ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
* * * * - 4 คะแนน

ความเข้าใจที่บิดเบี้ยว กรณีวัดพระธรรมกาย


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 51 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 03:36 PM

เนื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมผ่านไป สิบร้อยทิป เห็นกระทู้และความเห็น
ว่าร้ายวัดพระธรรมกาย แรงขึ้น จึงคิดรวบรวมข้อมูลที่แท้จริงไปแบ่งปัน
แต่เนื่องจากการสมัครสมาชิกของผม ยังอยู่ระหว่างขั้นตอนอนุมัติ

พอดีเมื่อวาน เกิดข่าวน่าสลดใจ
ผมจึงขออนุญาต นำข้อมูลดังกล่าวมา โพสต์ ณ. ที่นี้
หากท่านใดเป็นสมาชิกที่ สิบร้อยทิป อยู่แล้ว จะนำไปโพสต์ ต่อก็ดีนะครับ
เพราะยังไม่ทราบว่า การสมัครเป็นสมาชิกของผม จะผ่านหรือเปล่า

หากผู้ดูแลระบบ เห็นว่า ไม่สมควร ก็ลบกระทู้นี้ได้นะครับ
ด้วยความนับถือ
Dangdee

แนบไฟล์  R2813_9.gif   4.29K   140 ดาวน์โหลด

Post 2

ความเข้าใจที่บิดเบี้ยว ในระบบสื่อสารมวลชน กรณีวัดพระธรรมกาย

เกริ่นนำ

จากการที่ผม ไปศึกษาธรรมะที่วัดพระธรรมกาย ต่อเนื่องมาร่วม 20 ปี
ปีละมากกว่า 100 วัน ทั้งในสถานะพุทธศาสนิกชน / อาสาสมัคร / พระภิกษุธรรมทายาท
ดังนั้นเมื่อมีข้อมูลข่าวสาร เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ในระบบสื่อสารมวลชน
ผมจึงพอตัดสินและชี้แจงได้บ้างว่า ข้อมูลใดที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย
ข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ บิดเบี้ยวหรือ ข่าวไหน จริง 7 เท็จ 3 หรือ จริง 2 เท็จ 8

และบอกก่อนว่า ผมไม่ใช่ตัวแทนของวัดพระธรรมกาย
ที่ได้รับมอบหมายให้มาแก้ข้อกล่าวหาใดๆ นะครับ
ผมเป็นเพียงพุทธศาสนิกชน คนหนึ่งที่ไปศึกษาธรรมะที่วัดพระธรรมกาย
เหมือนกันกับเพื่อนสมาชิกหลายท่านในกระดานสนทนาแห่งนี้
ที่มาตั้งและตอบกระทู้เกี่ยวกับวัดพระธรรมกายเป็นการส่วนตัว
แต่มักมีใครโยงใยให้เข้าใจไปว่า เรามาแก้ตัวแทนเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย
ซึ่งไม่ใช่เลยครับ

ปกติผมชอบเป็นผู้อ่านรับข่าวสารมากกว่า ครับ
เพราะผมไม่ถนัดการโต้วาที หักล้างเหตุผล แบบในกระดานสนทนา
และอีกอย่างเท่าที่ สัมผัสได้ คือ กระดานสนทนาที่ สิบร้อยทิป
เพื่อนสมาชิกหลายท่าน ทั้งชาวพุทธและไม่พุทธ ต่างก็ประกาศรักสันติ
แต่ดูเหมือนมีไม่กี่ท่าน ที่สนทนากันแบบสร้างสรรค์ ถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
แสวงจุดร่วม สมานฉันท์ความต่างทางความคิด
ที่ผ่านมาผมจึงเลือกเข้ามาอ่าน เท่านั้น

แต่ช่วงนี้กระทู้ลักษณะ ว่าร้าย ป้ายสีดำต่อวัดพระธรรมกาย มีถี่ขึ้น
และมีไม่กี่ท่านที่มาชี้แจงข้อกล่าวหา
ผมจึงเข้ามาให้กำลังใจ และลองตั้งสักกระทู้ ตามสมควรครับ

วัตถุประสงค์ของกระทู้นี้ก็คือ มาเล่าถึง ข้อแท้จริง ( fact ) เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย
ที่ผมเคยได้สัมผัสมาต่อเนื่องร่วม 20 ปี
เพื่อนำมาเป็นข้อมูลให้วิญญูชน พิจารณา กันครับ

post 3

1.สาเหตุแห่งความเข้าใจผิดพลาด คลาดเคลื่อน บิดเบือนจากความเป็นจริง
1.1การรับข่าวลือ ข่าวสาร ข้อมูล ที่ใครๆเล่ามา ในเรื่องร้ายๆกรณีวัดพระธรรมกาย
1.2 รับข้อมูลแล้วลืมใช้หลักกาลามสูตร 10 มาพิจารณา
1.3 ขาดการพิสูจน์ความจริง ด้วยตนเอง
1.4 มีอคติเป็นการส่วนตัว ฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติ ภยคติ
1.5 ทำดี อย่าทำเด่น จะเป็นภัย
1.6 แนวทางการแก้ไขของวัดพระธรรมกาย ถูกต้อง แต่ ได้ผลช้า

2. สิ่งที่เห็นดีด้วยและไม่เห็นดีด้วย กับผู้ที่นิยมติติง ติเตียน ต่อต้าน กล่าวหาว่าร้าย วัดพระธรรมกาย
2.1 สิ่งที่เห็นดีด้วย
2.2 สิ่งที่ไม่เห็นดีด้วย

3. ประเด็นความเข้าใจผิดพลาด คลาดเคลื่อน บิดเบือนจากความเป็นจริง
3.1วัดพระธรรมกายเป็นพุทธเถรวาทหรือมหายาน
3.2การปฏิบัติธรรมแบบวิชชาธรรมกาย เป็นภัยอันตรายต่อชาวพุทธหรือไม่
3.3กรณีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ( พ้นจากเพศสมณะ และอื่นๆ )
3.4กรณีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ( ลัทธิบ้าบุญ / พุทธพาณิชย์ ฯล )
3.10 กรณีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับสาธุชนที่ไปบำเพ็ญทาน รักษาศีล ฝึกเจริญสมาธิภาวนา ว่าถูกล้างสมอง

4. กฎแห่งการกระทำ ผลแห่งกรรม ที่ต้องเป็นไป
4.1 กรณีที่วัดพระธรรมกาย ทำผิดศีลธรรม เป็นสัทธรรม#####จริงตามการกล่าวหา
- ผลต่อสังฆมณฑล และชาวพุทธทั่วโลก
- ผลต่อผู้ที่พยายามติติง ติเตียน ต่อต้าน กล่าวหาว่าร้าย มุ่งล้มล้างวัดพระธรรมกาย
- ผลต่อสังคมไทย
- ผลต่อพุทธศาสนิกชนที่ไปบำเพ็ญทาน รักษาศีล ฝึกเจริญสมาธิภาวนา เป็นประจำที่วัดพระธรรมกาย

4.2 กรณีที่วัดพระธรรมกาย ทำความดีถูกต้องตามพระธรรมวินัย
- ผลต่อสังฆมณฑล และชาวพุทธทั่วโลก
- ผลต่อสังคมไทย
5. มุมมอง ของพุทธศาสนิกชนที่ไปศึกษาพระพุทธศาสนา ที่วัดพระธรรมกาย มาร่วม 20 ปี
ข้อที่เห็นดีด้วย และไม่เห็นดีด้วย เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย

post 4


1.สาเหตุแห่งความเข้าใจผิดพลาด คลาดเคลื่อน บิดเบือนจากความเป็นจริง

1.1การรับข่าวลือ ข่าวสาร ข้อมูล ที่ใครๆเล่ามา ในเรื่องร้ายๆกรณีวัดพระธรรมกาย

หลายคน บอกว่าติดตามงานบุญและกิจกรรมของวัดพระธรรมกายมาโดยตลอด
แต่ก็ไม่ทราบว่าติดตามแบบไหนครับ
1 ) แบบติดตามข่าวทางระบบสื่อสารมวลชน , network , อ่านหนังสือ ดูสื่อธรรมะวัด
2 ) ฟังคนที่เคยไปวัดแล้วชอบ ก็ได้ข้อมูลอีกแบบ
3 ) ฟังคนที่ไม่เคยไปวัด ชอบแต่กล่าวหาวัด ไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ได้ข้อมูลอีกแบบ

การเลือกเสพข่าวสารในสังคมไทย บ่งชี้ถึงด้านมืดในใจมนุษย์ว่า
- ชอบจับผิดมากกว่าจับความดีเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน บางคนถึงขนาดมีความสุข สะใจกับการจับผิดคนอื่น
คือ สนใจเฉพาะในแง่ร้ายมากกว่าด้านดี
- สอดรู้สอดเห็นเรื่องของชาวบ้าน พูดอย่างสุภาพคือ ใฝ่เรียนรู้ความเป็นไปของเพื่อนมนุษย์
- สนใจฟังเรื่องร้ายๆ มากกว่าเรื่องดีๆ เพราะรู้สึกตื่นเต้น น่าติดตาม

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ ข่าวสารตามปกหนังสือพิมพ์ หรือ hot news ในโทรทัศน์
เพื่อเรียกร้องความสนใจของมนุษย์ ต้องพาดหัวข้อข่าวให้ดูตื่นเต้น เลวร้าย น่าหวั่นกลัว
ถ้าพาดหัวข้อข่าวใหญ่ว่า

มจร. จัดงานใหญ่เนื่องในวันวิสาขบูชา เชิญชาวพุทธทั่วโลกมาบำเพ็ญกุศลที่พุทธมณฑล
แบบนี้ ยอดขายหนังสือพิมพ์ คงไม่ดีนัก แต่ถ้าเป็น

ดาราสาว อักษร กอ. เป็นเมียลับของนักการเมือง หัวหน้าพรรคอักษร ขอ.
แบบนี้หนังสือพิมพ์ คงไม่พอขาย

สิ่งที่ไม่น่าเกิดขึ้น คือ มนุษย์ส่วนมากมักเลือกเชื่อสิ่งที่นักสื่อสารมวลชนนำเสนอ เอาไว้ก่อน
โดยเฉพาะประเด็นเรื่อง สตรีและสตางค์ การโกงกิน สินบน
แม้ต่อมาพิสูจน์แล้วว่า ไม่เป็นความจริง แต่ภาพพจน์ของผู้ถูกกล่าวหาก็เสื่อมเสีย
เป็นที่จงเกลียดจงชังของคนในสังคมไปช่วงเวลาหนึ่งแล้ว

หลายครั้งทำให้รู้สึกว่า จรรยาบรรณและจิตวิญญาณของนักสื่อสารมวลชนคนไทย หลายคน
เป็นทาสของคำสั่งเจ้านาย รับใช้นายทุน ( เพราะเกรงใจ / อยากได้เงินหรือผลประโยชน์อื่น )

เช่นกันครับถ้ามีกิจกรรมงานกุศลที่ดีงามของวัดและองค์กรการกุศล ต่างๆ
ส่วนมากมักไม่เป็นข่าวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์หรอกครับ

ฉะนั้น การเชื่อข่าวลือ ข่าวสารใน network และทางระบบสื่อสารมวลชน โดยขาดโยนิโสมนสิการ
มีโอกาสสูงที่คุณเข้าใจ ผิดพลาด คลาดเคลื่อน ไปจากความจริง ได้มากนะครับ

มันแปลกจังนะ !!
ในโลกนี้มีเรื่องอยู่มากมาย
หลายเรื่องไม่น่าเชื่อ แต่ก็เป็นความจริง
หลายเรื่องเป็นความจริง แต่ ไม่น่าเชื่อและไม่มีใครเชื่อ
หลายเรื่องไม่เป็นความจริง แต่คนมากมายก็เชื่อ
คนทำความดีเพื่อชำระใจให้สะอาดบริสุทธิ์ เพื่อประโยชน์ส่วนรวม
แต่ยังมีคนมากมายที่ไม่เชื่อว่าเป็นการทำด้วยความสุจริตใจ

……………………………….
Post 5
1.2 รับข้อมูลแล้วลืมใช้หลักกาลามสูตร 10 มาพิจารณา
กาลามสูตรกังขานิยฐาน ๑๐
หมายถึง วิธีปฏิบัติในเรื่องที่ควรสงสัย หรือหลักความเชื่อ ที่ตรัสไว้ในกาลามสูตร
— how to deal with doubtful matters; advice on how to investigate a doctrine,
as contained in the Kalamasutta)
๑. มา อนุสฺสาเวน อย่าเชื่อโดยฟังตามกันมา

คำว่า ฟังตามกันมา หมายถึง สิ่งที่บอกเล่า ต่อๆ กันมาตาม ธรรมเนียม เป็นต้น
๒. มา ปรมฺปราย อย่าเชื่อโดยเหตุสักว่าตามสืบๆ กันมา คำว่า ทำตามสืบๆ กันมา หมายถึง การทำตามสืบๆ กันมา โดยไม่ต้องคำนึง ถึงเหตุผล แต่ถือเอาการที่ทำสืบๆ กันมานั้นเองเป็น เหตุผล ลักษณะเช่นนี้เรียกกันว่า เถรส่องบาตร
๓. มา อิติ กิราย อย่าเชื่อโดยตื่นข่าว คำว่า ตื่นข่าว หมายถึง สิ่งน่าอัศจรรย์ ที่กำลังลือกระฉ่อน กันอยู่ในขณะนั้น
๔. มา ปิฎกสัมฺปทาเนน อย่าเชื่อโดยอ้างปิฎก คำว่า อ้างปิฎก หมายถึง มีหลักฐานที่อ้างอิงในตำรับตำรา คัมภีร์ หรือแม้แต่ในพระไตรปิฎก
๕. มา ตกฺกเหตุ อย่าเชื่อโดยนึกเดาเอาเอง ๖. มา นยเหตุ อย่าเชื่อโดยคาดคะเน
๗. มา อาการปริวิตกฺเกน อย่าเชื่อโดยการตรึกตรองตามอาการ คำว่า นึกเดาเอาเอง คำว่า คาดคะเนเอาเอง และ คำว่า ตรึกตรองตามอาการ ทั้งสามนี้ คล้ายกันมาก หากแต่ว่า หนักเบา กว่ากัน ตามลำดับ คำว่า เดา หมายถึง การใช้เหตุผลชั่วแล่น ชั่วขณะ ตามวิสัยของ คนธรรมดาทั่วไป คำว่า คาดคะเน ก็มีลักษณะอย่างนั้น หากแต่ว่า มีการเทียบเคียง โดยนัยต่างๆ ที่รัดกุมกว่า ซึ่งเป็นวิสัย ของผู้มีปัญญา คำว่า ตรึกตามอาการ คือการใช้เหตุผล หรือ ใช้สิ่งแวดล้อม เป็นเหตุผล ตามที่มีปรากฏ อยู่เฉพาะหน้า ในที่นั้นๆ ซึ่งรัดกุมยิ่งไปกว่า การคาดคะเน
๘. มา ทิฎฐินิชฺฌานกฺขนกฺขนฺติยา อย่าเชื่อโดยเห็นว่าถูกตามลัทธิของตน คำว่า ต้องตามลัทธิของตน หมายความว่า เข้ากันได้กับ ความคิดเห็น ของตน หรือ เข้ากับลัทธิ ที่ตนถืออยู่แล้วแต่ก่อน
๙. มา ภพฺพรูปตาย อย่าเชื่อโดยเห็นว่า ผู้พูดควรเชื่อได้ คำว่า ผู้พูดควรเชื่อได้ หมายความว่า ผู้พูดเป็นผู้ที่ใครๆ พากันเชื่อถือ เพราะเป็นบัณฑิต นักปราชญ์ เป็นคนเฒ่าคนแก่ เป็นคนเคยไปในที่นั้นๆ มาแล้ว เป็นต้น
๑๐. มา สมโฌ โน ครุ อย่าเชื่อโดยถือว่า สมณะนี้เป็นครูของเรา คำว่า ถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา หมายความถึง ครูบาอาจารย์โดยตรง
ต่อเมื่อใด รู้เข้าใจด้วยตนว่า ธรรมเหล่านั้น เป็นอกุศล เป็นกุศล มีโทษ ไม่มีโทษ เป็นต้นแล้ว จึงควรละหรือถือปฏิบัติตามนั้น
สูตรนี้ ในบาลีเรียกว่า เกสปุตติยสูตร ที่ชื่อกาลามสูตร เพราะทรงแสดงแก่ชนเผ่ากาลามะ แห่งวรรณะกษัตริย์ ที่ชื่อเกสปุตติยสูตร เพราะพวกกาลามะนั้นเป็นชาวเกสปุตตนิคม
A.I.189 องฺ.ติก.๒๐/๕๐๕/๒๔๑.
ติดตำราจะติดตัง


