ไปที่เนื้อหา


รูปภาพ
- - - - -

พระพุทธองค์ที่เป็นประวัติศาสตร์ ( The Historical Buddha )


  • คุณไม่สามารถตั้งกระทู้ใหม่ได้
  • กรุณาลงชื่อเข้าใช้เพื่อตอบกระทู้
มี 4 โพสต์ตอบกลับกระทู้นี้

#1 Dd2683

Dd2683
  • Members
  • 2477 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:กรุงเทพ มหานคร
  • Interests:ความรู้ในพระพุทธศาสนา-วิชชาธรรมกาย<br />ผลแห่งการปฏิบัติธรรม

โพสต์เมื่อ 13 April 2006 - 03:19 AM

คัดลอกมาบางส่วนมาจาก


คอลัมน์ บังอบายเบิกฟ้า โดย ธรรมเกียรติ กันอริ
นสพ.ไทยโพสต์ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓

“พระพุทธองค์ที่เป็นประวัติศาสตร์” ( The Historical Buddha )


เขียนโดย ดร.เอช.ดับบลิว.ชูมันน์ (H.W.Schumann) เป็นภาษาเยอรมันที่แปลเป็นอังกฤษในปี 1989
ในที่นี้จะขอยกเอาตอนสั้นๆ เพื่อเปรียบเทียบความเข้าใจของผู้เขียนที่
เป็นคนตะวันตกกับความเข้าใจของเราต่อพระบาลีฉบับเดียวกัน
และเปรียบ เทียบสาระของคำสอนที่ผู้เขียนเน้นเพื่อผู้อ่านชาวตะวันตกเห็นความเป็นระบบ และความเป็นรูปธรรมวิชาการของพุทธศาสนาที่แปลกต่างไปจากศาสนาอื่นๆ
ซึ่งคิดว่าการแปลในที่นี้เจ้าของลิขสิทธิ์คงไม่ว่ากระไร
เห็นเขียนห้ามไว้แต่เฉพาะการกระทำเพื่อการค้าหรือธุรกิจเท่านั้น

ชูมันน์เขียนไว้ตอนหนึ่งว่า
พระพุทธเจ้าไม่เคยคิดสร้าง อุดมการณ์หรือทฤษฎีอะไรจากความคิดฝันหรือจากจินตนาการของพระองค์เอง
ดังที่สุนัคขัตต์เข้าใจ แต่พระองค์เป็นผู้เสนอความจริงตามที่เป็นจริง
พระองค์คือผู้เปิดเผยกฎของธรรมชาติที่ค้นพบแล้ว เช่นเรื่องกฎแห่งกรรม และการเกิดใหม่
ซึ่งเป็นไปตามกรรมอันเป็นกฎที่มีแต่เดิมอยู่แล้ว


พระองค์เอามาอธิบายใหม่ อย่างเป็นรูปธรรมของเหตุก่อเกิดผลซึ่งทุกคนสามารถจะหลุดพ้น
จากกฎแห่งธรรมชาตินี้ได้ก็ด้วยมรรคมีองค์แปด
พระพุทธเจ้าบอกว่า คนทุกคนจะเกิดใหม่เป็นไปตามกฎแห่งกรรมโดยไม่ยกเว้น รวมทั้งคนที่ ไม่เชื่อในเรื่องนี้
ี้
พระพุทธเจ้าไม่เคยแสดงความกังวลใจใดๆ แม้แต่น้อยต่อ ความรู้หรือการค้นพบความจริงใดๆ ที่มีมาก่อน
หรือว่าจะเป็นการค้นพบของใคร ตรงกันข้าม

พระองค์จะรับเอาความรู้ใดๆ ที่สามารถจะนำไปสู่ ความหลุดพ้นมาใช้อย่างตรงไปตรงมา เพราะความรู้ความจริงอันยัง ประโยชน์ต่อการหลุดพ้นได้จริง ย่อมไม่ใช่อยู่ที่ว่าจะสำคัญที่ใครเป็นคนพบ ก่อนหลังอย่างไร

พระองค์จะอธิบายความจริงเหล่านั้นโดยรวมกับการค้นพบ
ของพระองค์เองเสียใหม่ให้เข้าใจง่ายเป็นรูปธรรมเพียบพร้อมด้วยตรรกะทางโลกอย่างสมบูรณ์
ชนิดที่ไม่เคยมีผู้ใดสามารถทำได้เช่นนั้นมาก่อน
ทำให้ทุก คนต้องยอมรับว่า ความคิดและความรู้ของพระพุทธองค์เป็นสิ่งใหม่

ยกตัวอย่าง

ไม่มีใครสามารถจะอธิบายเรื่องของความเป็นอนัตตากับการเกิดใหม่ ได้อย่างหมดจดเช่นพระองค์
ไม่มีใครสามารถอธิบายเรื่องของทุกข์ที่ เป็นธรรมชาติของการเกิด
และการดำรงอยู่ของชีวิตได้อย่างสมบูรณ์รอบด้านที่ เปี่ยมด้วยตรรกะอย่างเลอเลิศได้เช่นพระองค์


