ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

กล่าวหาผู้อืน


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Lucky Girl

Lucky Girl
  • Members
  • 653 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 09 April 2010 - 09:02 PM

มีเรื่องอยากถามเพื่อนๆ นรอ ค่ะ

จริงๆ เป็นเรื่องเล็กนิดเดียว แต่นึกถึงครั้งใด ก็รู้สึกไม่ดี ยิ่งคิดถึงเรื่องพระเทวทัต ตอนพบพระพุทธเจ้าครั้งแรก หน้าก็ไม่เคยเห็นกัน แต่มีจิตอาฆาตจึงต้องจองเวรกันไปหลายภพหลายชาติ ทั้งๆ ที่พระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้รู้ ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย และก็ไม่ได้มีจิตอาฆาตตอบ เพราะท่านไม่ได้รับรู้ว่าไปตัดหน้าซื้อถาดทองคำและสร้างความเกลียดชังให้พ่อค้าอีกคน ท่านก็ได้ขึ้นเรือจากไปเรียบร้อยแล้ว

ไม่อยากมีคนมาจองเวรเราแบบนั้น ทั้งที่เป็นเรื่องเข้าใจผิดเล็กน้อย ไม่คิดว่า เขาจะยังคงจองเวรอยู่ น่าแปลกใจจริง

เมื่อสิบปีก่อน มีการเข้าใจผิดเล็กน้อย กับร้านขายของชำในหมู่บ้าน เขาเข้าใจว่าเราเอาของ ของเขาไว้ แล้วไม่คืน มูลค่าก็ไม่ถึงร้อยบาท ตอนนั้นเราก็อธิบายแล้ว แต่เขาไม่ยอมฟัง แล้วก็ขับรถไป เราก็ถึอว่า เรื่องเล็กน้อย และได้อธิบายเหตุผลให้ฟังแล้ว ที่สำคัญ เรามั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ว่าเราไม่ได้มั่วแน่ๆ

คนนี้เป็นคนที่ในหมู่บ้านทุกคนรู้ดีว่า เป็นคนปากร้าย ทะเลาะกับคนทั่วไปตามตลาดร้านค้า ชอบหาเรื่องคน เราจึงพยายามอยู่ห่างๆ ไม่ได้ไปซื้อของที่ร้านเขานานเป็นสิบปี ปกติไม่มีความจำเป็น เพราะเราซื้อจากห้างมาตุนเป็นปกติ

เมื่อสองวันก่อน บังเอิญขาดของทำกับข้าวเล็กน้อย ไม่อยากขับรถไปห้าง เลยเดินไปซื้อที่ร้านเขา ขณะที่รอจ่ายเงิน เขาก็พูดว่า คนโกง ทำบุญเท่าไหรก็ไม่คุ้มกันหรอก ฯลฯ พูดไปก็มองหน้าเราไป

เราก็เลยนึกเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ตอนแรกก็นึกว่า เอ เขาพูดกับคนอื่นมั้ง มองไปมองมา คนอื่นก็ยืนเลือกของอยู่ ไม่ได้มีใครมาคุยหรือฟังเขา มีเรานี้แหละ ยืนอยู่ตรงหน้าเขา เราก็นึกโกรธน่ะ ผู้หญิงคนนี้ จะเอายังไง ดีน่ะที่เข้าวัดแล้ว หลวงพ่อทัตตะสอนว่า ถ้าเจอคนพาล ก็ให้อยู่ห่างๆ คนพาลฤทธิ์มันเยอะ เราคิดในใจว่า เราไม่ได้ทำ วจีกรรมนี้จงคืนสนองคนที่กล่าวร้ายเรา เราถึอศีลห้าบริสุทธิ์เป็นปกติ จ่ายเงินค่าของเสร็จ ก็เดินออกมา ไม่ได้ต่อปากต่อคำด้วย เพราะเคยได้ยิน หลายๆ คนในหมู่บ้านกล่าวขวัญให้ฟังว่า เขาปากร้ายอย่างไร

กลับบ้านมา ในใจก็นึกโกรธ ยังคิดว่า ใครคิดไม่ดี ทำวจีกรรมไม่ดี ควรได้สิ่งนั้นตอบแทน เราไม่จองเวร แต่ไม่อโหสิกรรมให้ ควรได้รับสิ่งที่ทำนั้น