จงรักษาดวงใจให้ผ่องแผ้ว
อย่าทิ้งแนวการถือคือเหตุผล
อย่าถือแต่ตามตำราจะพาตน
ให้เวียนวนติดตังนั่งเปิดดู
อย่าถือแต่ครูเก่าเฝ้าส่องบาตร
ต้องฉลาดความหมายสมัยสู
อย่ามัวแต่อ้างย้ำว่าคำครู
แต่ไม่รู้ความจริงนั้นสิ่งใด
อย่ามัวแต่ถือตามความนึกเดา
ที่เคยเขลาเก่าแก่แต่ไหนๆ
ต้องฉลาดขูดเขลาปัดเป่าไป
ให้ดวงใจแจ่มตรูเห็นลู่ทางฯ


…………………..
Post 6

มี FW Mail ที่เป็นข้อคิดดีๆ มาให้ศึกษาครับ

วันหนึ่ง ขงจื๊อ เมธีจีน พร้อมศิษยานุศิษย์ เดินทางรอนแรมลี้ภัยการเมืองอยู่กลางป่า
พอได้เวลาอาหาร ลูกศิษย์เตรียมตักข้าวใส่จานพร้อมสำรับอาหาร
ขณะกำลังตักข้าวอยู่ห่างๆ นั้น ท่านขงจื๊อสังเกตเห็นว่า
ลูกศิษย์หยิบข้าวจากจานของท่านขึ้นมาใส่ปากเคี้ยว
ท่านจึงสอนและชี้ให้เห็นว่า
การหยิบอาหารจากสำรับของครูบาอาจารย์ มารับประทานก่อนได้รับอนุญานั้น
แสดงถึงความ "อนารยะ" ที่น่าตำหนิอย่างยิ่ง
ลูกศิษย์จึงขอโอกาสชี้แจง

"อาจารย์ครับ ที่กระผมหยิบข้าวจากจานของอาจารย์ขึ้นมารับประทานก่อน
หาใช่กระทำไปด้วยความเขลาหรือขาดคารวะก็หาไม่
แต่ที่เป็นเช่นนั้นเพราะในจานข้าวของอาจารย์ มีผงถ่านสีดำปนเปื้อนข้าวอยู่
ครั้นจะยกมาให้อาจารย์เลยก็เกรงว่าคงไม่เหมาะ
จะหยิบข้าวที่เปื้อนนั้นทิ้งก็เสียดาย
เพราะข้าวหายากและจำเป็นมาก สำหรับการอยู่รอดในยามวิกฤติ
กระผมก็เลยหยิบข้าวที่เปื้อนนั้นขึ้นมารับประทานเสียเองขอรับ"
แววตาที่ฉายแววดุของผู้เป็นอาจารย์ ค่อยๆ ทอประกายอ่อนโยนด้วยเมตตา
ก่อนเอ่ยวาจาขอโทษผู้เป็นศิษย์อย่างไม่ถือตัว


บ่อยครั้งที่เรามักตัดสินอะไรผิดพลาดอย่างง่ายดาย
จนเสียทั้งคน เสียทั้งงาน และบางทีก็เสียผู้เสียคน
เสียเกียรติภูมิที่สู้สั่งสมมาทั้งชีวิตในชั่วพริบตา
เพียงเพราะเราเชื่อในสิ่งที่สายตารายงาน
ขณะที่บางด้านของความจริงกลับเป็นอีกอย่างหนึ่ง

สามีทะเลาะกับภรรยา พ่อแม่ทะเลาะกับลูก นายเข้าใจผิดลูกน้อง เพื่อนแตกจากเพื่อน
คนรักหันหลังให้กันทั้งที่ต่างฝ่ายก็แสนดี
เพียงเพราะต่างก็เชื่อใน "สิ่งที่ตาเห็น"

แต่ละเลยการ "เมียงมอง" อย่างพินิจแยบคาย
โดยใช้ "ปัญญาจักษุ" อันสุขุม
เราจึงติดอยู่ใน "ภาพลวงตา" อันเป็นมายาคติ
พลอยทำให้หลงลืม "ความจริง"
ทีเป็นจริงอีกด้านหนึ่งไปอย่างน่าเสียดาย

จงมองด้วย "ตา" แล้วปล่อยให้ "ปัญญา" เป็นผู้วินิจฉัย
สิ่งที่ตาเห็นกับสิ่งที่ปัญญาประจักษ์
ไม่แน่ว่าจะสอดคล้องกันเสมอไป

จงใช้ตานอกสำหรับ "ดู" แล้วจงใช้ตาในสำหรับการ "เห็น"
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า

การเลือกเชื่อข่าวลือ ข่าวสารใน network และทางระบบสื่อสารมวลชน
โดยขาดหลัก กาลามสูตร 10 และการพิสูจน์ด้วยตนเอง ไม่สมควรแก่บัณฑิตผู้ใฝ่ธรรม เลยครับ


…………………..
Post 7

1.3 ขาดการพิสูจน์ความจริง ด้วยตนเอง
มนุษย์ยุคนี้ ชอบอะไรที่ สำเร็จรูป อัตโนมัติ แค่ click ๆ thumb ๆ เอาก็พอใจแล้วเพราะง่ายดี
ไม่ต้องลงทุน ไม่ต้องลงแรง ไม่ต้องเดินทาง ทนรถติด แดดแผดเผาให้เร่าร้อน

มีมนุษย์ส่วนน้อย ที่เชื่ออะไรก็ต่อเมื่อได้พิสูจน์มาบ้างแล้วจึงแสดงความเห็น วิพากษ์ วิจารณ์จากประสบการณ์จริงของตนเอง

ถ้าเราศึกษาศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งเพียงผิวเผิน
ผ่าน หนังสือทั้ง paper & e-books , information in network
ผ่านเพียงแค่จักษุประสาทและกระบวนการคิดของสมอง โดยใจที่ยังไม่สงบ สงัด หรือ ไม่มีสมาธิมาก
เราก็คงได้ความรู้แค่เบื้องต้น หรือความเข้าใจในระดับหนึ่ง เท่านั้น
แต่ถ้าเราศึกษาทางปริยัติหรือทฤษฎีแล้ว เพิ่มการปฏิบัติ ไปด้วย เราเราจะได้ความรู้ ความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งกว่า
เช่น
- ถ้าคุณอยากทำอาหารรสอร่อย แค่ได้ยินได้ฟัง สูตรอาหาร อ่านตำรา จนท่องจำ เข้าใจกระบวนการแม่นยำดีแค่ไหน
ก็ไม่ใช่ว่า คุณจะทำอาหารได้อร่อย ทันทีนะครับ มันต้องมีการสังเกต มีการปรับ ปรุงแก้ไขอะไรอีกมาก
กว่าจะทำอาหารนั้นๆอร่อย ถูกปากตนเอง และคนอื่น
- ถ้าเราบ่นว่า ราคาข้าวแพงจัง คุณภาพก็แย่ งั้นลองไปช่วยชาวนาทำนา สักฤดูกาลหนึ่งสิ จะได้รู้รสชาติชีวิตของชาวนาได้ดีขึ้น
- ถ้าไม่พอใจว่า นายกฯและคณะรัฐมนตรี ทำงานไม่ได้ดั่งใจ แล้วดีแต่วิพากษ์ วิจารณ์ในทางไม่สร้างสรรค์
แบบนี้ ต้องให้เป็นนายกฯ สักปี รับรองว่าทั้งกลุ้ม ทั้งเครียด ทั้งเข็ด ไปจนวันตายแหละครับ
เพราะทำดีก็แค่เสมอตัว เหมือนหนังหน้าไฟ หรือ เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกแขวนคอ ฉะนั้น

เช่นกันครับ ใครที่ชอบบ่น ติเตียน ต่อต้าน ต่อว่า ด่าว่า พระราชภาวนาวิสุทธิ์ โดยอาศัยข้อมูลข่าวสาร
ลองมาเป็นเจ้าอาวาส เป็นสมภารวัดพระธรรมกาย สิครับ
ท่านต้องปกครอง เลี้ยงดู ภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เจ้าหน้าที่วัด กว่า 5,000 ชีวิต ทั้งในและต่างประเทศ

จริงอยู่ถ้าดูผังองค์กร แบบ Organization
ตำแหน่งเจ้าอาวาส อยู่บนสุด ชั้นถัดลงมา มีลูกพระ ลูกสามเณร อุบาสก อุบาสิกา อีก กว่า 5,000 ชีวิต
หลายท่านอาจ คิดว่า ตำแหน่งเจ้าอาวาส อยู่สูง ดูมีอำนาจ กว่าใคร

แต่ใครที่เป็นผู้บริหารองค์กร จะเข้าใจดีว่า มันไม่ใช่เลย
เพราะ ในแง่ความรับผิดชอบ และ การบริหาร การปกครอง
ผังองค์กร มันจะกลับหัวลง ครับ
นั่นคือ ผู้ที่เป็นมีตำแหน่งอยู่บนสุด เพียง 1 เดียว
ต้องย้ายลงมาอยู่ล่างสุดแล้วแบกกว่า 5,000 ชีวิตไว้เหนือหัว บ่า ไหล่ ไหปลาร้า ของตน

แล้วการบริหาร การปกครอง มนุษย์ที่ยังไม่หมดกิเลส คุณคิดว่า ง่ายนักหรือครับ
ผมว่า ครอบครัวเดียว แค่หาทรัพย์ และปกครองลูก เมีย หมู่ญาติ สัก 10 – 20 ชีวิต ก็ หืดขึ้นคอแล้วครับ

เคยได้ยินเจ้าอาวาส พระสังฆาธิการ ในต่างจังหวัด ท่านบอกว่า
วัดท่าน มีเนื้อที่ ไม่กี่สิบไร่ และมี พระ ลูกวัด แค่ 10 – 20 รูป
สัมภาระที่แบกไว้น้อยกว่า หลวงพ่อ ธมฺมชโย มากมายนัก ยัง มีเรื่องกลุ้มใจแทบไม่เว้นวันเลยครับ

…………………..
Post 8

คำแนะนำ
สำหรับท่านที่ชอบบ่น ติเตียน ต่อต้าน ต่อว่า ด่าว่า พระราชภาวนาวิสุทธิ์ โดยอาศัยข้อมูลข่าวสาร คือ

- สำหรับท่านชาย ควรมาบวชพระธรรมทายาท อย่างน้อยสักพรรษา
จะได้เห็นความเป็นจริง ในมุมมอง ของ Insider อย่างแท้จริง

- สำหรับท่านหญิง ขอเชิญท่านและคนที่คุณรัก มาตรวจสอบด้วยตนเอง ที่วัดพระธรรมกาย
ดีกว่า ฟังเขาเล่ามานะครับ

แต่ไม่ควรคาดหวังให้ถูกใจคุณซะทุกอย่างนะครับ
เพราะแนวทางการแก้ปัญหาสังคมก็มีอยู่หลายหลายแนวทาง
แนวทางแบบลัทธิคอมมิวนิสต์ ก็แบบหนึ่ง
แนวทางแบบประชาธิปไตยก็อีกแบบ
แม้แนวทางแบบระบอบประชาธิปไตยเอง
แต่ละพรรคยังมีนโยบายแตกต่างกันเลยครับ

เช่นกัน
แนวทางการแก้ไขปัญหาสังคมแบบยั่งยืนของวัดพระธรรมกาย อาจแตกต่างจากแนวคิดที่คุณถูกใจบ้าง
แนวทางการขยายพระธรรม อาจแตกต่างจากแนวคิดที่คุณถูกใจบ้าง
แนวทางการบอกข่าวบุญ การสร้างทานะ ปริจาคะ อาจแตกต่างจากแนวคิดที่คุณไม่คุ้นเคยบ้าง

แต่วัดพระธรรมกายก็ดำเนินตามโอวาทปาฏิโมกข์มาตลอด
ไม่ได้โม้ !!! มาพิสูจน์ด้วยตนเองสิครับ
…………………..
Post 9

1.4 มีอคติเป็นการส่วนตัว
หลายๆท่าน ( ไม่เหมารวมทุกคนนะครับ ) ต่อต้าน ติเตียน วิชชาธรรมกาย / วัดพระธรรมกาย / เจ้าอาวาส หรือพุทธศาสนิกชนที่ไปวัดพระธรรมกาย ก็เพราะว่า มีอคติ 4 ดังกล่าวแอบซ่อนอยู่ในใจ ทั้งแบบรู้ตัว กับยังไม่รู้ตัว คือ
1.4.1 หลายท่าน มี ฉันทาคติ (ลำเอียงเพราะชอบ) คอยชักใย อยู่หลังเวที เช่นว่า
มีเพื่อน พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คู่รัก ครู อาจารย์ พระอาจารย์ที่เรารัก เคารพ เชื่อถือ ให้ข้อมูลด้านลบมา
เราก็เลือกที่จะเชื่อตาม ข้อมูล ข่าวสารนั้นๆ

หรือ !! เป็นเพราะมี คนในครอบครัว / ญาติมิตร / คู่รัก / คู่ครอง / ตนรู้จัก ใช้เงินไปทำบุญจำนวนมาก แล้วบริหารการเงิน เศรษฐกิจในครอบครัวไม่ดี จนเดือดร้อนเรา และญาติ มิตร
ด้วยความรัก ปรารถนาดี เราจึงคิดไปเองว่า
คนของเราคงถูกวัดพระธรรมกายล้างสมอง ล่อลวงให้บริจาคเงินจำนวนมาก
ฉะนั้น ก็เลยพลอยไม่ชอบวัดพระธรรมกาย แบบนี้ก็มี

หรือ !! หลายท่านเคยไปทำบุญที่วัดพระธรรมกาย แต่มีอะไรไม่ถูกใจบ้าง เช่น
พิธีกรรมงาบุญที่แตกต่างที่ตนเองคุ้นเคย / กระทบกระทั่งกับบางคน ในวัดบ้าง
ฉะนั้น ก็เลยพลอยไม่ชอบวัดพระธรรมกาย แบบนี้ก็มี

หรือ !!เคยศรัทธา ได้ไปวัด ได้บวชที่วัดพระธรรมกาย ที่มีกฎระเบียบเข้มงวด
มีกฎระเบียบในการอยู่รวมกันไหนต้องรักษา ปาติโมกข์ศีล ๒๒๗
บ้างก็กระทบกระทั่งกับเพื่อนสหธรรมิก ด้วยเรื่องจุกจิก
ฉะนั้น ก็เลยพลอยไม่ชอบวัดพระธรรมกาย แบบนี้ก็มี
…………………..