ไม่มีใครอธิบายกฎของการเกิด วิวัฒนาการของสรรพสิ่งได้อย่างแจ่มแจ้งชัดเจนเช่นพระองค์
พุทธธรรมของ พระสมณโคตมะนั้นนับได้ว่าเป็นการสมานความรู้ความจริงที่ค้นพบมาก่อน ให้เข้ากับญาณทัสนะที่พระองค์รับรู้ใหม่จากภายในให้เป็นหนึ่งเดียวกันอย่างกลมกลืน

ที่แม้ว่าความรู้ความจริงที่อยู่เหนือการรับรู้ของประสาทสัมผัสจะล้ำลึก
และเร้นลับ แต่สามารถเข้าใจได้ด้วยปัญญาด้วยการปฏิบัติ

ชูมันน์สรุปว่า หลักการของคำสอนอาจแสดงตรรกะที่สามารถ พิสูจน์เป็นรูปธรรม ดังนี้
- การดำรงอยู่ของสรรพสิ่งในทุกรูปแบบเป็นทุกข์ ชีวิตทุกชีวิต เมื่อเป็นชีวิต ล้วนเป็นไปด้วยปรากฏการณ์ที่เรียกว่าความทุกข์ความขัดแย้งทั้งสิ้น

- ความเจ็บปวด ความไม่เที่ยงไม่แน่นอน ความสูญเสียพลัดพรากจากกัน และความไม่ได้ในสิ่งที่ปรารถนาอยากได้

- ชีวิตที่ยังไม่บรรลุความหลุดพ้น ย่อมต้องมีการเกิดใหม่ ทุกข์ไม่ได้สิ้นสุดลงไปด้วยความตายแต่จะ ต่อเนื่องเป็นการเกิดใหม่ ในรูปของการดำรงอยู่ใหม่


- การเกิดใหม่ถูกควบคุมโดยกฎธรรมชาติ ของการกระทำที่มี เหตุปัจจัยทางจริยธรรม
การทำกรรมที่ดี โดยเฉพาะที่เป็นเจตนา (สังขาร) ที่ดีจะยังการเกิดใหม่ในสภาพที่ดีกว่า
กรรมเจตนาที่ไม่ดีจะเกิดใหม่ในสภาพ ที่เลวกว่าเดิม กรรมดีคือกุศลกรรม กรรมไม่ดีเป็นอกุศลกรรม

- สรรพสิ่งเป็นอนิจจังเป็นอนัตตา เมื่อไร้ซึ่งอัตตาก็ไม่มีซึ่ง “วิญญาณ” ที่ไม่สิ้นสุด
วิญญาณย่อมสิ้นสุดพร้อมกับร่างกาย การเกิดใหม่
ไม่ใช่เป็นการสืบเนื่องโดยตรงของวิญญาณเดิม (metempsychoan) แต่เป็น กระบวนการเปลี่ยนแปลงผ่านลำดับของเหตุปัจจัยที่กระทำต่อกันและกัน


- พลังหรือแรงผลักดันวัฏจักรของการเกิดใหม่ให้ดำเนินไปได้มี สองประการ คือ
ความอยาก ความปรารถนา (ตัณหา) กับความไม่รู้ (อวิชชา)
ซึ่งแต่ละประการของทั้งสองสามารถกำจัดได้ด้วยการปฏิบัติธรรม
ซึ่งจะนำไปสู่การ “รู้” ด้วยปัญญา และด้วยการควบคุมตนเอง


- การปลดเปลื้องพันธะสู่การหลุดพ้นจึงเป็นการหยุดยั้งไม่ให้
วัฏจักรของการเวียนว่ายตายเกิดสามารถดำรงต่อไปได้ นั่นคือการยุติของตัว
ตนของนามรูปโดยสิ้นเชิง (empirical personality) ซึ่งก็คือนิพพาน

ความเป็นจริงทางโลภแห่งประสาทสัมผัสเป็นเพียงการ แสดงออก หรือมายาของความจริงแท้
ในพระบาลีนั้นคำสอนของพระ พุทธองค์จะเน้นไปที่กรรมกับการเกิดใหม่
เน้นทุกข์และการหลุดพ้นจากทุกข์ ดังเช่นประเด็นหลักสำคัญๆ ที่ยกมาข้างต้น อันเปรียบเสมือนกุญแจที่จะปลด เปลื้องให้มนุษย์สามารถหลุดพ้นจากทุกข์สู่ความเป็นอิสระได้

