ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

เวลาใด หรือเวลาที่ดีที่สุดของคุณ


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 5 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 20 January 2006 - 10:45 AM


คัดลอกมาจาก : hypnotize เรื่อง ตารางเวลาประจำวัน


เวลา 5.00 - 7.00 นาฬิกา : ได้เวลาตื่นนอน

ในช่วงเวลานี้ร่างกายจะตื่นนอน ระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายจะค่อยๆ ขับเคลื่อนการทำงานขึ้นทีละน้อย

หลอดเลือดหดตัวแคบลง หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น ฮอร์โมนหลายชนิดทั่วร่างกายจะหลั่งออกมา

ซึ่งหนึ่งในนั้นมีฮอร์โมนที่กระตุ้นให้ร่างกายมีอารมณ์ทางเพศรวมอยู่ด้วย เพราะฉะนั้นใครที่ยังมัวแต่นอนขี้เกียจอยู่กับที่นอนในตอนนี้

ก็เท่ากับทำให้ระบบของร่างกายที่ปกติจะดำเนินไปตามเวลาทำงาน ผิดพลาดตั้งแต่จุดเริ่มต้นของวันใหม่

และสูญเสียความตื่นตัวไปตลอดทั้งวันเลยหละค่ะ


เวลา 7.00 - 10.00 นาฬิกา : เวลาอาหารเช้า

ระบบของอวัยวะทั่วทุกส่วนเริ่มตื่นสู่การทำงาน ร่างกายต้องการอาหารเช้าที่ดี และมีคุณค่าทางโภชนาการ

โดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายได้รับเข้าไป จะถูกเผาผลาญให้กลายเป็นพลังงานอย่างรวดเร็ว

หากรับประทานยาแก้ปวดในช่วงหลังอาหารเช้า ยาก็จะออกฤทธิ์ระงับปวดได้ดี

คุณผู้หญิงที่ป่วยเป็นมะเร็งที่มดลูกหากได้รับประทานยารักษาโรคดังกล่าวในช่วงเวลานี้ โอกาสที่จะช่วยระงับยับยั้งโรคก็จะเพิ่มสูงขึ้น

หลอดเลือดหดแคบลง ดังนั้นเวลาออกกำลังกายตอนเช้าๆ ก็อย่าหักโหมมากนัก เพราะอาจทำให้หัวใจสูบฉีดเลือดไม่ทันจนถึงขึ้นหัวใจวายได้

แต่สำหรับบางคนก็อาจไม่เกิดอาการเช่นนั้นก็เป็นได้ ต้องคอยสังเกตตัวเอง ส่วนคนที่สูบบุหรี่ หากงดสูบมวนแรกของวันนี้เสียได้ก็จะดีมาก


เวลา 10.00 - 12.00 นาฬิกา : พละกำลังเต็มเปี่ยม

ในช่วงเวลานี้ของแต่ละวัน ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายและจิตใจจะเพิ่มขึ้นจนถึงจุดสูงสุดเลยเชียวค่ะ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลา 11 โมงเช้า จะเป็นเวลาที่ดีที่สุดของระบบการทำงานของหัวใจและไหลเวียนของโลหิต ความสามารถในการเรียนรู้

ทางด้านการคิดและการพูดจะมีความคล่องแคล่วว่องไวอย่างล้นเหลือ เราจะรู้สึกมีสมาธิ และมีความคิดสร้างสรรค์มากเป็นพิเศษ

ส่วนใครที่มีงานสำคัญ หรือการสอบที่ต้องทำในช่วงเวลานี้ ผลลัพธ์ที่ได้ก็มักจะออกมาดีค่ะ


เวลา 12.00 - 14.00 นาฬิกา : เวลาพักกลางวัน

หลังจากช่วงเวลาแห่งจุดสูงสุดผ่านพ้นไป ก็ได้เวลาที่ประสิทธิภาพการทำงานของร่างกายจะค่อยๆ ลดลง

