ไปที่เนื้อหา


เนื้อหาจาก MiraclE...DrEaM

ค้นพบทั้งสิ้น 1000 รายการโดย MiraclE...DrEaM (จำกัดการค้นหาจาก 28-April 23)



#26750 วันนี้ใครทำบุญอะไรมา โพสต์มาแบ่งกันหน่อยค่ะ

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 04 June 2006 - 11:07 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

ตามชื่อกระทู้ครับ เอาบุญบุญเทลีนคอนกรีตบันไดขาขึ้นมาฝากทุกๆ คนครับ โดยเฉพาะลูกพระธัมฯ ที่ทำหน้าที่ อาศัยอยู่ที่ต่างแดนครับ ขอให้มีส่วนในบุญนี้ทุกท่าน และ ผมก็ขออนุโมทนาบุญกับลูกพระธัมฯ ทั่วโลกด้วยนะครับ...สาธุ สาธุ สาธุ



#27279 วันนี้ใครทำบุญอะไรมา โพสต์มาแบ่งกันหน่อยค่ะ

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 08 June 2006 - 09:59 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

QUOTE
เรื่องการล้างกระป๋องมีคนไปล้างที่อ่างล้างหน้าที่ห้องน้ำด้วยค่ะ
ดิฉันทนไม่ได้ค่ะที่จะให้ ปูนไปติดในอ่างเลยเอากระดาษทิชชู เช็ดอ่างให้สะอาด มีทั้งปูนแล้วก็กรวด กลัวว่า อ้างที่วัดจะตันค่ะ
น่าจะมีการบอกกล่าว สาธุชนด้วยนะค่ะ ว่าห้ามล้างปูน ค่ะ ถ้าทุกคนทำ มีหวังอ่างล้างหน้าอันสวยงามของวัดเรา คงจะตันแน่ๆ เลยค่ะ

เอ...คนที่ล้างถังน่าจะเป็นคนใหม่ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องนะครับ เพราะคุณครูไม่ใหญ่ก็บอกไว้แล้วครับว่า คุณค่าของถังใบนี้อยู่ที่คราบปูน เพราะ เป็นร่องรอยประวัติศาสตร์ของการสร้างบารมีน่ะครับ



#23128 วันนี้ใครทำบุญอะไรมา โพสต์มาแบ่งกันหน่อยค่ะ

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 04 May 2006 - 10:58 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ...สาธุ สาธุ สาธุ



#20826 กลอนเพราะๆ รายวันจากลูกพระธัมฯ สุพรรณบุรีครับ

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 21 April 2006 - 04:00 PM ใน บทความดี๊ดี ... จากสมาชิก

อนุโมทนา สาธุ กับบทกลอนดีๆ นะครับ เดี๋ยวผมจะขอแบ่ง บทกลอนของตะวันธรรม มั่งนะครับ

(อย่าปล่อยให้พ่อคอย)
ที่พ่อสอนเอาไว้ก็ไม่จำ
อยากจะทำแต่ที่ไม่เคยสอน
รู้บ้างไหมวัยพ่อเหมือนตะวันรอน
แสงแดดอ่อนทินกรจะลาไกล

รึจะคอยลูกน้อยห้าร้อยกัปป์
รึจะให้นับกัปป์ไม่ถ้วนอสงไขย
รึเห็นคอยได้ให้คอยไป
คอยไม่ไหว คงไปคอยดุสิต(บุรีเอย)



#43579 จดหมายถึง "ธรรมกาย" บุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 03 September 2006 - 08:52 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

อยากจะตอบแบบเจาะรายละเอียดให้นะครับ แต่คงจะลำบาก เพราะ ถ้าตอบก็คงไม่จบ
สาเหตุ เพราะ ผมเคยเจอคนที่เคยเข้าใจวัดแบบคุณธรรมชิโนรส ไม่ได้ต่อว่าวัด แต่ยังมองเห็นภาพงานโดยรวมและสิ่งที่วัดพระธรรมกายกำลังทำ ไม่ค่อยชัดเจน

อันนี้ผมไม่เถียงเพราะสิ่งที่วัดพระธรรมกายทำ ดูเผินๆ เหมือนเน้นวัตถุ แต่แท้จริงแล้ว เป้าหมายที่วัดพระธรรมกายทำ คือ สิ่งที่เป็นนามธรรม ได้แก่การเน้นที่พัฒนาคน พัฒนาศีลธรรมในใจ แต่การพัฒนาด้านจิตใจนั้น เป็นสิ่งที่เป็นนามธรรม เห็นภาพได้ลำบาก และอาศัยระยะเวลาในการเห็นผล ด้วยเหตุนี้จึงมีคนจำนวนมาก มองวัดพระธรรมกายแบบไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าไหร่นัก

ถ้าจะให้ถามตอบกันก็คงยาวแหละครับ เพราะ พอผมตอบไป คุณธรรมชิโนรสก็จะมีข้อสงสัยตามมา (ผมเคยถามตอบกับเพื่อนผมที่มีข้อสงสัยแบบนี้และไม่เคยมาวัดแล้วครับ...แต่ถามเท่าไหร่คำถามก็ไม่จบ เพราะเค้ามองภาพงานสิ่งที่วัดทำไม่ออก) ดังนั้นดีที่สุด ผมแนะนำให้คุณธรรมชิโนรสลองมาวัดดูด้วยตนเอง ไปแบบไม่ต้องทำบุญอะไรก็ได้ ลองไปศึกษา หาหนังสือของวัดอ่าน หรือ คุยกับพระอาจารย์ ผมคิดว่าคุณธรรมชิโนรสน่าจะสามารถค้นหาคำตอบได้ด้วยตนเองนะครับ ว่า วัดพระธรรมกายกำลังทำอะไรอยู่กันแน่



#43721 จดหมายถึง "ธรรมกาย" บุญสถานอันศักดิ์สิทธิ์

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 04 September 2006 - 12:34 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

QUOTE
การช่วยคนให้มีสัมมาทิฎฐิเป็นบุญอย่างหนึ่งมิใช่หรือ เหตุใดจึงบอกว่า ตอบไปก็ไม่เข้าใจ

หน้าที่ของพุทธบุตร แม้นตอบธรรมะไปแล้วไม่มีใครเข้าใจก็ต้องทำ ทำเพื่อศาสนา มิได้ทำเพื่อใครคนหนึ่ง

