ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

ถามเรื่องการบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 13 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 nemo

nemo
  • Members
  • 77 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 May 2006 - 11:26 AM

ระยะการบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เคยทราบมามีแบบ 20,60,80อสงไขยบวกกับอีกแสนกัป จึงจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ในระยะเวลาที่พระโพธิสัตว์สร้างบารมี ก็แน่นอนว่า บางทีก็เผลอทำผิดพลาดไปบ้าง ก็ไปอบายมาเหมือนกัน ทำให้ผมสงสัยว่า ถ้าบุคคลหนึ่ง ต้องการสั่งสมบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า แต่ก็สร้างบารมีแบบสบาย ๆ ไม่ได้เข้มข้นอะไร แต่ใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 20 อสงไขยกับแสนกัป แล้วเขาจะได้เป็นพระพุทธเจ้าหรือครับ

#2 ~ รั ก บุ ญ ~

~ รั ก บุ ญ ~
  • Members
  • 98 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:Thailand
  • Interests:^-^ กรุณา เผื่อแผ่ เหลียวแลเอื้อ ^-^<br />^-^หวังช่วยเหลือ เพื่อนยาก ลำบากขันธ์^-^<br />^-^เห็นเพื่อนทุกข์ ทุกข์ด้วย เข้าช่วยพลัน^-^<br />^-^ให้เพื่อนนั้น พ้นทุกข์ ได้สุขใจ ฯ^-^

โพสต์เมื่อ 12 May 2006 - 12:20 PM

QUOTE
ระยะการบำเพ็ญบารมีเพื่อเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่เคยทราบมามีแบบ 20,60,80อสงไขยบวกกับอีกแสนกัป จึงจะเป็นพระพุทธเจ้าได้ ในระยะเวลาที่พระโพธิสัตว์สร้างบารมี ก็แน่นอนว่า บางทีก็เผลอทำผิดพลาดไปบ้าง ก็ไปอบายมาเหมือนกัน ทำให้ผมสงสัยว่า ถ้าบุคคลหนึ่ง ต้องการสั่งสมบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า แต่ก็สร้างบารมีแบบสบาย ๆ ไม่ได้เข้มข้นอะไร แต่ใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 20 อสงไขยกับแสนกัป แล้วเขาจะได้เป็นพระพุทธเจ้าหรือครับ

ตอบ อุปมาเหมือนเราเรียนหนังสืออยู่ จริงอยู่ เราอาจเรียนแบบสบายๆ ตั้งใจบ้าง ไม่ตั้งใจบ้าง ก็ได้ ไม่มีใครมาว่าเรา แต่ถ้าถึงเวลาสอบแต่ละวิชา ถ้าเราสอบไม่ผ่านวิชาเดียว เราก็ไม่สามารถที่จะจบการศึกษาได้ ส่วนใครที่สอบผ่านแล้ว เรียนจบแล้ว คะแนนที่ออกมาของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะเรียนจบ แต่ว่าจบแบบพอผ่านๆได้คะแนนน้อย บางคนอาจจะได้คะแนนมาก ก็ได้
ฉันใดก็ฉันนั้น การบำเพ็ญบารมีเป็นพระพุทธเจ้าก็เช่นกัน เราอาจทำไปตามสบายก็ได้ไม่เข้มข้น แต่ ถ้าเราบำเพ็ญไม่ได้ตามเกณฑ์ ก็เป็นไม่ได้ เพราะว่า ก่อนที่จะได้รับพุทธพยากรณ์เป็นนิยตะโพธิสัตว์ พระพุทธเจ้าท่านก็ต้องดูก่อนว่า พระโพธิสัตว์องค์นี้ บำเพ็ญบารมีมาครบถ้วนหรือไม่ ถ้ายังไม่ครบท่านก็ยังไม่พยากรณ์ ส่วนพระโพธิสัตว์องค์ใดที่ครบแล้วเมื่อถึงเวลาพระองค์ก็พยากรณ์ให้ แต่เมื่อถึงเวลาที่จะตรัสรู้ก็เหมือนการเรียนจบ จำนวนผู้จะบรรลุธรรมตามพระองค์ อายุของพระองค์ ความยาวนานของศาสนาของพุทธ ฯลฯ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละองค์ ก็ขึ้นอยู่กับบารมีที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาในอดีตชาติ _/|\_ สาธุ
*******************************************

