ศิลปะของการใช้ชีวิต
การปฏิบัติธรรม ถือว่าเป็นการเว้นวรรคให้แก่ชีวิต ชีวิตต้องมีการเว้นวรรคบ้างเช่นเดียวกับลมหายใจของเรา มีหายใจเข้าแล้วก็ต้องมีหายใจออก เราไม่สามารถที่จะหายใจเข้าได้ตลอด ต้องเว้นจังหวะแล้วจึงหายใจออกเราไม่สามารถหายใจออกหายใจเข้า อย่างใดอย่างหนึ่งไปได้ตลอด จะต้องมีการเปลี่ยนสลับกันไป
[attachmentid=1067]
การทำงานก็เช่นเดียวกัน ทำงานแล้วก็ต้องรู้จักหยุดบ้างธรรมชาติให้เวลากลางวันคู่กับกลางคืน กลางวันทำงานเต็มที่ พอถึงตอนกลางคืนก็ต้องพักผ่อน ขอให้สังเกตดู อะไรก็ตามเป็นไปได้ดีก็เพราะมีการเว้นจังหวะหรือมีช่องว่างที่เหมาะสม หนังสือที่อ่านง่าย ก็เพราะแต่ละประโยคมีการเว้นวรรคอย่างถูกจังหวะ ถ้าตัวหนังสือติดกันเป็นพรืด ไม่มีเว้นวรรคเลย จะน่าอ่านไหม ใครอ่านก็ต้องรู้สึกงงงวย ไม่อยากอ่าน
[attachmentid=1068]
ศิลปะอย่างหนึ่งของเขียนหนังสือให้น่าอ่านก็คือรู้จักเว้นช่องว่างระหว่างคำ ระหว่างประโยค และระหว่างย่อหน้า ทำนองเดียวกันดนตรีที่ไพเราะ ไม่ใช่เพราะมีเสียงดังเท่านั้น แต่เพราะมีช่วงที่เงียบแฝงอยู่ด้วย ถ้ากลอง กีต้า ไวโอลินส่งเสียงไม่หยุด ไม่รู้จักเว้นจังหวะเสียบ้าง เพลงนั้นก็คงไม่เพราะ
[attachmentid=1069]
พูดมาถึงตรงนี้ทำให้นึกถึงเรื่องของชายคนหนึ่งที่เลื่อยไม้อย่างเอาเป็นเอาตาย มีเพื่อนคนหนึ่งมาเห็นเข้าก็เลยถามว่าเลื่อยมานานหรือยัง เขาบอกว่าเลื่อยมาตั้งแต่เช้าจนนี่ก็ค่ำแล้ว เพื่อนถามว่าเหนื่อยไหม เขาตอบว่าเหนื่อยสิ เพื่อนถามต่อไปว่าทำไมไม่พักล่ะ เขาก็บอกว่ากำลังวุ่น อยู่กับการเลื่อยไม้ เพื่อนเป็นห่วง ก็เลยพูดว่า
[attachmentid=1070]
ไม่ลองหยุดพักซักหน่อยเหรอ หายเหนื่อยแล้วค่อยมาทำงานต่ออย่างน้อยก็จะได้เอาตะไบมาลับคมเลื่อยให้มันคมขึ้น จะช่วยให้เลื่อยได้เร็วขึ้น
ชายคนนั้นก็ตอบว่า ไม่เห็นหรือไงว่า กำลังวุ่นอยู่ ตอนนี้ยังทำอย่างอื่นไม่ได้ทั้งนั้น ว่าแล้วก็เลื่อยหน้าดำคร่ำเครียดต่อไป
[attachmentid=1071]
บางครั้งคนเราก็เหมือนกับชายคนนี้ คือเอาแต่เลื่อยอย่างเดียวไม่ยอมหยุด ทั้ง ๆ ที่การหยุดพักจะทำให้มีกำลังดีขึ้น และถ้ารู้จักหยุดเพื่อลับคมเลื่อยให้คมขึ้น ก็จะทำให้เลื่อยได้เร็วขึ้น ทุ่นทั้งแรงทุ่นทั้งเวลา แต่เขาก็ยังไม่ยอมเลย เหตุผลที่เขาให้ก็คือกำลังวุ่นอยู่กับการเลื่อย เลยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ไม่สนใจแม้กระทั่งการทำให้เลื่อยคมขึ้นเขาหาได้เฉลียวใจไม่ว่าเพียงแค่เสียเวลานิดหน่อยก็จะทำให้การเลื่อยนั้นเร็วขึ้นดีขึ้นและเหนื่อยน้อยลง