ขอบคุณทุกท่านที่เมตตา

สาธุ

ตอบคุณธรรมชิโนรส

ขอพูดตามความรู้สึกของคนที่ไปวัดพระธรรมกายและเข้าใจว่าวัดกำลังทำอะไรอยู่
อยากให้คุณธรรมชิโนรสช่วยเข้าใจหัวอกหัวใจคนวัดพระธรรมกายด้วย คนไปวัดทุกคนพยายามชักชวนคนทำความดี ช่วยเหลือสังคมในทุกๆ ด้าน เพียงแต่ทางวัดไม่ได้ไปป่าวประกาศให้สาธารณะชนรู้เท่านั้นเองว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ แม้ไม่มีใครรู้ พวกเราก็พยายามทำกันต่อไป

แต่ผลที่ได้รับ คือ การที่สื่อต่างๆ นำข่าววัดไปลงในทางเสียหายแบบชนิดสาดเสียเทเสีย เป็นปีๆ ด่าว่าหลวงพ่ออันเป็นผู้ที่คนวัดเคารพ เพราะท่านเป็นผู้ชี้ทางสว่าง เปิดเส้นทางธรรมให้ชาววัดชนิดไม่เกรงใจ ขนาดมหาโจร 500 ยังไม่โดนขนาดนี้ แต่นี่สื่อทำกับวัดพระธรรมกาย และหลวงพ่ออย่างไร คิดว่าคงทราบกันดีอยู่

ผลที่ตามมา คือ พวกผม ชาววัดที่เข้าใจดีว่าวัดกำลังทำอะไร ก็พยายามออกไปชี้แจงข้อเท็จจริงและสิ่งที่วัดกำลังกระทำ ผลที่ตามมาคือ พวกผมถูกสังคมประฌาม เพื่อนร่วมงานประฌามว่า เป็นสาวกลัทธิลูกแก้วบ้างล่ะ สาวกเดียรถีร์บ้างละ พวกผมจะพยายามอธิบายอย่างไร คนในสังคมก็ไม่เชื่อ เชื่อแต่สื่อ ชนิดสื่อรู้ทุกอย่าง สื่อพูดถูกทุกสิ่ง แล้วพวกผมจะทำอย่างไรได้ ในเมื่อพูดไปก็เข้าเนื้อ พูดไปสื่อก็ยิ่งเอาไปลงหาว่าสาวกเดียรถีร์ร้อนตัว ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดของพวกผม คือ นิ่ง ไม่ตอบโต้ ไม่สู้ ไม่หนี แต่ทำดีต่อไป แม้สังคมจะประฌามก็ตาม

จนถึงที่สุดแล้ว ทางวัดได้อาศัยศาลสถิตยุติธรรมทำการฟ้องร้องต่อสื่อต่างๆ เพราะสิ่งที่สื่อนำมาลงนั้นเป็นการให้ร้าย สื่อก็รู้ตัวว่า ตัวเองเสนอข่าวบิดเบือน จึงกลัวการฟ้องร้องเอาความผิดนั้นและขอให้ทางวัดอดโทษให้ แล้วก็ลงคำกล่าวขอขมา และสารภาพว่า สิ่งที่พวกตนนำเสนอมาปีกว่า นั้นไม่จริง และในทางกลับกัน ทางวัดพระธรรมกายกลับทำคุณประโยชน์ต่อสังคม แต่ข้อความที่สื่อขอขมานั้น ลงเพียงแค่ 1 อาทิตย์ และเป็นหน้าในๆ มุมเล็กๆ มุมหนึ่งเท่านั้น แต่ในขณะที่พวกสื่อรุมยำวัดกับหลวงพ่อนั้น พาดหัวหน้า 1 ต่อกันเป็นปีๆ คุณคิดว่า สังคมกับสื่อให้ความเป็นธรรมกับ วัดพระธรรมกาย หลวงพ่อ และ คนวัด หรือไม่

แม้แต่พระเถระรูปไหนที่คณะสงฆ์มอบหมายให้ออกมาตัดสินตามจริง ก็ได้เข้ามาศึกษาว่าวัดกำลังทำอะไร ทำให้เข้าใจสิ่งที่วัดกำลังทำอยู่ และ ตัดสินตามความเป็นธรรม ผลก็คือ พระมหาเถระเหล่านั้นโดนสื่อ โดนสังคมประฌาม ถึงกับถอดยศ ปลดตำแหน่งก็มี สื่อทำตัวเป็นศาลเตี้ย อาศัยว่าตนเองมีกระบอกเสียงในมือ สามารถสร้างกระแสสังคมให้เป็นไปตามที่ตนต้องการได้ เพื่อทำการเสนอข่าวชนิดเอามันส์ เอายอดขาย ถ้าไม่เกาะติดข่าววัดพระธรรมกายก็ตกเทรนด์ อะไรประมาณนั้น

ดังนั้น ผมจึงอยากให้คุณธรรมชิโนรสลองมาสวมหัวใจเป็นคนวัดพระธรรมกายดูบ้างว่า ถ้าคุณโดนแบบนี้เป็นปีๆ คุณจะรู้สึกอย่างไร และ คิดว่า คุณธรรมชิโนรสคงจะเข้าใจหัวอกวัดพระธรรมกาย หลวงพ่อ และ คนวัด มากขึ้นนะครับ และ คงเข้าใจมากขึ้นว่า ทำไมบางคนจึงพูดออกไปว่า พูดไปก็ไม่เข้าใจ ชาววัดพระธรรมกาย ก็เป็นคน เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีเลือดเนื้อ มีหัวจิตหัวใจ มิใช่กินเหล็กต่างข้าว มีเบื่อ รำคาญ เอือมที่จะตอบคำถามพวกนี้เหมือนกันนะครับ ดังนั้น เขาจึงตอบกลับไปว่า พูดไปก็เสียเวลา เข้ามาดูเองดีกว่า ไงครับ



#30549 ของฝากจากยอดดอย...เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะหลับตา

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 29 June 2006 - 09:24 PM ใน กระทู้ที่น่าสนใจ

โห...มีตั้งหลายคนจะเอาเทคนิคนี้ไปลองทำดู อย่าลืมนะครับ...ได้ผลอย่างไรก็บอกๆ กันมาบ้าง จะได้เป็นกำลังใจให้ซึ่งกันและกันในการปฏิบัติธรรมต่อไป