หนึ่งวันผ่านไป มองหน้าหลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย แหม อายจัง นึกย้อนหลัง เรื่องที่หลวงปู่ถูกลอบยิง หลวงพ่อต้องเจออะไรบ้าง ท่านมีเมตตามากเหลือเกิน ท่านไม่ได้มีจิตโกรธตอบเลย ยังเมตตาเขา หลวงปู่ถึงกับขอตำรวจไม่ต้องเอาผิด หลวงพ่อก็เหมือนกัน บอกว่า พวกเราอธิบายไม่ดีเอง เขาจึงไม่เข้าใจชัดเจน นึกๆ ก็เกิดเมตตา สงสารเขา ทุกๆ วัน เขาคงทำวจีกรรม สร้างความไม่สบายใจให้ใครหลายๆ คน แถมขายเหล้า ขายบุหรี่ ขายอุปกรณ์ตกปลา ปล่อยเงินดอกเบี้ยแพง

แต่เนื่องจากเขายังคงเข้าใจผิด และยังอาฆาตเราอยู่ ถึงเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย เวลาก็ผ่านมานานมาก และที่สำคัญ มันไม่ใช่เรื่องจริง แต่การจะไปอธิบายให้คนอย่างเขาฟัง คงมีแต่ทะเลาะกัน เหมื่อนอย่างทุกๆ ครั้งที่เขาชอบทะเลาะกับคนอื่น แล้วอย่างนี้ เขาจะยังตามจองเวรเราต่อไปไหมแน่เลย ดวงตาเธอมันฟ้อง

เอาไงดีจ้ะ เพื่อนๆ นรอ จ้า



#2 มองอย่างแมว

มองอย่างแมว
  • Members
  • 722 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:NYC

โพสต์เมื่อ 10 April 2010 - 12:23 AM

ตามความคิดของผมนะครับ

เรื่องนี้อุปมาได้เหมือนรถบัมพ์ (ไม่ทราบว่าปัจจุบันยังมีคนเล่นอยู่รึเปล่า?)
วัฎฎะก็เหมือนสนามรถบัมพ์ ตัวรถก็เหมือนตัวเรา

ตราบใดที่เรายังขับวนไปวนมาในสนามนี้ ซักวันก็อาจจะต้องไปชนเข้ากับรถคนอื่น
พอชนแล้วไม่เอาเรื่องก็โอเค ถ้าจองเวรกันก็ไล่ชนกันไปมา ไม่จบ

ทีนี้ถ้าเจอคนจองเวรด้วยแต่เราอโหสิแล้ว จะทำยังไงดี?
คือเราไม่ได้จะไล่ชนเค้า ขับหนีก็แล้ว บอกดีๆก็แล้ว แต่เค้าจ้องจะคอยไล่ชนเราอยู่ฝ่ายเดียว

คำตอบมีสองขั้นตอนครับ

1. อัพเกรดเครื่อง ให้รถของเราเร็วกว่ารถของเค้า ทีนี้เค้าจะตามไล่ชนเรายังไงก็ไล่ไม่ทัน
วิธีนี้คือตั้งใจทำบุญให้ยิ่งๆขึ้นไป แล้วอธิฐานว่าอย่าเจอคนผู้นี้อีก
ถ้ายิ่งมีบุญบารมีห่างกันไปเท่าไหร่ โอกาสจะเจอกันในวัฎฎะนี้ก็ยิ่งยากขึ้น

2. แล้วถ้าบังเอิญต้องมาเจอกันหละ (สนามรถบัมพ์มันเล็ก ขับวนไปวนมาบางทีก็เจอกันโดยไม่ตั้งใจ)
อันนี้ต้องอัพเกรดกันชน ใส่กันชนให้มันหนาๆเลย อาจจะเสริมแอร์แบ็คด้วยก็ได้
คือถึงหลีกเลี่ยงการชนไม่ได้ แต่ชนแล้วไม่เจ็บตัวหรือเจ็บน้อยหน่อย

