรก็ตาม จะไม่ละทิ้ง
ความตั้งใจและไม่สึกเด็ดขาด แล้วก็ตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์และตั้งใจปฏิบัติธรรมะ
จนตายไปในเพศสมณะ บารมีจะอยู่ในขั้นไหน


หยุดคือตัวสำเร็จ

#15 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 May 2006 - 08:27 AM

QUOTE
แล้วพระที่บวชโดยตั้งใจเป็นสัจจะอธิษฐานก่อนบวชไปว่า การบวชครั้งนี้เป็นครั้ง
สุดท้ายในชีวิตของข้าพเจ้า จะขอทำให้แจ้งแทงตลอดเข้าถึงธรรมะภายในให้ได้
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไม่ว่าจะเสียอวัยวะ เลือดเนื้อ ชีวิต อย่างไรก็ตาม จะไม่ละทิ้ง
ความตั้งใจและไม่สึกเด็ดขาด แล้วก็ตั้งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์และตั้งใจปฏิบัติธรรมะ
จนตายไปในเพศสมณะ บารมีจะอยู่ในขั้นไหน

คำตอบคือ
QUOTE
ปรมัตถบารมี คือ การสร้างบารมีที่เอาชีวิตเข้าแลก

สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#16 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 May 2006 - 08:49 AM

โอเค พอนึกออกแล้ว การสร้างบารมีชนิดปรมัตถบารมีนี้ ต้องมีเหตุให้ต้องแลกด้วยชีวิต
เพียงความตั้งใจที่จะแลกด้วยชีวิตแต่เสียชีวิตไปเองโดยไม่มีเหตุคุกคามใด ๆ ให้เสียความตั้ง
ใจนั้น ก็ยังไม่ถึงขั้นปรมัตถบารมี

ขอบคุณครับ
หยุดคือตัวสำเร็จ

#17 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 May 2006 - 09:12 AM

QUOTE
โอเค พอนึกออกแล้ว การสร้างบารมีชนิดปรมัตถบารมีนี้ ต้องมีเหตุให้ต้องแลกด้วยชีวิต
เพียงความตั้งใจที่จะแลกด้วยชีวิตแต่เสียชีวิตไปเองโดยไม่มีเหตุคุกคามใด ๆ ให้เสียความตั้ง
ใจนั้น ก็ยังไม่ถึงขั้นปรมัตถบารมี

งงครับ เอาเป็นว่า ผมคิดว่า ถ้าตั้งใจเอาชีวิตเป็นเดิมพันแล้ว ซึ่งมีโอกาสที่จะเสียชีวิต อันนั้นก็น่าจะเป็นปรมัตถบารมีแล้วครับ เช่น กรณีบริจาคโลหิตข้างบน ถ้าผู้ให้โลหิตก็ร่อแร่ใกล้ตาย ถ้าสละโลหิตตอนนั้น มีโอกาสตายแน่ๆ แต่ผู้ให้ก็ตัดสินใจให้ ดังนั้น มันก็เป็นไปได้ 2 กรณี คือ
1) บริจาคแล้วตาย อันนี้ เป็นปรมัตถบารมีแน่นอน
2) บริจาคแล้วไม่ตาย อันนี้ ก็น่าจะเป็นปรมัตถบารมีเหมือนกัน เพราะ ตอนให้ผู้บริจาคก็เตรียมใจที่จะตายอยู่แล้ว แต่เผอิญไม่ตาย
อย่างกรณีพระที่รักษาพระพุทธศาสนาในภาคใต้ก็เช่นเดียวกัน ท่านเดิมพันด้วยชีวิตไปแล้ว ตายหรือไม่ ไม่เกี่ยวครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#18 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 May 2006 - 09:56 AM

55 เขียนงงไปหน่อย ก็แบบว่าตั้งใจบวชแบบเอาชีวิตเข้าแลกนั่นแหละ แต่ดันไม่อยู่วัดภาคใต้ ที่เสี่ยงอันตราย แต่ไปอยู่วัดอื่นซะ

QUOTE
ถ้าตั้งใจเอาชีวิตเป็นเดิมพันแล้ว ซึ่งมีโอกาสที่จะเสียชีวิต อันนั้นก็น่าจะเป็นปรมัตถบารมีแล้วครับ