#30412 ของฝากจากยอดดอย...เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะหลับตา

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 29 June 2006 - 10:48 AM ใน กระทู้ที่น่าสนใจ

อย่างที่บอกว่าได้หนีไปพักร้อนบนพนาวัฒน์มานะครับ ก็เลยอยากจะแบ่งปันเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ก่อนที่จะทำการหลับตา เผื่อใครบางคนจะได้บรรลุธรรมหรือหยุดใจได้เร็วขึ้น ผมจะได้มีส่วนในบุญนั้นด้วยน่ะครับ nerd_smile.gif

ก็อย่างที่เห็นกันจนชินตา การนั่งสมาธิในบางครั้ง พอบอกว่า จะนั่งสมาธิปุ๊ป ก็หลับตาปั๊ป เอ...เคยคิดกันบ้างไหมหนอ ว่า เราอาจจะมีบางสิ่งที่ควรจะทำก่อนที่จะทำการปิดเปลือกตา และทำการหยุดใจ เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ เช่น

QUOTE
1) ก่อนที่จะปิดตา ลองมองดวงแก้ว รูปหลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย แบบสักแต่ว่าซัก 1 นาที มองท่านแบบไม่ได้ตั้งใจมองจนเกินไป ประมาณว่ามองแบบเหม่อๆ มองท่าน สักแต่ว่ามองท่าน ไม่ได้จ้องท่านแบบเอาเป็นเอาตาย

2) พอสักแต่ว่ามองซัก 1 นาทีแล้ว ลองปิดตาเบาๆ แล้วลองเงี่ยหูฟังเสียงรอบตัวอย่างเบาๆ ไม่ว่าจะเป็นเสียงแอร์ เสียงรถ เสียงนกร้อง เสียงลม หรือเสียงอะไรก็ได้รอบตัวเรา แบบสักแต่ว่าฟัง เพลินๆ ซัก 1 นาที

3) ทีนี้ เราลองมาหลับตากันดู โดยค่อยๆ หลับตาเบาๆ มองหน้าตรง ยิ้มมุมปากนิดๆ พอให้ใบหน้าผ่อนคลาย อย่าก้มหน้าเพราะเราจะเผลอเอาตาเราไปจ้องท้อง อย่าเงยหน้าเพราะจะทำให้ต้นคอเกร็ง ไม่สบายตัวได้

4) เมื่อเราปิดเปลือกตาแล้ว เพื่อป้องกันการเพ่งการจ้อง ที่อาจจะเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทำให้เราปวดนัยน์ตา ปวดขมับ เมื่อปิดเปลือกตาแล้ว ทำเป็นเหมือนเหลือบมองสูงทั้งๆ ที่ปิดเปลือกตาแล้วนิดนึง ย้ำนิดเดียวนะครับ ก็จะช่วยลดอาการกดลูกนัยน์ตาได้

5) เมื่อเราปรับอวัยวะบนใบหน้าจนสบายแล้ว ทีนี้ ก็มาสังเกตบ่า ไหล่ ลำตัว ฝ่ามือ เอว ขา น่อง ฝ่าเท้าว่าเรา มีส่วนไหนเกร็งไหม ถ้าเกร็ง ก็ผ่อนคลายซะ

6) เมื่อหลับตาแล้ว ถ้ายังกำหนดนิมิตดวงแก้ว องค์พระ หรือวางใจไว้ที่ศูนย์กลางกายไม่ได้ ก็อย่าพึงทำอะไร ให้ปล่อยใจหลวมๆ สบายๆ ปล่อยให้ร่างกายเราหลวมรวมไปกับธรรมชาติและสิ่งรอบตัวก่อนดีกว่าไหม เช่น ลองฟังเสียงรอบตัวแบบเพลินๆ

7) เมื่อเรา ลองทำแบบนี้แล้ว เชื่อว่า ใจเราก็คงค่อยๆ ผ่อนคลายจนพร้อมที่จะเริ่มเข้าสู่การทำสมาธิ โดยไม่รู้สึกว่า เป็นการกดใจแล้ว เมื่อนั้น เราค่อยเริ่มกำหนดองค์พระ ดวงแก้ว หรือวางใจที่ศูนย์กลางกาย แบบสบายๆ

อยากจะบอกว่า หลายๆ คน ดูเบาสภาพร่างกาย และ ความพร้อมของร่างกายและจิตใจมากเกินไปไหม ทำให้เรานั่งธรรมะไม่ก้าวหน้าไปไหนเสียที ลองทำดูนะครับ แล้วได้ผลอย่างไรก็เล่าสู่กันฟังนะครับ happy.gif



#27015 ขอปรับความเข้าใจต่อทุกท่าน

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 06 June 2006 - 08:54 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

อนุโมทนาด้วยครับ ชัดเจนดีครับ



#41479 Help

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 24 August 2006 - 08:32 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

อืม เอาใจช่วยครับ พอจะเข้าใจนะครับ เพราะคนโดยมาก มักจะรู้สึกตันๆ ตื้อๆ เมื่อปัญหานั้นเกิดกับตัวเอง
ก็เอาคำสอนของครูไม่ใหญ่มาใช้แหละครับ น้องลองไปนั่งสมาธิ แต่ถ้านั่งไม่ติดก็ทำใจโล่งๆ ว่างๆ ไปก่อน
พอใจเริ่มนิ่งๆ แล้วก็ไปทบทวนดูว่า ท่านสอนอะไรมาบ้างนะครับ



#27098 ขอปรับความเข้าใจต่อทุกท่าน

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 07 June 2006 - 12:14 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

QUOTE
ขอโทษนะคะ....รบกวนถามนิดนึง...