#3 xlmen

xlmen
  • Members
  • 978 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 May 2006 - 02:22 PM

การบำเพ็ญบารมีก็เหมือนการเติมน้ำใส่ตุ่มให้เต็มครับ

ส่วนการสร้างบาปอกุศลหรือการประมาทมัวเมาหลงในเบญจกามคุณ 5 เช่น หลงในทรัพย์ หลงในทิพยสมบัติ
รวมความคือ หลงในรูป รส กลิ่น เสียง ผัสสะ และธรรมารมณ์ที่น่าใคร่ หลงในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข
หลงในการกิน กาม เกียรติ กล่าวคือ ความหลงสร้างบ้านสร้างเมืองคือ กิเลส ตัณหา ให้เจริญเมื่อใด
เมื่อนั้นย่อมได้ชื่อว่า ตักน้ำออกจากตุ่มครับ

บางคนน้ำเต็มเร็ว และไม่ตักน้ำออกจากตุ่ม
บางคนน้ำเต็มเร็ว แต่ก็ตักออกเร็วเหมือนกัน
บางคนน้ำเต็มช้าหยดทีละหยด แต่ไม่ตักน้ำออกเลย ก็ยังมีโอกาสเต็มตุ่มได้เร็วกว่าคนชอบตักน้ำออกจากตุ่มเร็วครับ
บางคนน้ำเต็มช้า และก็ตักน้ำออกเร็วกว่าตักเข้า พวกนี้ไปอบายสบายเลยไม่มีวันได้รับพุทธพยากรณ์ครับ
หยุดเหมือนรถเบรค นิ่งเหมือนน้ำในโอ่งที่ปราศจากลม แน่นเหมือนหลักที่ปักลงในเลน
ไม่สั่นคลอน ใสเหมือนน้ำที่ปราศจากตะกอน

#4 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 12 May 2006 - 10:34 PM

QUOTE
สร้างบารมีแบบสบาย ๆ ไม่ได้เข้มข้นอะไร แต่ใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 20 อสงไขยกับแสนกัป

ถ้าสร้างบารมีแบบสบายๆ แค่นี้ก็สอบตกแล้วครับ ไม่มีทางได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณ เพราะการสร้างบารมีมันไม่ได้หมูนะครับ แล้วยิ่งถ้าจะต้องการบรรลุพระโพธิญาณ ต้องบำเพ็ญทั้ง 30 ทัศให้เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ สละทั้งทรัพย์ อวัยวะ ชีวิต บุตร ธิดา ภรรยา นี่คือเส้นทางที่พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ต้องผ่านไปให้ได้ เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะบรรลุพระโพธิญาณ ถ้ายังไม่สามารถทำได้ระดับนี้ สร้างบารมีไป 100 อสงไขยก็ไม่ได้บรรลุพระโพธิญาณหรอกครับ เพราะมันผิดตั้งแต่วิธีการแล้ว เมื่อวิธีการผิด จะให้ผลลัพธ์ออกมาเหมือนกัน มันก็เป็นไปไม่ได้ครับ เหมือนจะไปหาความหวานจากเกลือ หาความมืดจากดวงอาทิตย์ มันหาไม่ได้หรอกครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#5 niwat

niwat
  • Members
  • 1420 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 12 May 2006 - 11:00 PM

QUOTE
ที่เคยทราบมามีแบบ 20,60,80อสงไขยบวกกับอีกแสนกัป


เลข 60 ควรเปลี่ยนเป็น 40 ครับ

1. อุคฆฎิตัญญูโพธิสัตว์ บำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระปัญญาธิกพุทธเจ้า ใช้ระยะเวลา 20 อสงไขยแสนกัป
2. วิปจิตัญญูโพธิสัตว์ บำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระสัทธาธิกพุทธเจ้า ใช้ระยะเวลา 40 อสงไขยแสนกัป
3. ไนยโพธิสัตว์ บำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระวิริยาธิกพุทธเจ้า ใช้ระยะเวลา 80 อสงไขยแสนกัป