#2 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 03:49 PM

…………………..
Post 10
1.4.2 หลายๆท่าน มี โทสาคติ (ลำเอียงเพราะชัง) คอยชักใย อยู่หลังเวที เช่นว่า
เพื่อนสนิท / คู่รัก / คู่ครอง ของเราศรัทธา ให้เวลา ให้ความสำคัญกับวัดพระธรรมกาย
/ เจ้าอาวาส / พระ มากกว่าเราและครอบครัว
ฉะนั้น เราก็เลยพลอยไม่ชอบวัดพระธรรมกาย แบบนี้ก็มี

หรือ !! เพื่อนสมัยเรียนคนหนึ่ง ตอนนั้น นิสัยแย่มาก ทำไม่ดีกับเราหลายครั้ง /
มีคนที่เราไม่ชอบ / คู่แข่งทางการค้า ไปวัดพระธรรมกาย
ฉะนั้น ก็เลยพลอยไม่ชอบวัดพระธรรมกาย แบบนี้ก็มี

หรือ เราต่างเวียนเกิด เวียนตายมานับภพชาติไม่ถ้วน อาจเป็นคู่เวรกันมาแต่ปางก่อน

ฉะนั้น มาเจอกันในชาตินี้ แม้ทำดีอย่างไร ก็ไม่ถูกใจ อดหมั่นไส้ ไม่ได้ อยากฉะ ปะ ดะ ทุกที
หรือ !! มีกัลยาณมิตร /คนในครอบครัว / ญาติมิตร / คู่รัก / คู่ครอง

มาบอกข่าวบุญ ชวนไปวัดพระธรรมกาย แต่ด้วยความปรารถนาดี

จึงเจรจาว่า วัดดีอย่างนั้นอย่างนี้ เป็นบุญใหญ่อย่างนั้นอย่างนี้
บางครั้งก็กลายเป็นพูดมาก เหมือนตามตื้อ น่าเบื่อจัง :glare:

ฉะนั้น ก็เลยพลอยไม่ชอบวัดพระธรรมกาย แบบนี้ก็มี
หรือ !! หลายท่านมีอัธยาศัย มีทัศนะคติว่า วัด / พระ / งานบุญพิธี

ต้องเรียบง่าย ความเป็นอยู่ดูลำบากกว่าเราสักหน่อย

แต่เมื่อมาเห็นวัดพระธรรมกาย มีอาคาร สถานที่กว้างขวาง ใหญ่โต มีกฎระเบียบ มีพิธีรีตอง
ภิกษุ สามเณร มีเสนาสนะ บริขาร ๘ มีความเป็นอยู่ดูสะดวก สบาย ไม่เหมือนที่เราคิดและคุ้นเคย
ฉะนั้น ก็เลยพลอยไม่ชอบวัดพระธรรมกาย แบบนี้ก็มี

หรือ !! หลายๆท่าน มีเป้าหมายชีวิต ว่า ต้องเลิกเกิด ต้องบรรลุนิพพานชาตินี้หรือเร็วที่สุด
ซึ่งดีมากๆเลยครับ
ส่วนวัดพระธรรมกาย มีแนวคิดและอัธยาศัยไม่กลัวการเกิด

และต้องเกิดมาสร้างบุญบารมีให้มากพอที่จะรื้อขนสรรพสัตว์
แม้มีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ บรรลุ นิพพาน แต่ต่างกันเพียงแค่วิธีและระยะเวลา อยู่ในสังสารวัฎฎ์

ก็อาจทำให้หลายท่าน พลอยไม่ชอบวัดพระธรรมกาย แบบนี้ก็มี

หรือ !! หลายท่านมีคนรู้จักที่ไปวัดพระธรรมกาย แต่ เขา/เธอ มีนิสัย พฤติกรรมส่วนตัวไม่ดี เช่น
เจ้าชู้ มีกิ๊กหลาย / เอาแต่ใจตนเอง / ขาดความสุภาพ / มีนิสัยรุนแรง / เคยทำผิดกฎหมายบ้านเมือง

ฉะนั้น ก็เลยพลอยไม่ชอบวัดพระธรรมกาย แบบนี้ก็มี

…………………..
Post 11
1.4.3 และหลายท่าน มี โมหาคติ (ลำเอียงเพราะหลง, พลาดผิดเพราะเขลา)
คอยชักใย อยู่หลังเวที เช่นว่า
มีกัลยาณมิตร / เพื่อน / คนในครอบครัว / คู่รัก / คู่ครอง / คนที่รู้จัก ไปวัดพระธรรมกายแล้ว
ชีวิตก็ยัง กระท่อนกระแท่น ยังไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตทางโลก
แถมครอบครัวมีปัญหา
ส่วนคนที่ไม่ได้ไปวัด ยังสำมะเลเทเมา แต่ชีวิตราบรื่น ดูดี มีความสุข

ฉะนั้น จึงคิดไปว่า ทำดี ได้ดี มีที่ไหน ทำชั่วได้ดี มีถมไป

ฉะนั้น จึงคิดไปว่า ครอบครัวคนที่เรารู้จัก แตกแยกเพราะไปวัดพระธรรมกาย
เหมือนโฆษณา ตอนนี้ ว่า ลูกสอบตก สอบไม่ติด เครื่องยนต์พัง ก็โทษ แก๊สโซฮอล์ :D ^_^

หรือ มีกัลยาณมิตร / เพื่อน / คนในครอบครัว / คู่รัก / คู่ครอง / คนที่รู้จัก
นำหนังสือ สื่อธรรมะของวัด หรือ โพสต์คำสอน / ภาพกิจกรรมงานบุญของวัดพระธรรมกาย ที่ดูอลังการ
โดยเจตนามาเชื้อเชิญ/บอกข่าวบุญ หรือเอาบุญมาฝาก ท่านที่ไม่ได้ไปงานบุญ
แต่เรากลับเข้าใจไปอีกอย่าง ว่า เขามาล่อลวง หว่านล้อม เอาแต่สร้างภาพ
ติดเปลือกในพิธีกรรมมากกว่า แก่นสารในพุทธธรรม /

หรือ !! อะไรก็ บุญ ๆ ๆ ประเภท หายใจเข้า ก็เฮ่อ บุญ หายใจออก ก็เฮ่อ บุญ
ฉะนั้น ก็เลยพลอยคิดว่า การหมั่นสั่งสมบุญบ่อยๆของเขา
เป็นเหมือนงมงายในบุญ เป็นลัทธิบ้าบุญ แบบนี้ก็มี

หรือ !! มีกัลยาณมิตร / เพื่อน / คนในครอบครัว / คู่รัก / คู่ครอง / คนที่รู้จัก
นำหนังสือ สื่อธรรมะของวัด คำสอนของวัดพระธรรมกาย ที่เกี่ยวข้องกับวิชชาธรรมกาย
ที่เราไม่เคยอ่านเจอในพระไตรปิฎก / เราไม่ได้ปฏิบัติธรรม จนเข้าถึงพระธรรมกาย เหมือนผู้ที่เข้าถึง
ถ้าเราเข้าถึงเหมือนเขา เราจึงตัดสินได้ ว่าของจริงหรือเก๊ แต่นี่เราไม่ได้เข้าถึงเหมือนเขา
ในพระไตรปิฎกก็ไม่มี ครูบาอาจารย์ของเรา ว่า แค่เป็นนิมิตเลื่อนลอย

ฉะนั้น จึงคิดว่า วิชชาธรรมกาย เป็นเรื่องติดนิมิต
จึงไม่ชอบ วิชชาธรรมกายและพลอยไม่ชอบวัดพระธรรมกาย แบบนี้ก็มี

หรือ !! การที่วัดพระธรรมกาย จัดงานถวายสังฆทาน ไทยธรรม แด่สังฆมณฑล กว่า 20,000 วัด /
แด่ 266 วัด ภาคใต้มาต่อเนื่อง 22 เดือนแล้ว
ก็ยังมีหลายท่าน คิดแต่ว่า พระมหาเถรานุเถระ ในมหาเถระสมาคม พระสังฆาธิการ
มารับสินบนจากวัดพระธรรมกาย
ฉะนั้น ก็เลยพลอยไม่ชอบวัดพระธรรมกาย ว่าชอบติดสินบน แบบนี้ก็มี

หรือเคยทราบว่า ชาวพุทธที่ปฏิบัติธรรม แบบ วิชชาธรรมกาย และวัดพระธรรมกาย
เคยกล่าวกันไว้ว่า
นิพพาน เป็นอัตตา

แต่เราศึกษาพระไตรปิฎก และพระอรรถกถาจารย์มากมาย ท่านตีความว่า
นิพพาน เป็นอนัตตา
แม้เรายังไม่บรรลุธรรม เห็นสภาวะนิพพาน แต่เราก็เชื่อตามนั้น
ฉะนั้น ก็เลยพลอยไม่ชอบวิชชาธรรมกายและวัดพระธรรมกาย แบบนี้ก็มี
นิพพานจะเป็น อัตตา หรืออนัตตา คุณเข้าถึงนิพพานก็รู้ถูกกันเองครับ ว่าเป็นอย่างไร

ผมว่า
การบรรลุนิพพานของคุณ สำคัญกว่าการเชื่อและความเข้าใจของคุณว่า
นิพพานเป็นอัตตาหรือเป็นอนัตตา นะครับ
…………………..
Post 12
1.4.4 และหลายท่าน มี ภยาคติ (ลำเอียงเพราะกลัว) คอยชักใย อยู่หลังเวที เช่นว่า

เราก็เข้าใจแหละว่า การบำเพ็ญทาน รักษาศีล นั่งสมาธิ ที่วัดพระธรรมกาย เป็นเรื่องที่ดี
แต่คู่รัก / คู่ครองของเรา สิ ชอบไปวัดพระธรรมกายจังเลย วันหยุดก็ไม่พาเราไปเที่ยว
เราจึงเกรงกลัวว่า หวานใจจะให้ความสำคัญ ให้เวลาไปวัดพระธรรมกายมากกว่าให้เรา
เหมือนเด็กที่ถูกแย่งชิงความรัก เราทำใจไม่ได้หรอก
ฉะนั้น ก็เลยพลอยไม่ชอบวัดพระธรรมกาย แบบนี้ก็มี

เราจึงเกรงกลัวว่า หวานใจมีความคิดอยากรักษาศีล ๘ ตลอด
หรือ เห็นโทษกาม และการครองเรือน
หรือวันข้างหน้า คู่รัก/ คู่ครอง ของเราไปบวชพระตลอดชีวิต เราทำใจไม่ได้หรอก
ฉะนั้น ก็เลยพลอยไม่ชอบวัดพระธรรมกาย แบบนี้ก็มี

หรือ หลายท่านเห็นมีพุทธศาสนิกชนเรือนแสน ภิกษุ สามเณร หลายหมื่นรูป ไปร่วมงานบุญที่วัดพระธรรมกาย จึงเกรงกลัว กังวลไปว่า วัดพระธรรมกายอยากดัง อยากเป็นศูนย์รวมอำนาจ แล้วจะบ่อนทำลายความมั่นคงชาติชาติ
ฉะนั้น ก็เลยพลอยไม่ชอบวัดพระธรรมกาย แบบนี้ก็มี

อคติ ๔
(ฐานะอันไม่พึงถึง, ทางความประพฤติที่ผิด, ความไม่เที่ยงธรรม, ความลำเอียง

- wrong course of behavior; prejudice)

๑. ฉันทาคติ
(ลำเอียงเพราะชอบ - prejudice caused by love or desire; partiality)
๒. โทสาคติ
(ลำเอียงเพราะชัง - prejudice caused by hatred or enmity)
๓. โมหาคติ
(ลำเอียงเพราะหลง, พลาดผิดเพราะเขลา
- prejudice caused by delusion or stupidity)
๔. ภยาคติ (ลำเอียงเพราะกลัว - prejudice caused by fear)
D.III.182,228; A.II.18. ที.ปา.๑๑/๑๗๖/๑๙๖; ๒๔๖/๒๔๐; องฺ.จตุกฺก.๒๑/๑๗/๒๓.
…………………..
Post 13
1.5 ทำดี อย่าทำเด่น จะเป็นภัย

ข้อนี้ชัดเจนในตัวอยู่แล้ว

ทำดี อย่าทำเด่น จะเป็นภัย

สองคน ยล ตามช่อง
คนหนึ่ง มอง เห็นโคลนตม
อีกคน ตา แหลมคม
เห็น ดารา อยู่พราวพราย

คนรัก เท่า ผืนหนัง
คนชัง เท่า ผืนเสื่อ

แม้องค์พระ ปฏิมา ยังราคิน
เราชาวดิน หรือจะสิ้น คำนินทา

จงทำดี แต่อย่าเด่น จะเป็นภัย
ไม่มีใคร อยากเห็น เราเด่นเกิน

เขาอิจฉา ยังดีกว่า เขาสมเพท


ในโลกนี้ คนส่วนมาก ยินดีที่เห็นคนอื่นทำความดีก็จริง
แต่ถ้าใคร ทำความดีจนโดดเด่น
ก็จะมีคนบางจำพวกที่ยังไม่หมดกิเลส ยังมีอิสสา ( ริษยา ) ฝังในขันธสันดานมาก
เริ่มระคายเคืองใจ มากเข้าก็อยากลดความดีของผู้อื่นโดยการเพ่งโทษ จับผิดซะเลย

มีตัวอย่างที่ไม่น่าเชื่อในบันทึกพระพุทธศาสนาที่น่าศึกษา คือ

1 ) กรณีท้าววัสสวัตตีมาร จอมเทพแห่ง ปรนิมวัสสวัตีเทวภูมิ
ในคัมภีร์กล่าวไว้ว่า
ท้าวเธอเป็นนิตยโพธิสัตว์ ผู้จะได้ตรัสรู้อนุตตระสัมมาสัมโพธิญาณ
ในอนาคตพระองค์หนึ่ง

จะเห็นได้ว่า ทั้งที่พระบรมโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ
ก็กำลังทำความดีอย่างยิ่งเพื่อยกตนและรื้อขนสรรพสัตว์ ให้พ้นภัยในสังสารวัฎฎ์

แต่ไฉนเล่า ท้าวเธอจึงได้ทำการขัดขวางพระบรมโพธิสัตว์ เจ้าชายสิทธัตถะ
ทั้งในขณะเสด็จออกอภิเนษกรณ์( ออกผนวช ) และ
ในคืนวันเพ็ญเดือน ๖ ก่อนที่พระบรมโพธิสัตว์จะตรัสรู้อนุตตระสัมมาสัมโพธิญาณ

ทั้งนี้ก็เพราะ คงด้วยอำนาจ กิเลสตัวอิสสา ( ริษยา ) กระมัง
ที่ดลใจให้พระบรมนิยตโพธิสัตว์ คือ ท้าววัสสวัตตี
ทนเห็นพระบรมโพธิสัตว์ เจ้าสิทธัตถะ จะตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก่อนตนเองไม่ได้

นี่เป็นเรื่องน่าศึกษานะครับ ถึง
โทษของการ มีอคติ หรือ มีอิสสา ริษยา ในการทำความดีของผู้อื่น

2 ) กรณีพระเทวทัต ที่ในคัมภีรืกล่าวไว้ว่า
ท่านคือ หน่อเนื้อพุทธางกูร ผู้จะตรัสรู้เองโดยชอบ
เป็นพระปัจเจกพุทธะ พระองค์หนึ่งในอนาคต

จากบันทึกในหลายพระสูตร จะทราบว่า

ในชาติใดที่ท่านเกิดมาสั่งสมกุศล บุญบารมี
และไม่เจอพระโพธิสัตว์ ( พระสมณโคตมพุทธะเจ้า )
ท่านก็ใฝ่ดี รักการทำความดีอย่างยิ่ง

แต่ในชาติใดที่ท่านเกิดมาสั่งสมกุศล บุญบารมี
และจังหวะได้เจอพระโพธิสัตว์ ( พระสมณโคตมพุทธะเจ้า )
ท่านมักจะโดนกิเลส ตัวพยาบาท อาฆาต ตั้งแต่ชาติเกี่ยวกับ เสรีวณิช
มาดลใจ มาบังคับให้ต้อง ก่อเวร ประทุษร้ายพระโพธิสัตว์
ผู้ที่ไม่ประทุษร้ายตอบ อยู่หลายชาติ ทั้งในภาวะที่เป็นมนุษย์และสัตว์ติรัจฉาน

แม้ในชาติที่ผ่านมาพระบรมนิตยโพธิสัตว์
ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ก็ไม่วายวางเว้นการประทุษร้ายอีก