พอดีประเด็นที่ ๓ การทำหน้าที่เป็นทนายแก้ต่างให้แก่พระพุทธศาสนาและวิชชาธรรมกาย
สืบเนื่องจาก; ซึ่งสืบเนื่องมาจากกระทู้ของสายน้ำทิพย์ด้วย

ไม่แน่ใจว่าจริง ๆ แล้วเราไม่ควรตั้งกระทู้ในลักษณะเช่นนั้นหรือปล่าวค่ะ
ผิดพลาดประการใดต้องขอโทษด้วยนะคะ

ขอบคุณค่ะ

ผมคิดว่า คุณขุนศึกฯ ไม่มีเจตนาจะว่าใครหรอกครับ เพียงแต่ว่า คุณขุนศึกฯ คงอาจจะอยากให้ข้อคิดเท่านั้น แล้วก็เลยเอากระทู้บางกระทู้มาอ้างอิงแหละครับ อย่าคิดมากเลยครับ เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันไปเองนะครับ



#32608 เรื่องจริงไหม

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 11 July 2006 - 06:15 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

เจ้าของกระทู้ เคยมาวัดไหมครับ ถ้าไม่เคย แนะนำให้มาพิสูจน์ด้วยตัวเองดีกว่าไหมครับ การตอบเรื่องแบบนี้ แบบไม่เคยมาเห็นด้วยตัวเอง มันไม่ทำให้หายสงสัยได้หมดหรอกครับ ถ้าเป็นไปได้ สละเวลาลองมาวัดดู คิดซะว่า มาพิสูจน์ด้วยตัวเอง ดีที่สุดครับ



#37455 ใครที่อยู่ในเหตุการณ์ "อัศจรรย์ตะวันแก้ว"บ้าง มารำลึกกันหน่อย

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 04 August 2006 - 03:07 PM ใน กระทู้ที่น่าสนใจ

เปิดบันทึกความทรงจำเมื่อ 8 ปีที่แล้ว

สิ่งที่จะเขียนต่อไปนี้ ตัวผมได้ทำการจดบันทึกเหตุการณ์และความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้ เมื่อเวลาตี 2.20 น. ในวันที่ 7 กันยายน 2541 ซึ่งเป็นเวลาดึกสงัดหลังจากเกิดเหตุการณ์อัศจรรย์ตะวันแก้วครั้งแรก ถ้าอ่านแล้วจะวกวนไปบ้างก็กรุณาอย่าถือสา เพราะถ้าต้องเรียบเรียงใหม่อาจจะทำให้อรรถรส ซึ่งบ่งบอกถึงความปีติในสิ่งที่ได้ไปพบเจอมานั้นเปลี่ยนแปลงไปนั่นเอง

QUOTE
วันที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2541 (วันปิดแกนกลาง)

วันนี้เป็นวันอาทิตย์ต้นเดือนและมีการหล่อพระแกนกลางหลวงพ่อวัดปากน้ำ

ตอนเย็นที่เราไปถ่ายรูปที่ลานมหาธรรมกายเจดีย์และมีการนั่งสมาธิอธิษฐานจิต ถ่ายรูปประวัติศาสตร์ โดยมีธงหลวงพ่อวัดปากน้ำทองคำ หลังจากที่ถ่ายรูปเสร็จ หลวงพ่อธัมมชโยบอกให้ลูกๆ นั่งลง แต่สาธุชนที่อยู่ฝั่งซ้ายของมหาธรรมกายเจดีย์ไม่นั่ง (ฝั่งธุดงค์พระ) แต่มองไปทางทิศตะวันตก ตอนแรกคิดว่ามีการก่อม๊อป แต่ข้างหลังเรา มีเสียงคุณลุงตะโกนว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำอยู่ที่ดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตก

เราจึงหันไปดู จึงรู้สึกตื่นเต้นและอัศจรรย์เป็นอันมาก โดยที่ดวงอาทิตย์ส่องแสงเป็นสีนวล เย็นตา และดวงอาทิตย์ใสเหมือนดวงแก้ว หรือ ดวงธรรม และที่ขอบของดวงอาทิตย์เกิดประกายเป็นระยิบระยับ เหมือนดวงแก้วเวลาส่องแสง สวยงามมาก เป็นดวงอาทิตย์ที่มีทั้งความใสและแสงสว่างที่เย็นตา สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และ เราก็เริ่มเห็นแสงสีเหลือง ชมพู ฟ้า ฯลฯ เปล่งเป็นรัศมีออกมาจากดวงอาทิตย์ เป็นเวลานานถึง 10 กว่านาที (12-13 นาที) ขณะนั้นเอง หลวงพ่อธัมมชโยให้เปิดเพลง "สถาปนามหาธรรมกายเจดีย์" (ดั่งดวงดาวฟ้า ดวงตารัตติกาล)

ทันใดนั้น ก็มีลมกรรโชกแรง แต่นิ่มนวล พัดเอาความเย็น โดย พัดมาจากทางหลวงพ่อธัมมชโย ซึ่งนั่งอยู่บนมหาธรรมกายเจดีย์ประมาณ 3 ครั้งใหญ่ๆ ดวงอาทิตย์ก็ยิ่งสว่างใส และเปล่งแสงสีชมพู และ ดูเหมือนจะมีดวงอาทิตย์ 2 ดวงซ้อนกันอยู่ ประหนึ่งเป็นสัญญาณว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำได้รับรู้ถึงการสร้างพระแกนกลางให้ท่าน และ สามารถปิดแกนกลางได้สำเร็จในวันนั้น ปวงเทวดา พรหม อรูปพรหม รวมถึงพระนิพพานทั้งลับและเปิดเผยมาอนุโมทนา แซ่ซ้อง สรรเสริญพวกเราที่สามารถปิดแกนกลางได้สำเร็จโดยใน 1 อาทิตย์ นับจากวันที่ 30 สิงหาคม 2541 เราสามารถปิดพระแกนกลางจำนวน 4,000 องค์ได้สำเร็จเป็นอัศจรรย์

เราปีติมากจนน้ำตาไหล ขนลุกเพราะ 1 อาทิตย์นั้นเราได้ไปบอกบุญพระแกนกลางจนสามารถรวบรวมได้ครบ 8 องค์ (รับพระมหาสิริราชธาตุ 4 สี) ซึ่งเราได้ทุ่มกำลังกายและกำลังใจในการบอกบุญอาทิตย์นั้นเต็มที่ เพราะเราเหลือปัจจัยบวกเงินที่รวมในแบงค์เพียงแค่ประมาณ 50 บาท เราจึงทำได้เพียงบอกบุญและเราก็ทำสำเร็จ "เราชนะแล้ว"