เขาไม่ยอมหยุดเพราะคิดว่าจะทำให้เสียเวลา เพราะคิดว่าทำอะไรมาก แล้วมันจะดี แต่ที่จริงแล้วทำน้อยลง แต่อาจได้ผลดีกว่าก็ได้ ในประสบการณ์ของเรา เราพบบ่อยไปว่า อยากจะให้งานออกมาดี ประสบความสำเร็จเต็มที่ แต่ว่าไม่ได้เอาใจใส่ต้นทุนคือร่างกายและจิตใจ ร่างกายและจิตใจเป็นต้นทุนสำคัญหรือปัจจัยพื้นฐานที่จะนำไปสู่งานที่ดีได้ ถ้าร่างกายอ่อนแอ จิตใจห่อเหี่ยว ท้อแท้อารมณ์ไม่ดี ความสำเร็จก็เกิดขึ้นได้ยาก
[attachmentid=1072]
ชีวิตของเราซึ่งมีขอบเขตจำกัดในการทำงาน วันหนึ่งร่างกายของเราทำงานได้อย่างมากก็ ๑๘ ชั่วโมงถ้าไปเร่งหรือบังคับทำงานมากกว่านั้น เช่น กินกาแฟหรือยาบ้าจะได้ไม่ต้องหลับ ไม่นานก็ต้องล้มพับ โรครุมเร้า เท่ากับเป็นการทำร้ายร่างกายของเรา ซึ่งมีข้อจำกัด นานวันร่างกายก็เสื่อมโทรม หากพ้นจุดหนึ่งไปแล้ว ก็ไม่มีทางที่จะทำให้ดีขึ้นได้ ทำได้อย่างมากเพียงแค่ประคับประคองเอาไว้ ไม่ให้มัน ทรุดเร็วเกินไป กล้ามเนื้อมีแต่จะเสื่อมลงไป ๆ ส่วนเซลต่างๆ ก็มีแต่จะตายลง สร้างขึ้นใหม่ก็ไม่เท่าของเก่า
[attachmentid=1073]
การปฏิบัติธรรม เป็นการฝึกสติและสมาธิ ถ้าเราทำอยู่บ่อย ๆ หมั่นประคองสติ ให้คลอเคลีย นัวเนียอยู่ ที่ศูนย์กลางกาย และสมาธิก็จะว่องไว และเข้มแข็งมั่นคงขึ้น การมาปฏิบัติของเราจะว่าไปมันจึงไม่ได้เป็นแค่การพักใจแต่ยังเป็นการพัฒนาคุณภาพและความสามารถของจิตอีกด้วย เป็นการพัฒนาโดยไม่ทำให้เหนื่อยจิต
[attachmentid=1069]
ฉะนั้นเวลาที่เราโหมงานหรือทำงานอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง ก็ขอให้นึกถึงคนเลื่อยไม้ที่ตะบี้ตะบันเลื่อยโดยไม่ยอมหยุดพัก ไม่ยอมแม้กระทั่งหยุดพักลับคมเลื่อย เราอยากจะเป็นอย่างนั้นไหม ถ้าเราเป็นอย่างนั้นมันก็ไม่เกิดผลดีทั้งแก่ตัวเลื่อย ตัวงานและตัวเราเอง ขอให้ระลึกว่า คนที่เอาแต่เดินจ้ำเอา ๆ เพราะอยากถึงไว ๆ นั้น มักจะถึงช้ากว่า เพราะเหนื่อยเสียก่อนหรือขาแพลงเสียก่อน แต่คนที่ค่อย ๆ เดิน เดินไปเรื่อย ๆ ใจไม่เร่งรีบ ถือว่าพักทุกก้าวที่เดิน หรือถ้าเหนื่อยก็รู้จักพักเอาแรง เอาใจกลับไปไว้ในกลางกาย ในที่สุดกลับถึงที่หมายได้เร็วกว่า อย่างที่เขาว่า ไปช้ากลับถึงเร็ว ดีกว่าไปเร็วกลับถึงช้า ขอให้เรามาเรียนรู้วิธีไปช้า แต่ถึงเร็วกันดีกว่า
นี้ไม่ใช่แค่ศิลปะของการเดินทางเท่านั้น แต่เป็นศิลปะของการดำเนินชีวิตเลยทีเดียว.
ขอบพระคุณเว็บไซต์ Microsoft Clip Art และ http://www.dhammakaya.or.th ที่เอื้อเฟื้อภาพประกอบ