ข้อคิดที่ผมได้คือ
1 ) บุคคลทำความดี แม้กระทำด้วยใจสุจริต
ไม่ใช่ว่าจะมีแต่คนสรรเสริญ คนนินทาก็มี ขัดขวางก็มี คนเกลียดข้ามภพข้ามชาติก็มี

2 ) เราไม่ควร อิสสา ริษยา ในการทำความดี บำเพ็ญบุญบารมีของผู้อื่น

3 ) แม้เราทำความดี ด้วยใจสุจริต ก็อย่าประมาทในเรื่องมนุษยสัมพันธ์กับผู้อื่น
คือ อย่าประมาทในการต้อนรับ ปฏิสันถาร
เพราะ ถ้าเรามีมนุษยสัมพันธ์ที่แย่กับผู้อื่น หรือไม่สำรวมปาก ไปว่าร้ายใคร
อาจเป็นการสร้างศรัตรู คู่แค้น
มาคอยขัดขวางการสั่งสมความดี บุญบารมีข้ามภพข้ามชาติได้


1.6แนวทางการแก้ไขของวัดพระธรรมกาย ถูกต้อง แต่ ได้ผลช้า

คือ เมื่อมีข้อครหา กรณีวัดพระธรรมกาย ซึ่งวัดพระธรรมกายก็แก้ไข คือ

ไม่สู้ ( ด้วยการโต้ตอบ ไม่ว่าร้ายตอบ ) ไม่หนี มุ่งทำความดีเรื่อยไป
ตรงตามพุทธวิธี ดังครั้งที่ เหล่าเดียรถีร์ ที่เสื่อมลาภ สักการะ
วานให้ นางจิญจมาณวิกา แสร้งทำว่า ตั้งครรภ์กับพระพุทธองค์

พูดง่ายๆว่า เจตนาสร้างภาพร้ายๆให้มหาชนเข้าใจพระพุทธองค์ผิด
ซึ่งพระบรมศาสดา ก็ทรงนิ่ง ไม่สนใจ ไม่ชี้แจง
สุดท้าย เรื่องร้ายกลายเป็นดี ทั้งดีเพราะ

พระบรมศาสดา ไม่ได้ทำผิด และ บุญบารมีท่านมาก
และผู้ที่คิดร้ายต่อ ผู้ทรงศีล ทรงธรรม เช่นพระพุทธเจ้า กรรมชั่วจึงตามสนอง รวดเร็วมากเป็นพิเศษ

หรือครั้งที่หลวงพ่อวัดปากน้ำฯ โดนข้อครหา เกี่ยวกับวิชชาธรรมกาย ประมาณว่า
ใครอยากเป็นอสูรกาย ก็ไปเรียน วิชชาธรรมกาย
ซึ่งหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ ก็เฉย ๆ ไม่ได้ออกมาโต้ตอบ ชี้แจงอะไร
แล้วก็เคี่ยวเข็ญการปฏิบัติธรรม ของท่านและเหล่าศิษย์ต่อไป
สุดท้ายคำครหานี้ก็เงียบไป

แต่ในยุคนี้ การไม่ชี้แจง ไม่ออกมาแก้ข้อกล่าวหา ตั้งแต่ต้น
กลับยิ่งทำให้ ภาพของวัดพระธรรมกาย แย่ลง
เพราะคนทั่วไปเข้าใจผิดไปว่า
การไม่ชี้แจง ไม่ออกมาแก้ข้อกล่าวหา เท่ากับว่า วัดพระธรรมกาย ยอมรับผิด
ซึ่งมันคนละเรื่องกันเลย

โดยส่วนตัว ผมเห็นว่า การแก้ไขตามพุทธวิธี และครูบาอาจารย์ นั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้วครับ
แต่ผลที่ได้ ต้องใช้เวลานาน กว่าที่พุทธศาสนิกชนและวิญญูชนจะเข้าใจ
ทั้งนี้เพราะ
1.บุญบารมีไม่เท่าพระพุทธองค์
2.บุญบารมีไม่เท่าหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ
3.อาจ บ่งชี้ได้บ้างว่า การทำงานใหญ่ ย่อมมีอุปสรรคมาก มีคู่แข่ง มีคู่แค้นมาก
4.ยุคสมัยนี้ ระบบการเผยแผ่ข่าวสาร ไปรวดเร็วมาก
การออกมาแก้ข้อกล่าวหา ตามข้อแท้จริง ตามสมควร
แต่ช้าไปไม่ทันการณ์
เพราะประชาชนจำนวนมาก มีภาพลบในใจซะแล้ว
การชี้แจงข้อแท้จริงภายหลังกับสาธารณชน จึงทำให้ดูเหมือนการแก้ตัว ของวัดพระธรรมกาย
โดยเฉพาะ การที่พุทธศาสนิกชนที่ไปวัดพระธรรมกาย ไปชี้แจง ตอบข้อสงสัย
ตามกระดานสนทนาต่างๆ ก็ถูกมองว่า มาแก้ตัวใหวัดพระธรรมกาย ไปด้วย

#3 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 04:11 PM

Post 14

2. สิ่งที่เห็นดีด้วยและไม่เห็นดีด้วย กับผู้ที่นิยมติติง ติเตียน ต่อต้าน กล่าวหาว่าร้าย วัดพระธรรมกาย

2.1 สิ่งที่เห็นดีด้วย-เป็นการช่วยตรวจสอบ ความประพฤติและการปฏิบัติ ของภิกษุ สามเณร และพุทธศาสนิกชน
ที่สร้างกุศลในวัดพระธรรมกาย ให้ถูกต้องตรงตามพระธรรมวินัย และประเพณีไทยอันดีงาม
ในฐานะพุทธศาสนิกชนที่มีเจตนาสะอาด ปราศจากความมุ่งร้าย หมายทำลายล้าง
-สำหรับคำติติง ตักเตือน ติเพื่อก่อ คำแนะนำ ชี้ข้อบกพร่องที่ควรปรับปรุงในเชิงสร้างสรรค์
ล้วนเป็นคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา ต่อสังฆมณฑลและสังคมไทยโดยแท้
ทั้งนี้เพราะ
1. วัดพระธรรมกาย มีภิกษุ สามเณร มากกว่า 2,000 รูป
2. มีการจัดถวายสังฆทาน 266 วัดชายแดนภาคใต้เป็นประจำทุกเดือน
3. มีการจัดถวายไทยธรรมแด่วัดทั่วประเทศ ผ่านพระสังฆาธิการ ปีละกว่า 10,000 วัด
4. สนับสนุนและให้ความร่วมมือ ในงานของสังฆมณฑล ในวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
5. มีพุทธศาสนิกชนไปร่วมสร้างกุศลครั้งละหลายหมื่น หลายแสนคน ทั้งในและต่างประเทศทั่วโลก
6.
7. มีการเผยแผ่พุทธศาสนากว้างขวางไปทั่วภูมิภาคของโลก โดยอาศัยระบบสื่อสารมวลชน ที่ทันยุคสมัย
ทั้งระบบ Network , Satellite , Dhamma on mobile , etc.
โดยมีทั้งชาวพุทธไทย ลาว พม่า จีน ญี่ปุ่น ศรีลังกา อินเดีย ชาวแอฟริกัน ชาวอเมริกัน ชาวตะวันตกมากมาย
ได้ศึกษาพระพุทธศาสนา และวัฒนธรรมชาวพุทธ ประเพณีไทยอันดีงาม

8.มีการเชื่อมต่อรากฐากระบบการศึกษาของประเทศอย่างกว้างขวาง
โดยผ่านโครงการอบรมศีลธรรมให้เยาวชนและ ครูอาจารย์ นักการศึกษา มายาวนานร่วม 30 ปี
8.1 โครงการอบรมธรรมทายาท ชาย/หญิง ปีละมากกว่า 6,000 คน
8.2 โครงการสอบปัญหาธรรมทางก้าวหน้า ปีละมากกว่า 5,000,000 คน
8.3 โครงการสัมมนา อบรมศีลธรรม และส่งเสริมการปฏิบัติธรรม ให้คณะครู อาจารย์ นักการศึกษา ทั้งปี
8.4 โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาและอุปกรณ์การเรียน

9.โครงการบรรเทาประชาชนที่เดือดร้อนจากภัยพิบัติ ตามเหตุการณ์ ทั้ง ภัยน้ำท่วม ภัยสึนามิ ฯล
10.โครงการตรวจสุขภาพ รักษาสุขภาพและบริจาค คิลานเภสัช
ให้แก่ ภิกษุสามเณร และประชาชน ในจังหวัดต่างๆ ผ่านชมรมรัตนเวช
11. ฯลฯ

ฉะนั้น คำติติง ตักเตือน วิพากษ์ วิจารณ์ ชี้แนะวัดพระธรรมกายในเชิงสร้างสรรค์
จึงเป็นคุณประโยชน์แก่สาธรณชนในวงกว้าง
ผู้ให้คำแนะนำ จึงเป็นเสมือนผู้ชี้ขุมทรัพย์ ที่ช่วยอุดรูรั่ว และเพิ่มประสิทธิภาพ
ในการบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
………………..
Post 15

2.2 สิ่งที่ไม่เห็นดีด้วย
1.กระทู้และความเห็น ด้วยเจตนาและภาษาในเชิงจับผิด , discredit , negative thinking ,
ที่มีแนวโน้มสร้างความแตกต่างทางความคิด ให้เป็นความแตกแยก แตกหักของคนไทยด้วยกัน
2.การใช้ถ้อยคำที่ยั่วยุ กระแหนะกระแหน แก่บุคคลอื่น มากกว่าคำชี้แนะแนวทางแก้ไข ปรับปรุงเชิงสร้างสรรค์

เพราะการแสดงออกลักษณะนี้ มีโทษมากกว่ามีคุณนะครับ

0 ) ใจท่านก็ไม่สะอาด บริสุทธิ์มากขึ้น กิเลสก็ไม่น้อยลง
ซ้ำอาจทำให้ใจหมอง พอกพูนมานะความถือตน ให้มากขึ้นด้วย

1 ) ถ้าท่านก็ยังไม่เห็นแจ้งใน มรรค ผล นิพพาน
ก็ไม่ควรยึดมั่นในทัศนะของตนที่ว่า
ข้อมูลและข่าวสารต่างๆ ที่ท่านรับและเสพไว้ ถูกต้อง 100 %
หรือ วิธีการปฏิบัติธรรมที่ท่านถนัด นั้น ถูกต้องที่สุดเลอเลิศที่สุด
ทั้งนี้เพราะ
1.1 มนุษย์มีธาตุธรรมหยาบและประณีต อ่อนและแก่ อีกทั้งความนิยม อัธยาศัยก็ต่างกัน
1.2 วิธีการปฏิบัติธรรมที่ต่างจากท่าน ก็ใจหยุด นิ่ง ได้บรรลุฌาน
และคุณวิเศษ มีอภิญญา ๕ ได้เช่นกัน

2 ) ถ้าท่านยังไม่มีเจโตวิมุติ รู้แจ้งในคุณธรรม คุณวิเศษของผู้อื่น
ก็ไม่ควรกล่าวเชิง ดูหมิ่น หรือ เจตนายกตนข่มใคร
ท่านอาจพลาดล่วงเกินผู้ทรงศีล ทรงธรรม ซึ่งเป็นวจีทุจริต ไม่น่าสรรเสริญเลยครับ

3 ) การทะเลาะวิวิาทกันของคณะพระวินัยธร กับคณะพระธรรมกถึก ในสมัยพุทธกาล
เป็นอุธาหรณ์ที่ดีมาก ๆว่า
การกล่าวถึงกันในทำนอง ยกตนข่มท่าน การกล่าวถึงผู้อื่นในทางเสียหาย
การไม่ จับดี เพื่อนนักสร้างบารมี/เพื่อนมนุษย์ การชอบจับผิด นักสร้างบารมี/เพื่อนมนุษย ด้วยกัน
มีแต่สร้างความแตกแยก แบ่งพรรค แบ่งพวก
ทั้งศิษย์ที่เป็นมนุษย์ จนถึงเทวดาที่เคยเป็นศิษย์ของอาจารย์แต่ละฝ่ายในสมัยที่ตนเป็นมนุษย์
สะเทือนถึงพระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้า ให้หลีกเร้น ปลีกวิเวก

เมื่อเกิดวิวาททะกันแล้ว ส่วนมากใจหมองทั้งสองฝ่าย บั่นทอนการพัฒนาจิตใจ ของกัน

การทะเลาะวิวาท ไม่มีอะไร ให้ภาคภูมิใจเลย เราก็ไม่เป็นคนดีขึ้น
เขาก็ไม่ได้เลวลง เพียงเพราะคำวิจารณ์ของเรา


การทะเลาะวิวาท นอกจากไม่ได้มิตรแล้ว อาจเสียมิตร หรือ สร้างอริ ศัตรู ในสังสารวัฎฏ์ อีกด้วย

คนจะรักกัน หรือ เกลียดกัน เข้ากระดูก ไม่เพียงแต่การกระทำเท่านั้น
คำพูด นี่แหละ สำคัญนักเชียว

โดยสรุป ผมเห็นว่า
คำติติง ตักเตือน วิพากษ์ วิจารณ์ ชี้แนะวัดพระธรรมกาย ในกระดานสานทนานี้
เป็นประโยชน์ต่อวัดพระธรรมกาย และพุทธศาสนิกชนที่ไปศึกษาธรรมะที่วัดพระธรรมกาย มากนะครับ

เพียงแต่ลดอคติ ในการแสดงความเห็นที่ตนเองก็ยังไม่รู้จริง
และงดการใช้ถ้อยคำที่ยั่วยุ กระแหนะกระแหน แก่บุคคลอื่น แบบเตือนเหมือนด่าประจาน เยาะเย้ยให้สะใจ
แบบนี้ใครบ้างอยากสนทนาด้วย
แล้วหันมาให้คำชี้แนะแนวทางแก้ไข ปรับปรุงเชิงสร้างสรรค์ แบบนักปราชญ์ บัณฑิต ดีกว่าครับ

………………..
Post 16
3. ความเข้าใจผิดพลาด คลาดเคลื่อน บิดเบือนจากความเป็นจริง 3.1 วัดพระธรรมกายเป็นพุทธเถรวาทหรือมหายาน
ตอบ เป็นพุทธเถรวาท ครับ
3.2การปฏิบัติธรรมแบบวิชชาธรรมกาย เป็นภัยอันตรายต่อชาวพุทธหรือไม่
ตอบ ไม่เลย การทำสมาธิ ทั้งแบบ สมถะกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน มีแต่ประโยชน์มากมาย
ลองไปค้นคลังกระทู้และความเห็นเก่าๆมาศึกษาสิครับ
3.3 กรณีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ( พ้นจากเพศสมณะ และอื่นๆ )
3.4 กรณีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย ( ลัทธิบ้าบุญ / พุทธพาณิชย์ ฯล )
3.5 กรณีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับสาธุชนที่ไปบำเพ็ญทาน รักษาศีล ฝึกเจริญสมาธิภาวนา ว่าถูกล้างสมอง

ใน 3 ข้อหลัง มีการชี้แจง ตอบข้อสงสัยกันมากกว่า 20 ปีแล้ว
ส่วนว่าใครจะเชื่อหรือไม่ เข้าใจถูกต้องมากน้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่ วิจารณญาณของแต่ละท่าน

เพราะการถาม ตอบ ผ่านกระดานสนทนา
มีโอกาสตัดข้อความบางประโยค มาวิเคราะห์ วิจารณ์ โต้กันไปมา แบบโต้วาที
ของฝ่ายที่เห็นด้วยและฝ่ายไม่เห็นด้วย เหมือนเอาชนะด้วยหลักการหักล้าง เหตุผลแบบนักคิด นักโต้วาที
มันไม่มีวันยุติ หรอกครับ
………………..