ตอนกลับ เรามองเห็นรุ้งเป็นแนวเส้นตรงโดยมาจากทิศที่โบสถ์ตั้งอยู่ และ ก็เห็นก้อนเมฆเป็นสีทองใหญ่มาก และ ตอนหลังทราบว่า คนที่ใจหยุดนิ่งนั้นจะเห็นองค์พระธรรมกายสีทองอยู่บนฟ้า โดยที่เราเห็นสีทองบางส่วน และ บางคนบอกว่า ที่ยอดโดมธรรมกายเจดีย์เปลี่ยนเป็นสีทอง และหลวงพ่อธัมมชโยเปล่งสีชมพูและเขียว (ตัวหลวงพ่อกลายเป็นสีชมพูและเขียว) บางคนมองเห็นหลวงพ่อวัดปากน้ำนั่งสมาธิอยู่ในดวงอาทิตย์ และ เห็นธรรมกายเจดีย์สีทองอยู่ในดวงอาทิตย์ด้วย

วันนั้นหลวงพ่อให้เราเปล่งวาจาว่า "เราคือผู้พิชิต ปิดแกนกลาง ชิตังเม ชิตังเม ชิตังเม" และ ให้เราไปปราบมารกันให้ชนะ โดยหลวงพ่อเป็นผู้นำกล่าว เพราะพวกเราชนะแล้ว โดยปิดแกนกลางได้สำเร็จเป็นอัศจรรย์ และเป็นครั้งแรกที่หลวงพ่อนำกล่าวเช่นนั้นอย่างเป็นทางการ

ตอนที่เกิดปรากฏการณ์อัศจรรย์นั้น ทุกคนในลานมหาธรรมกายเจดีย์ ลุกขึ้นยืนดูด้วยความอัศจรรย์ใจ และหลวงพี่ยังเดินออกจากที่นั่งบนธรรมกายเจดีย์มาดูด้วยความอัศจรรย์ใจเช่นเดียวกัน บางคนตะโกนว่า "หลวงพ่อวัดปากน้ำมาโปรดแล้ว" เราอธิษฐานว่า "ขอให้ได้สร้างบารมีกับหลวงพ่อวัดปากน้ำและหลวงพ่อธัมมชโย ตราบถึงที่สุดแห่งธรรม"

หลวงพ่อธัมมชโยให้พวกเรากล่าวว่า "ทุ่มชีวี สร้างมหาธรรมกายเจดีย์" 3 ครั้ง ทุกคนกล่าวด้วยความปีติใจ เพราะรู้สึกว่า การสร้างบารมีอันยากยิ่งของเราในช่วงนี้ เทวดา พรหม อรูปพรหม รวมไปถึงพระนิพพาน แม้กระทั่งหลวงพ่อวัดปากน้ำ ท่านดูแลเราอยู่ เรามีความรู้สึกว่า เราอยากจะบอกข่าวบุญนี้แก่คนที่เรารู้จักทุกคน เพราะมีพยาน รวมทั้งเหตุการณ์อัศจรรย์นี้บ่งชี้ว่า การสร้างเจดีย์นี้ เป็นการสร้างมหาบารมีที่ยิ่งใหญ่ สุดประมาณ และ รับรู้แล้วว่า บุญจากการสร้างเจดีย์นี้มีมากมายมหาศาลสุดจะคณานับได้ จนกระทั่งบังเกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น แม้แต่หลวงพ่อธัมมชโย ยังกล่าวตอนที่เกิดเหตุอัศจรรย์ว่า "ลูกๆ ทุกคนดูไว้นะจ้ะ เหตุการณ์อัศจรรย์ได้เกิดขึ้นอีกแล้ว" หลวงพ่อคงจะปลื้มปีติมาก และ เราเองก็มีความปลื้มปีติที่ได้ฟันฝ่าการสร้างเจดีย์นี้เรื่อยมาด้วยความยากลำบาก โดยเฉพาะการสร้างพระแกนกลาง เราปลื้มจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

พอกลับมาถึงบ้าน เรากลัวว่าจะลืมเหตุการณ์ที่น่าประทับใจนี้ เราจึงรีบเขียนจดเล่าเหตุการณ์และความรู้สึกไว้อ่าน ทบทวนเตือนความทรงจำเราเอง และ จะได้เล่าให้ผู้อื่นฟังด้วย ขณะที่เขียน เราก็เขียนด้วยน้ำตานองหน้าด้วยความปีติอย่างไม่สามารถบรรยายได้ จากนี้ไปเราจะขอสร้างมหาธรรมกายเจดีย์นี้ให้สำเร็จเร็วที่สุด ทันปี 2543 ซึ่งวันมาฆะ 2543 หลวงพ่อจะให้เป็นวันฉลองเจดีย์ และให้ลูกๆ รับเป็นประธานรองฉลองเจดีย์ด้วย
7 กันยายน 2541 เวลา 02.20 น.



#56291 ขอเชิญเพื่อนสมาชิกชาวบอร์ด DMC ทุกท่าน ได้ร่วมอนุโมทนากับมหากฐินทานต่อคณะศิษย...

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 16 October 2006 - 12:51 PM ใน กระทู้ที่น่าสนใจ

อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ...สาธุ สาธุ สาธุ

แต่อยากให้ทางวัดปากน้ำทำที่จอดรถให้มากกว่า 1 ชั้นจังเลย ไปทีไรไม่ค่อยมีที่จอดรถ ทำเป็นอาคารที่จอดรถได้ไหมครับ เอาซัก 5-6 ชั้นไปเลย



#37918 มีอคติและไม่ชอบหลวงพ่อธัมมชโย หรือคุณครูไม่ใหญ่

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 08 August 2006 - 04:18 PM ใน เว็บบอร์ด DMC

QUOTE
คิดว่าเดี๋ยวหลวงพ่อคงจะยกที่ดินให้กับกรมการพุทธศาสนา เรื่องก็คงจบ เพราะหลวงพ่อท่านคงไม่ยึดติดกับ วัตถุนอกกายอยู่แล้วท่านสละทุกอย่างแล้ว แต่ทุกอย่างก็ผิดคาด ตอนนั้นผมก็ยังเข้าข้างหลวงพ่ออยู่ดี คิดว่าต้องมีอะไรสักอย่างแน่ ที่เราไม่รู้

ตามหลักข้อกฎหมาย ถ้ายกที่ให้กับกรมการศาสนา การจะเข้าไปพัฒนาพื้นที่แห่งนั้น ต้องได้รับการอนุมัติจากทางกรมการศาสนาก่อน จึงจะทำได้ ซึ่งขั้นตอนนี้จะทำให้ล่าช้า เพราะถ้ากรมการศาสนาไม่อนุมัติ ทางวัดก็เข้าไปพัฒนาที่ดินผืนนั้นไม่ได้ งานเผยแผ่ธรรมะก็จะชะงักได้ครับ