อนุโมทนาบุญครับ :)

#6 พักผ่อน

พักผ่อน
  • Members
  • 422 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 13 May 2006 - 03:54 AM

ที่เปลี่ยนใจกลางทางมีเยอะมากครับ

#7 SmilingCat

SmilingCat
  • Members
  • 1209 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 May 2006 - 10:51 AM

บำเพ็ญบารมีแบบสบาย ๆ จะเหมือนที่คุณ XLmen ตอบคือภูมิต้านทานโรคไม่ดีพอ
แล้วไปอยู่ในที่ ๆ มีโรคระบาดด้วย( มารทั้ง ๕ ฝูง ) คุณจะเผลอทำความชั่วและไปอบาย
ก่อน สุดท้ายเมื่อพลัดหลงจากหมู่คณะไปแล้ว ก็จะไปเสียเวลาอยู่ในวัฏฏะ เช่นวงจรคู่เวร
คู่กรรม และบางทีไปเกิดในเวลาที่ไม่มีพุทธศาสนา นานมากระหว่างนี้จะไม่มีเวลาสร้าง
บารมีเพิ่มเลย บุญเก่าก็ใช้ออกไปเรื่อย ๆ นับแล้วเผลอ ๆ ๒๐ อสงไขยไม่ได้อะไร
หยุดคือตัวสำเร็จ

#8 Locked merit

Locked merit
  • Members
  • 58 โพสต์
  • Gender:Male

โพสต์เมื่อ 13 May 2006 - 11:54 AM

ทุกคน หรือทุกรุป ตอบได้ดีมากครับ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทัตตะท่านว่า การสร้างบารมีต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพันนะครับ มีบารมี อุปบารมี (บริจาคเลือดเนื้อ ร่างกาย) ปรมัตบารมี ซึ่งต้องใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน พระบรมโพธิสัตว์ของเราท่านบริจาคชีวิตเลือดเนื้อดวงตามานับชาติไม่ถ้วน ศรีษะที่ท่านได้บริจาคมากกว่าผลมะพร้าวในชมพูทวีป (ประมาณนั้นนะครับ จำไม่แม่น) ดวงตาที่ท่านควักออกมาเป็นทานมากมายมหาศาล น้ำตาที่สัตว์ทั้งหลายหลั่งมากก็มากกว่ามหาสมุทรทั้ง 4 กว่าบารมีจะเต็มไม่ง่ายครับ หลวงพ่อธัมมะท่านบอกว่าการสร้างบารมีไม่ได้ง่ายเหมือนการกินก๋วยเตี๋ยว เพราะฉะนั้นเรามาตั้งใจสร้างบารมีกันดีกว่านะครับ

เผลอพลาด ไปทำผิดพลาด ลงอบายหล่ะแย่เลยครับ ตั้งใจสร้างบารมีกันดีกว่าครับ

#9 ปุฉฉา13

ปุฉฉา13
  • Members
  • 104 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 May 2006 - 08:50 PM

...คนที่เกิดมารวยมาก ปัญญามาก สภาพแวดล้อมดีมาก
ฐานะในสังคมก็ดี แต่ไปนับถือ ศาสนาอื่น เพราะเหตุใดครับ
เป็นไปได้ไหมท่านเหล่านี้สร้างบารมีมามากแต่กลับเปลี่ยนใจกลางทะเล


#10 MiraclE...DrEaM

MiraclE...DrEaM
  • Members
  • 1368 โพสต์

โพสต์เมื่อ 13 May 2006 - 09:33 PM

QUOTE
...คนที่เกิดมารวยมาก ปัญญามาก สภาพแวดล้อมดีมาก
ฐานะในสังคมก็ดี แต่ไปนับถือ ศาสนาอื่น เพราะเหตุใดครับ