เข้าใจแล้วครับขอบคุณมาก



#19 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 12 May 2006 - 11:08 AM

คุณมิราเคล ดรีม ตอบได้ดีมากครับ ทำให้ผมนึกถึงวาทะของคนโบราณที่ว่า "กรุงศรีอยุธยา ยังไม่สิ้นคนดี" หมายความว่า ไม่ว่าโลกจะผ่านกาลเวลาไปอย่างไร มีปัญหามากมายเพียงไหน ก็จะมีคนดีมีความสามารถเข้ามาแก้ปัญหาในยุคนั้นๆ ได้เสมอๆ

ในเว็บบอร์ดแห่งนี้ก็เช่นกัน ผมจึงอยากกล่าววาทะบ้างว่า (แต่ยังไม่อยากได้ชื่อว่าคนโบราณนะครับ)

"บอร์ด DMC ไม่เคยสิ้นคนดี"
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#20 ~ รั ก บุ ญ ~

~ รั ก บุ ญ ~
  • Members
  • 98 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand
  • Interests:^-^ กรุณา เผื่อแผ่ เหลียวแลเอื้อ ^-^<br />^-^หวังช่วยเหลือ เพื่อนยาก ลำบากขันธ์^-^<br />^-^เห็นเพื่อนทุกข์ ทุกข์ด้วย เข้าช่วยพลัน^-^<br />^-^ให้เพื่อนนั้น พ้นทุกข์ ได้สุขใจ ฯ^-^

โพสต์เมื่อ 12 May 2006 - 11:54 AM

QUOTE
- อุเบกขาบารมี สร้างอย่างไร

ตอบ อุเบกขา เป็นธรรมส่วนหนึ่งของธรรมะแต่หลักหัวข้อ
1.อุเบกขาในพรหมวิหารสี่ เป็นการวางใจเป็นกลาง มั่นคงประดุจตาชั่ง เพราะพรหมวิหารสี่
เมตตาจะทรงอยู่ได้โดยเสมอกันในเหล่าสรรพสัตว์ทั้งปวงโดยไม่ลำเอียงว่าสิ่งไหนเรารักสิ่งไหนเราชัง และวางเฉยเมื่อควรจะวาง ด้วยอุเบกขาธรรม เพราะฉะนั้นอุเบกขาบารมีในหมวดพรหมวิหารสี่ เราจะสร้างได้ก็คือ มีหัวใจที่เมตตาต่อสรรพสัตว์โดยเท่ากัน ไม่เอนเอียงไม่ลำเอียง ว่าสิ่งใดเรารักหรือเราชัง
2.อุเบกขาในเวทนา คือ มีความรูสึกเป็นกลางๆโดยมีสติรู้เท่าทันในเวทนาทั้งหลาย
ไม่ว่าจะเป็นสุขเวทนา(ความสุขสบาย) ทุกขเวทนา(ความไม่สกายกาย ความเจ็บปวด) โสมมนัสเวทนา(ความสบายใจ แช่มชื่น) โทมนัสเวทนา(ความโศกเศร้าเสียใจ) เมื่อรู้ว่าเวทนาเหล่านี้เกิดขึ้น ก็ไม่ยึดติดในเวทนานั้นๆสามารถพิจารณาโดยแยบคาย แล้วสามารถปล่อยวาง วางเฉย ซึ่งความยินดียินร้ายได้ทั้งหลาย นี้คือ อุเบกขาอีกอย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะฉะนั้นอุเบกขาบารมีในหมวดอุเบกขาเวทนา เราจะสร้างได้ก็คือ มีสติตามรูในเวทนาทั้งหลาย พิจารณาในเวทนาธรรมเหล่านี้ แล้วสามารถวางเฉยไม่ยินดียินร้ายได้ในเวทนาทั้งหลาย ก็เท่ากับเรา ได้สร้างอุเบกขาให้เกิดขึ้นในตัวเราแล้ว
3.อุเบกขาในฌาน เป็นอุเบกขาที่เกิดขึ้นด้วยสมาธิ เมื่อทำสมาธิจนถึงอัปปนาสมาธิแล้ว วิตก วิจาร ปีติ สุข สงบระงับไปหมด คงเหลือแต่เฉพาะเอคัตตา ความมีอารมณ์เป็นหนึ่ง มีแต่ความเป็นกลางวางเฉย เวทนาก็ไม่มี มีเพียงอุเบกขา ไม่สุขไม่ทุกข์ วางเฉย คล้ายกับอายตนะภายนอก ตา หูจมูก ลิ้น กาย หยุดการรับรู้ นี่คือ อุเบกขาในสมาธิ เพราะฉะนั้นอุเบกขาบารมีในหมวดนี้ จะสร้างขึ้นได้ก็ต้องนั่งสมาธิบ่อยๆจนจิตเรา เข้าถึงฌานอัปปนา จิตรวมเป็นหนึ่งแล้ว เมื่อนั้นอุเบกขาก็จะเกิดขึ้นในตัวเราอีก
อุเบกขาไม่ว่าจะบังเกิดขึ้นในธรรมข้อไหน สุดท้ายแล้วย่อมร่วมลงเป็น อุเบกขาสัมโพชฌงช์ 1ในองค์ธรรมแห่งการตรัสรู้คือโพชฌงช์ 7 เพราะอุเบกขาธรรมทั้งหมดที่ได้กล่าวมานั้น ทั้งหมดนั้นล้วนเป็นรากฐานแห่งความตั้งมั่น ไม่โอนเอน สามารถประคองจิตไม่ให้ยึดติดใน สุข ทุกข์ ความยินดี ยินร้าย ความรัก ความชัง ทั้งหลาย เสียได้ อันเป็นเหตุให้เราพ้นทุกข์ หยุดการเวียนว่ายตายเกิดของเราในวัฏฏะนี้ได้
_/\_ สาธุ
*************************************************