วิธีนี้คือตั้งใจรักษาศีล ใช้ศีลเป็นเกราะป้องกันภัย หากเรารักษาศีลและอธิษฐานให้ศีลคุ้มครองตัวเองอย่างดี
ก็เหมือนเอามือจุ่มยาพิษ ถ้ามือไม่มีแผล พิษก็ทำอะไรเราไม่ได้
คนจองเวรเรามาเจอเรา เค้าก็ทำอะไรเราไม่ได้เช่นกัน


แต่ที่ว่ามาทั้งหมด ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการไม่ไปจองเวรเค้ากลับ
เพราะถ้ายังตั้งใจไล่ชนกันอยู่ เครื่องจะแรง,กันชนจะหนาอย่างไร ซักวันก็ต้องเจ็บตัว
คนชนก็เจ็บ คนถูกชนก็เจ็บ อย่างนี้ไม่จบแน่ครับ
"ฉุดมันเอาไว้ หยุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันรวนเร ต้องหยุดนิ่งสุดใจ หยุดมันเอาไว้ ฉุดมันเอาไว้ ไม่ให้มันซวนเซ ต้องฉุดให้ใจหยุด"
- ไมโคร (เพลง หยุดมันเอาไว้)
"แค่หลับตา... (ลบเลือนทุกสิ่ง เหลือเพียงหนึ่งเดียว) เธอจะเห็นยามเธอหลับตา... (ใช้ใจสัมผัสและมองสิ่งนั้น) เธอจะเห็นตัวฉันเป็นอย่างที่เป็น"
- อุ๊ หฤทัย (เพลง แค่หลับตา)

#3 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 10 April 2010 - 03:35 PM

โห สุดยอด อุปมาได้เหนือชั้นจริงๆ ก็มายืนยันคำตอบดังเช่น น้องมองอย่างแมวครับ

พระพุทธเจ้านั้น แม้พระเทวทัตจะจองเวรเพียงไหน แต่เมื่อพระพุทธองค์ไม่จองเวรตอบ และหมั่นสั่งสมบารมี ย่อมเป็นวิธีที่ดีที่สุดแน่นอน

แม้ตอนแรกอาจไม่ได้ผล เช่น ตอนพระพุทธองค์ ไปเกิดเป็นฤษี ก็ถูกพระเทวทัต ชาตินั้นเป็นพระราชา ตัดจมูก ตัดหู ตัดแขน ตัดขา จนต้องเสียชีวิต หรือ ต่อมาเป็นพญาลิง ก็ถูก ลิงบริวาร(เทวทัต) กระทืบอก จนเป็นเหตุให้เสียชีวิต หรือ ตอนเป็นพญาช้าง ก็ถูกเทวทัตที่เป็นนายพราน ยิงด้วยลูกศรจนเสียชีวิต

แต่นั่นก็เป็นเพราะว่า พระพุทธองค์ ตอนสร้างบารมีใหม่ๆ บางชาติก็ยังเผลอไปสร้างบาปสร้างกรรม กรรมก็ตามสนองเข้าให้ โดยมีพระเทวทัตเป็นหนึ่งในวิธีการสนองของกฏแห่งกรรม เท่านั้นเอง แต่ไม่ใช่เป็นเพราะการจองเวรของพระเทวทัต จึงทำร้ายพระพุทธองค์ได้ ไม่ใช่แน่นอน

แต่พอตอนหลัง เมื่อพระพุทธองค์ละบาป สั่งสมบุญมากเข้าๆ พระเทวทัตก็ทำอะไรไม่ได้ เช่น ตอนเป็นจันทกุมาร พระอินทร์ก็มาช่วยไม่ให้ถูกเทวทัตฆ่าตาย ตอนเป็นพระเวสสันดร ชูชกแม้มารังแกลูกๆ ของพระองค์ แต่ก็ทำอะไรพระองค์ไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงตอนเป็นพระพุทธเจ้าที่เทวทัตทำอะไรไม่ได้เลย

ในที่สุด พระเทวทัตก็ขอขมา เลิกจองเวรต่อพระพุทธองค์ครับ

ในทางกลับกัน ต่อให้ไม่มีใครจองเวร พระพุทธองค์ตอนสมัยยังเป็นพระโพธิสัตว์ แต่ถ้าชาติใดสร้างกรรม ชาติต่อๆไป ก็ต้องโดนวิบากกรรมเล่นงานอยู่ดี จะไปอุทรณ์ฎีกาต่อศาลที่ไหน ขอร้องอย่าให้กฏแห่งกรรม จองเวรแก่ตนเลย ก็ไม่มีทางทำได้ครับ
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#4 DJ.