ซึ่งก็พอดีกับเวลาที่เราจะต้องรับประทานอาหารกลางวันเพื่อเติมพลังงานให้แก่ตัวเองอีกครั้ง

และในช่วงที่ร่างกายกำลังย่อยอาหารให้กลายเป็นพลังงานอยู่นี้ หากได้งีบหลับสัก 15 นาที

หรือออกไปเดินเล่นสักพักในที่ที่มีอากาศปลอดโปร่ง ก็จะช่วยให้การไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น

หากใครไม่มีโอกาสได้พักหลังอาหารมื้อเที่ยงด้วยกิจกรรมดังกล่าวนั้นเลย ช่วงบ่ายของเขาก็อาจจะเข้าถึงสมาธิได้ยากค่ะ


เวลา 14.00 - 17.00 นาฬิกา : ช่วงอึดต่อความเจ็บ

ในช่วงเวลานี้ประสิทธิภาพของร่างกายจะกลับฟื้นคืนขึ้นมาใหม่ เมื่อเวลาผ่านไปได้สักประมาณตอนบ่ายสามโมง

ผิวพรรณของเราจะมีเลือดมาหล่อเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น และมีเหงื่อออกง่ายกว่าช่วงเวลาอื่นๆ หากมีนัดกับหมอเพื่อทำฟันในช่วงเวลานี้จะดี

เพราะว่าจะรู้สึกเจ็บปวดน้อยกว่าช่วงเวลาอื่นๆค่ะ เนื่องจากเป็นเวลาที่ฮอร์โมนเอ็นดอร์ฟินหลั่งออกมามาก

จึงสามารถช่วยกดความรู้สึกเจ็บปวดเอาไว้ได้ นอกจากนั้น ช่วงเวลานี้ยังเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับออกกำลังกายเพื่อบริหารกล้ามเนื้อ

ทั้งยังเหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการการบำบัดทางกายภาพอีกด้วย


เวลา 17.00 - 20.00 นาฬิกา : ช่วงเวลาสบายๆ

ความกระตือรือร้นของระบบทำงานภายในร่างกายจะค่อยๆ ถดถอยลง อีกทั้งอุณหภูมิความร้อนภายในกายก็จะลดลงด้วย

ประมาณเวลา 17 นาฬิกา ประสาทรับรู้กลิ่นและรสชาติของอาหารจะทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ปฎิกิริยาต่อความ เครียดจะไม่ค่อยมี

และสำหรับผู้ป่วยด้วยโรคกรดในกระเพาะอาหารมากเกินไป โรคปวดข้อหรือโรคภูมิแพ้

เวลา 19 นาฬิกาจะเป็นเวลาซึ่งเหมาะสมอย่างยิ่งต่อการรับประทานยาเพื่อบำบัดรักษาอาการของโรคดังกล่าว


เวลา 20.00 - 22.00 นาฬิกา : เวลาแห่งความรู้สึก

ในช่วงเวลานี้ปฏิกิริยาของร่างกายอาจมีความไวต่อสิ่งเร้า อีกทั้งประสาทสัมผัสยังเปิดรับรสสัมผัสที่อ่อนโยน เสียงเพลงที่แว่วหวาน

และกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่มาปลุกเร้าอารมณ์ได้ดียิ่งกว่าในช่วงเวลาอื่นๆ

นอกจากนั้น การได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงนี้ก็จะช่วยก่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ควรดื่มเกินกว่า 1 แก้วนะคะ

แค่พอหอมปากหอมคอ เพื่อให้คืนนี้สามารถหลับได้อย่างมีความสุข


เวลา 22.00 - 01.00 นาฬิกา : ได้เวลาเข้านอน

ในช่วง 4 ทุ่ม 5 ทุ่ม เที่ยงคืนถึงตีหนึ่ง นับเป็นช่วงเวลาที่ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่งที่จะเรียกน้ำย่อยในกระเพาะให้หลั่งออกมาอีกด้วยการรับประทานอาหารใดๆ