เพราะทำบุญมามาก แต่ไม่ได้อธิษฐานล้อมกรอบให้ดีว่า เกิดมาพบใดชาติใดขอให้ได้เกิดในร่มเงาพระพุทธศาสนาครับ ทำให้พลัดไปเกิดในศาสนาอื่น แต่บุญเก่าที่ทำในพระพุทธศาสนาทำให้เค้าสมบูรณ์ในทุกๆ ด้าน แต่น่าสงสารครับ เพราะถ้าไม่เจอพระพุทธศาสนาเสียแล้ว รวยก็รวยเปล่า ฉลาดก็ฉลาดเปล่า ทุกสิ่งทีได้มาเป็นสูญเปล่าเพราะใช้แต่บุญเก่า แต่ไม่ได้สร้างบุญใหม่ในเนื้อนาบุญเพื่อเป็นการเอาบุญต่อบุญ สมบัติต่อสมบัติ

ภพชาติต่อไป ทุกสิ่งก็จะค่อยๆ เสื่อมลงในทุกๆ ด้านจนกว่าบุญเก่าๆ ที่เคยสร้างไว้ในพระพุทธศาสนาได้ช่อง ดึงดูดให้ไปเกิดเจอและนับถือพระพุทธศาสนาและได้สร้างบุญในเนื้อนาบุญของพระพุทธศาสนา ชีวิตจึงจะค่อยๆ ดีขึ้นอีกครั้ง ซึ่งชีวิตชาวโลกโดยทั่วไปมักเป็นเช่นที่ว่าแหละครับ เหมือนกราฟพุ่งขึ้นสูงแล้วก็ค่อยๆ ลง พอลงไปถึงจุดๆ หนึ่ง ก็ค่อยๆ พุ่งขึ้นมาใหม่ แต่ถ้าอธิษฐานล้อมกรอบให้ได้เกิดในพระพุทธศาสนาตลอดไป ชีวิตของบุคคลผู้นั้น ก็จะพุ่งขึ้นแต่เพียงฝ่ายเดียวจนบรรลุพระนิพพานอันเกษมไงครับ
สิ่งอัศจรรย์ ปรากฏ บนผืนหล้า
มหาวิหาร จรัสฟ้า ค่ายิ่งใหญ่
รูปทอง ผ่องผุด ดุจยองใย
สะท้อนถึง ห้วงดวงใจ สุดบูชา

*********************

รักษ์ร่างพอสร่างร้าย ..... รอดตน
ยอดเยี่ยม "ธรรมกาย" ผล ..... ผ่องแผ้ว

เลอเลิศล่วงกุศล ..... ใดอื่น
เชิญท่านถือเอาแก้ว ..... ก่องหล้าเรืองสกล


คำสอนของเดชพระคุณหลวงพ่อ
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย

#11 CEO

CEO
  • Members
  • 577 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:พระพุทธศาสนา วิชชาธรรมกาย

โพสต์เมื่อ 15 May 2006 - 10:19 AM

QUOTE
อุคฆฎิตัญญูโพธิสัตว์
วิปจิตัญญูโพธิสัตว์
ไนยโพธิสัตว์

ช่วยอธิบายให้กระจ่างหน่อยครับ

สร้างบารมีทุกวินาที
แม้ชีวิตนี้ก็ให้ได้

#12 หัดฝัน

หัดฝัน
  • Members
  • 4531 โพสต์
  • Gender:Male
  • Interests:ธรรมะ

โพสต์เมื่อ 15 May 2006 - 10:26 AM

1. ข้อ 1 หมายถึง พระโพธิสัตว์ ผู้มีกรุณาเบื้องต้น เน้นบรรลุโดยเร็ว จึงบำเพ็ญบารมี 20 อสงไขย แล้วก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าน่ะครับ

2. ข้อ 2 หมายถึง พระโพธิสัตว์ ผู้มีกรุณาปานกลาง ก็จะบรรลุธรรมช้ากว่าแบบแรก จึงบำเพ็ญบารมี 40 อสงไขย แล้วก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าน่ะครับ