#21 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 May 2006 - 03:48 AM

ขอบคุณ ทุกคำตอบครับ เมื่อมาย้อนทบทวนอ่านดูแล้ว มีธรรมปิติดีมาก อีกทั้งสำนวน
และวิธีการแสดงธรรมได้ไพเราะชวนให้ผู้อ่านมีความรู้สึกยินดีไปกับธรรมะนั้น ๆ

สาธุ... ครับ
หยุดคือตัวสำเร็จ

#22 CEO

CEO
  • Members
  • 577 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย

โพสต์เมื่อ 15 May 2006 - 10:08 AM

เอาใจช่วยพระที่ภาคใต้ให้ท่านปลอดภัย
โดยผมจะทำบุญ 266 บาททุกเดือน
( แม้เงินที่บ้านมีไม่มากก็ตาม )
สร้างบารมีทุกวินาที
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้

#23 glouy.

glouy.
  • Members
  • 605 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 June 2006 - 11:12 PM

1. ทานบารมี = ให้ทานด้วยชีวิต เป็นการต่อชีวิตผู้อื่น ผลที่ได้รับย่อมทำให้มีอายุยืนยาว ปราศจากโรค
2. ศีลบารมี = ไม่เบียดเบียนชีวิตผู้อื่น จัดอยู่ในศีลข้อ 1
3. เนกขัมมะบารมี = ทำให้เห็นทุกข์โทษภัย ของการเกิด การครองเรือน เมื่อครองเรือน ก็ต้องเลี้ยงครอบครัว ซึ่งอาจจะไปประกอบมิจฉาอาชีพ เช่น ฆ่าปลา ทำให้ต้องไปเวียนว่ายตายเกิดเป็นปลา เป็นต้น จึงทำให้คิดประพฤติพรหมจรรย์ ทำพระนิพพานให้แจ้ง
4. ปัญญาบารมี = ต่อเนื่องจากข้อ 3
5. วิริยะบารมี = ขวนขวาย หาวิธี หาเงินซื้อปลา ขวนขวายหาสถานที่นำปลาไปปล่อย
6. ขันติบารมี = อดทนต่อความยากลำบากในการหาซื้อปลา หรืออดทนต่อแดดร้อน เป็นต้น
7. สัจจะบารมี = มีสัจจะว่าจะปล่อยปลาให้ได้ทุกวัน
8. อธิษฐานบารมี= อธิษฐานอยู่แล้วค่ะ ตอนปล่อย
9. เมตตาบารมี = การช่วยชีวิตผู้อื่น ย่อมเกิดมีขึ้นพร้อมๆ กับความมีเมตตา อานิสงส์คือ จะทำให้มีแต่คนให้ความเมตตาแม้ได้พบเห็นหน้าเพียงครั้งแรก ช่วยเหลือทุกสิ่งอย่าง เป็นต้น
10. อุเบกขาบารมี = ตอนปล่อยปลา อธิษฐานจิต ย่อมต้องเอาใจจรดศูนย์กลางกาย

สาธุ... ครับ


ลูกพระธรรม

#24 Peeta

Peeta
  • Members
  • 1 โพสต์

โพสต์เมื่อ 07 August 2007 - 03:02 PM

น่าจะมีข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษด้วยเน๊าะ