ทั้งนี้เพราะการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกายกำลังจะเข้าสู่ความสงบนิ่ง หลังจากที่ได้ทำงานจนอ่อนล้ามาตลอดทั้งวันแล้ว ฉะนั้น

ช่วงเวลานี้จึงเป็นเวลาดีที่จะเข้านอน อย่างไรก็ตาม ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะยังไม่เข้านอนตามไปด้วย

แต่จะทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็งต่อไป ด้วยเหตุนี้เชื้อโรค ของเสีย และสารพิษจะถูกจัดการลำเลียงไปทำลายทิ้งที่ตับ

และทุกๆ ค่ำคืนเซลล์เนื้อเยื่อ และเซลล์ผิวต่างๆ ก็จะถูกซ่อมแซมให้กลับฟื้นตัวแข็งแรงขึ้น หรืออาจมีการสร้างเสริมขึ้นใหม่ด้วยค่ะ


เวลา 01.00 - 05.00 นาฬิกา : ช่วงนิทราสนิท

หนึ่งชั่วโมงหลังเที่ยงคืนเป็นช่วงเวลาแห่งการหลับลึกที่แสนสุข ของผู้ที่สามารถทำตามตารางแห่งสุขภาพที่สาธยายมานี้ได้สำเร็จ

และในช่วงนี้นี่เองเป็นเวลาที่มนุษย์เราจะฝัน ซึ่งคืนหนึ่งๆ อาจฝันได้ถึงสองสามครั้ง

แต่ไม่เสมอไปที่เราจะสามารถจดจำความฝันได้ในทุกครั้งหรือทุกเรื่อง นอกจากนั้น การทำหน้าที่ของตับในการขจัดสารพิษ อย่างเช่น

แอลกอฮอล์ ก็จะมาถึงจุดสูงสุด และสำหรับใครบางคนที่ป่วยเป็นโรคหอบหืด ช่วงเวลานี้ก็จะมีอันตรายสูงสุดเช่นกัน เพราะ 80%

ของผู้ป่วยอาการจะกำเริบในช่วงนี้ ฉะนั้น จะต้องตระเตรียมสเปรย์หรือยาฉีดขยายหลอดลมเอาไว้ใกล้ๆ ตัว จะได้หยิบฉวยทันท่วงที

พอใกล้รุ่งเช้า เส้นเลือดใต้ผิวก็เริ่มจะหดตัวลงอีกครั้ง อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น...

และแล้วกลไกการทำงานของอวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย จะค่อยๆ ตื่นขึ้นมาทำงาน ต้อนรับเช้าวันใหม่ ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่นาน..


***** แต่เวลาที่สำคัญที่สุด คือ มด สามตัว ....

1 ) เวลาธรรมกาย
คือ เวลาปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระรัตนตรัยในตัว …. ทำได้ตลอดเวลา

และร่วมปฏิบัติธรรมพร้อมเพรียงกันทั่วโลก ทุกวันอาทิตย์ เวลา 09.30 – 11.00 น.

2 ) เวลา DMC ทุกวันจันทร์ถึงวันเสาร์ เวลา 17.50 – 22.00 น.

อนุโมทนาบุญด้วยกันนะครับ สาธุ.



#2 *ผู้มาเยือน*

*ผู้มาเยือน*
  • Guests

โพสต์เมื่อ 20 January 2006 - 01:04 PM

ถูกต้องแล้ว.......เวลาธรรมกาย

#3 Omena

Omena
  • Members
  • 1409 โพสต์
  • Location:44/5 หมู่ 10 ตำบลหนองอ้อ ถนนเพชรเกษม อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110

โพสต์เมื่อ 22 January 2006 - 09:41 PM

ดีค่ะ
แต่บทความควรจะตรวจ คัดเอาเฉพาะท่อนที่เหมาะสมนะคะ
เรื่องแอลกอฮอลล์ก็ควรทิ้งไปเลย ไม่สมควรนะคะ