การค้นพบของ พระพุทธองค์คือ ความเชื่อมั่นอย่างจริงใจที่ทำให้ผู้ที่ปฏิบัติตามแนวทางของ
พระพุทธเจ้าทุกคนเชื่ออย่างมั่นใจตามไปด้วยว่า
ผู้ใดก็ตามที่ปรารถนาความ หลุดพ้นสามารถที่จะหลุดพ้นได้จริง
และอย่าได้เข้าใจไขว้เขวต่อคำสอนว่าเป็นไปในแง่ลบ
แม้ว่าพระองค์จะบอกว่าการดำรงอยู่ของชีวิตเป็นทุกข์ แต่นั่นไม่ใช่เป็นลบหรือเป็นบวก
แต่เป็นข้อเท็จจริง


แท้จริงแล้วคำสอนของ พระพุทธเจ้าไม่มีตรงไหนที่เป็นการมองโลกในด้านลบแม้แต่น้อย
ตรงกันข้าม สาวกหรือผู้ปฏิบัติพุทธธรรมอย่างแท้จริงทุกคนเห็นมีแต่ความอิ่มเอิบปีติกันโดยถ้วนทั่ว
ประหนึ่งว่าผู้ปฏิบัติพุทธธรรมคือผู้ป่วยที่แพทย์ได้วินิจฉัยและอธิบาย
ความเป็นมาของโรคให้รู้อย่างแจ่มแจ้ง
และบอกด้วยว่าโรคสามารถรักษาให้ หายขาดได้โดยตัวของตัวเองและด้วยเส้นทางภายใน
โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัดใหญ่ หรืออาศัยผู้อื่นผู้ใดจากภายนอก

………………………………………..

*** ดร.เอช.ดับบลิว.ชูมันน์ (H.W.Schumann)
เป็นนักวิชาการผู้ค้นคว้าพุทธปรัชญาและพระบาลีมาตลอด ชีวิตอย่างลึกซึ้ง
ทั้งที่อินเดีย ที่ศรีลังกา และที่ประเทศพม่า
รวมทั้งเป็น อาจารย์สอนพุทธศาสนาของมหาวิทยาลัยฮินดูที่กรุงพาราณสีที่อินเดีย
และมหาวิทยาลัยที่กรุงบอนน์

ไฟล์แนบ

  • แนบไฟล์  61_L.jpg   201.38K   90 ดาวน์โหลด


#2 laity

laity
  • Members
  • 214 โพสต์

โพสต์เมื่อ 18 April 2006 - 04:09 PM

สาธุครับ
อย่าให้อุปสรรคใด ๆ มาขัดขวางในชีวิตการสร้างบารมี และ
อย่าให้ความตั้งใจที่ดี เปลี่ยนแปลงไป กับกาลเวลา
เพราะเราไม่รู้ว่า่วันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราอาจจะอยู่หรือตาย
สิ่งที่เอาไปได้มีแต่บุญกับบาปเท่านั้น ฉนั้น เราต้องอยู่กับวันนี้
วันที่เราบอกตัวเองว่า วันนี้เป็นวันที่ดีที่สุด ในวันหนึ่งของชีวิตการสร้างบารมีของเรา

โอไดบะ
โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

#3 crystalkids

crystalkids
  • Members
  • 110 โพสต์
  • Location:1341 ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนงเหนือ กรุงเทพฯ 10110

โพสต์เมื่อ 19 April 2006 - 09:34 PM

สาธุ สาธุ สาธุ ครับผม
ให้เธอเพียรทำใจนิ่งสงบ
ไม่คาดหวังได้พบอะไรใหม่
เป็นใจเพียงไม่อยากได้ต่อสิ่งใด
ก็จะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ


#4 นักท่องเที่ยว

นักท่องเที่ยว
  • Members
  • 2378 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:รู้สึกว่าจะไม่ค่อยได้อยู่กะที่อ่ะ มาดูอารายกานอ่ะ
  • Interests:มาสร้างบารมีตามติดหมู่คณะดีกว่า

โพสต์เมื่อ 21 September 2006 - 10:39 PM

เป็นเรื่องที่ดีมากเลยครับ
กายธรรมควรเทิดไว้ ในใจ
เป็นสรณะภายใน เทียงแท้
กว่านี้ บ่ มีใด เทียบได้
น้อบนบท่านไว้แล ค่ำเช้าสุขเสมอ


เอาบุญมาฝากจ้า นั่งสมาธิเยี่ยมไปเลย แถมไปติดจานมาอีกด้วย เด็กชาวเขานี้น่ารักนะแม้คุยไม่รู้เรื่องก็ตามล่ะ สนุกดี

#5 ปัจเจกชน บนทางสายกลาง

ปัจเจกชน บนทางสายกลาง
  • Members
  • 4109 โพสต์
  • Gender:Male
  • Location:จ. สงขลา

โพสต์เมื่อ 20 March 2007 - 08:01 AM

กราบอนุโมทนาบุญครับ สาธุ