โดยใช้หลักเกณฑ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ได้ตรัสไว้ใน ‘โสภณสูตร’ เป็นเครื่องชี้วัดครับ
ว่าด้วยบุคคลผู้ทำหมู่ให้งาม
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้
ผู้เฉียบแหลม ได้รับคำแนะนำดี แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ทรงธรรม
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ย่อมทำให้หมู่งาม
บุคคล ๔ จำพวกไหนบ้าง คือ
ในธรรมวินัยนี้
(๑) ภิกษุ ผู้เฉียบแหลม ได้รับคำแนะนำดี แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ทรงธรรม
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ย่อมทำหมู่ให้งาม
(๒) ภิกษุณี ผู้เฉียบแหลม ได้รับคำแนะนำดี แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ทรงธรรม
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ย่อมทำหมู่ให้งาม
(๓) อุบาสก ผู้เฉียบแหลม ได้รับคำแนะนำดี แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ทรงธรรม
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ย่อมทำหมู่ให้งาม
(๔) อุบาสิกา ผู้เฉียบแหลม ได้รับคำแนะนำดี แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ทรงธรรม
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ย่อมทำหมู่ให้งาม
ภิกษุทั้งหลาย บุคคล ๔ จำพวกนี้แล
ผู้เฉียบแหลม ได้รับคำแนะนำดี แกล้วกล้า เป็นพหูสูต ทรงธรรม
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ย่อมทำหมู่ให้งาม
บุคคลผู้เฉียบแหลม แกล้วกล้า
เป็นพหูสูต ทรงธรรม
และปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม
เรียกว่าผู้ทำหมู่ให้งาม
ภิกษุผู้สมบูรณ์ด้วยศีล ภิกษุณีผู้เป็นพหูสูต
อุบาสกผู้มีศรัทธา และอุบาสิกาผู้มีศรัทธา
ชนเหล่านี้ย่อมทำหมู่ให้งาม ชนเหล่านี้แลชื่อว่า ‘สังฆโสภณ’
อ้างอิงจาก-พระไตรปิฎก (มจร.แปล) เล่มที่ ๒๑ ข้อที่ ๗ หน้าที่ ๑๒.
ผมว่าหมู่คณะวัดพระธรรมกายเรานี่ไม่เบาทีเดียวนะครับ
เพราะพุทธบริษัทที่นี่ จะเป็นพระภิกษุก็ดี (เว้นภิกษุณี-ไม่มี)
อุบาสก อุบาสิกาก็ดี มีความเป็นผู้เฉียบแหลม(ฉลาด มีปัญญา)
ได้รับคำแนะนำมาดี(จากครูบาอาจารย์) มีความแกล้วกล้า(ในการเผยแผ่และบอกบุญ)
เป็นพหูสูต(ฟังมาก เรียนมาดี) ทรงไว้ซึ่งพระสัทธรรม(ทรงจำพระธรรมไว้ได้แม่นยำ)
การปฏิบัติธรรมก็เป็นที่สมควรแก่ธรรมนั้นๆ(ให้ความสำคัญกับการปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง)
หมู่คณะนี้ จึงแลดูแล้วมี ‘ความงดงามยิ่งนัก’
สมควรแท้ที่จะได้รับการขนานนามว่า ‘สังฆโสภณ’ ครับผม