#4 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 04:17 PM

*** ขออภัยทานครับ ขณะโพสต์ คอมพ์ผมแฮ้งค์

#5 ปราบไตรภพ

ปราบไตรภพ
  • Members
  • 37 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 04:19 PM

เราว่ายาวเกินไป ควรจะตอบโต้เป็นกระทู้ๆไป ด้วยความสุภาพ
เพราะเท่าที่สังเกตุดูใน เวปนั้น มีอยู่ 3 กลุ่ม คือ
1. อ่านละเอียดแล้วหาจุดตีกลับ
2. อ่านคร่าวๆแล้วเอาจุดที่ไม่ชอบมาโจมตี
3. อ่านแล้วเฉยๆ
กลุ่มที่ 1 พวกนี้เถียงแบบในตำราแป๊ะๆ โดยไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งสิ้น
มักจะอ้างแต่พระไตรปิฏก แม้แต่กลุ่มของเขาเองบางครั้งยังเถียงกันเองเลย
และเท่าที่ทราบ มีหลายท่านเป็นพระ
เราเห็นด้วยในความคิดท่านนะ แต่ให้มันสั้นกว่านี้ จะดีกว่า ฝากพิจารณาด้วย

#6 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 04:25 PM

กราบขอบพระคุณ ท่านปราบไตรภพอย่างสูง ที่กรุณาให้คำแนะนำ นะครับ

ผมก็เลือก ทะยอยโพสต์ เป็นตอนๆ แล้วนะครับ
แต่เนื่องจากระบบ จัดให้ต่อเนื่องกัน จึงดูยาวมากอย่างที่เห็น


และอย่างที่บอกแต่เดิม ผมทำไว้เพื่อ โพสต์ที่ สิบร้อยทิป ไม่ได้คิดจะนำมาโพสต์ที่นี่
แต่เนื่องจากขั้นตอนการสมัครสมาชิกของผม ยังไม่เรียบร้อย

และเผอิญเกิดเรื่องน่าสลดใจ เมื่อวานนี้
ผมจึงนำมาฝากไว้ที่นี่ก่อน
เผื่อว่า เพื่อนสมาชิกท่านใด เห็นเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ก็นำไป โพสต์ที่ สิบร้อยทิป อีกต่อ

ต้องขออภัยทานมา ณ. ที่นี้ ด้วยครับ

#7 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 04:28 PM

ดีครับ ช่วยๆ กันปรับจูนความเข้าใจ ซึ่งก็จะเจอคนแค่ 3 แบบนี้เท่านั้น ไม่เกิน 3 แบบนี้ คือ เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย เฉยๆ แต่ก็ให้เราทำต่อไป คนที่ไม่เห็นด้วยวันนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่า วันพรุ่งนี้เขาจะไม่เห็นด้วย
ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#8 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 04:33 PM

Post 17
สำหรับการบริจาคเงินจำนวนมาก แล้วมีข้อครหาว่า
ทำบุญเกินตัว แล้วจะเอาที่ไหนกิน หรือ ทำบุญแบบโอเว่อร์ อยากดัง

*** เมื่อพูดถึง จำนวนเงิน

ด้านประโยชน์ส่วนตัว
คนที่บริจาค 1 บาทก็สามารถอาจได้บุญเสมอกัน
หรือได้บุญมากกว่าคนบริจาค 1 ล้านบาทก็ได้
ขึ้นอยู่กับใครทำถูกต้องตามหลักวิชาของพระพุทธเจ้าแค่ไหน
( เจตนาบริสุทธิ์ + วัตถุทานบริสุทธิ์/ประณีต + ผู้ให้และผู้รับทาน ใจบริสุทธิ์ในระดับไหน )


ด้านประโยชน์ส่วนรวม
การบริจาค 1 บาท นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวมน้อยกว่าการบริจาค 1 ล้านบาท
เพราะทรัพย์จำนวนมาก ถ้ามีไว้ใช้เป็นประโยชน์ในบุญเขต ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
ศาสนกิจ ก็สำเร็จได้ไว จัดเป็นประโยชน์ส่วนรวมโดยแท้


ประเด็นนี้ผมว่ามีเรื่องที่ควรศึกษาอีก คือ
มนุษย์แต่ละคน มีระดับของเป้าหมายชีวิต ไม่เท่ากัน


ยกตัวอย่างในทางโลก เช่นว่า

นักเรียนที่ มีเป้าหมายว่า ต้องเรียนให้ได้ ระดับ เกียรตินิยม
ฉะนั้น เขา/เธอ จึงมุ่งมั่น ทุ่มเท ขยันหมั่นเพียร มากกว่าเพื่อนๆ ทั้งขยันเรียนในห้อง เรียนพิเศษ
และค้นคว้าเพิ่มเติมนอกเวลาด้วย

ถ้ามัวเรียนไป เล่นไป เที่ยวไป ขาดเรียนไป ขาดสอบไป คงยากที่จะได้เกียรตินิยม

ในทางธรรมก็เช่นกันครับ
ผู้มีเป้าหมายพุทธภูมิ ( พระสัพพัญญูพุทธ ) ก็จำเป็นต้อง ทุ่มเท เสียสละ ทั้งทรัพย์ อวัยวะ และชีวิต
ใช้เวลาการสร้างบุญบารมีมากชาติ มากอสงไขยกัป
มากยิ่งกว่า
ผู้มีเป้าหมายในระดับสาวกภูมิ
มากยิ่งกว่า
ในระดับเอตัคทัคคะภูมิ
และมากยิ่งกว่า
ในระดับปัจเจกพุทธภูมิ


ด้วยเหตุที่ระดับของเป้าหมายชีวิต ในการสร้างบารมีไม่เท่ากันนี่เอง
เพราะฉะนั้นความทุ่มเท และการอุทิศตนในการบำเพ็ญทานบารมี จึงต่างกัน


นี้เป็นธรรมดาครับ

สำหรับผู้ที่สร้างบารมี ปรารถนาพุทธภูมิ
จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องบำเพ็ญบารมี 10 ทัสให้ยิ่งยวดกว่าสาวกภูมิทั่วไป
กำลังใจและเป้าหมายชีวิตระดับนั้น
จึงสามารถสละ ปริจาคะ ได้ทั้งทรัพย์แบบหมดตัวไม่เหลือเศษ
ทั้งอวัยวะ และชีวิต พระองค์ทรงสละมามากมาย
และเช่นกัน การบำเพ็ญทานบารมีแบบนี้ ต้องมีคนที่ไม่เห็นด้วยมากมาย

ในพระชาติที่เกิดเป็นพระเวสสันดร
บารมีมากขนาดใกล้บรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้วนะครับ
การบริจาคช้างมงคล ยังไม่วายมีข้อครหา ตำหนิ ติเตียนจากชาวเมืองมากมาย
ส่วน
การบริจาคบุตร คือ กัณหาและชาลี แม้ผ่านมาแล้วหลายโกฎิปี
ยังไม่วายมีข้อครหา ตำหนิ ติเตียนจากมนุษย์ในยุคนี้เลยครับ

หรือแม้แต่เทวดา เช่น เทวดาที่เฝ้าซุ้มคฤหาสน์ของท่านอนาถบิณฑิกะมหาเศรษฐี
ยังไม่เข้าใจการบำเพ็ญทานในระดับของพระโสดาบันเลย

ก็เป็นธรรมดาที่มนุษย์ที่มีระดับของสัมมาทิฎฐิ ศรัทธา ศีล จาคะ ปัญญา ไม่เท่ากัน
จะไม่เข้าใจ คัดค้านการบำเพ็ญบารมีแบบพระโพธิสัตว์

ทั้งนี้เพราะ
ระดับความคิดและเป้าหมายชีวิต ของมนุษย์
ระดับของสัมมาทิฎฐิ ศรัทธา จาคะ ศีล สมาธิ ปัญญา ไม่เท่ากัน
ระดับของการหลุดพ้นจากกรอบ กิเลส ตัณหา อวิชชา
ของแต่ละคน ของเทวดาแต่ละตน
แม้แต่พรหมแต่ละตน ยังไม่เท่ากันเลยครับ

พระเดชพระคุณ หลวงพ่อทัตตชีโว เคยให้ข้อคิดเกี่ยวกับการสร้างบารมีของพระบรมโพธิสัตว์
ในกรณี การบริจาคบุตรเป็นทาน
( รวมถึงกรณีอื่นๆที่พระองค์ทรงทุ่มเทสร้างทานกุศล ยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วไป ) ว่า


อยากจะให้ข้อคิดว่า เวลามองอะไรนี่
ขอให้มองให้ถึงฐานะของคนคนนั้นด้วย
อย่าเอาฐานะเราเข้าไปเปรียบ...

คนที่จะมีจิตใจงาม จิตใจสะอาด มีปัญญาพอที่จะไปถึงจุดๆ นี้ได้
เพื่อจะไปเอาความรู้ที่ถูกต้อง ความรู้ที่บริสุทธิ์ มาให้ชาวโลกได้
เห็นมีแต่เรานี่เท่านั้น ฝึกมากๆ....

ถ้าเรายังห่วงลูกห่วงเมียอยู่อย่างนี้ ก็คงอีกหลายชาติกว่าจะไปถึงจุดที่ชาวโลก
จะให้เราไปช่วยได้ เสียเวลาอีกมากเลย
แต่ถ้ายอมตัดใจสละลูก สละเมียเสียชาตินี้ เราจะก้าวถึงพระนิพพาน

.....เพราะฉะนั้น เวลาพิจารณาอะไรละก็
อย่าเอาภาวะที่ตัวเองเป็นอยู่ไปตัดสิน
เพราะคนเรามีฐานะไม่เหมือนกัน ( มีเป้าหมายในชีวิตสูงไม่เท่ากัน )


………………..
Post 18


ฉะนั้น คุณต้องถามตนเองก่อนว่า

คุณมีเป้าหมายชีวิตในระดับใด


ผมไม่ได้เจตนาแบ่งชนชั้นนะครับ
แต่เพื่อชี้ให้เห็นว่า
คนที่มีระดับของเป้าหมายชีวิตที่ต่างกัน
กำลังใจของนักสร้างบารมีที่ต่างกัน
ทำให้การบำเพ็ญทานบารมี ศีลบารมี เนกขัมม์บารมี ไปจนถึง อุเบกขาบารมี
ของแต่ละคน เข้มข้น ทุ่มเท ต่างกัน

เพราะฉะนั้น เพียงแค่การบำเพ็ญทานจำนวนมาก บ่อยๆ กว่าคนทั่วไป ของพระโพธิสัตว์
ไม่ใช่เรื่องผิดหรอกครับ


………………..
Post 19

4. กฎแห่งการกระทำ ผลแห่งกรรม ที่ต้องเป็นไป
4.1 กรณีที่วัดพระธรรมกาย ทำผิดศีลธรรม เป็นสัทธรรม#####จริงตามการกล่าวหา
- ผลต่อสังฆมณฑล และชาวพุทธทั่วโลก
- ผลต่อผู้ที่พยายามติติง ติเตียน ต่อต้าน กล่าวหาว่าร้าย มุ่งล้มล้างวัดพระธรรมกาย
- ผลต่อสังคมไทย
- ผลต่อพุทธศาสนิกชนที่ไปบำเพ็ญทาน รักษาศีล ฝึกเจริญสมาธิภาวนา เป็นประจำที่วัดพระธรรมกาย

4.2 กรณีที่วัดพระธรรมกาย ทำความดีถูกต้องตามพระธรรมวินัย
- ผลต่อสังฆมณฑล และชาวพุทธทั่วโลก
- ผลต่อสังคมไทย

คำถามที่น่าสนใจ
? สังฆมณฑลและสังคมไทย และคุณ จะได้อะไร จากการล้มล้างหรือไล่วัดพระธรรมกาย ออกจากพุทธเถรวาท



ในข้อ 4 นี้ ผมขอตอบสั้นๆล่ะกันนะครับว่า

กมฺมุนา วตฺตตี โลโก
สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม


ตามกฎแห่งกรรม ที่พุทธศาสนิกชนได้ศึกษากันมา หลักๆ คือ
- ทำดี ได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
หากแม้นว่าหมู่คณะวัดพระธรรมกาย ตั้งแต่เจ้าอาวาส พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ( ธมฺมชโย ภิกขุ )
ภิกษุ สามเณร พุทธศาสนิกชนที่เป็นศิษย์
มีความปรารถนาลามก เจตนาบิดเบือนพระธรรมวินัย
ปรามาส หลบหลู่ดูหมิ่นพระพุทธเจ้า เอาคำสอน และรูปภาพของพระพุทธเจ้า มาหากิน
จริงตามข้อกล่าวหาของหลายท่าน ในกระดานสนทนาธรรม นี้ไซร้

ท่านใดที่ชิงชัง ต่อต้าน ด่าทอ อยากขับไล่ หมู่คณะวัดพระธรรมกาย
จงสบายใจเถิดครับ

แม้ไม่มีใครสาปแช่ง หมู่คณะวัดพระธรรมกาย ก็ต้องมีอบายภูมิเป็นที่ไป ครับ

หรือแม้มีผู้สรรเสริญ vote สนับสนุน และส่งเสริมผู้ที่มีความปรารถนาลามก เจตนาบิดเบือนพระธรรมวินัย
ปรามาส หลบหลู่ดูหมิ่นพระพุทธเจ้า เอาคำสอน และรูปภาพของพระพุทธเจ้า มาหากิน
ก็ไม่ช่วยให้ผู้ทำกรรมชั่วช้า พ้นวิบากกรรมชั่วไปได้ หรอกครับ

ในทางตรงกันข้าม ถ้าหมู่คณะวัดพระธรรมกาย
ตั้งแต่เจ้าอาวาส ภิกษุ สามเณร พุทธศาสนิกชนที่เป็นศิษย์
มีกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ในการศึกษาพระธรรมวินัย ด้วยความเคารพ
มีกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ในการบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ ภาวนา
มีกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ในการบำเพ็ญกุศลกรรมบถ 10 อยู่เนืองนิตย์
มีกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทั่งสังฆมณฑล
มีกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ในการเป็นกัลยาณมิตร ตั้งใจเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลก

ด้วยผลแห่งกรรมอันเป็นกุศลธรรมนี้ ย่อมส่งผลให้หมู่คณะวัดพระธรรมกาย
ตั้งแต่เจ้าอาวาส ภิกษุ สามเณร พุทธศาสนิกชนที่เป็นศิษย์
ประสบความเจริญรุ่งเรืองในธรรม ถูกต้องร่องรอยความเป็นจริง
ตามที่พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ดีแล้ว
ประสบความสุข ความสำเร็จ ในชีวิต ตามสมควรแก่กุศลผลบุญที่แต่ละท่านทำไว้ดีแล้ว ทั้งในโลกนี้และในสัมปรายภพ

แม้มีใครสาปแช่ง ผู้ที่ขยันหมั่นเพียรในการศึกษาพระธรรมวินัย ด้วยความเคารพ ว่า ..จงไปอบายภูมิ
แม้มีใครสาปแช่ง ผู้ที่ขยันหมั่นเพียรบำเพ็ญทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ ภาวนา ว่า ..จงไปอบายภูมิ
แม้มีใครสาปแช่ง ผู้ที่ขยันหมั่นเพียรบำเพ็ญกุศลกรรมบถ 10 อยู่เนืองนิตย์ ว่า จงไปอบายภูมิ
แม้มีใครสาปแช่ง ผู้ที่ขยันหมั่นเพียรในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ทั่งสังฆมณฑล ว่า ..จงไปอบายภูมิ
แม้มีใครสาปแช่ง ผู้ที่ ตั้งใจเผยแผ่พระพุทธศาสนาไปทั่วโลก ว่า ..จงไปอบายภูมิ
ใครที่ชอบต่อต้าน สาปแช่ง ผู้มีศีลธรรม ก็ต้องผิดหวัง ล่ะครับ

- เมื่อจิต เศร้าหมองไม่ผ่องใส ทุคติเป็นที่ไป / เมื่อจิตผ่องใส ไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นที่ไป
ในที่นี้หมายถึง จิตช่วงใกล้มรณะ จัดเป็นช่วง ศึกชิงภพในปรโลก อย่างแท้จริง คือ
ใครที่ตลอดชีวิต ทำดี มากกว่าทำชั่ว
แต่ถ้าจิตก่อนตาย เศร้าหมอง นึกถึงบาปกรรมที่เคยผิดพลาดทำไว้ ย่อมไปอบายในปรโลก
แต่ไปอบายไม่นานหรอก เดี๋ยวบุญกุศลที่เคยทำไว้ก็มา ดึงไปสุคติภูมิ
เช่นเรื่องต้องพระนางมัลลิกา เป็นต้น
เช่นกัน
ใครที่ตลอดชีวิต ทำชั่วมากกว่าทำดี
แต่ถ้าจิตก่อนตาย ผ่องใส นึกถึงกุศลกรรมที่เคยทำไว้ช่วงบั้นปลายชีวิต ย่อมไปสุคติในปรโลก
แต่ไปสุคติภูมิไม่นานหรอก เพราะทำบุญในช่วงบั้นปลายชีวิต
เสวยสุขบนสวรรค์ไม่นาน เดี๋ยวปาปกรรมที่เคยทำไว้ ก็ฉุดไปรับทุกข์ในอบายภูมิจนได้แหละ

กฎแห่งการกระทำ ผลแห่งกรรม ที่ต้องเป็นไปนี้ เป็นกฎของสังสารวัฎฎ์
บังคับใช้กับสรรพสัตว์ทุกตัวตน รวมถึง หมู่คณะวัดพระธรรมกาย ด้วย

………………..