3. ข้อ 3 หมายถึง พระโพธิสัตว์ ผู้มีกรุณามาก ก็จะบรรลุธรรมช้ากว่าทั้งสองแบบข้างต้น จึงบำเพ็ญบารมี 80 อสงไขย แล้วก็ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าน่ะครับ

ซึ่งครูไม่ใหญ่เคยบอกว่า พระศรีอารียเมตไตย ก็เป็นแบบที่ 3 นี้ พระองค์ตั้งใจว่า เมื่อพระองค์ลงมาเกิด และตรัสรู้ธรรม จะให้เหลือศาสนาเพียงแค่ ศาสนาเดียวเท่านั้น ทีเดียวแหละครับ


ได้ดี เพราะมีกัลยาณมิตร

#13 ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

    "ความเพียรเครื่องเผากิเลสพึงกระทำเสียแต่วันนี้"

  • Members
  • 2171 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:ราชอาณาจักรสยามประเทศ
  • Interests:ADVANCE MEDITATION

โพสต์เมื่อ 16 May 2006 - 10:19 PM

QUOTE
ทำให้ผมสงสัยว่า ถ้าบุคคลหนึ่ง ต้องการสั่งสมบารมีเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า แต่ก็สร้างบารมีแบบสบายๆ ไม่ได้เข้มข้นอะไร แต่ใช้ระยะเวลาอย่างน้อย 20 อสงไขยกับแสนกัป แล้วเขาจะได้เป็นพระพุทธเจ้าหรือเปล่าครับ?

ให้ลองนึกตามนะครับ คนที่จะเป็นผู้นำคนได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้นำในการพาเหล่าสรรพสัตว์ข้ามฝั่งแห่งวัฏสงสารนั้น ถามว่า ท่านจะต้องบำเพ็ญบารมีมากกว่า หรือน้อยกว่าผู้ที่บำเพ็ญบารมีโดยตั้งความปรารถนาเพียงแค่สาวกภูมิครับ?

"ปญฺญา นรานํ รตนํ ปัญญาเป็นรัตนะของนรชน"
พระพุทธภาษิต


ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง ของแท้ แต่ไม่ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด ไม่จริง ไม่แท้ ไม่ประกอบไปด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตไม่ตรัสวาจานั้น

ตถาคตรู้วาจาใด แม้เป็นของจริง เป็นของแท้ และไม่ประกอบด้วยประโยชน์
แต่วาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ แม้วาจานั้นตถาคตก็ไม่ตรัส

อนึ่ง ตถาคตรู้วาจาใด เป็นของจริง เป็นของแท้ ประกอบด้วยประโยชน์
ทั้งวาจานั้นเป็นที่รัก เป็นที่เจริญใจของคนอื่นๆ ตถาคตย่อมรู้กาลอันควรที่จะใช้วาจานั้น
พระอมตะวจนา แห่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า


[/color]
"...พระพุทธศาสนา บริบูรณ์ด้วยสัจธรรมที่เป็นสาระ และเป็นประโยชน์ในทุกระดับ
แต่จะต้องศึกษาให้มีความรู้ความเข้าใจ และปฏิบัติให้เหมาะสมแก่ภาวะปัจจุบัน
ด้วยศรัทธาและปัญญาที่ถูกต้อง จึงจะเกิดเป็นประโยชน์ขึ้นได้..."

พระบรมราโชวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
๑๗ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๑๒



"รู้ใดก็ไม่ประเสริฐ เท่ารู้แจ้งด้วยปัญญาธรรมอันเกิดมีในตน"

"อัศวินปฏิญาณตนเป็นคนกล้า
ดวงใจเปี่ยมคุณธรรม
ซื่อตรงยึดมั่นในวาจาสัตย์
อุทิศชีวิตพิชิตมาร"

[color="#990000"]ไชยานุภาพ ปราบหงสาวดี

#14 glouy.

glouy.
  • Members
  • 605 โพสต์

โพสต์เมื่อ 22 June 2006 - 11:10 PM

อนุโมทนาบุญด้วยนะครับ



ลูกพระธรรม