เมื่อไหร่หนอจะได้พบทหารหาญ
รอตั้งนานผู้ชาญศึกหายไปไหน
บอกจะพบกันครึ่งทางที่กลางใจ
อีกนานไหมจะให้พบช่วยบอกที

สุนทรพ่อ




muralath2@hotmail

#4 baby24

baby24
  • Members
  • 35 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 January 2006 - 10:36 PM

สาธุ........เป็นบทความที่ดีคะ

#5 เถลิงเกียรติ

เถลิงเกียรติ
  • Members
  • 760 โพสต์
  • Interests:N/A

โพสต์เมื่อ 24 January 2006 - 10:36 PM

ขออนุญาติ..ตัดตรงนี้ออกครับ
QUOTE
นอกจากนั้น การได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในช่วงนี้ก็จะช่วยก่อให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ควรดื่มเกินกว่า 1 แก้วนะคะ
....................
เห็นผู้ที่ทานเหล้าเมื่อมีแก้วที่หนึ่ง ก็จะมี สองสาม ตามมาสุดท้าย มหานรกขุมห้าครับ..
....................................................................................................

ในฐานะที่ข้าพเจ้าเรียนมาทางวิทยาศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ กระทู้ต่างๆ ที่ข้าพเจ้าแสดงความเห็นใน DMC.tv นี้
อาจเป็นเรื่องที่แตกต่างหรือเกี่ยวข้องกับ วิทยาศาสตร์ หรือ วิศวกรรมศาสตร์
ดังนั้นเรื่องที่ข้าพเจ้าเขียนถ้าไม่ตรงกับความคิดเห็นของท่านใด ขออย่าได้มีอคติก่อน
แต่ถ้าตรงกับความคิดเห็นของท่านผู้ใด ขออย่าได้เชื่อไปก่อน
ข้าพเจ้าขอยืนยันว่าเรื่องที่แสดงความเห็นเป็นแนวคิดของข้าพเจ้า
และข้อมูลที่ค้นคว้าเพื่อเสริมสร้างศรัทธาในพระพุทธศาสนาให้มั่นคง
ซึ่งอาจจะถูกบ้างผิดบ้างเป็นธรรมดา แต่ก็จะเป็นประโยชน์ เป็นข้อมูลหนึ่ง กับท่านที่ศึกษาทางพุทธศาสตร์
ข้าพเจ้ามีความเชื่อว่า แต่ละคนก็มีกรรมเป็นของตนเอง เราเป็นทายาทแห่งกรรม
ทำดีตามครูไม่ใหญ่ ต้องได้ดีแน่นอน
และสรุปได้ว่า การเอาธรรมในพุทธศาสนามาใช้ในการดำรงชีวิตไม่เคยล้าสมัย สามารถใช้ได้กับทุกยุคทุกสมัย

ถึงจะเป็นตะเกียงดวงน้อยด้อยแสง แต่ไฟแรงจุดติดดวงอื่นได้
ไม่เสียดายให้แสงสว่างกับผู้ใด ชักนำใจให้สว่างเพียงแต่ธรรม



#6 LiL' Faery

LiL' Faery
  • Members
  • 1160 โพสต์
  • Location:@ Time : Europe
  • Interests:Basic and Advance Meditation;วิชชา ธรรมกาย<br />Birth Day : 19 January

โพสต์เมื่อ 25 January 2006 - 08:24 AM

may i copy it? it's good but i will change 1 glass of alkohl to a glass of water.....thank you kah
คุณครูไม่ใหญ่ บอกว่า :
1. อดีตที่ผิดพลาด ลืมให้หมด 2. บาปทุกชนิดไม่ทำเพิ่มเด็ดขาด 3. หมั่นนึกถึงบุญอย่างสม่ำเสมอ
4. บุญทุกบุญทำให้เข้มข้นทับทวี 5. ปฏิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

ขออนุโมทนาบุญด้วยนะค่ะ _/|\_ สาธุ สาธุ สาธุ ^_^ ด้วยรักจากใจ ด้วยห่วงใย จากใจจริง