#9 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 04:42 PM

Post 20
5. มุมมอง ของพุทธศาสนิกชนที่ไปศึกษาพระพุทธศาสนา ที่วัดพระธรรมกาย มาร่วม 20 ปี

วัดพระธรรมกาย ในทัศนะของข้าพเจ้า
ศูนย์พุทธจักร ปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย สร้างมากว่า 37 ปีแล้ว
แต่ข้าพเจ้ามาศึกษาพระพุทธศาสนาที่วัดพระธรรมกายเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2531 มานี่เอง
ดังนั้นเหตุการณ์ช่วงบุกเบิกสร้างวัด และการสอนศีลธรรมในยุคทุ่งนา 196 ไร่
ข้าพเจ้ารู้จักจากเอกสารและภาพถ่ายประวัติศาสตร์ และวีดีทัศน์ และฟังคนรุ่นเก่าพูดกันมาเท่านั้น
ความยากลำบาก ปัญหาอุปสรรคในสมัยนั้นข้าพเจ้าไม่ได้สัมผัสจริง

แต่ยุคบุกเบิกธุดงคสถาน บนเนื้อที่กว่า 2,000 ไร่ ให้เป็นพุทธสถาน ดังที่เห็นในปัจจุบัน
ข้าพเจ้าได้สัมผัสจริง จึงเห็นการเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆในทิศทางที่ดี
ด้วยประสบการณ์จริง และความจริงที่ข้าพเจ้าพบ คือ
- หมู่คณะที่สร้างวัดพระธรรมกาย และพัฒนาวัดพระธรรมกาย ล้วนต้องเสียสละ ลำบาก เหน็ดเหนื่อย
ทุ่มเทชีวิตจิตใจทำงานเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ คือ

“ สร้างวัดให้เป็นวัด สร้างพระให้เป็นพระ สร้างคนให้เป็นคนดี ”

เอาแค่หาข้าวหาน้ำ ให้คน มากกว่า 2,000 ชีวิต กินแค่วันละ 2 มื้อ ทุกวันไม่มีวันหยุด
วิธีหาทรัพย์ก็ใช้ วิธีเดียว คือ ทำตัวเป็นที่เลื่อมใสศรัทธา
ซึ่งการจะให้ใครมาศรัทธาตนเองได้ไม่ใช่เรื่อง-ง่ายเลย
สำรวจง่ายๆว่า เรากิน นอน อยู่กับตัวเองมาตลอด 24 น.หลายสิบปี
เราเลื่อมใสตนเอง แค่ไหน อยากเจอ อยากสนทนาด้วยดี
มีอะไรดีก็อยากให้เหนื่อยแค่ไหนก็ยอม เราเป็นอย่างนี้หรือเปล่า

- กิจวัตร กิจกรรม โครงการต่างๆที่วัดพระธรรมกายจัดขึ้น ล้วนเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมจริงๆ
ไม่ได้เสแสร้ง ทำดี เพราะอยากดัง หวังลาภสักการะด้วยปรารถนาลามก
ลองตรองดูเถิดว่า

1.7 ถ้าต้องตื่นก่อนอรุณรุ่ง นอนดึกทุกวันไม่มีเว้นวันหยุดราชการ มากกว่า 37 ปี
ถ้าทำเพียงเพื่ออยากดังมีคนสรรเสริญ เป็นคุณจะทำไหม

1.8 กินอาหารแค่ 2 มื้อ เช้า กลางวัน ทุกวันไม่มีเว้นวันหยุดราชการ มากกว่า 37 ปี
ถ้าทำเพียงเพื่ออยากดังมีคนสรรเสริญ เป็นคุณจะทำไหม

1.9 มีเครื่องนุ่งห่มเพียงสามผืน(ไตรจีวร)เปลี่ยนผ้าได้ปีละหนหลังกรานกฐิน
ถ้าทำเพียงเพื่ออยากดัง มีคนสรรเสริญ เป็นคุณจะทำไหม
( ไตรจีวรครอง + ผ้าอาศัย คือ จีวรและสบง สำหรับผลัดเปลี่ยนทำความสะอาด + 2 อังสะ แค่นั้น )

* ต้องรักษาศีล ๒๒๗ เป็นอย่างน้อย มีมารยาทสงบ สง่า ต้องทำตัวเป็นคนดีทุกวันไม่มีวันหยุด
ถ้าทำเพียงเพื่ออยากดังมีคนสรรเสริญ เป็นคุณจะทำไหม

* ศาสนสถานที่สร้างมาจากแรงศรัทธามหาชน ที่ส่วนมากไม่ใช่เศรษฐี สร้างวัด สร้างเจดีย์แล้ว
ไปเร่ขายก็ไม่ได้ ตายไปก็เอาไปไม่ได้ ต้องตกเป็นสมบัติของสงฆ์ ของแผ่นดิน
ถ้าทำเพียงเพื่ออยากดังมีคนสรรเสริญ เป็นคุณจะทำไหม

ดูอย่างวัดวาอารามในยุค อโยธยาตอนปลาย และ ยุค ต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สิครับ
ผ่านมากว่า 200 ปี ก็ตกเป็นสมบัติของแผ่นดิน
ผู้ร่วมบุกเบิกสร้าง ตายไปแล้วก็เอาไปด้วยมิได้
เหล่าอนุชน รุ่นหลังล้วน ขอบพระคุณ บรรพชนไทย กันถ้วนหน้า

ศาสนสถาน ที่วัดพระธรรมกาย ก็เช่นกันครับ
ทั้งอุโบสถ กุฎิพระ ธรรมสภา เจดีย์ วิหารธรรม

พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ( ธมฺมชโย ภิกขุ ) และหมู่คณะ
อุตสาหะ ตรากตรำ ลำบาก ทุ่มเททั้งชีวิตสร้างพุทธสถานถวายเป็นพุทธบูชา
และเพื่อประโยชน์แก่พุทธบริษัททั่วโลก ที่จรมาจากทิศทั้ง ๔

คนทำความดี ในเมื่อคุณไม่ร่วมสร้าง คุณไม่อนุโมทนา ก็แล้วแต่คุณนะครับ

แต่ ? ทำไมต้องมาโจมตีว่าร้ายกันด้วย ล่ะครับ !!!
เพราะสุดท้ายก็เป็นสมบัติของแผ่นดินไทย ของอนุชน ลูก หลาน เหลนโหลนชาวไทยอยู่ดี

- ข้าพเจ้าทราบดีว่าทำไม คนจำนวนมากยอมสละทรัพย์ของตนเองที่หามาด้วยความยากลำบาก นำมา
บริจาคทาน เรื่องได้บุญ เป็นเรื่องนามธรรมคนทั่วไปเข้าใจตามได้ยาก แต่ดูจากรูปธรรรมได้ คือ
เงินที่บริจาคกลับกลายเป็นสิ่งที่เห็น จับต้อง ลิ้มรส สัมผัสได้ ทั้ง

* สิ่งก่อสร้างศาสนสถานใหญ่โตมโหฬาร ก็เพราะมีพุทธศาสนิกชนเรือนแสน เรือนล้านมาใช้งาน นะครับ
* จำนวนคนมาทำความดีมากขึ้น
* อาหาร น้ำดื่ม จำนวนมากที่ผลิตมาเลี้ยง * ค่ารถบัสรับส่งคนมาวัด
ฯลฯ
ที่สำคัญที่สุดคือ
*** จิตใจของผู้ให้สบาย สงบ วิถีชีวิตก็ราบรื่น ทำบุญแล้วมีความสุข ความสุขทำให้คนทำซ้ำๆๆๆ
- เห็นคุณค่าของความสามัคคีของคนดีจำนวนมาก ว่าสามารถเปลี่ยนกระแสสังคม ให้สงบ มีสุขมากขึ้น
- เห็นประโยชน์ของการเป็นกำลังให้คนทำความดี
- #####ทัศนคติการบริจาคทาน
• จากทำตามกำลังศรัทธา มาเป็นทำเต็มกำลังศรัทธา
• นอกจากตัวเองแล้ว ต้องเชิญชวนผู้เป็นที่รัก คนที่รู้จักและไม่รู้จักมาสร้างทานบารมีด้วยกัน

………………..
Post 21

ข้อเสนอที่ควรปรับปรุง
ถ้าคุณยอมรับความจริงตามคติที่ว่า nobody Perfect ไม่มีมนุษย์(ที่ยังมีกิเลส)คนใดดีพร้อมเลอเลิศ
ก็ต้องยอมรับได้ว่า
การทำงานทุกอย่าง ไม่ว่างานเพื่อส่วนตัวหรืองานเพื่อส่วนรวม
1. ย่อมมีทั้ง คนเห็นด้วยและสนับสนุน / ไม่เห็นด้วยแล้วต่อต้าน / เฉยๆ ยังไงก็ได้
2. ย่อมมีข้อบกพร่องให้ปรับปรุงแก้ไขกันทั้งนั้น

ในทัศนะของข้าพเจ้า สิ่งที่วัดพระธรรมกาย และบุคคลที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย
ควรปรับปรุง พัฒนาให้ดียิ่งขึ้น คือ

0 ) ควร ลดการใช้ คำ ที่ง่ายต่อการก่อให้เกิดความเข้าใจที่ผิดพลาด คลาดเคลื่อน
จากความหมายที่ต้องการจะสื่อ
เพราะผู้รับสาร มักคิดไปทาง ว่า ทำความดีเพื่อปรารถนาโลกียะทรัพย์ มากกว่า โลกุตตระทรัพย์
เช่น รวย /รวยบุญ รวยคุณธรรม รวยความดีงาม ( โลกียสมบัติ และโลกุตตระสมบัติ )
เพราะโดยมาก คำจำพวกนี้ ผู้คนมักตีความไปเรื่อง โลภะ

แต่ เวลาหัวหน้าชั้น นำพูดอะไร
ผมเองพูดดัง มากกว่าเพื่อน ๆซะอีก
เพราะถือว่าเป็นการให้ความร่วมมือกับหมู่คณะ กับส่วนรวม
และเวลาได้เปล่งเสียงเป็นทีม ก็เบิกบานดีครับ


1 ) ภัยภายนอก ไม่ร้ายเท่าภัยภายใน

เพราะภัยภายนอกหล่อหลอมให้มนุษย์ฉลาด เข้มแข็งและสามัคคีกัน

ในทรรศนะของผมนั้น พุทธศาสนิกชนที่ขยันหมั่นไปบำเพ็ญกุศลที่วัดพระธรรมกาย

เป็นมนุษย์พันธุ์ ยิ่งตี ก็ยิ่งโต
ยิ่งทุบ ก็ยิ่งช่วยหล่อหลอมสามัคคีธรรมให้เหนียวแน่น

ยิ่งโดนต่อว่า เรื่องการบำเพ็ญทาน ก็ยิ่งขยันบำเพ็ญทานบารมี

ยิ่งใครว่าร้ายวัดพระธรรมกาย ก็ยิ่งทำให้รักวัดพระธรรมกาย

ทั้งนี้ไม่ใช่ว่า
พุทธศาสนิกชนที่ขยันหมั่นไปบำเพ็ญกุศลที่วัดพระธรรมกาย
บ้าบุญ หลงบุญ อยากได้สวรรค์ วิมาน อย่างงมงาย หรอกนะครับ

แต่เป็นเพราะ สาธุชนทั้งหลายเหล่านั้น เข้าไปเห็น เข้าไปร่วมกิจกรรมงานกุศล
ด้วยใจที่เที่ยงธรรมกับหลวงพ่อธมฺมชโย ต่อเนื่องมายาวนาน
บางคน 1 ปี บางคน 10 ปี 20 ปี 30 ปี 40 ปี

ได้ขยันประพฤติ ปฏิบัติธรรม จนมั่นใจว่า
ธรรม ย่อมคอยปกปัก คุ้มครอง รักษาผู้ประพฤติธรรม

ดังนั้น ความเข้าใจผิดพลาด คลาดเคลื่อนในระบบสื่อสารมวลชน ในประเทศไทย
กลับทำให้พุทธศาสนิกชนที่ขยันหมั่นไปบำเพ็ญกุศลที่วัดพระธรรมกาย
ยิ่งต้องขยันทำความดี ควบคู่กับการเผยแผ่ธรรมะ ประชาสัมพันธ์กิจกรรมงานกุศล
ไปให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น

ขอขอบคุณภัยภายนอก
ที่ช่วยหล่อหลอมหมู่คณะวัดพระธรรมกาย ให้เป็นนักสร้างบารมีที่สมบูรณืยิ่งขึ้น
ที่ช่วยประชาสัมพันธ์กิจกรรมงานกุศลของหมู่คณะวัดพระธรรมกาย ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น

ที่น่ากลัวคือภายภายใน หมายถึง การแตกความสามัคคี การประพฤติตนเลวทราม รวมถึงการคบคนชั่ว
การยินดีสมาคมกับนิสัยชั่วๆที่ตนเองมีอยู่ คือ ความโลภ โกรธ หลง

วิธีแก้ไข คือ
เคร่งครัดในปาติโมกข์ศีล ระวังมารยาท การปฏิสันถารต้อนรับ หมั่นฝึกฝน หล่อหลอม ภิกษุ สามเณร
และทุกคนที่มาวัด ให้เป็นคนดี ที่กล้าทำความดีอย่างเปิดเผย สง่างาม
ไม่ต้องอายใคร ไม่ต้องลักลอบทำความดี ทีคนทำชั่วเขายังไม่อายกันเลย

………………..
Post 22

2 ) โครงการทุกโครงการกุศลที่ทำอยู่แล้ว ทำให้เข้มข้นยิ่งไปอีก เช่น เทเหล้าเผายาสูบ ทางก้าวหน้า
อบรมธรรมทายาททั้งในประเทศและต่างประเทศ ถวายสังฆทาน ปัจจัยไทยธรรมแด่สังฆมณฑล
โครงการมุทิตา สักการะเปรียญธรรม ๙ ประโยค ฯลฯ

3 ) ริเริ่มโครงการทำความดีใหม่ๆ ให้ทันกระแสโลกาภิวัฒน์&กามานุวัตร (หมุนไปตามกระแสกาม)