แต่ถ้าถือครองเป็นกรรมสิทธิ์ในลักษณะส่วนตัว ก็สามารถบริหารจัดการเรื่องที่ดินได้ทันที เรียกว่า มีความคล่องตัวในการทำงานเผยแผ่อย่างเต็มที่ และ นอกไปจากนี้ ที่ดินบางผืนก็ไม่เหมาะที่จะนำมาพัฒนาเช่นเป็นที่ดินที่ ไม่มีเส้นทางสัญจร ห่างไกลจากชุมชน เป็นต้น ถ้าเป็นของส่วนตัว ทางวัดสามารถนำมาขาย แล้วนำเงินทีได้จากการขายไปพัฒนาพื้นที่ผืนอื่นซึ่งเหมาะสมกว่าได้ไงครับ
QUOTE
สมเด็จพระสังขราช ท่านเทศว่าหลวงพ่อธัมมชโย ไม่ไช่พระเนื่องจากยักยอกเงินและที่ดินของโยมเป็นของๆตัว

อันนี้เป็นกรณีเรื่องพระลิขิตของพระสังฆราช สำหรับคนทั่วไปที่ตามแต่สื่อ ไม่ได้เข้าไปเช็คข้อมูลเบื้องลึก จะเข้าใจว่า เป็นพระลิขิตของพระองค์ แต่ถ้าได้อ่านข้อมูลในเบื้องลึกแล้ว พระลิขิตอันนี้มีพิรุธหลายอย่าง ผมไม่อยากจะมาโพสในที่สาธารณะแห่งนี้ครับ บอกใบ้ว่า เกี่ยวกับ ห้องกระจก ถ้าอยากรู้ว่า ห้องกระจก คือ ห้องอะไร ลองไปสืบหาข้อมูลจากหนังสือในช่วงนั้นดูนะครับ มีนักวิชาการทางศาสนาหลายท่านได้ให้ความเห็นไว้เหมือนกัน แต่ไม่ได้รับการเผยแผ่ในวงกว้างนัก จะรู้กันเฉพาะผู้ที่ต้องการตามข่าวในทุกด้านเท่านั้น ถ้าอ่านจากหนังสือพิมพ์ ดูจากข่าวทีวี อย่างเดียว จะไม่รับทราบข้อมูลเหล่านี้เลย



#50394 เชิญร่วมบุญถวายรองเท้าแด่พระภิกษุสามเณรกับพี่โน้ส อุดม แต้พาณิช ครับ

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 26 September 2006 - 08:25 AM ใน ข่าวประชาสัมพันธ์

ขยายความให้ละกันนะครับ บางคนคงไม่ได้เปิดไฟล์แนบ ก็เลย งงๆ

พิธีถวายรองเท้า 1,200 คู่ แด่พระภิกษุ สามเณรเป็นสังฆทานเนื่องในวันออกพรรษา
ถวายที่หอฉันคุณยายอาจารย์ วันเสาร์ที่ 30 กันยายน เวลา 12.00 น.
ขอแก้ไขเป็นวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม เวลา 12.00 น. ครับ
ดูรายละเอียดที่ลิงค์ http://www.tawandham...ge/misc/U02.jpg

อานิสงส์การถวายรองเท้าของพระอรหันต์สมัยพุทธกาล
ดูรายละเอียดที่ลิงค์ http://www.tawandham...ge/misc/U03.jpg



#50450 เชิญร่วมบุญถวายรองเท้าแด่พระภิกษุสามเณรกับพี่โน้ส อุดม แต้พาณิช ครับ

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 26 September 2006 - 12:09 PM ใน ข่าวประชาสัมพันธ์

QUOTE
ขยายความให้ละกันนะครับ บางคนคงไม่ได้เปิดไฟล์แนบ ก็เลย งงๆ

พิธีถวายรองเท้า 1,200 คู่ แด่พระภิกษุ สามเณรเป็นสังฆทานเนื่องในวันออกพรรษา
ถวายที่หอฉันคุณยายอาจารย์ วันเสาร์ที่ 30 กันยายน เวลา 12.00 น.
ดูรายละเอียดที่ลิงค์ http://www.tawandham...ge/misc/U02.jpg

อานิสงส์การถวายรองเท้าของพระอรหันต์สมัยพุทธกาล
ดูรายละเอียดที่ลิงค์ http://www.tawandham...ge/misc/U03.jpg

ขออภัยอย่างแรงครับ พิมพ์วันผิดครับ วันที่ถูกต้องคือ
ถวายที่หอฉันคุณยายอาจารย์ วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม เวลา 12.00 น.



#56589 ถึงผู้ใช้เว็บบอร์ดทุกท่าน...เว็บบอร์ด DMC มีไว้เพื่ออะไร

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 17 October 2006 - 10:14 AM ใน กระทู้ที่น่าสนใจ

QUOTE
ตอนนี้...ผมเป็นโรคกลัวโพลครับ แต่รวมๆ ก็คือ แชร์บทธรรมในส่วนที่ผมได้มีโอกาสศึกษาครับ ไม่ได้เพื่อเอาชนะคะคานอะไรหรอกครับ สั้นๆ นะครับ

เอ่อ...จุดประสงค์ที่ตั้งกระทู้นี้ ไม่ได้ต้องการชี้นำให้เวปบอร์ดเป็นอย่างไร หรือ ต้องการเอาที่จะเอาชนะคะคานใครทั้งนั้นนะครับ

แต่ผมอยากจะทราบความเห็นโดยรวมของสมาชิกที่ใช้เวปบอร์ด เพื่อที่จะได้ปรับรูปแบบการโพสตัวเอง เพื่อให้เป็นทิศทางที่เหมาะสมกับภาพโดยรวมของเวปบอร์ดมากยิ่งขึ้น

เวปบอร์ดจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับทัศนะคติของผู้ที่ใช้บอร์ดแห่งนั้น ดังนั้น การที่ถามคำถามแบบนี้ เพื่อที่จะได้รู้ว่าทิศทางโดยรวม และ ทัศนะคติโดยรวมของเวปบอร์ด ณ ปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร ผมจะได้ทำการพิจารณาตนเองมากยิ่งขึ้นครับ