DJ.
  • Members
  • 1212 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 April 2010 - 07:19 PM

สาธุๆๆ กับคุณหัดฝัน และคุณมองอย่างแมว.

#5 Airy

Airy
  • Members
  • 162 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 April 2010 - 07:24 PM

....ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะครับ...ทำอะไรไม่ได้..เพราะมันไม่ดี..ต้องทำใจเราอย่างเดียวครับ...

ผมก็มีเรื่องเล่าครับ..เมื่อหลายๆปีก่อน..ตอนวัดมีปัญหากับผู้เช่านาเรื่องที่ดิน 2,000 ไร่..

ผมได้มาปฏิบัติธรรมวันอาทิตย์..ขากลับลงรถที่ปากทางลาดพร้าว..แล้วแวะร้าน "พบเกาะเย็น"

เป็นร้านอาหารตามสั่งเพื่อสั่งอาหารทาน..ซึ่งเป็นร้านที่แวะทานบ่อยๆ..ในขณะที่ใส่ชุดอุบาสก

ก็เดินเข้าไป..สั่งอาหารตามปกติ..กับเจ้าของร้านซึ่งก็จำหน้ากันได้..แต่ปรากฎว่าพอเจ้าของร้านเห็นผมใส่

ชุดอุบาสก..ก็เปิดฉากด่าผมทันที่..หาว่าเป็นพวกไปแย่งที่ชาวบ้านคนจนๆ..แล้วไล่ผมออกจากร้าน

ต่อหน้าคนในร้าน..ซึ่งโชคดีมีไม่มากนัก..ผมก็เดินออกมาแบบโหวงๆ..ยังไงชอบกล..อะไรมันจะขนาดนั้น..

ยังมีอีกเรื่องครับ..ตอนเป็นเด็กนักเรียน..ไปชุมนุมลูกเสือที่ค่ายลูกเสือศรีราชา..มีบริษัท โอวัลติน..

ไปแจกเครื่องโอวัลตินเย็นให้ลูกเสือดื่มคนละแก้ว..ผมเดินกลับมาจากสอบกิจกรรมลูกเสือผ่านมา..พร้อมกับเพื่อน

หลายคน..ก็ชวนกันมาต่อแถวรับโอวัลตินกัน..พอถึงคิวผมปรากฎว่าพนักงานแจกโอวัลตินหนุ่มรูปหล่อ..

เปิดฉากด่าผม..ไอ้น่าไม่อายอดอยากนักเหรอ..มาต่อคิวหลายเที่ยวแล้วในวันนี้..หน้าตายังมอมแมมเป็นหลักฐานอยู่เลย

แล้วว่าอะไรอีกตั้งหลายอย่าง..แล้วไล่ผมไปไกล..ต่อหน้าเพื่อนๆ..คนในแถวรวม 50 คน รวมทั้งพนักงานบริษัทฯ

โอวัลตินอีก หลายคนมองดู..สมเพทแกมรังเกียจผม..ผมน่าชาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน (ทั้งที่ไม่รู้อิโน่อิเน่อะไร)

..เพื่อนๆ ที่มาด้วยกันบางคนกินโอวัลตินที่แจกกันไม่ลงเลย..กินได้ครึ่งแก้วก็โยนทิ้งเลยครับ..

"จริงๆ แล้วน่าจะเป็นกรรมในอดีตของผมเองนั่นแหละ..แต่เราไม่อาจรู้เห็นเหตุปัจจัยในอดีตได้"

#6 ใส ใน สว่าง

ใส ใน สว่าง
  • Members
  • 127 โพสต์

โพสต์เมื่อ 10 April 2010 - 10:11 PM

อนุโมทนา ... คืองานของเรา ^-^.v..

เราพรางคนอื่นได้ แต่เราพรางตนเองไม่ได้