4 ) การประชาสัมพันธ์ fact ในผลงานและคุณประโยชน์ที่วัดพระธรรมกายทำอยู่จริง ให้ปรากฏเป็นที่
ประจักษ์ชัดเจนแก่ประชาชน สังคมไทยและคนทั่วโลก โดยอาศัย
• เทคโนโลยี internet & mass media
• Mass communication เช่น จัดรายการทางวิทยุ โทรทัศน์ ภาพยนตร์อิงธรรมะ
จัดงานกุศลที่รวมหน่วยงานและบุคคลมีชื่อเสียง มีศักยภาพในการถ่ายทอดความคิดที่เป็นสัมมาทิฏฐิ ให้คนในสังคม ให้คนในประเทศ ให้คนในโลกตื่นตัวทำตามได้ เช่น
หน่วยงาน UN , พสล. , ยพสล. ,กระทรวงศึกษาธิการ กรมการศาสนา มหาเถรสมาคม มจร. ฯล
ส่วนบุคคลก็เช่น .......
………………..
Post 23

5 ) การกล่าวสรรเสริญวิชชาธรรมกาย หรือ ครูบาอาจารย์ ในที่สาธารณะแบบ network
โดยเฉพาะใน สิบร้อยทิป สมควรกล่าวแต่พองาม
เพราะในที่สาธารณะ ใครๆก็มีครูบาอาจารย์ที่เคารพ มีแนวปฏิบัติธรรม ที่คุ้นเคยอยู่
เดี๋ยวเขาไม่พอใจ เกิดอคติ ก็จะได้อมิตรได้นะครับ

และกระดานสานทนาเป็นที่สาธารณะ

เรื่องสามัญผล - ผลจากการปฏิบัติธรรม
เป็นเรื่อง ปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตน ( และหมู่ผู้รู้ด้วยกัน )

แม้สามารถตรวจสอบได้จาก ความรู้ที่ครูอาจารย์ถ่ายทอดไว้ให้
ก็อาจมีประสบการณ์ หรืออื่นๆที่ต่างกันได้

ที่ต่างกันเพราะ ศรัทธา ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุติญาณทัสสนะ
และธาตุ-ธรรม สะอาด บริสุทธิ์ต่างกัน

เพราะระดับใจหยุด นิ่ง ต่างกัน ( แม้เข้าถึงในระดับเดียวกัน )

ถ้าสนทนาธรรมกัน ในที่สาธารณะแบบนี้ ใครที่มีพื้นฐานเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมน้อย
หรือมีแนวการปฏิบัติต่างกันจากเรา เขาจะเกิดความไม่เข้าใจเกี่ยวกับวิชชาธรรมกาย
ไปจนถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ จนเกิดความเข้าใจผิด เกิดอกุศลเข้าสิงจิต นะครับ

พระเดชพระคุณหลวงพ่อทตฺตชีโว เคยปรารภถึง
การทำหน้าที่กัลยาณมิตรแบบขาดความระมัดระวัง นอกจากไม่ได้ดีแล้วยังเสียด้วย เช่น

การใช้ถ้อยคำเทิดทูน ครูบาอาจารย์มากๆ มีเรื่องละเอียด อจินไตย เชิงอภินิหาร มาประกอบ

โดยที่คนทั่วไปไม่เข้าใจตามได้

วิธีแบบนี้ ง่ายที่จะ เสีย มากกว่า ได้
พูดง่าย ๆ
หลวงพ่ออยู่ที่วัดดีๆ ก็มีคนหมั่นไส้ หรือเข้าใจผิดต่อ ครูบาอาจารย์ได้ง่าย

………………..

#10 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 04:49 PM

Post 24
ผมคิดอย่างไรกับ พระราชภาวนาวิสุทธิ์
โดยส่วนตัว ผมคิดว่า ท่านเป็นคน แบบว่า

1 ) ตรงไปตรงมาอย่างอ้อมค้อม
ตรง หมายความว่า เป้าหมาย ความปรารถนาและมโนปณิธานของท่าน เที่ยงตรงและชัดเจน
ความปรารถนา คือ อยากให้มนุษย์ทุกคน ทุก เชื้อชาติ และเผ่าพันธุ์ เข้าถึงสันติสุขอันไพบูลย์ คือ
พระรัตนตรัยภายใน เข้าถึงพระธรรมกายและวิชชาธรรมกาย

มโนปณิธาน คือ รื้อขนสรรพสัตว์ให้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน เข้าสู่ที่สุดแห่งธรรม
และที่ไม่มีในพจนานุกรมหรือคัมภีร์ฉบับใดๆ คือ ท่านขอเข้าพระนิพพานเป็นคนสุดท้าย ....

โดยเฉพาะยิ่งความคิด มโนปณิธานแบบนี้เป็นอะไรที่อัศ+มหัศจรรย์ เกินที่ใครๆๆจะคิดได้นะครับ
ไม่ใช่แค่อัศจรรย์พันลึก แต่ต้องเป็นมหัศ x อัศจรรย์อสงไขยลึกแล้วครับ

เพราะแม้แต่นักสร้างบารมีที่เป็นพระบรมนิยตโพธิสัตว์ ผู้ที่เข้าใจสภาพสังสารวัฎฎ์อย่างถ่องแท้
ก็ยังไม่ปรากฏว่า มีท่านใดมีมโนปณิธาน อะไรแบบนี้
ทั้งนี้เพราะ สังสารวัฎฎ์มีอันตรายยิ่งนัก อบายภูมิมีทุกข์ยาวนานยิ่งนัก
ลำพังแค่เอาตัวให้หลุดพ้นจาก กามภพ ก็ยากแสนยากยิ่งแล้ว
มิต้องกล่าวถึงการหลุดพ้นจาก รูปภพและอรูปภพ

เพราะฉะนั้นบุคคลใดที่อาสา ย่ำธรรมเภรี เพื่อรื้อขนปวงสรรพสัตว์ให้หลุดพ้นวัฏฏะสงสาร
ต้องสร้างบารมีให้ยิ่งยวดกว่าผู้อื่น ต้องเหน็ดเหนื่อย ลำบากกายแสนสาหัส
ดังอุปมา
แม้นว่าพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ อยู่ในอเวจีมหานรก ต้องแหวกว่าย ดำดิ่งฝ่าทะเลน้ำกรดนรก
เพื่อนำอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ มาช่วยปวงสรรพสัตว์ให้พ้นทะเลทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ .... ก็ยอม

บุคคล ที่มีความปรารถนาและมโนปณิธานเช่นนี้หาได้ยาก ...
ปวงมนุษย์และเทวา จึงเคารพ เลื่อมใส แซ่ซ้องสาธุการและสักการะ บุคคลเช่นนี้.

ลองตรองดู ....
มนุษย์ผู้เป็นทหารของพระนิพพาน กี่ยุคกี่สมัย กี่กัป กี่อสงไขยกัป
ได้บรรลุมรรค ผล นิพพานแล้วนับอสงไขยไม่ถ้วน
แต่อีกเท่าไหร่ ที่ยังเวียนเกิดสร้างบารมีเพื่อให้หลุดพ้นวัฏฏะแห่งมาร เข้าสู่มหาอมตนฤพาน
จำนวนนักรบที่ยังตกค้าง ..... ช่าง ... มีมากมายมหาศาลเหลือเกิน

เพราะฉะนั้นบุคคลใดที่อาสา ย่ำธรรมเภรี เพื่อรื้อขนปวงสรรพสัตว์
และขอเข้าพระนิพพานเป็นคนสุดท้าย

จึงเป็นอะไรที่ผมมิอาจหาถ้อยคำใดๆ พรรณนาได้ในที่นี้.

ส่วนที่ว่า ท่านเป็นคนอ้อมค้อม หมายความว่า
ชีวิตท่านสร้างบารมี เพื่อให้มนุษย์ทุกคน ทุก เชื้อชาติ และเผ่าพันธุ์ เข้าถึงสันติสุขอันไพบูลย์
แต่เนื่องจากระดับของสัมมาทิฎฐิ ระดับของความเห็นแจ้ง
ระดับของความสะอาดและละเอียดของญาณทัสสนะของบุคคลทั่วไป มีไม่เท่าของท่าน
จึงพลอยไม่เข้าใจในสิ่งที่ท่านคิด ในสิ่งที่ท่านพูด ในสิ่งที่ท่านทำไปด้วย

ดังนั้นท่างจึงต้อง อ้อมค้อม สร้างโปรเจ๊กท์บุญมากมาย เช่น
สร้างพุทธ-ศาสนสถาน
สถาปนาศูนย์พุทธจักปฏิบัติธรรม วัดพระธรรมกาย , มหาธรรมกายเจดีย์ , มหาสภาธรรมกายสากล ,
มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี , มหาวิหารคุณยายอาจารย์ และมหารัตนวิหารคดในปัจจุบัน ฯลฯ

สร้างธรรมทายาทเพื่อสืบสานอายุพระพุทธศาสนา
โดยผ่านโครงการอบรมศีลธรรมให้แก่ยุวชน เยาวชนจนถึงผู้สูงอายุ เช่น
โครงการอบรมธรรมทายาท บรรพชาและอุปสมบทหมู่ 35 ปี
ยุวธรรมทายาท / มัชฌิมธรรมทายาท / นักเรียนตำรวจ เตรียมทหาร / อุดมศึกษา
โครงการอบรมธรรมทายาทหญิง
โครงการส่งเสริมคุณธรรมและจริยธรรมแก่เยาวชน ระดับตั้งแต่ประถมศึกษา ถึงอุดมศึกษา
โครงการตอบปัญหาธรรมะทางก้าวหน้า 25 ปี
โครงการอบรมข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจและเอกชน
โครงการบรรพชาสามเณรแก้ว 13,842 รูป ในวาระ 70 พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
โครงการบวชอุบาสกแก้ว > 60,000 คน
โครงการบวชอุบาสิกาแก้ว 100,000 คน
โครงการสอนปริยัติธรรม ทั้งภิกษุ สามเณร สาธุชน ศึกษาพระพุทธวจนะ
โครงการมุทิตาสักการะ เปรียญธรรม ๙ ประโยค ต่อเนื่องมาราว 20 ปี
โครงการถวายปัจจัยไทยธรรมเป็นสังฆทาน 30,000 วัด / 10,000 วัด / 3,000 วัด
ฯลฯ

เผยแผ่ธรรมทานเพื่อสืบสานอายุพระพุทธศาสนา
โดยผ่าน
โครงการผลิตวารสารธรรมะ
โครงการผลิตเพลงธรรมะ มากกว่า 600 เพลงภาษาไทย ลาว จีนกลาง อังกฤษ สวีดิช อาหรับ ฯล
ให้ชาวไทยและชาวต่างชาติจึงซาบซึ้งพระธรรมคำสอน มากยิ่งขึ้น

โครงการจัดทำพระธรรมเทศนา จัดทำ vdo / slide multivision / vcd สารคดีธรรมะและการเทศน์สอน
กว่า 1,000 ชุดในรูปแบบ casettape / mp3 / cd เช่น มลคลสูตร ฆราวาสธรรม ชาดก Case study ฯล

รายการธรรมะทางสื่อสารมวลชน ทางวิทยุ และโทรทัศน์ ผ่าน DMC และโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

*** ดูเพิ่มได้ที่
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=1770

.........

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านทำ ตรงไปตรงมาอย่างยิ่งยวด คือ
เพื่อให้มนุษย์ทุกคน ทุก เชื้อชาติ และเผ่าพันธุ์ เข้าถึงสันติสุขอันไพบูลย์
เพื่อให้มนุษย์ทุกคน ทุก เชื้อชาติ และเผ่าพันธุ์ ได้บรรลุ มรรค ผล นิพพาน

แต่ต้องทำแบบอ้อมค้อม ผ่านโครงการบุญต่างๆมากมาย เพื่อให้เข้าถึงมนุษย์ที่มี
ระดับความรู้ ความเข้าใจ ความเชื่อ ความศรัทธา
ระดับทิฎฐิ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุติญาณทัสสนะต่างๆกัน
ดังนี้แล

2 ) ผมคิดว่า ท่านเป็นคน แบบว่า อ้อมค้อม แบบตรงไปตรงมา
หมายความว่า
ฉากหน้าท่านต้องอ้อมค้อม สร้างโครงการบุญต่างๆ เพื่อให้มนุษย์ได้โอกาสสร้างบุญบารมี
และเมื่อสั่งสมบุญกันเข้มข้นมากขึ้น
ระดับความรู้ ความเข้าใจ ความเชื่อ ความศรัทธา
ระดับทิฎฐิ ศีล สมาธิ ปัญญา วิมุติ วิมุติญาณทัสสนะ
ความสะอาดของใจ เห็น จำ คิด รู้ และธาตุธรรมภายใน อยู่ใกล้เคียงกันมากขึ้น
ทุกๆคนจะเข้าใจได้เอง ว่า

ฉากหลัง คือ การเข้าถึงสันติสุขอันไพบูลย์ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
ซึ่งเป็นการทำแบบอ้อมค้อม เพื่อหวังผลโดยตรง อย่างตรงไปตรงมา
ตรงหนทางพระนิพพานที่สุด คือ

ใจเราต้องฝึก ... หยุด ... อยู่ตรงที่ ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ทั้งกลางวันและกลางคืน ทั้งหลับและตื่น
ทั้งอิริยาบถ นั่ง นอน ยืน เดิน

สมดังสุนทรพ่อ

ให้ลูก หยุดนิ่งไว้ กลางกาย
พระไม่ถ้วน มากมาย ผุดซ้อน
ยิ่งหยุด ยิ่งขยาย ไม่หยุด
ต้นสุดมาร เร่าร้อน ออดอ้อน กลัวสลาย.

ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#11 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 04:57 PM

Post 25

บทส่งท้าย

ผมตระหนักความเป็นจริงที่ ว่า
มนุษย์แต่ละท่าน ก็ล้วนเป็นเพื่อนสร้างบารมีในวัฎฏะสงสารด้วยกันทั้งนั้น

ไม่ชาตินี้หรือชาติไหน เราก็อาจเจอกันสักวัน
เป็นมิตรกันดีกว่าครับ
เป็นกัลยาณมิตร ชักชวน สนับสนุนกันสร้างบุญ บารมีดีกว่าครับ
อย่าเป็นพาลมิตร มาคอยขัดขวาง ล้างผลาญ การสร้างความดีของกันและกันเลย
มนุษย์แต่ละท่าน ก็ล้วนสั่งสมบุญญาบารมีมากบ้าง น้อยบ้าง

ดีไม่ดีท่านนั้นอาจเป็นพระบรมโพธิสัตว์
หรืออย่างน้อย ก็เป็นว่าที่ พระอริยเจ้า พระอรหันตเจ้าในอนาคต
หรือท่านอาจเคยมีพระคุณต่อเรามาเป็นมารดา บิดาเรามาในอดีตชาติก็เป็นได้

ฉะนั้น เราควรให้เกียรติเคารพและตระหนักในคุณธรรมความดีของผู้อื่นให้มากๆ
เพราะว่า วันใดวันหนึ่ง ในชาติใดชาติหนึ่ง
ท่านผู้นั้น อาจเป็นยอดกัลยาณมิตร ให้ชีวิตเราหรือหมู่ญาติเราก็เป็นได้

ด้วยความปรารถนาดี และขอให้ทุกท่านเจริญในธรรมวินัย
ที่พระบรมศาสดา สัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ดีแล้ว
ให้ถูกต้องร่องรอยตรงไปตามความเป็นจริง เทอญ.

ป.ล. 1 หากมีข้อความที่ผมนำมาเผยแผ่ เพราะกุศลจิตแต่ผิดความหมายโดยไม่เจตนา
ผมขออภัยทานจากทุกท่าน มาณ. ที่นี้ด้วยนะครับ
และขอความเมตตา กรุณาผู้รู้ท่านใดมีความรู้ที่ถูกต้อง เป็นจริง ก็เข้ามาแก้ไขได้นะครับ

ป.ล. 2 หากมีบางข้อความ เสียดแทงใจท่านใดไปบ้างโดยไม่เจตนา
ผมขออภัยทานและขออโหสิกรรม ต่อท่าน มาณ. ที่นี้ด้วยนะครับ


ขออนุโมทนาในกุศลจิตและการบำเพ็ญบารมี ของทุกๆท่าน มา ณ. ที่นี้ด้วยครับ สาธุ ..