#56567 ถึงผู้ใช้เว็บบอร์ดทุกท่าน...เว็บบอร์ด DMC มีไว้เพื่ออะไร

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 17 October 2006 - 09:35 AM ใน กระทู้ที่น่าสนใจ

อยากทราบความเห็นว่า
1) เว็บบอร์ด DMC จุดประสงค์ มีไว้เพื่ออะไร
2) จุดประสงค์ที่เข้ามาใช้เว็บบอร์ดคืออะไร
3) สมาชิกคาดหวัง ที่จะได้อะไรจากการใช้เว็บบอร์ดนี้
4) เว็บบอร์ดแห่งนี้มีผลต่อแนวคิด แรงบันดาลใจให้ท่านคิดจะขวนขวาย ศึกษาธรรมะด้วยตนเองมากขึ้นหรือไม่ อย่างไร


ประมาณว่า ที่สอบถามเพราะเห็นการเปลี่ยนแปลงของเว็บบอร์ดแห่งนี้ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา
ตอนแรกที่เข้ามาใหม่ๆ มีการพูดคุยธรรมะกันค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องธรรมจากพระไตรปิฎก หลักธรรมต่างๆ และ ธรรมะภาคปฏิบัติ มีการพูดคุยปรับทุกข์บ้างประปราย แต่เวลาโพสตอบก็ยังอิงหลักธรรมะ

แต่มาระยะ 2-3 เดือนหลังนี้ ปริมาณการสนทนาธรรมลดน้อยลง แต่กระทู้ส่วนใหญ่เหมือนกับการพูดคุยธรรมดา สอบถามสารทุกข์สุขดิบกันมากขึ้น แซวกันบ้างในบางครั้ง ในทางกลับกันการพูดคุยหรือตอบปัญหาในเชิงธรรมะลดน้อยลง

ถ้ามีกระทู้ธรรมะใหม่ๆ ก็มีการแสดงความเห็นกันน้อย หรือไม่ก็แสดงความเห็นแบบไม่มีส่วนร่วม เช่น "รอท่านอื่นมาตอบ" แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ค่อยมีใครมาตอบ ทำให้กระทู้ธรรมะที่ตั้งขึ้นไม่เกิดประโยชน์เต็มที่อย่างที่ควรจะเป็น ซึ่งเมื่อเทียบกับกระทู้พูดคุยกันในเรื่องทั่วๆ ไป การโพสตอบค่อนข้างสูง และ กลายเป็นกระทู้ติดดาวไปโดยปริยาย

ด้วยเหตุนี้เลยอยากทราบความเห็นจากทุกท่านจากคำถามข้างต้น เพื่อที่จะได้เห็นทิศทาง ความเป็นไปของเว็บบอร์ดแห่งนี้ในอนาคตและจะได้ทำการปรับตัวไปตามสภาพการณ์ที่ควรจะเป็น

ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับทุกคำตอบครับ



#34589 พระกับสตรี

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 19 July 2006 - 10:37 AM ใน กระทู้ที่น่าสนใจ

QUOTE
QUOTE
การขาดผ้าครองเป็นต้น

ช่วยขยายความหน่อยค่ะ

สำหรับที่มาของพระวินัยเรื่องการขาดครองข้อนี้ เกิดขึ้นจากพระฉัพพัคคีย์ทำผ้าจีวรหาย แล้วชาวบ้านติเตียนว่า สิ่งของแค่นี้พระภิกษุยังดูแลไม่ได้ พระพุทธองค์เลยบัญญัติสิกขาบทข้อนี้ขึ้น

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ผ้าไตรจีวรประกอบด้วย จีวร สบง สังฆาฏิ และผ้าไตรจีวรของพระมี ๒ ประเภท คือ
๑. ผ้าครอง พระภิกษุ ๑ รูปจะมีผ้าครองเพียง ๑ ชุด
๒. ผ้าอาศัย พระภิกษุ ๑ รูปมีได้มากกว่า ๑ ชุด

พระวินัย บัญญิติให้พระภิกษุต้องรักษาไตรจีวรครองให้อยู่ในช่วง ๑ หัตถบาทในระหว่างเวลาที่อรุณขึ้น มิฉะนั้น ปรับเป็นอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์

แปลเป็นภาษาชาวบ้านให้เข้าใจง่ายๆ คือ ช่วงที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นจากขอบฟ้า ผ้าไตรจีวรครองทั้งสำรับจะต้องอยู่กับพระภิกษุผู้เป็นเจ้าของในระยะ ๑ ช่วงแขนเอื้อมถึง ถ้าพ้นจาก ๑ ช่วงแขนเอื้อมถึงในช่วงพระอาทิตย์กำลังจะขึ้นซึ่งกินระยะเวลาประมาณ ๑๐-๑๕ นาทีแม้ชั่วพริบตาเดียว พระภิกษุนั้นต้องอาบัตินิสสัคคิยปาจิตตีย์ เรื่อง การขาดครอง

การขาดครองนั้น ไม่มีกรณียกเว้น แม้ภิกษุจะนำผ้าครองไปซักในช่วงกลางคืนก็ตาม ก่อนช่วงอรุณขึ้นก็ต้องนำไตรครองทั้งสำรับมาเก็บไว้กับตัว แต่ถ้าผ้าครองไม่แห้ง ก็ต้องไปยืนเฝ้าผ้าครองที่ลานตากผ้าในช่วงเวลาอรุณขึ้น จนกระทั่งเลยช่วงระยะเวลาอรุณขึ้น คือ ประมาณ ๑๕ นาทีไปแล้ว จึงจะสามารถผละ ละจากผ้าครองที่ตากอยู่ไปทำกิจอย่างอื่นได้ แล้วค่อยย้อนมาเก็บผ้าเมื่อผ้าแห้งแล้วในภายหลังได้ครับ

จุดประสงค์ของพระวินัยข้อนี้ก็เพื่อให้ภิกษุมีความรับผิดชอบต่อสิ่งของของตนครับ



#33975 พระกับสตรี

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 16 July 2006 - 08:45 PM ใน กระทู้ที่น่าสนใจ

QUOTE
"ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า ! ในพรหมจรรย์นี้มีสุภาพสตรีเป็นอันมากเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่ในฐานะต่างๆ เป็นมารดาบ้าง เป็นพี่หญิงน้องหญิงบ้าง เป็นเครือญาติบ้างและเป็นผู้เลื่อมใสในพระรัตนตรัยบ้างภิกษุจะพึงปฏิบัติต่อสตรีอย่างไร?"

"อานนท์ ! การที่ภิกษุจะไม่ดูไม่แลสตรีเพศเสียเลยนั้นเป็นการดี"
"ถ้าจำเป็นต้องดูต้องเห็นเล่าพระเจ้าข้า" พระอานนท์ทูลซัก
"ถ้าจำเป็นต้องดูต้องเห็น ก็อย่าพูดด้วย อย่าสนทนาด้วยนั้นเป็นการดี" พระศาสดาตรัสตอบ
"ถ้าจำเป็นต้องสนทนาด้วยเล่าพระเจ้าข้า จะปฏิบัติอย่างไร"
"ถ้าจำเป็นต้องสนทนาด้วยก็จงมีสติไว้ ควบคุมสติให้ดี สำรวมอินทรีย์วาจาให้เรียบร้อย อย่าให้ความกำหนัดยินดี หรือความหลงไหลครอบงำจิตใจได้ อานนท์ ! เราล่าวว่าสตรีที่บุรุษเอาใจเข้าไปเกาะเกี่ยวนั้น เป็นมลทินของพรหมจรรย์"
"แล้วสตรีที่บุรุษมิได้เอาใจเข้าไปเกี่ยวเกาะเล่าพระเจ้าข้า จะเป็นมลทินของพรหมจรรย์หรือไม่ ?"
"ไม่เป็นซิอานนท์ ! เธอระลึกได้อยู่หรือ เราเคยพูดไว้ว่าอารมณ์อันวิจิตร สิ่งสวยงามในโลกนี้มิใช่กาม แต่ความกำหนัดที่เกิดขึ้น เพราะการดำริต่างหากเล่าเป็นกามของคนเมื่อกระชากความพอใจออกเสียได้แล้ว สิ่งวิจิตรสวยงามก็อยู่อย่างเก้อๆ ทำพิษอะไรมิได้อีกต่อไป"

อันนี้เป็นการถามของพระอานนท์ว่า ภิกษุควรปฏิบัตืตัวอย่างไรกับสตรีเพศ ในช่วงก่อนพุทธปรินิพพานครับ

ข้อมูลเพิ่มเติมที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.dmc.tv/fo...?showtopic=5449



#34063 พระกับสตรี

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 17 July 2006 - 09:52 AM ใน กระทู้ที่น่าสนใจ

QUOTE
สรุปว่า พระวินัยในแต่ละสิกขาบท จะผิดหรือถูก จะต้องอาบัติหรือไม่ ให้ดูที่ "เจตนา" เป็นสำคัญ เพราะ "เจตนานี้เป็นตัวกรรม" ครับ

ถูกต้องนะครับ ยืนยันด้วย พุทธดำรัสที่ว่า
QUOTE
"แล้วสตรีที่บุรุษมิได้เอาใจเข้าไปเกี่ยวเกาะเล่าพระเจ้าข้า จะเป็นมลทินของพรหมจรรย์หรือไม่ ?"
"ไม่เป็นซิอานนท์ ! เธอระลึกได้อยู่หรือ เราเคยพูดไว้ว่าอารมณ์อันวิจิตร สิ่งสวยงามในโลกนี้มิใช่กาม แต่ความกำหนัดที่เกิดขึ้น เพราะการดำริต่างหากเล่าเป็นกามของคนเมื่อกระชากความพอใจออกเสียได้แล้ว สิ่งวิจิตรสวยงามก็อยู่อย่างเก้อๆ ทำพิษอะไรมิได้อีกต่อไป"

อนุโมทนาบุญกับคุณขุนศึกฯ ด้วยนะครับ ถ้าคุณขุนศึกฯ ได้บวชเมื่อไหร่ ต้องเป็นพระอาจารย์ที่ดีแน่ๆ เลยครับ...สาธุ สาธุ สาธุ



#34465 พระกับสตรี

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 18 July 2006 - 07:59 PM ใน กระทู้ที่น่าสนใจ

การปลงอาบัติของพระขึ้นอยู่กับว่าท่านไป ติดอาบัติข้อไหน หมวดไหนครับ

1) ปาราชิก - เป็นอาบัติแรงสุด เรียกว่า ปลงอาบัติกันไม่ได้และต้องลาสิกขาสถานเดียวครับ แล้วก็หมดสิทธิบวชตลอดชีวิตครับ เรียกว่า อาบัติหัวขาด ก็น่าจะได้
2) สังฆาทิเสส - เป็นอาบัติแรงรองลงมาจากปาราชิกครับ ต้องไป อยู่ปริวาสเพื่อประจานตัวเองแก่หมู่สงฆ์ อาบัติถึงจะหลุดได้ครับ
3) นิสสัคคิยปาจิตตีย์ - เป็นอาบัติที่เกี่ยวกับสิ่งของ ต้องทำการสละสิ่งของชิ้นนั้นก่อน ถึงจะปลงอาบัติหลุดครับ ถ้าไม่สละของก็ปลงไม่หลุด เช่น การขาดผ้าครองเป็นต้น
4) กลุ่มอาบัติที่เหลือทั้งหมดนอกเหนือจาก 3 หัวข้อ เช่น ปาจิตตีย์ ฯลฯ - อาบัติกลุ่มที่เหลือนี้ ทำการปลงอาบัติก็หลุดแล้วครับ เพราะถือว่าเป็นอาบัติที่ไม่ร้ายแรง



#34901 ความภูมิใจของมัคคุเทศก์

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 20 July 2006 - 09:43 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

สาธุครับ



#50062 ทำยังไงถึงจะลืมคนรักที่ทิ้งเราไปได้ ขอคำแนะนำหน่อยค่า

โพสต์เมื่อ โดย MiraclE...DrEaM บน 25 September 2006 - 08:10 AM ใน เว็บบอร์ด DMC

ลองไปฟังเพลงที่คุณ เจิน เจิน ร้องนะครับ เปิดในโรงเรียนอนุบาลบ่อยๆ น่ะครับ ที่ร้องว่า
"ดั่งของ ที่ขอยืมมา ในไม่ช้า ต้องคืนเขาไป
ไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากคลายความผูกพัน"
คำตอบอยู่ในเพลงนั้นนะครับ