แนบไฟล์  Sa_Dhu_Anumonatami.gif   22.04K   69 ดาวน์โหลด

กระทู้ที่เกี่ยวข้อง

Pre Report วัดพระธรรมกาย

http://dmc.tv/forum/...showtopic=15379




ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#12 เป็นหนึ่ง

เป็นหนึ่ง
  • Members
  • 354 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 06:59 PM

อนุโมทนาบุญกับพี่dangdeeครับ...สาธุ
I just gotta get out of this prison cell.
Someday I'm gonna be free.

#13 สิริปโภ

สิริปโภ
  • Members
  • 1766 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:เรื่องลึกลับ

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 07:17 PM

ยาวมากครับ แต่ก็ดีครับ สาธุ




#14 Wiboon Joong (wbj)

Wiboon Joong (wbj)
  • Members
  • 43 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 08:12 PM

ผมเป็นสมาชิกของที่นี่อยู่ครับ แต่ในนั้น ผมคิดว่า เขาไม่อ่านหรอกครับ หรืออ่าน เขาก็ไม่ยอมเชื่อ
หากต้องการ post จริงๆ ผมจะช่วยครับ... ช่วยยืนยันด้วยนะครับว่า มีเจตนาจะลงจริงๆ

#15 สิงโตเกเร

สิงโตเกเร
  • Members
  • 164 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 09:06 PM

ยังอ่านไม่จบก็พอจะเห็นถึงความเป็นคนมีเหตุผลของ จขกท. ครับ
ผมเคยเข้าไปแก้ต่างในเวป 100 สิบแล้วแต่ก็ไรผล เลยไม่เปิดไปเลยดีกว่า
ใจจะได้ไม่ขุ่นครับ แก้ไปก็เท่านั้น เราก็ต้องมาช่วยไปให้หมดอยู่ดี อย่าไปโกรธแทนใครเลยครับ

#16 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 09:23 PM

ขอขอบคุณ ท่าน วิปุลาโภ (wbj) อย่างยิ่งนะครับ สาธุ

พอดีช่วงใกล้ค่ำ ผมได้รับเมล์ ให้ยืนยันการสมัครสมาชิก
จึงสมัครเีรียบร้อย และได้ตั้งกระทู้แล้วครับ

อ้อ ได้แวะไปชม (wbj) มาแล้วเหมือนสถาบันสอนการบริหาร การจัดการเลยนะครับ

แล้วจะแวะไปขอความรู้มาใช้บ้างนะครับ สาธุ
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม

#17 สิงโตเกเร

สิงโตเกเร
  • Members
  • 164 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 09:35 PM

ตอนนี้อ่านจบแล้ว ซาบซึ้งมากเลยครับ ขอกราบอนุโมทนาบุญ กับ จขกท. งามๆด้วยครับสุดยอดจริงๆ
สาธุ สาธุ สาธุ เออ คุณปราบไตรภพ พอดีผมเป็นพวกที่ 4 ครับ ถ้าตอบแล้วได้ประโยชน์ผมตอบ ตอบแล้ว
ใจขุ่นไม่ขอตอบครับ

#18 องค์พระใสสว่าง มังกร v-act

องค์พระใสสว่าง มังกร v-act
  • Members
  • 355 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests: การปฎิบัติธรรมให้เข้าถึงพระธรรมกาย

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 10:49 PM

โอ้โหทำไมยาวววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววจังครับ
ใจหยุดคือ ที่สุดแห่งบุญ


#19 somch

somch
  • Members
  • 249 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 11:06 PM

ยังอ่านไม่จบก็พอจะเห็นถึงความเป็นคนมีเหตุผลของ จขกท. ครับ
ผมเคยเข้าไปแก้ต่างในเวป 100 สิบแล้วแต่ก็ไรผล เลยไม่เปิดไปเลยดีกว่า
ใจจะได้ไม่ขุ่นครับ แก้ไปก็เท่านั้น เราก็ต้องมาช่วยไปให้หมดอยู่ดี อย่าไปโกรธแทนใครเลยครับ



ผมก้อเห็นด้วยกับคุณสิงโตครับ
คนบางคนตอบไปก้อไม่มีประโยชน์(มีมาก)
บางคนมีเหตุผล ไม่เชื่อคำกล่าวหา ไม่ต้องตอบก้อไม่เป็นไร (มีน้อย)

ส่วนผมจะเลือกตอบเฉพาะคนที่คิดว่าสนใจใฝ่รู้
แต่จะไม่โต้ กับคนที่จ้องหาเรื่อง

จริงอยู่ว่าเราควรแก้ความเข้าใจถูกให้กับทุกคน
แต่เพื่อไม่ให้เสียเวลาในการสร้างบารมีจนเกินไป ผมคิดว่าควรจะเลือกตอบเป็นคนๆไปก่อน

ในความเห็นของผม คิดว่า จขกท เขียนดีเกินไปครับ
ละเอียด ลึกซึ้ง ข้อมูลแน่นปึก
แต่คนไม่มีพื้นฐานทางธรรมะ อาจไม่น่าจะเข้าใจ

ผมชอบสไตล์คุณ foox ในพันทิบครับ
ไม่โต้ ไม่ตอบ โพทส์ผลงานของวัดไปเรื่อยๆ

เพราะคนส่วนใหญ่มักจะอ่าน จขกท มากกว่าผู้ตอบกระทู้
เราควรเป็นผุ้นำในการเปิดประเด็นมากกว่า เดินตามเกมที่เขาเปิดไว้

ตอบเป็นเรื่องๆ สั้นๆ ได้ใจความดีกว่านะครับ

อนุโมทนา

#20 Trai072

Trai072
  • Members
  • 225 โพสต์

โพสต์เมื่อ 24 May 2007 - 11:59 PM

^ ^~*

ขอกราบอนุโมทนาบุญ ด้วยนะครับ

รู้สึกทราบซึ้ง กับบทความที่ใช้ชี้แจง อันนี้มาก ๆ เลย ครับ ...

เวลา มีปัญหาอะไร ที่เกิดขึ้น มา ผมรู้สึก ยิ่ง รัก และยิ่ง หวงแหน วัดของเรามากยิ่งขึ้น

วันนี้หรือ วันไหน ผม ก็เชื่อมั่นในหมู่คณะ ครับ

คนไม่รู้ ไม่เคยได้เข้ามาศึกษา ก็คงจะยากที่จะเปลี่ยน ความคิดไปได้ ...

คำเปรียบเทียบที่ได้รับรู้วันนี้ เป็นสิ่งที่ เปิดใจให้ ผม รักเพื่อน มนุษย์ รักสิ่งที่มีชีวิต มากขึ้น ไม่อยากโกรธ ไม่อยากเกลียด

พร้อมจะให้อภัย ผมคิด เล่นๆ นะครับ ... ว่า สิ่งที่ผมรู้สึกได้ ในตอนนี้มันเป็นเพียง เศษเสี่ยว ของความรู้สึกของหลวงพ่อ ที่มีมา และให้ กับ เพื่อนมนุษย์ มาโดยตลอด .....

ขอกราบขอบคุณ กับบทความชี้แจง ที่ดี ๆ นี้อีกครั้ง ขอกราบอนุโมทบุญ ด้วยนะครับ ... สาธุ ... สาธุ ... สาธุ ...




เ มื่ อ เ ร า ส ว่ า ง * * * โ ล ก * * * ก็ ส ว่ า ง ด้ ว ย ^^~*

ส า ธุ . . . ค รั บ ^^~*





#21 หมอป๊อง

หมอป๊อง
  • Members
  • 761 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กทม.

โพสต์เมื่อ 25 May 2007 - 12:50 AM

happy.gif ขอกราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ
ข้อมูลแน่นปึ้ก ละเอียด แต่กระชับ ครอบคลุม อธิบายดียิ่ง
สาธุครับ nerd_smile.gif

#22 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 25 May 2007 - 08:01 AM

ขอกราบอนุโมทนาบุญกับพี่แดงดีด้วยนะครับ สาธุ

#23 Wiboon Joong (wbj)

Wiboon Joong (wbj)
  • Members
  • 43 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 May 2007 - 09:17 AM

ผมอยากให้ post เปิดประเด็นเป็นเรื่องๆ อย่างคุณ somch บอกถูกต้องแล้ว ที่คนตั้งกระทู้ ย่อมคุมเกมส์ได้ดีกว่า
แต่ต้อง post อย่างต่อเนื่อง ถ้าต้องการทำให้คนอื่นเข้าใจในเรื่องต่างๆ
ตั้งใจจริงในการเผยแผ่ให้คนอื่นเข้าใจในเรื่องต่างๆ
อาจจะไม่ใช่การแก้ต่าง เพียงแต่ แนะแนวทางครับ
ไปชนกับคนอื่นไม่เป็นผลดี
แต่ถ้าเราทำ เพราะเราอยากให้เขาได้คิด ไปในทางที่ดี ที่ถูกต้อง
แล้วสักวัน เขาก็จะเข้าใจในสิ่งที่วัดเราทำครับ

อย่างนี้ต้อง ขันติ และ อุเบกขา ต้องทำพร้อมๆกันไปกับการให้ทานทางธรรม ครับ...

#24 กิตติสุโภ

กิตติสุโภ
  • Members
  • 40 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 May 2007 - 10:28 AM

อยากได้คำขอขมาของสื่อ ไปชี้แจงกับคนที่ไม่ทราบเรื่องการขอขมาต่อหลวงพ่อ และวัดพระธรรมกาย สมาชิกท่านใดพอมีขอหน่อยนะ

#25 suppy001

suppy001
  • Members
  • 2210 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 May 2007 - 06:27 PM

รักษาใจของเราให้ใสๆ ดีกว่า ถ้าใจเราหยุดกันได้...จะเกิดสิ่งอัศจรรย์ขึ้นอย่างแน่นอนครับ...สาธุ

#26 drxbeam

drxbeam
  • Members
  • 12 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:อยากเห็นองค์พระเร็วๆจังเลยครับ

โพสต์เมื่อ 25 May 2007 - 07:48 PM

ขออนุโมทนาสำหรับความตั้งใจจริงที่จะแก้ต่างให้กับวัดเรา และ ความมีเหตุผลของคุณ dangdee ครับ

แต่ผมขออนุญาตวิจารณ์นิดนึ่งครับ

- ไม่ควรตอบกระทู้รวดเดียวจบ ควรโพสทีละเรื่อง เพราะยิ่งโพสหลายเรื่องพร้อมกัน คนที่ตั้งใจจะต่อต้านวัด เขาไม่อ่านหมดหรอกครับ พวกนี้ จะหลับหูหลับตาด่า บางครั้งตอบกระทู้คนละเรื่องด้วยซ้ำครับ (แบบว่าต้องการด่าอย่างเดียว)

- เนื้อหายาวเกินไป คนพวกนี้เขาไม่อ่านละเอียดหรอกครับ อ่านผ่านๆ แล้วก็ด่า ควรสั้นกระชับ และ hit to the point ครับ

- เนื้อหาที่คุณ dangdee พิมพ์มาเนี่ย ไม่ได้เป็นแก้ต่างที่เด่นชัดนัก ส่วนใหญ่จะกล่าวเป็นหัวข้อๆ และไม่ได้เน้นในจุดที่ควรเน้น ทำให้คนอ่านทีมีอคติอยู่แล้ว อาจไม่สนใจ และ พลาดข้อสำคัญไป


ที่ผมวิจารณ์ ไม่ได้ต่อต้านนะครับ แต่ผมจะเตือนว่า ถ้าจะสู้กับกลุ่มคนเหล่านี้ เราต้องเอาความกระชับ และ หนักแน่นในเนื้อหาเป็นหลักเลยครับ

ขอขอบคุณนะครับที่จะมาเป็นแนวร่วมในการช่วยกันแก้ต่างให้กับวัดเรา ในเว็ป 1,000.00 tip ครับ

#27 lee072d

lee072d
  • Members
  • 265 โพสต์

โพสต์เมื่อ 25 May 2007 - 09:17 PM

ยาวที่สุดแล้ว กราบอนุโมทนาบุญด้วยครับ สาธุ

#28 วัดในดวงใจ

วัดในดวงใจ
  • Members
  • 1199 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 May 2007 - 08:41 AM

ดี
พระพุทธเจ้ารู้
และท่านก็ตรัสสรุป
ว่าทางเดียวที่จะรู้ตามท่าน
ตลอดจนหยุดตามท่าน
คือการมองเข้าข้างใน
และการหยั่งรู้สรรพสิ่งออกมาจากภายใน
คือสัญลักษณ์สำคัญของพุทธแท้
พุทธแท้จะรู้ว่าการพยายามมองออกข้างนอก
เป็นวิธีที่ไม่ทำให้รู้จักประโยชน์สูงสุด
อันพึงมีพึงได้จากความเป็นมนุษย์

#29 Kia

Kia
  • Members
  • 14 โพสต์

โพสต์เมื่อ 26 May 2007 - 10:52 AM

ดิฉันก็ได้ติดตามในร้อยหมื่นทิพย์กับเค้าเหมือนกัน ตอนนี้ก็อยู่ในช่วงสมัครรอเค้าตอบรับอยู่ เพราะอยากจะช่วยแก้ข่าวในบางเรื่องที่ไม่เข้าท่าอยู่เลย อ่านแล้วเห็นชัด ๆ วัดอคติกับวัด Post ผิด ๆ ให้คนเข้าใจผิด ๆ โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้เข้าวัดจะยิ่งเข้าใจผิดไปอีก

#30 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 26 May 2007 - 03:57 PM

ขอขอบคุณทุกท่านที่ร่วมแสดงความคิดเห็นและให้คำชี้แนะเป็นอย่างดี ด้วยครับ

อย่างที่บอกแต่ต้นว่า ผมไม่ได้เขียนเพื่อมาลงที่นี่ แต่เป็นที่โน่น
เพราะสถานการณ์มันพาไปจึงคิดนำมาฝากเพื่อนที่นี่ ให้ช่วยนำไปลงที่โน่น

และเนื่องจากผมสมัครสมาชิกสิบร้อยทิปผ่าน รวมถึงตั้งและตอบกระทู้ไปแล้ว
คำชี้แนะที่ให้มาคงไม่ทันการณ์
แต่ถ้ามีโอกาสและจังหวะ
ผมก็จะนำคำชี้แนะที่เพื่อนๆให้มา ไปปรับใช้ตามความเหมาะสมครับ

การสมัครเป็นสมาชิก ในกระดานสนทนาธรรรมในเวปต่างๆของผม
รวมถึง www.dmc.tv นี้ มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน คือ

1 ) เป็นไปเพื่อ ศึกษาธรรมะและความรู้ดีๆ ที่ผู้ใฝ่ธรรมทั้งหลายนำมาแสดง
2 ) และ ถ้ามีโอกาสก็จะแบ่งปันสาระธรรมและ ความรู้ดีๆ
ให้ชุมชนนั้นๆเป็นการส่วนรวม ไม่ใช่ให้เฉพาะบุคคลครับ
3 ) ได้ใช้สิทธิ์ในการ download เพลง ภาพที่ยังจิตให้เกิดกุศล
โดยเฉพาะที่www.dmc.tv

บอกอีกนิดครับว่า

เจตนาที่ผมเขียนข้อมูลนี้ขึ้น คือ แสดงความคิดเห็นส่วนบุคคล เป็นการส่วนตัว
เพื่อเล่าข้อมูลแท้จริง ( fact ) ให้เฉพาะวิญญูชนทราบ ครับ
ไม่ได้เจตนาไปโต้วาทะกรรมกับใครๆ
ดังนั้นจึงไม่ได้กังวลใจว่าใคร จะเผากระทู้
แต่ผมก็ระวังพอสมควรครับ เพื่อไม่ให้กระทบบ้านหลังนี้

ดังนั้นถ้ากระทู้นี้ ไม่เหมาะสม ผู้ดูแลระบบก็ลบได้นะครับ ด้วยความยินดี
ใจหยุดที่สุดแห่งบุญ มุ่งสู่ที่สุดแห่งธรรม